แสงธรรมนำใจ > ศิษย์โง่ไปเรียนเซ็น

"ยักคิ้วกระพริบตา" ฮานะ เอามาฝากจาก อกาลิโกดอทคอม ขะ

<< < (4/20) > >>

แก้วจ๋าหน้าร้อน:
จำได้ตอนอยู่อกาลิโก ไม่คิดว่า จะได้อ่านอีกครั้งครับ ขอบคุณครับพี่แป๋ม :06:

ฐิตา:

....................
....................
....................
....................
(หุบปากให้สนิท ไม่ต้องกล่าวอะไรเลยก็ได้ หากเข้าใจ... เซน)

(สุชัมบดี)

ฐิตา:

ที่จริงหุบปากก็ดีขอรับ

วันนี้จะมาเล่าเรื่องจิตหนึ่งขอรับ
โน้มน้าวเป็นวิธีเหมือนกัน เพื่อให้ผู้ไม่เคยเห็นและรู้จักจิตหนึ่งได้พอเห็นชัดขึ้นขอรับ

ทิ้งความคิดเก่าๆลงก่อนทำใจว่างๆก่อนนะขอรับเปิดใจฟังสบายๆนะขอรับ

ชาวโลกขี้สงสัยกัน ก็ยังไม่เข้าใจ คิดกัน ว่ามีอะไรอย่างอื่น มีวิธีอื่นๆเป็นตุเป็นตะ
เป็นเพราะความคิด เป็นความปรุงแต่งที่ตนเองไม่เคยรู้เลย


สมมุติว่าเย็บปากให้สนิท หรือเอาปลาสเตอร์ปิดปากใว้ ปิดปากเงียบลืมตาก็ได้หลับตาก็ได้ แล้วเฝ้ามองแต่จิต นะขอรับ เหมือนการดูจิต หรือการเจริญสติ แบบความเคลื่อนใหว หรือนั่งสมาธิสมถะ หรือวิปัสสนา ทั่วๆไป

จะเห็นจิตที่คอยเปิดปากพูดคอยเปิดปากแสดงความคิดเห็น คอยเปิดปากแสดงความรู้ทั้งหมด แสดงความเห็นต่างๆ ชัดขึ้น

*******ขอให้เข้าใจอย่างหนักแน่น ก่อนอื่นว่า
สิ่งที่จิตแสดงออกมาให้เห็น ให้ปรากฎ ทั้งหมด เป็นของไม่จริงทั้งสิ้นแม้จิตที่กำลังวิปัสนากำลังปรากฎอยู่ ก็ไม่จริงทั้งสิ้นขอรับ*********

*****ไม่ว่าจิตจะโน้มน้าวอย่างไร ไม่ว่าจิตจะสวมรอยแสดงความเป็นเราอย่างไรเป็นของปลอม เป็นมายา เกิดขึ้นดับไปทั้งสิ้น บังคับไม่ได้เป็นอนัตตาทั้งสิ้น ขอรับ *******

แม้นจิตจะพยายามสร้างภาพต่างๆ วิเศษอย่างไร พยายาม หลอกมาว่าเชื่อฟังคำสั่ง ยอมทำตาม ก็ไม่ใช่ เช่นจิตแบบนึงบอกว่าเงียบจิตอีกจิตยอมเงียบตาม แต่ก็พักเดียวเท่านั้น
จิตนึงทำเบื่อออกมา จิตอีกแบบทำท่าปลอบใจ จะสอนจะอธิบายก็ไม่ใช่ทั้งคู่ขอรับ

ผู้ที่ ยิ่งผ่านการฝึกฝนการฎิบัติมามาก มานาน
จิตแบบนึงบอกให้เงียบ จิตอีกแบบก็แสดงความเงียบฉี่นานๆให้หลงไปตามว่าเป็นเพราะการปฎิบัติ ก็ไม่ใช่ขอรับมีอีกจิตนึงแสดงออกมาอีกว่า การปฎิบัติสามารถบังคับจิตได้ ก็ไม่ใช่ขอรับจิตอีกแบบนึงก็สรรหาการปฎิบัติต่างๆนาๆมาหลอก ก็ไม่ใช่อีกขอรับ

