ผู้เขียน หัวข้อ: ๑๔๑ ปีแห่งชาตกาลมงคล ของ หลวงปู่มั่น ภูริทตโต  (อ่าน 1802 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ ฐิตา

  • ทีมงานดอกแก้วกลิ่นธรรม
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7459
  • พลังกัลยาณมิตร 2236
    • ดูรายละเอียด




๑๔๑ ปีแห่งชาตกาลมงคล ของ หลวงปู่มั่น ภูริทตโต
(หลวงปู่มั่น)

๑๔๑  ปีแห่งชาตกาลมงคล
ของ
หลวงปู่มั่น  ภูริทตฺโต
๒๐  มกราคม  ๒๔๑๓  -  ๑๑  พฤศจิกายน  ๒๔๙๒



ปลูกฝังพันธุ์โพธิ์

  ๏ ปลูก      เพาะพระพุทโธ  พุทธมรรค
  ฝัง    รากฝากหน่อจัก  ผลิพ้น
  พันธุ์      เชื้อสืบชาติสัก  ช่วงต่อ
  โพธิ์      ที่จิตพุทธผล    ตนรู้  รู้ใจได้ธรรมาพิสมัย ๚๛

 ณ  วันพฤหัสบดี  เดือนยี่  ปีมะแม  ที่บ้านคำบง  ตำบลสงยาง 
อำเภอศรีเมืองใหม่  จังหวัดอุบลราชธานี 
ในวันที่  ๒๐  มกราคมปีพุทธศก  ๒๔๑๓ 
ท่านหลวงปู่มั่น  ภูริทตฺโต  ได้ถือกำเนิดในตระกูลแก่นแก้ว

 “สัตว์เกิดในท้องมารดาทุกข์แสนทุกข์”
 “เกิดตาย  เกิดตาย  ชมแต่หนังของเก่า”
 “ให้ภาวนา  พุท-โธ , พุท-โธ  เด้อ”
 “การดูกิเลสและแสวงหาธรรม  อย่ามองข้ามใจ
    อันเป็นที่อยู่ของกิเลส  และเป็นที่สถิตอยู่แห่งธรรมะ
    กิเลสก็ดี  ธรรมะก็ดี  อยู่ที่ใจ  เกิดขึ้นที่ใจ  เจริญขึ้นที่ใจ
และดับลงที่ใจ  กิเลสแท้แก้ที่ใจ  ธรรมะแท้เกิดขึ้นแต่ใจก่อน
ส่วนเครื่องกดถ่วงหรือส่งเสริมธรรมะนั้นมีอยู่แต่ภายนอกเท่านั้นหล่ะ”

         “ แก้ให้ตกเน้อ
  แก้บ่ตก  คาพกเจ้าไว้
  แก้บ่ได้  แขวนคอต่องแต่ง
  แก้บ่พ้น  คาก้นย่างยาย
  คาย่างยาย  เวียนตายเวียนเกิด

  เวียนกำเนิด  ในภพทั้งสาม
  ภพทั้งสาม  คือเฮือนเจ้าอยู่ ”
          “ ได้สมบัติทั้งปวง  ไม่ประเสริฐเท่าได้ตน
       เพราะตนเป็นบ่อเกิดแห่งสมบัติทั้งปวง ”

  “ ธรรมะ  ธัมโม  เรียนมาจากธรรมชาติ
       ให้เห็นความเกิด  ความแปรปรวนของสังขารประกอบเข้าด้วย
        กับไตรลักษณาญาณ ”

  “  จุดที่เยี่ยมยอดที่สุดของโลก  คือ  ใจ
       การบำรุงรักษาใจด้วยดี  เป็นหน้าที่ของตน
       ได้ใจตนแล้วคือได้ธรรม  รู้เห็นใจตนแล้วคือได้รู้เห็นธรรม
       ถึงใจตนแล้วคือถึงนิพพาน ”

