ผู้เขียน หัวข้อ: หญิงแกร่งพิการครึ่งตัว ยึดหลักคำสอนของพ่อสู้ชีวิตจนจบปริญญาตรี !  (อ่าน 2290 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 3 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
หญิงแกร่งพิการครึ่งตัว ยึดหลักคำสอนของพ่อสู้ชีวิตจนจบปริญญาตรี !



ธนารี ฟุ้งภิญโญภาพ


นุ้ย - ธนารี ฟุ้งภิญโญภาพ หญิง สาวหัวใจแกร่ง ที่ร่างกายพิการมีแค่ครึ่งตัว แต่หัวใจของเธอนั้น แข็งแกร่งดุจดั่งเพชร เธอพิการมาตั้งแต่กำเนิด อาศัยอยู่กับพ่อ ซึ่งพ่อเป็นผู้พร่ำสอนและให้กำลังใจกับเธอ จนทำให้นุ้ยมีความเชื่อมั่นว่าถึงแม้จะพิการ แต่พิการเพียงแค่ร่างกาย แต่จิตใจ ไม่ได้พิการเหมือนกับร่างกาย พ่อคือผู้จุดประกายให้นุ้ย ไม่จมปลักอยู่กับความพิการ ให้นุ้ยได้ทำทุกอย่างในชีวิตเหมือนกับคนปกติที่เขาทำกันในชีวิตประจำวัน

ฉบับ นี้เรามีโอกาสได้สัมภาษณ์กับหญิงสาวพิการหัวใจแกร่งคนนี้ เธอเล่าถึงการใช้ชีวิตประจำวัน ที่แม้ร่างกายจะพิการ แต่เธอก็พยายามที่จะฝึกฝนเพื่อที่จะได้ช่วยเหลือตัวเองได้ เธอฝึกฝนจนชำนาญและทำอะไรต่างๆได้เหมือนที่คนปกติเขาทำกัน พร้อมทั้งพูดคุยถึงกำลังใจและคำสอนจากพ่อของเธอ ซึ่งคำสอนนั้นทำให้เธอประสบความสำเร็จจนถึงปัจจุบันนี้..

ช่วยเล่าความเป็นมาของสาเหตุที่ทำให้พิการให้เราฟังหน่อยค่ะ
คือ นุ้ยพิการตั้งแต่กำเนิดค่ะ นุ้ยเกิดมาโดยไม่มีนิ้วมือและนิ้วเท้าทั้ง 2 ข้าง คือเป็นแบบนี้มาตั้งแต่แรกเกิดเลยค่ะ ไม่ได้ประสบอุบัติเหตุหรือเป็นเพราะสาเหตุอื่นๆเลยค่ะ เกิดมาก็เป็นแบบนี้มาเลยค่ะ

เมื่อเติบโตขึ้นมาแล้วรู้ว่าตัวเองมีร่างกายไม่เหมือนคนอื่นรู้สึกอย่างไรบ้างคะ
นุ้ย ก็รู้สึกว่า นุ้ยไม่มี..เหมือนคนอื่น แต่นุ้ยจะต้องทำได้เหมือนคนอื่นที่เขาปกติกัน ฉะนั้นนุ้ยก็ต้องหาทางฝึกฝนในแบบของนุ้ยให้ได้ เช่น การเขียนหนังสือ นุ้ยไม่มีนิ้วมือที่จะมาจับปากกา ก็เลยลองฝึกดูว่าจะเขียนอย่างไร สุดท้ายก็ใช้แขนหนีบกับแก้ม ซึ่งเป็นท่าที่ถนัดที่สุดและเขียนได้สวยด้วย นี่เป็นตัวอย่างค่ะ แล้วก็มีอื่นๆด้วยที่นุ้ยต้องฝึก เพื่อที่จะให้นุ้ยทำได้ทุกอย่างเหมือนคนปกติที่เขาทำกันค่ะ นุ้ยก็พยายามฝึกจนนุ้ยถนัดพอที่จะทำได้




