"จริงๆ งานแบบนี้ตื่นเต้น และสนุกมากนะ โดยเฉพาะกับเคสที่ลูกค้าให้มาแต่รูปถ่ายสามี ที่เป็นภาพเมื่อ 3-4 ปีที่แล้ว คือมันลุ้น เวลาเราไปตามหาเป้าหมาย ซึ่งเป็นบุคคลที่เราไม่เคยเห็นหน้า ต้องสังเกตรูปพรรณ สัณฐาน ลักษณะเฉพาะบุคคลนั้นๆให้ได้ จากรูปถ่ายเก่าๆ ซึ่งบางครั้งข้อมูลที่ลูกค้าให้มาก็ไม่ตรงกับความเป็นจริงซักทีเดียว เราก็ต้องพยายามตามสืบจนหาเป้าหมายและการดำเนินชีวิตของเขาให้ได้ ต้องสังเกตหมด ทั้งรูปหน้า ใบหน้า ทรงผม บุคคลิก การแต่งตัว ยิ่งชาวต่างชาตินี่ยากเลย เพราะหน้าตาคล้ายๆ กันไปหมด แต่เราต้องสืบหาให้ได้ และเราก็จะลุ้นระทึกไปตลอด คนนั้นใช่มั้ย คนนี้ใช่มั้ย "
เห็นการตามสืบอย่างเข้มข้น เอาจริงเอาจังขนาดนี้ หลายคนคงอยากทราบว่า ค่าใช้จ่ายในการ สืบชู้ ล่ากิ๊ก นี้ ค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ พี่กุ้งบอกว่า ถ้าให้ตามสืบ ในระยะเวลา 7 วัน สนนราคาอยู่ที่ 3-4 หมื่นบาท หรือเฉลี่ยวันละ 5,000 บาท อันนี้เป็นกรณีการสืบติดตามพฤติกรรมแบบธรรมดาทั่วไป ไม่ได้หวือหวามาก แต่ ถ้าเป็นการสืบแบบที่ซับซ้อนมาก เนื่องจากเป้าหมายเป็นพวกที่ไม่ธรรมดา มีชื่อเสียง มีอิทธิพล มีคนคุ้มกัน เข้าถึงตัวได้ยาก ต้องมีการเตรียมการมาอย่างดี ใช้กำลังคนมาก ก็จะตกอยู่ที่ ราคา 3-4 หมื่นบาท ต่อวัน คือสาเหตุที่ต้องราคาสูงขนาดนี้ในการตามสืบ ก็เพราะอาชีพนี้เป็นอาชีพที่เสี่ยงมากๆ ไม่ค่อยมีคนทำกัน ทุกอย่างต้องเป็นไปด้วยความแยบยล ต้องไม่ทำให้ใครสงสัย จับได้ ไม่งั้นทุกอย่างจบ
"เราไม่ทำตัวว่ารู้มาก ให้ข้อมูลมาแค่ไหน ก็แค่นั้น บางคนที่ให้สืบสามี หรือภรรยา เขาไม่ได้มาคุยด้วยตัวเองตรงๆ ใช้ให้คนอื่นมาคุยแทนก่อน ซึ่งเขาอาจอายด้วยชื่อเสียง หน้าตาทางสังคม แต่พอต้องติดต่อกันมากขึ้น เขาก็กล้าที่จะเปิดเผยตัวตน จรรยาบรรณของเราก็ไม่นำความลับของลูกค้าไปเปิดเผยอยู่แล้ว และไม่คิดจะไปละลาบละล้วงเรื่องอะไรของเขาด้วย การทำอาชีพนักสืบ ไม่เพียงแต่จะสืบสิ่งที่เขาอยากรู้เพียงเท่านั้นนะ หลายๆครั้งเรายังต้องเป็นที่ปรึกษา คอยแก้ไขปัญหา เป็นศิราณีให้เขาอีกด้วย(หัวเราะ) บางคนก็โทรมาหา ปรึกษาเหมือนเป็นการระบายความอัดอั้นในปัญหาชีวิตให้เราฟังมากกว่า บางครั้งไม่ได้พูดอะไรเลยด้วยซ้ำ"
