แสงธรรมนำใจ > ศิษย์โง่ไปเรียนเซ็น
"ยักคิ้วกระพริบตา" ฮานะ เอามาฝากจาก อกาลิโกดอทคอม ขะ
ฐิตา:
สวัสดีค่ะคุณสุชัมบดี และทุกๆท่าน
ธรรมะคือธรรมชาติ
ธรรมชาติ เป็นตถตา เป็นเช่นนั้นเอง
ละธรรมะคือละธรรมชาติเข้าถึงตถตาเป็นเช่นนั้นเองไม่แบก ไม่ถือตถตา จึง อยู่เหนือธรรมชาติ
ธรรมชาติของกลุ่ม ของสำนักต่างๆก็เป็นเช่นนั้นเอง บังคับบัญชา ไม่ได้ เป็นธรรมชาติของกลุ่มนั้นเช่นนั้นเอง
ไม่เห็นด้วยได้ค่ะแต่ไม่แบก ไม่ยึดถือ เห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย จึงจะเห็นธรรมชาติ
เห็นธรรมชาติจึงเห็นว่าเป็นเช่นนั้นเอง จึง หมดทั้งความเห็นด้วย หรือไม่เห็นด้วย
ธรรมชาติ ของความจงใจ ของเจตนา เป็นเช่นนั้นเอง จึงเข้าใจธรรมชาติ และจึงละวางธรรมชาติ เป็นเช่นนั้นเอง
ความเป็นเพื่อน กลับมีอันตรายมากกว่าความเป็นศัตรู ไม่แบกทั้งเพื่อนทั้งศัตรู แต่ในที่สุดไร้ทั้งเพื่อนทั้งศัตรู จึงกลายเป็นสิ่งเดียวกัน
เพื่อนก็แสดงธรรมชาติแบบเพื่อนเช่นนั้นเอง ศัตรูก็แสดงธรรมชาติแบบศัตรูเช่นนั้นเอง
ธรรมชาติของการรู้ ก็เป็นเช่นนั้นเอง
เห็นธรรมชาติ เข้าใจธรรมชาติ รู้จักธรรมชาติ รู้แจ้งในธรรมชาติไม่แบก ไม่ยึดถือ จึงเป็นตถตา เช่นนั้นเอง
ธรรมชาติทั้งหลายทั้งปวง ทั้งกาย และจิต ทั้งที่เคลื่อนใหว ทั้งที่นิ่งสงบบังคับบัญชาไม่ได้ แม้แต่นิดเดียวเป็นเพียงธรรมชาติของสิ่งทั้งหลายทั้งปวง
เมื่อถึงความสมบูรณ์ที่สุดก็ว่างปล่าวหาอะไรมาแลกไม่ได้เลยค่ะ
...
งั้นหนูแก่กว่าหลายอสงไขยจ้าอิๆ
(น้องมารน้อย)
ฐิตา:
โถ่ อ่านไปไม่ได้ดูชื่อนึกว่าผู้ใดมาพูดขอรับ เลียนแบบกระผม
ว่าจะไปจดลิขสิทธิ์ คำว่าขอรับสักหน่อย ใครเอาไปใช้จะเก็บทีละ 1บาทมอบให้อกาลิโก ดีมะ
(ขาจรจัด)
ฐิตา:
ข้อความโพสต์ล่าสุดของนางมารน้อยดูดีจริงๆกลมกลืนและตกผลึกในกระบวนการทั้งปวงปล่อยให้มันทำหน้าที่ของมันไป(ตถตาในตัวมันเองไม่มีแบก) ธรรมชาติล้วนๆผมอนุโมทนาสาธุด้วยพลอยทำให้จิตผมสว่างไปด้วยเปรียบเหมือนขี้เมฆที่มันมาบดบังดวงจันทร์อยู่นิดนึงตอนนี้มันลอยไปที่อื่นแล้วพลอยให้ดวงจันทร์อย่างผมดูดีขึ้นเยอะเลย(ใส...ใส) โอเค.......ผ่าน(คุณพริ้วจริงๆยอมรับ)
คงเปรียบเหมือนพระรูปนึงได้ไปกราบครูเว่ยหล่างที่วัดซั่นตุง เมืองโซกายครูเว่ยหล่างถามว่าท่านปฏิบัติธรรมอย่างโร พระรูปนั้นตอบทันควันว่า "อย่าว่าแต่อย่างโน้นอย่างนี้เลย....อริยสัจจ์ 4 ผมก็ยังไม่เข้าไปแตะเลย"เพียงประโยคเดียวก็ทำให้ครูเว่ยหล่างถึงกับทึ่ง ถึงกับเอ่ยปากชวนให้นอนค้างคืนด้วยเพื่ออยู่สนทนาธรรมกันก่อนจนพระรูปนั้นได้ฉายาว่าผู้เคยค้างคืนกับเว่ยหล่างคืนเดียว