ทราบว่ามาว่าอยู่กับคุณพ่อ แล้วท่านมีวิธีสอนและให้แง่คิดอย่างไรคะ
คุณ พ่อท่านสอนให้นุ้ยรู้จักการเรียนรู้ที่จะยอมจะยอมรับกับความจริงให้ได้ ซึ่งคือการแก้ปัญหาที่ต้นตอของจิตใจที่แท้จริง โดยการที่ท่านได้เลี้ยงนุ้ยมาอย่างเปิดเผย และให้ใช้ชีวิตอย่างปกติเหมือนคนทั่วไป คุณพ่อท่านไม่เคยอายเวลาพานุ้ยไปเที่ยวข้างนอก และคุณพ่อมักจะคอยสอนนุ้ยเสมอว่า “ไม่ ต้องไปเกรงกลัวสายตาใคร ลูกพิการเพียงแค่ร่างกายเท่านั้น คนที่เขารังเกียจลูกต่างหากที่พิการจิตใจ มันเลวร้ายกว่าการพิการทางร่างกายมากมายนัก ลูกยังเดินได้ ช่วยเหลือตัวเองได้ทุกอย่าง ไม่ได้ทำตัวเป็นภาระของใคร จงภาคภูมิใจในความสามารถของลูกเถอะ” คุณพ่อท่านจะสอนนุ้ยแบบนี้เสมอค่ะ

คุณ พ่อพานุ้ยเข้าวัดทำบุญบ่อยมาก ทำให้นุ้ยเชื่อในเรื่องเวรกรรม ซึ่งเป็นอาจจะดูงมงาย แต่ก็ยังไม่มีใครพิสูจน์ได้ แต่มันก็ทำให้จิตใจเราสบายขึ้น ไม่ต้องคิดหาคำตอบที่ไม่มีใครสามารถให้คำตอบได้ นุ้ยไม่เสียใจที่เกิดมาพิการ เพราะนุ้ยยังสามารถทำอะไรต่างๆได้เกือบ 100% เหมือนคนปกติทั่วไป และข้อสำคัญคุณพ่อไม่เคยคิดว่าลูกจะเป็นภาระของใคร นั่นคือพลังที่ปลุกให้นุ้ยลุกขึ้นต่อสู้และทำให้ทุกคนรู้ว่ามันเป็นความจริง อย่างที่คุณพ่อเคยบอกนุ้ยค่ะ เพราะไม่อย่างนั้นสิ่งที่คุณพ่อสู้และทำเพื่อนุ้ยตลอดมา ก็จะกลายเป็นสิ่งที่สูญเปล่า

คุณ พ่อบอกนุ้ยเสมอว่า นุ้ยยังดีกว่าอีกหลายๆคน บางคนเป็นหนักกว่านุ้ยเสียอีก ต้องมีคนคอยป้อนข้าว ป้อนน้ำ พวกเขาลำบากกว่านุ้ยหลายเท่า พวกเขายังสู้และมีชีวิตอยู่ได้ในสังคม สิ่งที่นุ้ยขาดหายไปมันเป็นแค่อวัยวะ 4 ส่วน จาก 32 แต่นุ้ยก็ยังทำอะไรได้อีกตั้งมากมายเกือบเท่าคนปกติ ซึ่งคำสอนจากคุณพ่อทั้งหมด คอยช่วยย้ำเตือนและเป็นกำลังใจให้กับนุ้ยเสมอมาค่ะ

ปฏิกิริยาของคนรอบข้างที่มีต่อคุณนุ้ยเป็นอย่างไรบ้างคะ
สำหรับ คนรอบข้างส่วนใหญ่ก็ปกติดีค่ะ ไม่มีที่จะแบบว่ามารังเกียจเราเลย อาจจะมีบ้างที่เข้ามาถามหรือพูดคุยเกี่ยวกับอาการที่นุ้ยเป็น บางคนก็ให้เงินเพราะคิดว่านุ้ยเป็นขอทาน เพราะว่านุ้ยชอบออกไปนั่งเล่นหน้าบ้าน พวกเขาก็เลยคิดกันไปอย่างนั้นค่ะ แต่โดยรวมๆแล้ว ก็ไม่มีอะไรค่ะ ก็ปกติดีค่ะ




