ผู้เขียน หัวข้อ: 'แววตามังกร' กับ 'ธรรมะ' บน 'โต๊ะพูล' ... จิ๊บ-ดุสิตา  (อ่าน 1754 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ มดเอ๊กซ

  • ทีมงานพัฒนาข้อมูล
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7167
  • พลังกัลยาณมิตร 1518
    • ดูรายละเอียด

 
 
ถ้าการประลองความแม่นยำบนโต๊ะสักหลาดแมตช์นี้เป็นภาพยนตร์ “คนดู” คงสนุก...!!!
   
   เพราะทันทีที่ จิ๊บ-ดุสิตา อนุชิตชาญชัย ได้รับคัดเลือกให้เป็นนักกีฬาพูลทีมชาติไทยมาหมาดๆ หลายคนสงสัยว่าเธอจะเล่นแม่นจริงไหม จิ๊บตอบรับคำเชื้อเชิญแทบจะทันที
   จากชื่อชั้นและดีกรี แฟนานุแฟนที่ได้ยินข่าวนี้ พูดทำนองให้สาวนักกีฬาพูลทีมชาติไทยต่อแต้มให้บ้าง
   
   หนักไปกว่านั้น บางคนแนะว่าให้จิ๊บแทงมือข้างไม่ถนัดแทง บางคนบอกให้จิ๊บหลับตา1ข้าง กระทั่งใช้อีกด้านหนึ่งของหัวไม้คิว ที่ภาษาชาวบ้านเรียกว่า “สากกะเบือ” แทงเพื่อเป็นการต่อ - ว่าไปนั่น...!!!
   
   แต่ด้วยความใจแข็งเราบอกแต้มเสมอเป็นไร..? จิ๊บ-ยิ้มหวานแทนคำตอบ หลังจากนั้นเกมก็เริ่มขึ้น เกมจบลงรวดเร็วจนจำสกอร์ไม่ได้ รู้แต่ว่า “จิ๊บ” ชนะไปแบบ “จิ๊บๆ” 2-0 เกมส์
   
   ผลแพ้-ชนะไม่สำคัญเท่ากับ การที่เราได้เห็นแววตาที่ไม่ต่างอะไรไปจากรอยสักที่ด้านหลังเธอ เป็นแววตามุ่งมั่นเหมือนมังกรทุกครั้งที่ก้มแทงลูกขาวสู่เป้าหมาย
   
   นอกจากความแม่นยำ มันยังสะท้อนว่ากีฬาชนิดนี้จิ๊บเป็นอีกหนึ่ง “ของจริง” ไทยรัฐออนไลน์มีโอกาสไปบุกไปพูดคุยกับมังกรสาวนักกีฬาพูลทีมชาติไทยที่สวยและเซ็กซี่ที่สุดในประเทศ
              

   หลุมที่ 1 - ตกหลุมรัก
   
   ว่ากันตามหน้าเสื่อ ในวงการนี้เธอเป็นมาหลายอย่าง ตั้งแต่ดารานักแสดง นักร้อง นางแบบโฆษณา นางแบบนู้ดที่มีรอยสักมังกร 2 ตัวพาดอยู่กลางหลังขาวเปลือยเปล่าจากสิ่งพันธนาการใดๆ แต่ทั้งหมดที่กล่าวมาล้วนอยู่ในศาสตร์ที่ใกล้เคียงกัน แต่กลับไกลกับสิ่งที่จิ๊บกำลังมุ่งมั่นอยู่ ณ วันนี้
   
   จิ๊บเล่าจุดเริ่มที่ทำให้โคจรมาจ๊ะกับลูกกลมๆบนโต๊ะพูลว่า จากแค่เล่นเอาสนุกตามสถานที่เที่ยวที่เพื่อนๆ ชวนไปสังสรรค์ แม้จะไม่ชอบเที่ยวกลางคืน แต่ถ้าที่แห่งนั้นมีโต๊ะพูล จิ๊บก็ไม่เคยพลาด หลังจากนั้นก็พัฒนาฝีมือไปเรื่อยๆ กระทั่งมีคนรู้จักชวนไปแข่งพูลชิงแชมป์ประเทศไทย
   
