อิ่มกาย อิ่มใจ > ศาสตร์สุขภาพแห่งการบำบัด

ดูแลสุขภาพขั้นพื้นฐาน

<< < (2/2)

สายลมที่หวังดี:
 :07:ขอบคุณนะค่ะคุณเล็ก อาหารผัดน้ำมันต้องทานเป็นประจำเลยอ่ะค่ะ
แบบว่าชอบทานอาหารตามสั่งเอาสะดวกไว้ก่อน ก็คงต้องลดละเลิกกันมั่งแระ  :17:
ถึงว่าความจำไม่ค่อยจะดี อิ อิ  :06:

lek:
:45: :12: :47:

โรคไต
เกิดมาจากระบบดูดซึมไม่ดี ทำให้อาหารที่กินเข้าไป
แล้วมันเข้าตัวไม่ได้ จะถูกส่งไปให้ไตขับทิ้ง
ทำให้ไตทำงานหนักกว่าปกติ

เป็นที่คาดการณ์กันว่า ในอีก 5 ปีข้างหน้า จะมีคน
ต้องรอล้างไตอีก 9 ล้านคน

-ลำไส้เล็กต้องดูดซึมกลุ่มสารอาหาร ที่จะไปสร้าง
กรดอะมิโน เพื่อไปสร้างเซลล์ใหม่ในร่างกาย เช่น
เซลล์กล้ามเนื้อ เซลล์ประสาท เซลล์กระดูก ได้แก่
โปรตีน วิตามินซี,บี1,บี3,บี6
-ลำไส้ใหญ่ต้องดูดซึมกลุ่มสารอาหาร ที่จะไปสร้าง
เม็ดเลือด เพื่อไปสร้างภูมิคุ้มกัน ได้แก่ วิตามินเอ,
ซี,อี
-ถ้าลำไส้เล็กดูดซึมไม่หมด ก็จะส่งไปให้ไต

ไต มีหน้าที่กรองเลือดว่าเม็ดไหนหมดอายุแล้ว
ก็กรองออกไป เม็ดเลือดที่ยังไม่หมดอายุก็ส่งคืน
กลับไป และอื่นๆอีกมาก

ไตทำงานหนัก โดยไม่จำเป็น คือ
-กินอาหารรสจัด
-กินอาหารผัดน้ำมันเป็นประจำ
-กินเนื้อสัตว์ แล้วไม่มีวิตามินซี,บี1,บี3,
บี6(ซึ่งหามาได้จากน้ำกระชาย) มาช่วยเปลี่ยน
โปรตีนให้เป็นกรดอะมิโนถึงจะมีประโยชน์ต่อร่างกาย
-เกิดจากความกลัว ชี้ตกใจ ชอบข่มขู่คนอื่น ถ้าเป็นอย่างนี้
ร่างกายจะผลิตไขมันขึ้นมาเอง ให้เป็นไขมันฝ่ายร้าย
ถ้าอารมณ์ดี ไม่เครียด มีจิตเมตตาก็จะเป็นไขมันฝ่ายดี
(ถ้าดูแลปอดดี ไตก็แข็งแรง เมื่อไตแข็งแรง
กระดูกก็จะแข็งแรงด้วย)

วิธีดูแลไต
-รู้ว่าเป็นโรคไตแล้ว ควรให้หมอรักษาดีที่สุด
-งดอาหารผัดน้ำมัน
-ล้างลำไส้ หรือระบบดูดซึม เป็นประจำด้วยสูตร
1. มะละกอดิบต้มน้ำ เอาน้ำมาชงชา(ดื่มกิน)
2.โยเกิร์ต+นมสด+น้ำผึ้ง+มะนาว(ดื่มกิน)
3.ใช้เห็ดสามอย่างขึ้นไป นำมาปรุงอาหาร(ห้ามผัดน้ำมัน)

อาหารบำรุงไต เช่น น้ำกระชาย เม็ดบัว เห็ดหูหนูดำ ลูกเกด
องุ่นดำ ถั่วดำ งาดำ ลูกแปะก๊วย ผลไม้ชื่อลูกไข่เน่า
กล้วยตาก ลูกสำรอง เฉาก๊วย แก้วมังกร ถั่วห้าสี
ผักดอง ผลไม้ดอง

