ผู้เขียน หัวข้อ: สันติธรรม (พระอาจารย์มั่น)  (อ่าน 1737 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 2 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ ฐิตา

  • ทีมงานดอกแก้วกลิ่นธรรม
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7459
  • พลังกัลยาณมิตร 2236
    • ดูรายละเอียด
สันติธรรม (พระอาจารย์มั่น)
« เมื่อ: สิงหาคม 01, 2011, 08:58:43 am »



สันติธรรม (พระอาจารย์มั่น)
 
สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า เมื่อจะทรงแสดงซึ่งสันติธรรม
แก่โธตกมาณพ จึงตรัสพระคาถาว่า
ยํกิจิ สญชานาสิ โธตก อุททํ อโธ ติโยญญาปิ
มชเฌ เอตํ วิทิตวา สงโคติ โลเก ภวาภวาย มากาสิ ตัณหํ
 
แปลความว่า ดูกรโธตกะ ท่านมากำหนดรู้หมายรู้
ซึ่งอารมณ์อันใดอันหนึ่ง ซึ่งเป็นเบื้องบน เบื้องต่ำ
เบื้องขวางสถานกลางว่า เป็นเครื่องข้องอยู่ในโลก
เครื่องเกี่ยวสัตว์ไว้ในโลกดังนี้แล้ว
อย่าได้ทำซึ่งตัณหา ความปรารถนาเพื่อภพน้อยภพใหญ่เลยดังนี้
 
อธิบายว่า ท่านมารู้แจ้งสัญญาณนี้ด้วยปัญญาว่า
เป็นเครื่องข้องเครื่องติดอยู่ในโลกดังนี้แล้ว
อย่าได้ทำตัณหาความปรารถนาเพื่อภพน้อยภพใหญ่เลย
ส่วนคำว่าเบื้องบน เบื้องต่ำ เบื้องขวางสถานกลาง
 
ในพระคาถานั้น ก็มีนัยอธิบายเป็น 6นัยเช่นเดียวกับ
เรื่องวิเวกธรรมที่กล่าวมาแล้ว
ทรงแสดงที่อาศัยแห่งกิเลสปปัญจธรรมมีสัญญาเป็นนิทานว่า
ตัณหา มานะ ทิฏฐิ อันทำให้สัตว์เนิ่นช้า 3ประการนี้
มีสัญญาความสำคัญหมายเป็นเหตุให้เกิด

เมื่อบุคคลมาสำคัญหมายในส่วนอดีต อนาคต ปัจจุบัน
สุข ทุกข์ อุเบกขา กุศลากุศล อัพยากฤต
สามธาตุ สามภพ ด้วยประการใดๆ
ปปัญจสังขาร ที่ทำให้เนิ่นช้า คือ ตัณหา มานะ ทิฏฐิ
 
บังเกิดกล้าเจริญทวีขึ้นด้วยประการใดๆ
ทำให้บุคลลเกิดความเห็นถือมั่นด้วยตัณหาว่า
เอตํ มม นั่นเป็นของเรา
ถือมั่นด้วยมานะว่า เอโสหมสมิ เราเป็นนั่น
ถือมั่นด้วยทิฏฐิว่า
เอโส เม อตตา นั่นเป็นตัวตนแก่นสารของเรา
 
ดังนี้แล้วก็ข้องอยู่ในอารมณ์นั้นๆ ด้วยฉันทะราคะ
สเน่หาอาลัย ผูกพันจิตใจไว้ไม่ให้เปลื้องปลดออกได้
สัญญาอันเป็นนิทาน เป็นเหตุเกิดแห่งตัณหา มานะ ทิฏฐิก็ดี
ตัณหา มานะ ทิฏฐิอันเกิดแต่สัญญานั้นก็ดี
 
สงโค เป็นเครื่องข้องเครื่องติด
เครื่องเกี่ยวสัตว์ไว้ในโลกไม่ให้พ้นไปได้
เอตํ วิทิตวา สงโคติ โลเก
ท่านรู้แจ้งประจักษ์ว่า
สัญญาเป็นเหตุแห่งตัณหา มานะ ทิฏฐิ
 
ตัณหา มานะ ทิฏฐิ มีสัญญาเป็นเหตุดังนี้แล้ว
ท่านอย่าได้ทำตัณหา คือความปรารถนาดิ้นรน
ด้วยจำนงหวังต่างๆ เพื่อภพน้อยภพใหญ่เลย
ท่านจงหยั่งญาณรู้ชั่งด้วยตราชู คือ ปัญญา
 
แล้วเห็นประจักษ์แจ้งชัดว่า เป็นเครื่องผูกจำ
เป็นเครื่องเกี่ยวสัตว์ไว้ในโลก
ท่านอย่าได้ทำซึ่งตัณหา เพื่อภพน้อยภพใหญ่เลย
ตัณหาอันเป็นไปในอาหารวิสัยคือ
รูป เสียงกลิ่น รส โผฎฐัพพะ ธรรมารมณ์
 
แตกต่างโดยอาการปวัฎฎิเป็น 3ประการ
คือกาม ตัณหา ภวตัณหา วิภวตัณหา
ตัณหา 6หมู่ ตามอารมณ์ สามอย่างตามอาการที่เป็นไปในภพ
เป็นธรรมอันเกิดอีก เกิดขึ้นเป็นไปพร้อมกับทุกข์
 
คืออุปทานขันธ์ ท่านอย่าได้ทำตัณหานั้น เพื่อภพน้อยภพใหญ่เลย
ท่านจงละตัณหานั้นเสีย จงบรรเทาเสีย
ทำตัณหานั้นให้มีที่สุด
ท่านจงยังตัณหานั้นให้ถึงซึ่งอันจะยังเกิดตามไม่ได้
ท่านจงละตัณหานั้นด้วยสมุจเฉทปาหานเถิดฯ



นำมาแบ่งปันโดย : miracle of love
Credit by : http://agaligohome.com/index.php?topic=4494.0
Pics by : Google
อกาลิโกโฮม * สุขใจดอทคอม
ใต้ร่มธรรมดอทเน็ท
อนุโมทนาสาธุที่มาทั้งหมดมากมายค่ะ