สำหรับเรื่องการเรียนล่ะคะ เรียนที่โรงเรียนสามัญปกติหรือว่าที่โรงเรียนพิเศษคะ
คุณ พ่อจ้างครูมาสอนหนังสือให้นุ้ยที่บ้านค่ะ สอนจนนุ้ยสามารถอ่านออก-เขียนได้ หลายคนชมด้วยค่ะว่านุ้ยเขียนหนังสือสวย พอเริ่มอ่านได้เขียนได้ ก็ต่อด้วยการเรียน กศน. ค่ะ เพราะนุ้ยอยากจะมีวุฒิการศึกษาเอาไว้ไปสมัครงานค่ะ นุ้ยมั่นใจว่าตัวเองทำงานได้และมั่นใจว่าต้องมีสถานประกอบการที่ให้โอกาส นุ้ยในการทำงานค่ะ ขอเพียงมีความรู้เท่านั้นก็พอ นุ้ยจึงติดต่อจนเจอกับหัวหน้า กศน.เขตราษฎร์บูรณะ ท่านส่งคนมาดูและลองสอบเทียบความรู้ให้กับนุ้ย จากที่ไม่มีวุฒิการศึกษาเลยจนได้มาค่ะ
พอ ได้วุฒิการศึกษามาแล้ว จากนั้นนุ้ยก็เริ่มเรียนในชั้น ม.3 และต่อด้วย ม.6 โดยการอ่านหนังสืออยู่ที่บ้าน ถึงกำหนดเราก็ไปสอบ นุ้ยใช้เวลาเรียนจนจบม.6 ใน 3 ปี จากที่ไม่มีวุฒิการศึกษาเลย ต่อมาก็สอบติดและได้เข้ามาเรียนที่ “โรงเรียนอาชีวพระมหาไถ่ พัทยา” ซึ่งเป็นโรงเรียนที่สอนวิชาชีพให้กับผู้พิการทางร่างกายตั้งแต่อายุ 17-35 ปี และนุ้ยเลือกเรียนในหลักสูตรคอมพิวเตอร์และการจัดการธุรกิจ ภาคภาษาอังกฤษค่ะ ใช้เวลาเรียนเป็นเวลา 2 ปี ก็จบค่ะ แล้วก็เรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัยที่มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช คณะนิเทศศาสตร์ ค่ะ




ทำไมถึงเลือกเรียนคณะ คณะนิเทศศาสตร์คะ
ที่ นุ้ยเลือกเรียนคณะนิเทศศาสตร์ก็เพราะว่านุ้ยเป็นคนชอบพูด ชอบคุย และคิดว่างานประชาสัมพันธ์น่าจะเหมาะสมกับบุคลิกของเราค่ะ และที่นุ้ยเลือกมหาวิทยาลัยสุโขทัยฯ ก็เพราะว่าเรียนที่นี่ไม่กระทบกับการทำงาน สามารถเรียนรู้ได้ด้วยตัวเอง สำหรับเรื่องสภาพร่างกายก็ไม่ได้เป็นปัญหาต่อการเรียนอีกด้วย เพราะเราอ่านหนังสืออยู่กับบ้าน ถึงเวลาก็ไปสอบซึ่งมันง่ายกว่าการที่ต้องไปเรียนสถาบันที่ต้องเข้าเรียนทุก วัน และเราก็ไม่สะดวกในการเดินทางค่ะ
สำหรับในการเรียนต้องช่วยเหลือตัวเองให้มากที่สุดค่ะ อ่านหนังสือเยอะๆแล้วสรุปทบทวนอีกครั้ง โดยหลังจากเลิกงาน 2-3 ทุ่ม ทำกิจวัตรส่วนตัวเสร็จ นุ้ยก็อ่านหนังสือสัก 1-2 ชั่วโมง ต่อวัน ถึงเวลาไปสอบที่ อ.สัตหีบ ก็ขึ้นรถสองแถว แล้วให้เข้าไปส่งถึงอาคาร เราก็จะจ่ายเพิ่มเป็นพิเศษให้เขาไป ก็ทำอย่างนี้มาโดยตลอดค่ะ นุ้ยคิดเสมอว่า "ความพยายามจะสามารถทำให้เราสำเร็จได้หากเรามีความตั้งใจเพียงพอ” ค่ะ