*บทวิเคราะห์......หากบุคคลทั่วๆไปอ่านแล้วคงตะขิดตะขวงใจว่าทำไมในเมื่ออริยสัจจ์ 4 เป็นหัวใจของพระพุทธศาสนาแล้วพระรูปนั้น ถึงไม่เข้าไปแตะ ในความคิดของผมผมว่าเมื่อเราศึกษาให้เข้าใจแล้วว่า"อะไรคืออะไร"เช่นอะไรคือทุกข์ อะไรคือเหตุให้เกิดทุกข์ เมื่อเราเข้าใจในกระบวนการทั้งหมด ก็ทำให้ความลังเลสงสัยทั้งปวงหมดสิ้นไป เมื่อการทำงานของขันธ์ 5 มันเข้าสู่กระบวนการคลายกำหนัดอย่างแท้จริง มันจะก่อให้เกิด"โพชฌงค์ธรรม"(องค์ธรรมเป็นเครื่องตรัสรู้ 7 ประการ) เมื่อโพชฌงค์บริบูรณ์ก็จะก่อให้เกิด "วิชชา" ความรู้แจ้ง แล้วก่อให้เกิด "วิมุตติ" ความหลุดพ้นแล้วก่อให้เกิด "วิมุตติญาณทัสสนะ" คือมีธรรมชาติแห่งการรู้แล้วว่าถึงความดับสนิทไม่มีเหลือ ถึงความเป็นธรรมชาติแห่งความไม่ปรุงแต่งทั้งปวง
ที่ไล่สายธรรมมานี้เผื่อคนที่ไม่กระจ่างในเรื่องนี้ เมื่ออ่านแล้วจะได้หมดความลังเลสงสัย มิใช่จับผิดจับถูก
*ครูบาอาจารย์เคยถามผมสมัยไปบวชเป็นพราหมณ์ว่า"อวิชชาตัวสุดท้ายคืออะไรก่อนหลุดพ้น"
ผมเองก็ยังคิดไม่ออกเพราะสภาวะไม่ถึงกระบวนการคลายกำหนัดของผมมันเป็นไปด้วยความอ้อยอิ่งยิ่งเอาจิต"เข้าไปแตะ"เมื่อไหร่ มันก็เป็นธาตุปรุงแต่งเมื่อนั้น .....แต่ถ้าหากให้ผมเดาผมว่าน่าจะเป็น "จิตที่มันกระเพื่อม"
เข้าไปแตะว่าตัวเองหลุดพ้นแล้วนั่นแหละ เมื่อจิตชนิดนี้มันดับก็คงเข้าสู่"ความหยุดโดยสมบูรณ์อย่างแท้จริง
*เพื่อนกันนะ....แนะนำสิ่งดีๆให้แก่กัน....ความเป็นพหูสูตรผู้คงแก่เรียนอย่างนางมารน้อย....ทำให้ผมคอยสดับตรับฟังว่าคุณจะเสนออะไรมาอีก....ทางเว็บเค้าไม่ว่าหรอกมีแต่ธรรมล้วนๆ...มีแต่บัณฑิตกันทั้งนั้น...คนพาลมันไม่มาอ่านเว็บธรรมะหรอกนะ มันจะอยู่กันแต่ในวงอบายมุขทั้งหลาย
*อาจเป็นข้อด้อยของผมที่ทำกรรมชนิดนี้มา คือการศึกษาทางโลกผมเรียนมาน้อยไม่จบ ม.ต้น พยายามเรียนกศน.ก็แล้วมันก็ไม่จบ ทุกวันนี้เป็นพ่อค้าขาย"ฟักทอง"อยู่ที่ตลาดไทแผงเล็กๆ สู้ชีวิตมาตั้งแต่เป็นเด็กรับจ้างเข็นของทุกอย่างในตลาด บางครั้งการนำเสนอในรูปแบบการเขียนไม่ค่อยจะสละสลวยเท่าไหร่แต่ก็มีเจตนาดีเป็นที่ตั้ง วอนทุกๆฝ่ายให้อภัยด้วยหากผิดพลาด
*โปรดติดตามตอนต่อไปโดยฉับพลัน....จาก"อสูรแก่....สุชัมบดี."