   จากนั้นคนโน้น-นี้ก็ชวนไปแข่งที่โน่น นี่ นั่นมาเรื่อย จนมีโอกาสไปแข่งขันพูลชิงแชมป์โลกที่พัทยา และที่นี่เองทำให้ผู้ใหญ่ได้เห็น พร้อมกับให้โอกาสติดทีมชาติพูล
   
   “รู้ไหมเรารู้ข่าวนี้ที่ไหน จิ๊บเห็นในเฟซบุ๊กก็ดีใจมาก เพราะไม่คิดว่าจะติด แต่เมื่อผู้ใหญ่ให้โอกาส จิ๊บสัญญาว่าจะทำให้ดีที่สุด” ดาราสาวเซ็กซี่เล่าพร้อมออกตัวว่า ตัวจริงค่อนข้างเป็นคนพูดน้อย แสดงออกน้อย พร้อมกับยิ้มย้ำ ยืนยันว่าข่าวนี้เธอดีใจจริงๆ นะ
   
   “เสน่ห์ของพูล คือ แทงง่าย โอกาสแพ้ชนะขึ้นอยู่กับความแม่นประมาณหนึ่ง แต่ถ้าหากคุณไม่จบในไม้เดียวโอกาสที่คุณจะแพ้มันก็มีสิทธิ์ แต่ถ้าเทียบกัน จิ๊บชอบสนุ้กเกอร์มากกว่า เพราะสนุ้กต้องอาศัยความแม่นยำมาก คือ การเดินขาวต้องดี เป็นกีฬาที่ต้องใช้สมาธิมาก ยิ่งเล่นยิ่งมีสมาธิดี ที่สำคัญจิ๊บชอบเพราะมันเป็นกีฬาที่แข่งขันกับตัวเอง”
              

   หลุมที่ 2 - เมื่อชีวิตต้องกุ๊กกิ๊กกับโต๊ะพูล…!
   
   หลังจากติดทีมชาติไทย จิ๊บยอมรับว่าจากที่เคยเล่นสนุกๆ แต่วันนี้มันกลายเป็นสิ่งที่อยู่ในชีวิตประจำวันและต้องทำ ต้องซ้อมมันทุกวัน เดินแทงตั้งแต่ 10 โมงเช้าถึง 4 โมงเย็น แต่แปลกเพราะเธอไม่รู้สึกว่ามันเหน็ดเหนื่อย
   
   “ไม่เหนื่อยค่ะ เพราะมันเป็นสิ่งที่รัก ช่วงนี้จิ๊บยังต้องฝึกแค่เรื่องแพทเทิร์น ฝึกออกคิวให้ตรง ฝึกแทงกระดูกงู ฝึกเหลี่ยมแทง แทงเหลี่ยมเช็ด ฝึกจั๊มลูก ฝึกไซด์ลูกไปเรื่อยๆ ตามสเต็ปแล้วแต่โค้ชกำหนด ก็ผ่านมาเป็นเดือนแล้วก็ยังไม่รู้สึกเบื่ออะไร มิหนำซ้ำยังรู้สึกว่าสนุกเพิ่มมากขึ้นทุกวันจากการเรียนรู้”
   
              

              

   หลุมที่ 3 - สถานะ "นักกีฬา" หรือว่า "ดารานักแสดง..?"
   
   หลายคนสงสัยว่า ณ ตอนนี้เราจะเรียกจิ๊บว่าเป็นนักกีฬาหรือว่าดารามากกว่ากัน...?  จิ๊บบอกว่าวันนี้เธออาจจะให้น้ำหนักทางสายกีฬามากกว่า แต่ก็ยังไม่ทิ้งวงการบันเทิงแน่นอน
   
   “จิ๊บหายไปจากวงการนี้มา 2 ปีแล้ว เด็กใหม่เข้ามาเยอะ ซึ่งทางด้านวงการบันเทิงอาจเบาลงไป แต่ถ้าอนาคตถ้ามีงานเข้ามาก็มีโอกาสรับได้ เพราะทางที่นี่เขาเข้าใจเพราะจิ๊บก็เป็นดารา ถ้ามีงานก็ติดต่อได้ ลาได้ จิ๊บกับวงการบันเทิงก็ไม่ได้ตัดขาด ยังคิดถึงงานบันเทิงตลอดเวลา” แววตาเธอสดใสทันทีที่พูดถึง
   