แม้นจิตจะแสดงภาพพระพุทธเจ้า สรรพรังสีสวยงามขนาดใหน ก็ไม่ใช่ ขอรับ
จิตของพระโพธิสัตวสุภูติจึงไม่เห็นหรือสำคัญลักษณะใดๆ ของพระพุทธเจ้าเลย

หน้าที่ที่สำคัญที่สุดของจิตทั้งหลาย คือพยายามทุกวิถีทางที่จะให้หลง และให้ติดอยู่กับจิตให้นานที่สุด
แสดงชั่วให้หลงไม่ได้ ก็แสดงแต่สิ่งดีๆจนหลงไปอีก

คนเย็บปาก ก็ละจิตแบบ ชั่ว ไปติดจิตแบบ ดี อีกก้อถูกหลอกวันยังค่ำจะปฎิบัติอย่างไร ก็ไม่ถึงสักที
เพราะจิตจะพยายามหลอกลวงนอกจากหลอกคนที่เย็บปากแล้วจิตยังหลอกลวงกันเองอีก ขอรับ

จิตแสดงความหลอกลวงตลอดเวลา พยายามอย่างเต็มที่ให้หลงในจิตเช่นหลอกว่าจิตนี้เป็นผู้สอน จิตนี้เป็นผู้ทำตาม จิตนึงคอยเชียร์จิตนึงคอยตัดสิน จิตนึงฟันธง เป็นของปลอมทั้งนั้นขอรับ

บ้างก็หลอกว่าจิตนี้เป็นเรา อีกจิตไม่ใช่เรา จะแสดงบทหักล้างกันเองทะเลาะกันเองบ้าง เห็นดีเห็นงามกันเองบ้าง ชมกันเองบ้างจิตนี้แสดงความเห็นแจ๋วไปเลย ก็ไม่ใช่ ของไม่จริงทั้งนั้น ขอรับ

ให้ดูให้ดีๆนะขอรับจิตหลายๆแบบจะแสดงอย่างไร ทั้งกุศล หรืออกุศลต่างก็ไม่ใช่ของจริงทั้งสิ้น

*****แต่มีอย่างหนึ่งจริง อย่างหนึ่งที่ทำหน้าที่ ดูอย่างเดียว เห็นอย่างเดียว ไม่ได้เกี่ยวกับจิตที่แสดงนั้นๆเลย *****

*******สิ่งนั้นจะรู้ตลอดเวลา เงียบก็รู้ จิตอ้าปากแล้วก้รู้จิตทะเลาะกันแล้วก็รู้ จิตปรองดองกันแล้วก็รู้ จิตดีใจกันก็รู้จิตแสดงอัจฉริยะก็รู้ จิตแสดงลามกโง่เง่าก็รู้ แล้วสิ่งนั้นรู้

จิตที่แสดงเหล่านั้นไม่มีใครสามารถบังคับบัญชาได้แม้เพียงเสี้ยววินาทีเดียวทั้งฝ่ายกุศลและอกุศล จะเกิดดับและแสดงบทตามเวลาเท่านั้นจะบังคับไม่ได้เลยขอรับ

ที่จิตเหล่านั้นแสดงมาทั้งหมดเพื่อให้หลงเท่านั้น แสดงชั่วหลงไม่ได้ก็แสดงเป็นพระเอก เหมือนเล่นละครให้หลง หน้าที่ทั้งหมดของจิตเหล่านั้นทำทุกกระบวนท่าเพื่อให้หลงเท่านั้น ขอรับ

จิตแบบนึง จะแสดงความคิดว่าบังคับจิตอีกจิตจะแสดงตามคำสั่งทั้งนี้เป็นการหลอกให้หลงทั้งสิ้น
คนที่หลงเพราะไม่เคยเห็นจิตหนึ่งเลยก็เลยคิดว่าบังคับได้เพราะไม่เข้าใจคำว่าอนัตตา จริง

ไม่มีใครแม้แต่คนเดียว ที่บังคับจิตได้ แม้แต่วินาทีเดียวเหมือนกันกับร่างกาย แม้การกระพริบตาก็ไม่มีใครบังคับได้แม้แต่นิดเดียวจึงดูความเป็นอัตโนมัติที่จิตทั้งหลาย แสดงออกมา อย่างเดียว ขอรับ