สูตรละลายนิ่วในไต
-กินแกนสับปะรดวันละ 3 แกน หรือจะปั่นกิน คู่กับ
ใบโหระพาก็ได้ กินจนหายปวดหลัง(สังเกตตัวเอง)
-เหล้าขาว 1 ก๊ง เติมมะนาว 1 ลูก กินก่อนนอน
10-20 วัน แล้วหยุดกิน

สูตรล้างไต
-รากหมาก รากมะพร้าว รากตาล ลูกใต้ใบ ต้มรวมกัน
แล้วเอาน้ำมาดื่ม เพื่อล้างไต
-ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด ใบมะนาว กระชาย หอมแดง
ใบสะระแหน่ อย่างละ 1 กำมือ ใส่ในหม้อดิน
เติมน้ำให้ท่วม ต้มให้เดือด แล้วยกลง รอให้เย็น
กินให้หมด ภายใน 1 วัน

lek:
ถุงน้ำดีข้น
เพราะมีไขมันเกาะติดอยู่ที่ผนังลำไส้เล็ก
ที่เกิดจากการกินอาหารผัดน้ำมันเป็นประจำ
เมื่อมีไขมันมาขวางการดูดซึมของน้ำ
การย่อยจะไม่ปกติ จึงดึงน้ำย่อยจากถุงน้ำดี
มาใช้งาน ซึ่งถุงน้ำดีเป็นถุงสำรอง เก็บน้ำย่อย
ที่ออกมาจากตับ

การดึงน้ำจากถุงน้ำดีมาใช้งานมากขึ้น ทำให้
ถุงน้ำดีข้น และถ้ากินน้ำน้อย ก็ทำให้ถุงน้ำดีข้น
ในร่างกายของคน ต้องมีน้ำเป็นองค์ประกอบถึง
70% ในเมื่อดูดซึมน้ำไม่ได้ แล้วยังถูกขับ
ออกมาทางปัสสาวะ ผิวหนัง เหงื่อ น้ำตา
เซลล์ทุกเซลล์ในร่างกาย จึงขาดน้ำไปหล่อเลี้ยง
ตัวเซลล์จะมีอายุสั้นลง ผิวพรรณก็ไม่ผุดผ่อง

คนที่มีปัญหาถุงน้ำดีข้น ที่เกิดจากลำไส้เล็กมีไขมัน
อุดตัน จะมีอาการดังนี้
ปวดหัวข้างเดียว ปวดหัวสองข้าง น้ำในหูไม่เท่ากัน
เพราะเลือดไปเลี้ยงสมองได้น้อย นอนไม่ค่อยหลับ
ตาเหลือง กินได้น้อย ปวดหลัง ปวดสะโพก ปวดน่อง
ตาฝ้าฟาง ตาเป็นต้น เหงือกบวม ปวดเข่า ขาไม่มีแรง
เมื่อถุงน้ำดีข้นมาก อาจเป็นนิ้วในถุงน้ำดี

ล้างระบบดูดซึม ด้วยสูตร
-มะละกอดิบ ต้มน้ำ แล้วเอามาชงชา(ดื่มกิน)
-โยเกิต+นมสด+น้ำผึ้ง+มะนาว(ดื่มกิน)
-ใช้บอระเพ็ดยาว 1 เกียก(15ซม.)ต้มน้ำแล้วดื่มกินให้หมดภายใน 1 วัน
-ดื่มน้ำปัสสาวะตัวเอง
-ล้างลำไส้เป็นประจำ แล้วนิ่วในถุงน้ำดีจะหายไปเอง