   “ไม่มีใครรู้ว่าก่อนจะเข้าวงการบันเทิงเราก็ชอบนะ แต่คิดว่าตัวเองทำไม่ได้ เราซุ่มซ่าม โก๊ะ ขี้อาย พูดเบา เป็นคนที่อารมณ์น้อย ไม่ค่อยแสดงออก กลับกันเราเป็นคนก็อปปี้คนเก่ง เรียนรู้ไว อย่างตอนนั้นจิ๊บเล่นละครเรื่องรักเดียวของเจนจิรา เล่นเป็นตัวร้ายคู่กับพี่ตุ๊ก-ญาณี ตอนนั้นเราก็ไม่รู้ว่าคนเสียใจจนกรี๊ด ทำไมต้องทำอย่างนั้น พอมีครูสอน เราก็อปปี้เก่งก็ทำตามครู หลังจากนั้นพอเริ่มทำเป็นอาชีพก็ดูหนังไทย-ฝรั่งเพื่อพัฒนาตัวเอง ตอนหลังเริ่มหลงรัก สนุกกับมัน”
   
   จิ๊บบอกว่า จะไม่สนุกอย่างเดียวคือการทำงานมันไม่เป็นเวลาเพราะบางทีก็ตื่นเช้ามาก(เน้นเสียง) บางวันก็กลับดึกมากๆ ช่วงแรกอาจเหนื่อยหน่อยเพราะเรายังไม่เป็น ก็เครียดกลัวจะเป็นภาระคนอื่นที่ต้องรอ เราเลยต้องฝึกให้พลาดน้อยที่สุดเพื่อที่จะไม่เป็นภาระต่อคนอื่น จนทำให้เราพัฒนามากขึ้น หลังๆ จึงไม่ค่อยมีปัญหามาก
              

   หลุมที่ 4  - คุณแม่ป่วย ธรรมมะ การเดินทางของจุดเปลี่ยน
   
   และแล้วชีวิตในวงการบันเทิงก็เดินมาถึงจุดเปลี่ยน ตรงที่คุณแม่จิ๊บ-ดุสิตาป่วยหนักมาก ทำให้ตนเครียด จนต้องเอาธรรมะเข้าจัดระเบียบชีวิตจิตใจ
   
   “นี่เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เราต้องพักงานบันเทิงไป เพื่อเข้าไปดูแลคุณแม่ เพราะคุณแม่ป่วยหนักมากเป็นหลายโรค (เน้นเสียง) จนติดเชื้อในกระแสเลือด ช่วงนั้นข่าวคนที่สูญเสียเยอะ เราเลยหาทางออกหลายอย่างมาก เช่น ดูดวง ซึ่งแต่ละที่ออกมาคล้ายๆ กันว่าไม่เกิน 3 เดือน ช่วงนั้นจิ๊บต้องอ่านหนังสือธรรมะตลอด เพื่อระงับความฟุ้งซ่าน ปรากฏว่าพออ่านไปแล้วเจอเรื่องที่ดีๆ ทำให้จิ๊บตัดสินใจ เริ่มถือศีล 5 วันธรรมดา ศีล 8 วันพระ อุทิศให้คุณแม่ ซึ่งท่านก็ดีขึ้น จึงให้ท่านหันมาทำด้วย”
   
   “แรกๆ คุณแม่ก็ยังไม่ค่อยทำ” จิ๊บบอกว่าคุณแม่ดื้อ ถ้าหากพูดถึงในเรื่องของธรรมะก็คือเจ้ากรรมนายเวรปิดหูปิดตาปิดท่านอยู่ ตอนนั้นอาการคุณแม่ก็เริ่มหนักมาก ทั้งอาเจียน ทั้งไม่มีเรี่ยวแรง เธอเลยไปเช่าผ้าไตรฯ ถวายวัด พร้อมกับถือศีล 5 แล้วก็ตักบาตรแทนคุณแม่มาตลอด เหมือนมีปาฏิหาริย์ คุณแม่เริ่มกินอาหาร อาการก็ดีขึ้นแบบผิดหูผิดตา
   