  “ ต้นดี  ปลายก็ดี
      ครั้นผิดมาตั้งแต่ต้นปลายก็ไม่ดี ”

  “ ลูบ ๆ  คลำ ๆ  จับ ๆ  วาง ๆ  มันสิได้ประโยชน์อิหยัง ” 
     “ ว่าอย่างย่อ  ทุกข์กับธรรมประจำจิต เอาจนคิดรู้เห็นจริงจึงเย็นทั่ว
     จะสุขทุกข์เท่าไหร่มิได้กลัว สร้างจากเครื่องมัวคือสมุทัยไปได้ดี ”

  “ สภาวธรรมที่เป็นจริงมีสิ่งเดียวเท่านั้น ”
 
 “ จิตรู้ธรรม  ละจิตติดธุลี
         ใจรู้ธรรม  ละสุขขันธ์ทุกข์แก้
       ธรรมคงธรรม ขันธ์คงขันธ์
       ธรรมสิ้นอยาก จากสงสัย
       พรากสัญญา ดับสังขารขันธ์
       ใจจึงเปี่ยมเต็มที่ ไม่มีพร่อง
        เงียบระงับ   ดับทุกข์ภัย ”

  “ ดีใดไม่มีโทษ ดีนั้นชื่อว่าดีเลิศ ”
  “ เหลือแต่เว้า  บ่ห่อนเบาหนัก
       ย่างบ่ไปตามทาง สิถืกดงเสือฮ้าย ”

  “ บ่เฮ็ดบาป   ความฉลาดให้ถึงพร้อม
       ชำระใจตนให้สะอาดเน้อ ”

  “ กล้วยสี่หวี  จัวน้อยนั่งเฝ้า
      พระเจ้านั่งฉัน อิติปิโสภควา
      อันนี้คืออิหยัง...”

  “ ให้พากันเฮ็ดเอาทำเอา   ตามที่พาเฮ็ดพาทำนั่นเด้อ
  อย่าลืมเน้อ   รักษาศีลรักษาวัตรปฏิบัติของตน
  ผู้รักษาศีลและวัตรปฏิบัติได้ตลอดชีวิต       ผู้นั้นเป็นผู้เลิศที่สุด ”

  “... ญาติโยมเอ๋ย  บ่ว่าพระบ่ว่าคน  มีเนื้อมีหนังเหมือนกัน
คนก็เจ็บป่วยได้  พระก็เจ็บป่วยได้  สุดท้ายคือตาย
     แต่ก่อนตาย ทานยังบ่มี  ก็ให้มี
    ศีลยังบ่มี  ก็ให้มี
    ภาวนายังบ่มี  ก็ให้มี
    อย่าให้เสียทีที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์
    อย่าประมาท ...”

 ด้วยเหตุนี้  จึงได้อำนวยธรรมปฏิปทาประดานี้มาสู่พิจารณา

             ดังที่หลวงปู่จาม  มหาปุญฺโญ  ได้ตั้งข้อสังเกตไว้ว่า “..เพิ่นครูอาจารย์มั่น (ภูริทตฺโต)  นิสัยกล้าหาญ  เด็ดมาก  เวลาเทศน์ธรรม  เพิ่นเทศน์ธรรมอย่างไม่ไว้หน้าใครทั้งนั้น  ผิดถูกรู้ชัดเลย  ไม่ต้องอ้างตัวเพิ่นเอง  ไม่อ้างเอาการกระทำของเพิ่นมาอวด  หากแต่อ้างธรรมะวินัย  อ้างพุทธประเพณี  อ้างลงที่การปฏิบัติ  ใครไม่ปฏิบัติ  ฟังธรรมของเพิ่นไม่รู้เรื่องหรอก  ฟังแล้วจะจำก็ยังจำไม่ได้...”
 