วิธีดูแลถุงน้ำดี
-งดอาหารผัดน้ำมัน
-ดื่มน้ำครั้งละน้อยๆแต่ดื่มบ่อยครั้ง
-ไม่เครียด ไม่อดนอน
-กินดีบัว(ไส้ในของเม็ดบัว)แบบตากแห้ง ต้มกินน้ำ ช่วยบำรุงถุงน้ำดี
-กินลูกเกด(องุ่นตากแห้ง)

lek:
ตับ
หน้าที่หนักของตับ ผลิตน้ำดีให้ถุงน้ำดี
ช่วยกรองเลือด ส่งเลือดดีเข้าสู่ร่างกาย
และส่งเลือดไปที่ไต ล้างสารพิษ และ
ตับยังช่วยย่อยอาหาร ดูแลผม ขน เล็บ
ถ้าตับทำงานหนัก ไตก็มาช่วยทำงาน
เมื่อทำงานหนัก ตับก็จะเสีย ไตก็จะเสื่อม

ตับทำงานหนัก เพราะกินบ่อย กินผิดเวลา
คือมื้อที่ตับรอย่อยอาหาร เช่น อาหารมื้อเช้า
เราไม่ได้กินอาหารมื้อเช้า ระหว่างเวลา
07.00-09.00น. แต่ไปกินอาหารเวลาที่ตับ
เลิกทำงานแล้ว คือหลังจากเวลา 09.00 น.
ตับจะย่อยผิดเวลา กลายเป็นว่า ตับต้องทำงาน
หนักหรือกิบจุบกินจิบทั้งวัน และการกินอาหารหนัก
แล้วก็เข้านอนเลย

โดยเฉพาะเวลา 01.00-03.00น. ร่างกายต้อง
นอนหลับสนิท และเป็นเวลาของตับ จะต้องขับ
สารพิษออกจากร่างกาย ก็ไม่ควรกินอาหาร
ในเวลานี้ ถ้าจะกินก็ควรจะให้เลย 03.00 น.ไปแล้ว

ถึงแม้ไม่ได้กินจุบจิบ ตับก็ต้องรับอารมณ์โกรธ โมโห
อิจฉา หรือเครียด เมื่อมีอารมณ์เหล่านี้ เซลล์ในตับ
ก็จะตายไปเป็นจำนวนมากา ทำให้ตับเสื่อมเร็วขึ้น

เพิ่มภาระให้ตับ คือ การโกรกสีผม ทาเล็บ ใช้ยาสระผม
ทาปากด้วยเครื่องสำอางที่มีสารเคมีเจือปนอยู่
สารเคมีจะส่งไปถึงตับโดยตรง แล้วสะสมอยู่เป็นเวลานาน
พอตับมีปัญหา ขอบใต้ตาจะดำ อาหารก็ไม่ค่อยย่อย
ท้องจะอืด ลมแน่นท้อง เลือดไม่ไปเลี้ยงกระดูกเชิงกราน
มดลูกเริ่มโต เจ็บตึงที่ส้นเท้า ผู้ชายก็เป็นต่อมลูกหมากโตได้เหมือนกัน

วิธีล้างสารพิษในตับ
-กินเห็ดสามอย่างขึ้นไปปรุงอาหาร ห้ามผัดน้ำมัน
แต่ใช้กะทิแทนน้ำมัน จะได้ประโยชน์มากกว่า
(ต้มเห็ดแล้วกินแต่น้ำก็ได้)เพื่อชั้นไขมันขั้นต้น
-กินขมิ้นชันก่อนนอน(ไม่จำกัดจำนวน)

*การดูแลตับให้แข็งแรง จะช่วยให้เลือดไหลเวียนดีขึ้น
*งดใช้เครื่องสำอางที่มีสารเคมีกับใบหน้า งดใช้ยาสระผม
ที่มีสารเคมีกับหนังศรีษะ เพราะสารเคมีจะเข้าไปถึงตับได้โดยตรง
*ผงชูรสหรือโมโนโซเดียมกลูตาเมท จะตกค้างในตับ
ทำร้ายตับโดยตรง และทำให้เลือดหนืด
*ไม่กินอาหารระหว่างตี1 ถึง ตี3 เพราะเป็นเวลาที่ตับ
ต้องขับสารพิษ ถ้ากินอาหารเวลานี้ ตับจะไม่ได้ทำหน้าที่หลัก
คือ การขับสารพิษออกจากร่างกาย

