'หัวใจ' เมนูแกงมัสมั่น 'ราชาอาหาร' ตำรับไทย 'อย่าเพี้ยน' “ราชาแห่งอาหาร” ...นี่เป็นส่วนหนึ่งจากรายงานข่าวที่อ้างอิงการระบุโดยเว็บไซต์ซีเอ็นเอ็น เป็นการระบุถึงหนึ่งในเมนูอาหารไทยที่ชื่อ “มัสมั่น” หรือ “แกงมัสมั่น”“ ที่ยุคปัจจุบันสำหรับคนไทยเองก็ใช่จะหารับประทานได้ง่าย ๆ ทั่วไป แต่ขณะเดียวกันก็เป็นหนึ่งในเมนูอาหารไทยที่ชาวต่างชาติรู้จักมักคุ้นมากขึ้นเรื่อย ๆ
“มัสมั่น” ณ วันนี้ได้ขึ้นชั้น “อาหารอร่อยที่สุดในโลก”
เรื่องนี้เป็นข่าวไปทั่วทุกมุมโลกภายหลังทางเว็บไซต์ซีเอ็นเอ็น เซ็กชั่นซีเอ็นเอ็นโก เปิดเผยผลสำรวจจัดอันดับ 50 เมนูสุดยอดอาหารอร่อยทั่วโลก โดยใช้วิธีสำรวจโดยการเปิดให้คนทั่วโลกโหวตผ่านทางเฟซบุ๊ก ซึ่งมัสมั่นของประเทศไทยได้รับการโหวตเป็น ’อันดับ 1“ เป็นอาหารอร่อยที่สุด ด้วยรสชาติเผ็ดร้อน หอมมัน หวาน อร่อยกลมกล่อม และไม่เท่านั้น...จาก 50 อันดับ ยังมีเมนูอาหารไทยอีก 3 เมนูที่ได้รับการโหวต-ที่ติดอันดับด้วย คือ... ต้มยำกุ้ง คว้าอันดับ 8, น้ำตกหมู ครองอันดับ 19, ส้มตำ ได้อันดับ 46 ซึ่งก็ต้องถือว่าไม่ธรรมดา
ขณะที่อาหารของประเทศอื่น ๆ ที่อยู่ในอันดับต้น ๆ จาก 50 อันดับ ก็เช่น... พิซซ่าของประเทศอิตาลี ได้อันดับ 2, ช็อกโกแลตของประเทศเม็กซิโก ได้อันดับ 3, ซูชิของประเทศญี่ปุ่น ได้อันดับ 4, เป็ดปักกิ่งของประเทศจีน ได้อันดับ 5, แฮมเบอร์เกอร์ของประเทศเยอรมนี ได้อันดับ 6, ไอศกรีมของประเทศสหรัฐอเมริกา ได้อันดับ 9
ทั้งนี้ สำหรับ “มัสมั่น” ในประเทศไทยนั้น คนไทยที่ไม่ใช่คนรุ่นใหม่ยุคดิจิทัล น้อยคนนักจะไม่รู้จัก ต่อให้ไม่ชอบรับประทานก็เถอะ ซึ่งพระราชนิพนธ์ กาพย์เห่เรือชมเครื่องคาวหวาน ในรัชกาลที่ 2 ก็มีชื่อมัสมั่นอยู่ด้วย กล่าวคือ “มัสมั่นแกงแก้วตา หอมยี่หร่า รสร้อนแรง ชายใดได้กลืนแกง แรงอยากให้ ใฝ่ฝันหา”
และกับความเป็นมาหรือต้นกำเนิดเมนูมัสมั่นในประเทศไทย ในเว็บไซต์
www.panyathai.or.th คลังปัญญาไทย ให้ข้อมูลไว้โดยสังเขปคือ... มัสมั่นมีจุดกำเนิดในไทยในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช นำเข้ามาโดยแขกเจ้าเซนที่มาจากเปอร์เซีย (อิหร่าน) เป็นแกงที่นิยมรับประทานในหมู่ผู้ชื่นชอบกลิ่นเครื่องเทศที่โดดเด่น ขณะที่บางแหล่งข้อมูลเกี่ยวกับที่มาของเมนูนี้ ระบุว่า ชาวไทยมุสลิมมักเรียกแกงชนิดนี้ว่า “ซาละหมั่น”
อย่างไรก็ดี เมนูมัสมั่นไทยอย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบันนี้ เกิดจากการดัดแปลงปรับปรุงรสชาติให้ถูกปากคนไทย โดยแกงมัสมั่นแบบไทย ๆ จะออกรสหวาน ขณะที่ต้นตำรับของมุสลิมจะออกรสเค็มมัน