ใช้เวลาเรียนแค่เพียง 3 ปีครึ่ง รู้สึกอย่างไรบ้างกับความสำเร็จในครั้งนี้คะ
นุ้ย ภูมิใจมากที่สุดค่ะ ที่สามารถมาถึงวันนี้ได้ นุ้ยได้พิสูจน์ให้ทุกคนได้เห็นแล้วว่า สภาพร่างกายของนุ้ยไม่ได้เป็นอุปสรรคเลย ถึงจะมีไม่ครบสมบูรณ์เท่าคนอื่น แต่เรามีพลังใจและความตั้งมั่นที่เหนือกว่าคนที่เขาสมบูรณ์กว่าเรา นุ้ยเชื่อว่าไม่มีสิ่งไหนในโลกใบนี้ที่หากเพียรพยายามอย่างเต็มกำลังแล้ว จะทำไม่ได้ แม้ว่าจะต้องใช้ทั้งกำลังกาย กำลังใจ เวลา และการทุ่มเทมากกว่าคนอื่นเป็นร้อยเท่าพันเท่าก็ตาม แต่ เมื่อถึงคราวประสบความสำเร็จนั้น รางวัลที่ได้รับมันก็จะมากมายกว่าคนอื่นเป็นร้อย เท่า พันเท่า เช่นกัน จงภูมิใจในสิ่งที่เรามี รวมทั้งพลังความสามารถและกำลังใจที่ไม่มีวันเหือดแห้งไปจากใจของเรา

*** ติดตามบทความทั้งหมดในฉบับที่ 261 จาก




-http://www.womanstoryonline.com/detail-page-1829.html-


หญิงแกร่งพิการครึ่งตัว ยึดหลักคำสอนของพ่อสู้ชีวิตจนจบปริญญาตรี - ธนารี ฟุ้งภิญโญภาพ




คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)

ออฟไลน์ แก้วจ๋าหน้าร้อน

  • สิ่งใดคือธรรมะ สิ่งนั้นย่อมดีแล้วสูงสุด
  • ทีมงานกวาดลานดิน
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 6503
  • พลังกัลยาณมิตร 1741
  • ธรรมะอวยพรความดีคุ้มครอง
    • kaewjanaron
    • facehot
    • ดูรายละเอียด
    • ใต้ร่มธรรม
 :13: น่าชื่นชมมากครับ
ขอบคุณครับพี่หนุ่ม
การโพสภาพโดยใช้เว็บฝากไฟล์ภาพ imageshack.us/ (เว็บกบ)
การปรับแต่งห้องสมาชิกไร้ขีดจำกัด Ultimate Profile + ห้องเพลงส่วนตัว
การตั้งกระทู้และการโพสกระทู้ในเว็บใต้ร่มธรรมครับ
การแก้ไข้ข้อมูล ชื่อ ระหัส ส่วนตัวของสมาชิกใต้ร่มธรรมครับ
การใส่รูปประจำตัวเรา Avatar รวมทั้งลายเซ็นต์ ในกระทู้หรือโพสของเราครับ
เพิ่มไอคอน ทวิสเตอร์ เฟชบุ๊ค ยูทูบ ในโปรโปรไฟล์ของเรา
การสร้างอัลบั้มภาพส่วนตัวในห้องสมาชิก Profile Pictures
การเพิ่มเพื่อน กัลยาณมิตรใต้ร่มธรรม ในห้องสมาชิกส่วนตัว
การดูกระทู้ทั้งหมดที่เรายังไม่ได้อ่านครับ
โค้ดสี bb color code ไว้สำหรับโพสกระทู้ครับ
*วิธีเคลียร์แคชในทุกเว็บเบราว์เซอร์ครับ เมื่อคอมอืด*

ห้องประชุมของทีมงาน
~ธรรมะอวยพรความดีคุ้มครองครับ~