"ถึงจะบำรุงอะไร แต่ถ้าสารพิษตกค้างอยู่ในร่างกาย
ก็ไม่เกิดประโยชน์"

lek:
สูตรของความสุข

๑. ดื่มน้ำให้มาก

๒. กินอาหารเช้าเหมือนราชา, รับประทานอาหารเที่ยงเหมือนเจ้าชาย  และเมื่อถึงอาหารเย็น ให้วาดภาพว่าตัวเองเป็นแค่ขอทาน (แปลว่ากินมือหนักที่สุดตอนเช้า, และกลางๆ ตอนเที่ยง   และตกเย็นแล้วทำตัวเป็นยาจก ไม่มีอะไรจะกิน...สุขภาพจะเป็นอย่างเทวดาทีเดียวเชียวแหละ)

๓. กินอาหารที่โตบนต้นและบนดิน, พยายามหลีกเลี่ยงอาหารที่ผลิตจากโรงงาน

๔. ใช้ชีวิตบนหลักการ 3E นั่นคือ energy หรือพลังงาน, enthusiasm หรือกระตือตือร้น และ empathy คือเอาใจเขามาใส่ใจเราให้มากๆ

๕. หาเวลาทำสมาธิหรือสวดมนต์เสมอ

๖. เล่นเกมสนุกๆ เสียบ้าง, อย่าเครียดกันนักเลย

๗. อ่านหนังสือให้มากขึ้น ตั้งเป้าว่าปีนี้จะอ่านมากกว่าปีที่ผ่านมา

๘. นั่งเงียบๆ อยู่กับตัวเองสักวันละ 10 นาทีให้ได้

๙. นอนวันละ 7 ชั่วโมง

๑๐. เดินสักวันละ 10 ถึง 30 นาที, แล้วแต่จะสะดวก, ไม่ต้องเครียดกับมัน, วันไหนไม่ได้เดิน, ก็อย่าหงุดหงิดกับมัน

๑๑. ระหว่างเดิน, อย่าลืมยิ้ม

 

นั่นเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับสุขภาพกายและใจที่ผสมปนเปกันได้เสมอ, หากทำเป็นกิจวัตร, ชีวิตก็จะแจ่มใส, แต่อย่าทำให้ตัวเองเครียดด้วยการรู้สึกผิดถ้าหากวันไหนทำไม่ได้ตามที่วาง กำหนดเวลาของตนเอาไว้ วันนี้ทำไม่ได้, พรุ่งนี้ทำก็ได้ แต่การไม่เอาจริงเอาจังกับตัวเองเกินไปไม่ได้หมายถึงการผัดวันประกันพรุ่ง, ซึ่งเป็นคนละเรื่องกัน

 


 

สูตรเกี่ยวกับบุคลิกของตัวเองที่ควรจะมีคู่กับสูตรสุขภาพมีดังนี้

๑. อย่าเปรียบเทียบชีวิตของตัวเองกับคนอื่น คุณไม่รู้หรอกว่าคนที่คุณอิจฉานั้นเขามีความทุกข์ยิ่งกว่าคุณอย่างไรบ้าง

๒. อย่าคิดทางลบเกี่ยวกับเรื่องที่คุณควบคุมหรือกำหนดไม่ได้ แทนที่จะมองโลกในแง่ร้าย, ก็ทุ่มเทกำลังและพลังงานให้กับความคิดทางบวก ณ ปัจจุบันเสีย

๓. อย่าทำอะไรเกินกว่าที่ตัวเองทำได้ รู้ว่าขีดจำกัดของตัวเองอยู่ที่ไหน

๔. อย่าเอาจริงเอาจังกับตัวเองนัก เพราะคนอื่นเขาไม่ได้ซีเรียสกับคุณเท่าไหร่หรอก

๕. อย่าเสียเวลาและพลังงานอันมีค่าของคุณกับเรื่องหยุมหยิมหรือเรื่องซุบซิบ นอกเสียจากว่ามันจะทำให้คุณผ่อนคลายได้อย่างจริงจัง

๖. จงฝันตอนตื่นมากกว่าตอนหลับ

๗. ความรู้สึกอิจฉาริษยาเป็นเรื่องเสียเวลาเปล่าๆ ปลี้ๆ คิดให้ดีก็จะรู้ว่าคุณมีทุกอย่างที่คุณจำเป็นต้องมีแล้ว