(สุชัมบดี)
ฐิตา:
ผมเคยไปวัดนี้มาแล้วรู้สึก "ลงตัว"
ชื่อวัด"ร่มโพธิธรรม" บ้านหลักร้อยหกสิบ กิ่ง อ.หนองหิน จ.เลย
มีเนื้อที่ประมาณ 5000 ไร่
"หลวงพ่อโพธิ์ศรีสุริยะ"ท่านเป็นประธานสงฆ์อยู่ที่นั่นท่านเมตตาลูกศิษย์ดี ท่านต้อนรับทุกคน ใครไปหาท่านๆก็ต้อนรับหมดมีพระจำพรรษากับท่านไม่ต่ำกว่า 100 องค์ทุกปีและมีญาติโยมอยู่ปฏิบัติธรรมที่นั่นไม่ต่ำกว่า 200
ท่านสอนแบบไม่ติเตียน ไม่ถูกไม่ผิด สอนแบบไม่มีอะไรกับอะไรมีนำเสนอคำสอนของหลวงพ่อทางเว็บไซด์สามารถดาวน์โหลดคำสอนมาฟังได้ด้วยลองเข้าไปอ่านดูเอาเอง "www.rombodhidharma.com"
ผมว่า"ของแท้"นะ ลองเข้าไปศึกษารายละเอียดในเว็บก่อนเผื่อ"โดน" ผม"โดน"มาแล้ว
(สุชัมบดี)
ฐิตา:
อนุโมทนาด้วยนะค่ะ
ธรรมชาติแห่งสมมุติในปรมัตถ์
ธรรมชาติแห่งสมมุติ ทั้งหลายก่อเกิดมาด้วย ความสมบูรณ์พร้อม บริสุทธิ์และยุติธรรมเสมอสำหรับทุกคน ไม่มีธรรมชาติใดที่ด้อยไม่มีธรรมชาติใดที่เลิศ เป็นความสมบูรณ์บริบูรณ์ที่สุดหมดจดทุกอนูอยู่แล้ว ไม่มีทั้งสวยงาม ไม่มีทั้งทรุดโทรม
ทุกคนได้รับความบริสุทธ์และยุติธรรม สมบูรณ์พร้อมที่สุดอยู่แล้ว
คุณสุชัมบดี และทุกๆคน รวมทั้งสรรพสัตว์ทั้งหมด สิ่งมีชีวิตทั้งหมดหาได้มีข้อด้อยใดๆ ในทุกๆชีวิต ทุกๆลมหายใจและทุกๆขณะจิตไม่มีสิ่งใดที่ด้อย หรือสิ่งใดเลอเลิศเลยแม้แต่น้อยแต่เพียบพร้อมบริสุทธิ์และยุติธรรม อย่างที่สุดแล้ว
จงละ ทิ้งความคิดและความรู้สึกสมมุติเก่าๆที่ครอบงำออกไปเสียเถอะนี่คือปรมัตถ์ล้วนๆ
จงเอาใส่เข้าไปแทนที่ความคิดปรุงแต่งเดิมๆที่ทำให้จมอยู่กับห้วงทุกข์มานานแสนนาน
ถ้าเห็นและเข้าใจธรรมชาติแห่งสมมุตินี้ ตามปรมัตถ์นี้ได้จริงจะเพิกถอนอย่างถึงโคน จนแทบจะไม่เหลืออะไรเลยอย่างรวดเร็ว
ทั้งธรรมชาติแห่งสมมุติ ทั้งหลายทั้งปวง ธรรมชาติของกาย ธรรมชาติของจิต ล้วนบริสุทธิ์หมดจดทั้งหมด ไร้ตำหนิโดยสิ้นเชิง