เพราะความเป็นอนัตตาของจิตในปรมัตถ์จริงๆ ไม่มีใครบังคับอะไรได้ แม้แต่คนเดียว
ทุกอย่างเป็นเพียงอัตโนมัติ เหมือนโปรแกรมที่รันไปเองเรื่อยๆถึงเวลาก็โหลดไฟล์แบบนึง เป็นอย่างนี้ตลอดเวลา เป็นไฟล์ที่โหลดมาเองทั้งหมดเป็นอัตโนมัติ ขอรับ

เฝ้าดูไป ว่าเวลานี้ วินาทีนี้ จิตเหล่านั้น แสดงอะไรกันออกมาซึ่งจิตตัวที่แสดงกัน ให้เห็น ถึงจะแสดงสมเหตุสมผลแสดงให้จิตอีกจิตคล้อยตามกันได้ ทั้งหมดก็ไม่เคยเป็นของจริงแม้แต่นิดเดียว

*** มีอย่างเดียวเท่านั้น ที่ดู เห็น และรู้ว่าจิตอื่นๆทำอะไรกันอยู่ ไม่ได้ไปแสดง ไม่ได้ไปเกี่ยวข้อง นั่งดูอยู่เฉยๆ ***

นั่นคือจิตหนึ่งขอรับ

เมื่อรู้จักจิตหนึ่งจริงๆแล้วจิตที่แสดงทั้งหมดจะหลอกอะไรไม่ได้เลยแม้แต่นิดเดียวขอรับ
เห็นจิตเหล่านั้นบ่อยๆมากๆขึ้น จึงละหลง จิตที่แสดงทั้งหมดได้ ขอรับ
จึงไม่มีอะไรเลยขอรับ
มีแต่จิตหนึ่งเท่านั้นขอรับ

(น้องมารน้อย)

ฐิตา:

น้องมารน้อยพูดขอรับ แปลกดีใหมค่ะ พี่ๆ (หนูไม่ได้เป็นทอมนะ)

ขอบคุณค่ะคุณสุชมบดี
ขออภัยนะค่ะกัลยาณมิตร หาได้จากภายนอก ทางอีเมลล์ แต่พุทธะ หาได้จากจิตหนึ่งเท่านั้นค่ะ

ป๊ะ บอกว่า อย่าแซตกะใครค่ะ อันตราย อิๆ
คุยกันทางเวปนี้ก็ได้ค่ะ ขออนุญาติพี่ๆและ เวปอกาลิโกล่วงหน้านะค่ะ

(น้องมารน้อย)

ฐิตา:

การเฝ้ารู้เฝ้าดูเฝ้ามอง...และอีกหลาย"เฝ้า"....เป็นการแบกในธรรมชนิดนึง
การรู้แบบอริยะนั้นมันเหนือการ"เฝ้ารู้"ขึ้นไปอีกเพราะมันเป็น"ธรรมชาติแห่งการรู้"
ไอ้ลูกธรรมชาติที่ว่านี่มันเหนือการจงใจตั้งใจหรือเจตนาแต่มันเป็นความบริบูรณ์
ในธรรมในตัวมันเองอยู่แล้ว ธรรมครบถ้วนอยู่แล้วในความว่างความดับ
ตามภาษาบาลีคือ "มคฺค สมงฺคี" นั่นเองบางสำนักก็สอนให้แบก "ผู้รู้" (สติ)
ไม่เห็นด้วยนะ ใหนว่าธรรมคือธรรมชาติ... ธรรมชาติก็คือ ตถตา มันเป็นเช่นนั้นเอง
(เลย....อดแช็ทด้วยความว่างกับนางมารร้าย....เอ๊ย...มารน้อย...ไม่เป็นไร
เราเป็นเพื่อนกันนะแลกเปลี่ยนความรู้ จากอสูรแก่สุชัมบดี...ผมอายุ 38 เท่านั้น)

(สุชัมบดี)

นำร่อง

[0] ดัชนีข้อความ

[#] หน้าถัดไป

[*] หน้าที่แล้ว

ตอบ

Go to full version