อันสืบเนื่องจากกรณีเมนูแกงมัสมั่นของไทยได้รับการโหวตเป็นเมนูอร่อยอันดับ 1 ของโลกนี้ ผศ.อภิญญา มานะโรจน์ สาขาวิชาอาหารและโภชนาการ คณะเทคโนโลยีคหกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีมหานคร สะท้อนผ่าน “สกู๊ปหน้า 1 เดลินิวส์” ว่า... เมนูมัสมั่นนี้ถือเป็นการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมทางอาหารระหว่างไทยกับเปอร์เซีย โดยคนไทยได้ปรับรสชาติเมนูอาหารนี้ให้มีรสชาติเข้ากับคนไทยโดยส่วนใหญ่ มีการลดเครื่องแกง-ลดเครื่องเทศลง และปรับปรุงรสชาติให้มี 3 รสหลัก คือ เปรี้ยว-เค็ม-หวาน ซึ่งเป็นรสหลักของคนไทย โดยรสเปรี้ยวนั้นมีการใช้สับปะรดทำให้มีรสชาติเปรี้ยว และยังช่วยให้เนื้อสัตว์ที่ใส่ในแกงมัสมั่นเปื่อยด้วย
จากผลการโหวตได้อันดับ 1 ดังกล่าว ผศ.อภิญญา มองว่า... จุดนี้ก็จะทำให้อาหารไทยอย่างมัสมั่นมีชื่อเสียงมากขึ้น เป็นอีกตัวเลือกของอาหารไทยสำหรับคนต่างชาติ นอกเหนือจากต้มยำกุ้ง หรือแกงเขียวหวาน
“ก็อาจจะมีความคึกคัก มีคนสั่งเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะร้านอาหารไทยในต่างประเทศ อาจจะเป็นอีกทางเลือกของอาหารไทย ซึ่งก็จะส่งผลดีต่อธุรกิจอาหารไทยในปัจจุบัน” ...นักวิชาการด้านอาหารระบุ
ส่วนนายกสมาคมภัตตาคารไทย ปวรวรรณ กุลมงคล บอกว่า... ค่อนข้างแปลกใจที่อาหารไทยอย่างแกงมัสมั่นเป็นเมนูฮิตติดอันดับ 1 ของโลก แซงหน้าเมนูประจำ อาทิ ต้มยำ, แกงเขียวหวาน, ผัดไทย ซึ่งมัสมั่นนั้นถือเป็นเมนูพิเศษที่มีเอกลักษณ์ มีกรรมวิธีการทำค่อนข้างละเอียด จึงไม่ใช่ว่าจะมีในเมนูร้านอาหารไทยทุกร้าน และปัจจุบันคนไทยบางส่วนก็เลี่ยง เพราะกังวลเรื่องโรคอ้วน คอเลสเตอรอลสูง จากความหวานมันของกะทิที่ใช้
แต่ทั้งนี้ ปวรวรรณก็ระบุว่า... การที่มัสมั่นถูกโหวตเป็นเมนูอันดับ 1 ของโลก ต้องถือเป็นเรื่องที่ดีมากที่กระแสอาหารไทยถูกปลุกขึ้นอีกครั้ง ซึ่งนอกจากสร้างชื่อเสียงให้ประเทศไทย ก็ อาจเป็นสินค้าสำคัญที่ดึงดูดเม็ดเงินจากการท่องเที่ยว ชาวต่างชาติอาจต้องการเดินทางมาไทยเพื่อชิมมัสมั่นในแบบฉบับ “ต้นตำรับ”
ที่สำคัญก็คือ ผู้ประกอบการ ร้านอาหารไทย ควรตระหนักเรื่องมาตรฐาน โดยเฉพาะส่วนผสมที่เป็นต้นตำรับของอาหารไทย ซึ่งอาจเกิดการ “ผิดเพี้ยนจากต้นตำรับ” ทำให้เกิดความสับสน??
“เป็นเรื่องธรรมดาที่ร้านอาหารจะต้องปรับรสชาติให้เหมาะสมกับลูกค้า ซึ่งไม่ใช่เรื่องผิด เพราะรสชาติไทยแท้ ๆ ต่างชาติก็อาจรับประทานไม่ได้ แต่สิ่งที่ควรกำหนดเป็นมาตรฐานและไม่ควรผิดเพี้ยนเลยคือเรื่องของส่วนผสมวัตถุดิบหลัก ที่ต้องคงไว้ตามต้นตำรับ” …นายกสมาคมภัตตาคารไทยระบุ ซึ่งประเด็น “สูตรผิดเพี้ยน” นี่ล่าสุดทางการไทยที่เกี่ยวข้องก็บอกว่าจะดูแล ก็หวังว่าจะคุมไม่ให้เกิดการเพี้ยนได้จริง ๆ ถ้าจะหวังให้ “มัสมั่นช่วยชาติ” ...
ก็อย่างที่พูด ๆ กันว่า...เป็นแชมป์นั้นยากก็จริง…
แต่ที่ยากยิ่งกว่า...คือ “รักษาแชมป์” ไว้ให้ได้!!!.
http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryID=23&contentID=153325มัสมั่นอาหารอันดับ1ทั่วโลก(1).wmvมัสมั่นอาหารอันดับ1ทั่วโลก(2).wmvมัสมั่นอาหารอันดับ1ทั่วโลก(3).wmvกลมกิ๊ก - อ๊อฟ ศุภณัฐ (8/8/53) 3/4