   “จิ๊บนึกถึงคำพูดที่ว่าไม่เชื่ออย่าลบหลู่แล้ว เรายังมานั่งไตร่ตรองแบบตัดความงมงายออก คือพอจิ๊บและคุณแม่ทำบุญมากๆ ทุกข์ที่มีอยู่ก็น้อยลง จิตใจเราก็ดีขึ้น การทำบุญก็เหมือนกับ “แกะดำ” กับ “แกะขาว” ในคอกหนึ่งทุกคนจะต้องมี “แกะดำ” กับ “แกะขาว” เป็นของส่วนตัว ซึ่ง “แกะขาว” คือ “ความดี” ส่วน “แกะดำ” คือ “ความชั่ว” ทุกๆ วินาทีแกะจะเดินออกจากคอกอยู่ตลอดเวลา ขึ้นอยู่กับว่าขาวหรือดำจะเดินออก ฉะนั้นถ้าอยากให้ชีวิตมีความสุขมาก บ่อยๆ เราก็ต้องขยันเอา “แกะขาว” เข้าไปใส่เยอะๆ เปอร์เซ็นต์ที่ “แกะดำ” จะเดินออกมันก็จะน้อยกว่า”
   
   เป็นหลักการง่ายๆ ที่ไม่งมงายจนสุดโต่งที่จิ๊บและคุณแม่ใช้ในการฝ่าพันอุปสรรคในช่วงเวลาที่ผ่านมา...!
              

   หลุมที่ 5 - ตัวตนนักกีฬาแววตามังกรเซ็กซี่ที่สุด..!
   
   กลับมาถึงเรื่องกีฬา เราถามเธอว่าตอนนี้จิ๊บเป็นนักกีฬาพูลทีมชาติไทยที่สวยและเซ็กซี่ที่สุดในโลกแบบที่คนอื่นคิดไหม..?
   
   จิ๊บหัวเราะน้อยๆ ตามสไตล์ และบอกว่า โดยนิสัยเธอเป็นคนเฉยๆ นิสัยเหมือนผู้ชาย ชอบเล่นดนตรี เรียนกีตาร์อายุ 11 ขวบ เข้าม.ปลาย ก็มาเรียนกลอง แต่พอมาทำวง (ซับใน) เขาอยากให้เล่นกีตาร์ เพราะมือกลองมีแล้ว กีฬาก็เล่นแนวผู้ชาย ชอบอ่านหนังสือการ์ตูน ดูหนังแอคชั่น ตอนเรียนมหาวิทยาลัย จิ๊บก็ทำงานและรับผิดชอบตัวเองเป็นหลัก ดังนั้นไม่ว่าจะตัดสินใจอะไร รวมถึง “การสัก” ส่วนใหญ่จิ๊บจะตัดสินใจเอง
   
   “ถามว่าทำไมต้องเป็นมังกร จริงๆ ลายในใจก็ไม่มี พอไปถึงร้าน (จิมมี่ หว่อง) เขาถามว่าเอาภาพอะไรก็เลยเอาปีเกิด ส่วนเดือนเกิด จิ๊บเกิด “เมถุน” คนคู่ ก็เลยเอามังกรสองตัว สักตัวแรกก่อน ภายหลังจึงมาเติมภาพมังกรตัวที่ 2 ลงไป แต่สักก็ไม่ใช่อยากจะโชว์ใคร จิ๊บสักเพราะมันตอบสนองความรู้สึกข้างในของตัวเองมากกว่า”
   
   จิ๊บย้ำว่า ถ้าย้อนเวลาได้จะกลับไปจะไม่เปลี่ยนแปลงอะไรเลย ทุกวันนี้จิ๊บก็ภูมิใจในตัวเองอยู่แล้ว อาจจะไม่ได้เพียบพร้อมทุกอย่าง แต่ในเรื่องของความคิด ความเป็นตัวตนเรามันชัดเจน เพราะคนเราถ้าไม่เสียใจหรือไม่เจออะไรผิดพลาด บางทีมันมองไม่เห็นตัวเอง มันก็จะไม่ได้เรียนรู้
   
   “จิ๊บเป็นคนที่เจ็บแล้วจำ เป็นคนที่แบบไม่อยากโดนใครว่า ฉะนั้นเราก็จะไม่ทำผิดแบบนั้นอีก ถ้ามีคนว่ามันต้องเป็นสิ่งไม่ดี เราก็มาคิดว่ามันไม่ดีตรงไหน เราทำอะไรผิด เราก็จะมานั่งมองดูตัวเองเราจะเริ่มรู้ แล้วธรรมะก็มีบอกให้เราย้อนดูตัวเอง รู้ตัว รู้จิต ถ้าเราเข้าใจเขาก็จะเป็นทุกข์น้อยลง”
              