แต่เพราะความสำคัญมั่นหมายปรุงแต่งต่างหาก ที่ทำให้ธรรมชาติอันแสนบริสุทธิ์สมบูรณ์พร้อมต้องเสียรูปไป
ธรรมชาติใดๆก็ดีในสมมุติทั้งหลายบริสุทธิ์หมดจด ไม่ต่างกับธรรมชาติแห่งพุทธะเลย
โลกธาตูทั้งหลายทั้งปวง พุทธเกษตรทั่วทุกโลกธาตุ ต่างบริสุทธ์ผุดผ่อง ไม่ต่างกันเลยแม้แต่โลกธาตุเดียว
ความบริสุทธิ์ผุดผ่องหมดจดนี้เป็นเช่นเดียวกันกับพุทธะไม่แตกต่างกันเลยแม้แต่น้อย
พุทธะจึงไม่มีรอยด่างพร้อยของสมมุติใดๆ แม้แต่นิดเดียว บริสุทธ์เช่นเดียวกันจนไม่อาจแยกความแตกต่างใด้เลยแม้แต่น้อย
**นี่ไม่ได้บรรยายถึงพุทธะแต่บรรยายถึงธรรมชาติแห่งสมมุติทั่วๆไป อย่างปรมัตถ์
จากการเห็นธรรมชาติที่แท้จริงของทุกสิ่งทั้งปวง ในสมมุติไม่ต่างกับพุทธะ เท่านั้นเอง
เมื่อเพิกถอนทุกสิ่งได้ ก็จะเห้น และสัมผัสได้เอง ว่า โลกธาตุและธรรมชาติแห่งสมมุตินั้นงดงามและบริสุทธิ์ไม่ต่างกันกับธรรมชาติแห่งพุทธะตามที่ครูบาอาจารย์ทั้งหลายได้เคยบรรยายธรรมชาติแห่งพุทธะให้ฟัง ****
บทความแห่งเซน เป็นบทแห่งการเพิกถอน ชนิดถอนรากถอนโคนไม่ได้เป้นเพื่อการแสวงหา หรือสะสมใดๆหรือต้องตั้งวิธีปฎิบัติใดๆ
จึงขัดแย้งกับผู้แสวงหา ผู้สะสม อย่างหน้ามือเป้นหลังมือ ที่เคยโพสต์มาก็จะมีเพียงไม่กี่คนเปรียบดังเขาสัตว์ ที่สามารถถอดถอนความปรุงแต่งของตนได้
คำพูดหนู ไปโพสต์ที่ใหนใครๆก็ว่าเล่นลิ้น สบัดสำนวน ลอกมาแบบเท่ห์ๆเมื่อดีกรีแห่งความแรงของผู้ฟังมีมาก จะฟังแล้วดูรุนแรงจนไม่อาจรับได้เมื่อดีกรีความแรงของคนนั้นลดลง ฟังแล้วไม่ได้ตกใจไปกับคำพูดเช่นนี้โดนแบนมาหลายสำนัก เพราะหาคนเข้าใจได้น้อย
ก็เหลืออกาลิโกนี่แหละ ที่มีห้องเซน ให้ขอบคุณพี่ๆทุกคน นะค่ะ อนุโมทนาค่ะ
(น้องมารน้อย)
นำร่อง
[0] ดัชนีข้อความ
[#] หน้าถัดไป
[*] หน้าที่แล้ว
Go to full version