๘. ลืมเรื่องขัดแย้งในอดีตเสีย และอย่าได้เตือนสามีหรือภรรยาคุณเกี่ยวกับความผิดพลาดในอดีตของอีกฝ่ายหนึ่ง เลย เพราะมันจะทำลายความสุขปัจจุบันของคุณ

๙.  ชีวิตนี้สั้นเกินกว่าที่เราจะไปโกรธเกลียดใคร จงอย่าเกลียดคนอื่น

๑๐. ประกาศสงบศึกกับอดีตให้สิ้น, จะได้ไม่ทำลายปัจจุบันของคุณ

๑๑. ไม่มีใครกำหนดความสุขของคุณได้นอกจากคุณเอง

๑๒. จงเข้าใจเสียว่าชีวิตก็คือโรงเรียน คุณมาเพื่อเรียนรู้ และปัญหาเป็นเพียงส่วนหนึ่งของหลักสูตรซึ่งมาแล้วก็หายไป เหมือนโจทย์วิชา พีชคณิต แต่สิ่งที่คุณเรียนรู้นั้นอยู่กับคุณตลอดชีวิต

๑๓. จงยิ้มและหัวเราะมากขึ้น

๑๔. คุณไม่จำเป็นต้องชนะทุกครั้งที่ถกแถลงกับคนอื่นหรอก บางครั้งก็ยอมรับว่าเรา เห็นแตกต่างกันได้ เห็นพ้องที่จะเห็นต่างก็ไม่เห็นเสียหายแต่อย่างไร

 


เราควรจะมีทัศนคติอย่างไรต่อชุมชนและคนรอบข้างเรา

๑. อย่าลืมโทรฯหาครอบครัวบ่อยๆ

๒. จงหาอะไรดีๆ ให้คนอื่นทุกวัน

๓. จงให้อภัยทุกคนสำหรับทุกอย่าง

๔. จงหาเวลาอยู่กับคนอายุเกิน 70 และต่ำกว่า 6 ขวบ

๕. พยายามทำให้อย่างน้อย 3 คนยิ้มได้ทุกวัน

๖. คนอื่นเขาคิดอย่างไรกับคุณไม่ใช่เรื่องของคุณสักหน่อย

๗. งานของคุณไม่ดูแลคุณตอนคุณป่วยหรอก แต่ครอบครัวและเพื่อนคุณต่างหากเล่าที่จะดูแลคุณในยามคุณมีปัญหาสุขภาพ ดังนั้น อย่าได้ห่างเหินกับคนใกล้ชิดเป็นอันขาด


ถ้าหากสามารถดำรงชีวิตให้มีความหมายได้ ก็ควรจะทำดังต่อไปนี้

๑. ทำสิ่งที่ควรทำ

๒. อะไรที่ไม่เป็นประโยชน์, ไม่สวย, ไม่น่ารื่นรมย์, จงทิ้งไปเสีย เก็บไว้ทำไม?

๓. เวลาและพระเจ้าย่อมรักษาแผลทุกอย่างได้

๔. ไม่ว่าสถานการณ์จะดีหรือเลวปานใด, เดี๋ยวมันก็เปลี่ยน

๕. ไม่ว่าคุณจะรู้สึกอย่างไรในตอนเช้าของทุกวัน, จงลุกจากเตียง, แต่งตัวและปรากฎตัวต่อหน้าคนที่เราร่วมงานด้วย get up, dress up and show up.

๖. สิ่งที่ดีที่สุดยังมาไม่ถึง

๗. ถ้าคุณยังลุกขึ้นตอนเช้าได้, อย่าลืมขอบคุณพระเจ้า หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่คุณนับถือเสียด้วย

๘. เชื่อเถอะว่าส่วนลึกๆ ในใจของคุณนั้นมีความสุขเสมอ ดังนั้น ส่วนนอกของคุณทุกข์โศกไปทำไมเล่า?

 

……………………………………………….

นำร่อง

[0] ดัชนีข้อความ

[*] หน้าที่แล้ว

ตอบ

Go to full version