   หลุมที่ 6 - “บวช” ความฝันอันสูงสุดของมังกรสาวไทย
   
   สุดท้ายหลังจาก การอยู่ในวงการกีฬา อยู่ในวงการบันเทิงแล้ว จิ๊บบอกว่า อนาคตคิดไปไกลว่าเมื่อสนใจธรรมะก็อยากจะโกนหัวบวชชีเลย แต่เนื่องจากตอนนี้เราต้องดูแลรับผิดชอบอะไรหลายอย่าง แต่ทว่าถ้าบั้นปลายชีวิตเราไม่ต้องรับผิดชอบอะไรแล้ว จิ๊บก็คิดนี้ อาจจะเป็นไปได้
   
   “สำหรับความฝันอันสูงสุดทางนักกีฬาเราตั้งความหวังไว้ว่า จะทำให้ดีที่สุด บางคนบอกว่าที่เราติดทีมชาติเพราะสมาคมนี้อยากเป็นแผนโปรโมท ก็แล้วแต่คนจะคิด แต่เราคิดว่ามีโอกาสได้เข้ามาแล้ว เราจะไม่ทำให้คนอื่นเสียความรู้สึก สิ่งสำคัญคือตัวเราเองอยากทำให้ดีที่สุด แต่ถามว่าจะได้เหรียญอะไรไหม พูดตรงๆ ว่ายาก ทีมชาติหลายๆ คนก็ยังไม่ได้กันเยอะ แต่ถ้าได้ก็คือความภาคภูมิใจมากๆ ซึ่งเราไม่หวังอะไรเลยมันก็คงไม่ใช่ สำคัญเลยเราต้องขยัน ถ้าเรารู้สึกว่าเราทำได้ดีที่สุดแล้ว ถึงมันจะแพ้เราก็ไม่ผิดหวัง แต่ถ้าทำได้ไม่ดีต่อให้ไม่ต้องไปแข่งรายการใหญ่เราก็จะรู้สึกแบบวันนี้แทงแย่จังเลย และเชื่อว่าความขยันเอาชนะพรสวรรค์ได้ ดังนั้น 6 เดือนที่เรามีจะต้องทำให้ดีที่สุด” ดาราสาวกล่าวสรุป
   
   
   
              

   ล้อมกรอบ
   
   1.นักสนุ๊กเกอร์ในดวงใจ "รอนนี่ โอ ซุลลิแวน" จิ๊บบอกว่าชื่นชอบฝีมือที่แทงได้ดุเดือดของเขา
   
   2 ฉายาในการแทงสนุ้กเกอร์ที่เพื่อนๆ เรียกเธอ คือ “จิ๊บแดงเดียว” เพราะตบแดงอย่างเดียวและไม่ตบสีเลย
   
   3.โอ มีนบุรี หรือช่างทำไม้คิวมือหนึ่งเดียวของไทย ทำไม้คิวให้จิ๊บเป็นพิเศษ เรียกว่ารุ่นยูนิเวิร์ส 16 จำปา โดยใช้ไม้มงคลที่มีความหมายทั้งหมด
   4. จิ๊บ-ดุสิตา มีแฟนแล้ว เป็นคนนอกวงการที่คบกันมาได้ไม่นาน แน่นอนว่าแฟนหนุ่มของจิ๊บไม่เพียงไม่ว่าอะไร แต่เขายังสนับสนุนให้จิ๊บเล่นกีฬาประเภทนี้ด้วย

http://www.thairath.co.th/content/life/179801

จิ๊บ ดุสิตา นักกีฬาพูลทีมชาติไทย
" มันเป็นสัจธรรมพื้นฐาน
ความเฉยชา คือ ผู้พิฆาต ความคิดดีนับร้อยพันและแผนการอันวิเศษ
ณ บัดหนึ่ง มีผู้มุ่งมั่นตั้งใจลงมือ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ย่อมอำนวยชัย

มิว่าสู ทำสิ่งใด หรือ ฝันจะทำอะไร ทำ ณ บัดนี้
ความทรนงองอาจ มีพรสวรรค์ พลังอำนาจ และ มหัศจรรย์แห่งตน "

เกอเธ่...