  ๕  ปีสุดท้ายของหลวงปู่มั่น  ภูริทตฺโต  ท่านได้อยู่จำพรรษาที่เสนาสนะป่าบ้านหนองผือ  อำเภอพรรณนานิคม  จังหวังสกลนคร  ครั้นแล้ว
  เมื่อปลายพรรษาปี  พ.ศ. ๒๔๙๒  หลวงปู่มั่น  ภูริทตฺโต  เริ่มมีอาการอาพาธป่วยไข้แต่เริ่มเข้าพรรษาเป็นลำดับมา  มาหนักมากขึ้นเรื่อย ๆ  พระเณรลูกศิษย์ครูบาอาจารย์ที่ช่วยกันพยาบาลไข้  ก็พยายามอุปัฏฐากเยียวยารักษาอย่างสุดกำลัง  เภสัชมากขนาน  ฉีดยาก็หลายครั้ง  ฉันยาก็มากขนาด  หากแต่ผลสนองคืนคือทุเลาแล้วก็ทรุดหนัก  และทรุดหนัก

๖   ที่สุดองค์ท่านงดยาทุกขนาน  ท่านบอกกับศิษย์ทุกคนว่า
  “ เหมิดท่อนี้ล่ะเน้อ  เอาน้ำมาฮดไม้แก่นหล้อน
      ให้มันป่งเป็นใบอีก  บ่มีดอกเน้อ...”

            เมื่อมาถึงวันขึ้น ๑ ค่ำ  เดือน ๑๒  องค์ท่านได้แสดงธรรมอุโฆษแก่ศิษย์ทั้งหลายว่า
  “  การปฏิบัติจิตถือเป็นเรื่องสำคัญ
       การทำจิตให้สงบถือเป็นกำลัง
       การพิจารณาอริยสัจถือเป็นการถูกต้อง
       การปฏิบัติข้อวัตรมีธุดงควัตรเป็นต้น  นับเป็นทางพระอริยะ
       ผู้เดินติดทางย่อมไม่ถึงที่หมายคือพระนิพพาน ”

๑๔๑  ปีแล้วที่หลวงปู่มั่น  ภูริทตฺโต  ถือกำเนิด  ชื่อนามเกียรติคุณธรรมมรรคผลของท่านยังคงจำหลักจารึกในความศรัทธาของเราท่านมาเป็นลำดับ
 เป็นหลวงปู่  ผู้อยู่ใกล้ชิดหัวใจชาวบ้านสาธุชนอย่างแนบสนิท
 ทั้งหมดนี้

 จึงใคร่ขอเชิญชวนเราท่านทั้งหลายทุกท่าน  ได้พิจารณากรรมฐานห้องใดห้องหนึ่ง  ขบคิดในธรรมะบทใดบทหนึ่ง  เพื่อจะได้ยกขึ้นเป็นเครื่องบูชา  เป็นเครื่องระลึกถึง  เป็นปฏิการะของขวัญ  เป็นกำลังใจในตนของตน  ในวาระชาตกาลมงคลปีที่  ๑๔๑  ขององค์หลวงปู่มั่น  ภูริทตฺโต  เพื่อปลูกเพาะพันธุ์โพธิ์  ให้งอกงามขจีขจอขึ้นในหัวใจของตน

 
เพื่อความสำนึกและสำเหนียก
 โปรดพิจารณาด้วยดี

   ๏ สุข   เจริญใจแจ่มใส  ชื่นฉ่ำ
  สงบ   งามง่ายง่ายกล้ำ  ควบคุม  ด้วยสติ
  ตลอด   ไปให้ทำดีซ้ำ   ลึกซึ้ง
  ปี    กระต่ายตื่นลึกลุ่ม  เบิกบาน  อิ่มเอิบเอย ๚๛

เจริญพร
 พระธมฺมธโร  ครูบาแจ๋ว
 ๒๐  มกราคม  ๒๕๕๔ 


http://www.dhammasavana.or.th/article.php?a=782
Pics by : Google
อกาลิโกโฮม * สุขใจดอทคอม
ใต้ร่มธรรมดอทเน็ต
อนุโมทนาสาธุที่มาทั้งหมดมากมายค่ะ