"สืบทุกเรื่องที่คุณอยากรู้" สโลกแกนที่ พี่อำนวยพรตั้งไว้ เธอบอกว่า การสืบหากิ๊ก ไล่ล่าชู้นั้น เป็นการคลายเรื่องค้างคา ความสงสงสัยของคนที่อยากรู้ในสิ่งที่ไม่รู้ เรื่องที่หาทางออก หรือลงมือด้วยตัวเองในการล่าหาความจริงไม่ได้ เขาจึงไว้วางใจนักสืบ ซึ่งก็มีหลายคนถามว่า การทำแบบนี้ จะทำให้คู่รัก ครอบครัวเขาแตกแยกหรือเปล่า แต่เมื่อตนมาเทียบกับกระแสตอบรับที่มีคนมาใช้บริการแล้วประสบความสำเร็จ ก็รู้ว่า การทำแบบนี้แท้จริงแล้วเป็นการช่วยเหลือคนมากกว่า ซึ่งการที่ตนตั้งสำนักงานตามสืบพวกชู้ พวกกิ๊ก เมียน้อยทั้งหลายแหล่แทนที่จะลดลง แต่เปล่าเลย พบว่า ปัจจุบันคนนอกใจคู่ของตนเองกลับเพิ่มมากขึ้นในปริมาณมาก
"ไม่ รู้ว่า เป็นเพราะโลกมันจะวิบัติ โลกจะแตกหรือเปล่านะ คน 2 คนคุยกันไม่รู้เรื่อง ความซื่อสัตย์ต่อคนรักก็ลดน้อยลง บางครั้งคู่รักที่มีปัญหากันมันก็มาจากหลายๆ สาเหตุ เราไม่รู้ว่า เขามีปัญหาอะไรกัน อีกอย่างการออกไปทำงานนอกบ้าน ได้พบปะผู้คน เจอสังคมใหม่ๆ ความใกล้ชิด สนิทสนม ก็อาจทำให้จิตใจของคนเปลี่ยนแปลง พลั้งเผลอไปได้ บางคู่ไม่เข้าใจกัน ก็ไปหาคนอื่นที่คุยแล้วเข้าใจกันมากกว่า หาเพื่อนคุยแก้เหงา มันก็พัฒนาความสัมพันธ์ไปในเชิงชู้สาวตามมา ทั้งที่มีครอบครัวอยู่แล้ว "
มากน้อยเพียงใดที่ว่า ผู้ชายไทยเจ้าชู้ที่สุด
พี่กุ้งระบุว่า จริงๆแล้ว ทุกคนก็มีความเจ้าชู้กันหมด กระจายไปทั่วโลกอยู่ที่ว่าใครจะแสดงออกมากน้อยแค่ไหน ไม่เฉพาะแค่ผู้ชายไทย ชาติอื่นๆ ก็เจ้าชู้เหมือนกันหมด ผู้หญิงก็เจ้าชู้ บางคนมีสามีเป็นตัวเป็นตน ก็มาจ้างให้สืบว่า กิ๊ก มีคนอื่นหรือเปล่าด้วยซ้ำ เป็นสืบซ้อนสืบ ผู้ชายมีอายุบางคน ประมาณ 80 ปี ก็มาจ้างให้สืบว่า บรรดากิ๊ก คบชายอื่นไหม เกิดความหึงหวงกันขึ้นมา ขณะที่ ผุ้หญิงอายุมากๆ 60 ปีขึ้นไป ก็มาจ้างให้สืบสามีตัวเอง ไปซุกอีหนูไว้ที่ไหนบ้าง เนื่องจากหวงสมบัติ จะเห็นได้ว่า พอคนเริ่มมีอายุ เริ่มแก่ จุดประสงค์ในการจ้างให้สืบมันต่างกันไป ก็แล้วแต่ความคิด ความต้องการของแต่ละคน
"มาตรฐานจิตใจ มันต่ำลงนะ ไม่ว่าจะศีลธรรม จริยธรรม รวมถึงข้อกฎหมาย มันพูดยากเพราะปัญหาแต่ละคนไม่เหมือนกัน การที่เรานอกใจคู่ของตัวเอง มันก็โทษไม่ได้ทั้งหมดว่าใครผิด ใครถูก เราไม่ได้อยู่กับเขา เราไม่รู้ปัญหา บางครั้ง เราก็อาจลืมมองตัวเองว่าเป็นอย่างไร ทำไมเขาถึงไม่รักเรา เขาถึงเปลี่ยนไป หรือเราเปลี่ยนไปหาคนอื่น เพราะทุกคนก็มองอยู่ที่แค่ตัวเอง ปัญหามันเลยเกิดไม่หยุดไม่หย่อน"
เห็นเป็นผู้เชี่ยวชาญในการตามชู้ ปราบกิ๊ก เปิดโปงเมียน้อยแบบนี้แล้ว เมื่อถามถึงชีวิตคู่ของพี่อำนวยพรบ้าง ว่าเป็นอย่างไร เธอบอก "โสด" ไม่ได้แต่งงาน ไม่ได้คบใคร อาจเป็นด้วยว่า พอมีคนมาเล่า มาปรึกษา มาให้ตามสืบเรื่องนู้น เรื่องนี้ รู้ปัญหาของคนอื่นไปเสียทุกเรื่องว่าเป็นอย่างไร รู้มากไป มองคนได้ทะลุ ทำให้เธอเกิดความกลัวที่จะตกลงปลงใจฝากชีวิตไว้กับใครสักคนหนึ่ง
ปิดท้ายที่ว่า ทำงานแบบนี้ มีลูกค้ามาจีบบ้างไหม อำนวยพรรับว่า มีเยอะแยะ บางคนถึงกับบอกว่า ไม่ต้องสืบให้แล้ว เดี๋ยวเขาจะมาจีบเอง ซึ่งเธอก็ได้ปฏิเสธไปหลายราย ด้วยการทำงานตรงนี้ต้องระวังตัว และวางตัวดีเป็นพิเศษ เธอจะไม่ให้ความหวังใคร ไม่ได้ปิดโอกาสตัวเอง แต่ถ้าไม่ใช่ก็คือไม่ใช่
"อยู่แบบ นี้ไปดีที่สุด สบายใจกว่า ไม่ต้องมานั่งทุกข์ คิดมากกับใคร บางคนทำดีกับเรามากๆ ต่อหน้า แต่ลับหลังไม่ใช่ เหมือนใส่หน้ากากเข้าหากัน ชีวิตจริง มันไม่มีเจ้าหญิง ไม่มีเจ้าชายที่เพอร์เฟค เป็นไปตามที่เราวาดฝันไว้ว่าจะรักกันไปตลอดกาลนานได้หรอก เราต้องรักตัวเอง มองเห็นคุณค่าของตัวเองให้มากๆ และนั่น จะเป็นชีวิตที่มีความสุขที่สุด"
ด้วยเหตุฉะนี้ ท่าทางคงจะเป็นเรื่องจริงที่ นักสืบสาว อำนวยพร กล่าวกับเอเอฟพีว่า "คนที่สามารถเชื่อถือได้คือคนที่ตายแล้วเท่านั้น ถ้ายังมีชีวิต มีลมหายใจอยู่ อย่าได้ไปเชื่อพวกเขาเป็นอันขาด"
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1301987572&grpid=01&catid=&subcatid.
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1301987572&grpid=01&catid=&subcatid.