แสงธรรมนำใจ > ศิษย์โง่ไปเรียนเซ็น

"ยักคิ้วกระพริบตา" ฮานะ เอามาฝากจาก อกาลิโกดอทคอม ขะ

<< < (6/20) > >>

ฐิตา:

เมื่อก่อนผมศึกษาเซนรู้สึกว่ามันยากและดูโอเวอร์อาจเป็นเพราะพื้นฐานทางธรรมผมน้อยแต่เมื่อโตขึ้นรู้สึกว่าต้องขอบคุณคณาจารย์และบรรดาลูกศิษย์ในทางฝ่ายเซนที่ได้ถ่ายทอดและช่วยกันบันทึกคำสอนไว้ ผมใช้ 2 เล่มในการศึกษาโดยเทียบเคียงพระไตรปิฎกมาตลอด ก็คือ
*สูตรของเว่ยหล่าง
*คำสอนของฮวงโป
ทั้งสองเล่มนี้แปลโดย หลวงพ่อพุทธทาสภิกขุ สำหรับผู้ที่สนใจสามารถหาซื้ออ่านได้ ราคาเล่มละ
120 บาท ก็"สุดคลาสสิก"เลยนะ

ในความเห็นของผม หลังจากที่พระพุทธองค์เสด็จปรินิพพานไปแล้วก็มีสาวกชั้นอสีติยุคหลังได้ถ่ายทอดคำสอนไว้หลายรูปเช่นท่านพุทธโฆษาจารย์เรื่องอภิธรรม ท่านนาคเสนเรื่องมิลินทปัญหา ล้วนเอกอุทั้งสิ้นแต่ที่"โดน"จริงๆกลับเป็นหนังสือ 2 เล่มข้างต้นผมว่าเป็นหนังสือที่สุดคลาสสิคในทางธรรมเลยก็ว่าได้เพราะเป็นหนังสือที่บรรยายถึงสภาวะการถึงกระแสพระนิพพาน(การก้าวข้ามประตูเข้าเขตแดนพระนิพพาน)และสภาวะนิพพานได้อย่างลงตัว เข้าใจเหมือนจับต้องได้ แต่เป็นเรื่องแปลกหนังสือที่เกี่ยวกับพระสูตรในมหายานโดยตรงที่ท่านโพธินันท์แปลผมเองกลับไม่ชอบเอาซะเลย

*ผมเองเคยประสบปัญหาเหมือนกับคุณมารน้อย โดนแซวอยู่เรื่อย
เป็นพวก "เซน ไม่ชอบจ่ายสด" ก็ในเชิงดูถูกว่าเอ่ะอ่ะ....อะไรก็ว่างไปซะทุกอย่าง ยิ่งไปพูดกับคนที่ติดแบกในข้อธรรมยิ่งไปกันใหญ่ หาว่าเราหลงไปเลย ยกตัวอย่างผมเคยพูดว่า "ในธรรมชาติไม่มีอะไรให้ต้องรักษา" ก็ถูกโต้กลับว่า การหลุดพ้นเราต้องรักษาศิลให้บริสุทธ์เสียก่อนผมก็แนะต่อไปอีกว่า"ศีลมันเป็นตัณหาอุปาทานล้วนๆ" เขาก็สวนว่า "แล้วในมรรคมีองค์ 8 ทำไมต้องมีศิลในองค์สัมมาวาจา สัมมากัมมันโต สัมมาอาชีโว" ผมเลยตอบว่าศิลของปุถุชนกับศิลของอริยชนต่างกันศิลของปถุชนเป็นการเข้าไปสาละวนในความดียึดมั่นถือมั่นเป็นอัตตาแต่ศิลของอริยชนเป็นเพียง"ศิลปะ"

ในการดำรงตนให้เข้ากับสังคมได้อย่างกลมกลืนเป็น "การกระทำซึ่งไม่กระทำ" เพราะพูดจา,กระทำหรือเลี้ยงชีพตามแบบฉบับของสัมมาแต่ข้างในใจมันถึงความดับตลอด "กาย วาจาเคลื่อนไหวแต่ใจดับ"....ก็อธิบายขนาดนี้เขายังว่าผมเพี้ยนเลยแถมยังขู่อีกว่าระวังจะตกนรกนะปฏิบัติผิดทางแบบนี้.....ผมเจอลูกนี้เข้าไป ...วัยรุ่นเซ็งเลย...อุ๊ย น่ากลัว

*การเผยแพร่ธรรมอันเป็นแก่นแท้ในยุคนี้เป็นไปด้วยความยากลำบากต้องอธิบายธรรมแบบถ้วนทั่วแทบจะทุกครั้งไป เหนื่อยไม่น้อยหากจะบอกแบบสรุปก็กลัวบางคนไม่เข้าใจ เพราะความที่เขายังไม่ตกผลึกที่แย่ไปกว่านั้นก็พวก"คอเซน"เดียวกันทั้งหลาย เห็นการอธิบายธรรมของผมบางท่านไม่เข้าใจในวิธีการนำเสนอ ก็ตำหนิเหมือนกันว่าผมลงไปบัญญัติทำไมมันเป็นอัตตานะ พอใช้วิธีหุปปากเงียบบ้างก็ถูกแซวว่าเงียบเพราะไม่เข้าใจ โดนมาหลายบอร์ด

ก็สนุกดีนะ.....สีสัน...ในเส้นทางธรรม....เพื่อนๆกันทั้งนั้น เป็นกำลังใจให้ทุกๆฝ่ายในการทำงานเพื่อพระพุทธศาสนา คนละไม้คนละมือโลกใบนี้จะได้น่าอยู่ต่อไป
*ให้นึกถึงพระพุทธองค์ตอนที่ท่านเสด็จลุกขึ้นจากโคนศรีมหาโพธิ์พระองค์"สู้"มาคนเดียวตลอดท่ามกลางเหล่ามิจฉาทิฐิทั้งหลายในยุคนั้นไม่ว่าจะเป็นอเจลกะ สัญชัย ปริพาชก ปริพาชิกาทั้งหลายแถมยังรวมพวกศาสนาดั้งเดิมในชมพูทวีปคือศาสนาพราหมณ์ล้วนแต่มืดๆทั้งนั้นบ่งบอกได้ถึง"ระดับความเหนื่อยยากลำบาก"ที่พระองค์ประสบมา
.....ให้กำลังใจกันนะ....สาธุ

(สุชัมบดี)

ฐิตา:

นี่น้องมารน้อยจ๊ะไม่ใช่ มารน้อยคนละคนกันจ๊ะ

ที่จริงเซน ก็ลงนรกไปเยอะเหมือนกันแหละค่ะ
เซนแบบเห็นผิด ไม่ได้เข้าถึงเซน ก็ไปนรกกันมาก

การเห็นผิดเพียงนิดเดียว ก็ไปเลยไม่ว่าจะเซน เถรวาท หรือมหายาน คริสต์ อิสลาม หรือทุกๆศาสนา
โดยเฉพาะเมื่อฟังแค่คำสอนที่ว่า " ไม่มีอะไรต้องทำ"

เซนผู้ที่ไม่เข้าใจ ในคำสอน ก็เลยปล่อยตัวไปตามยถากรรมก็เลยปล่อยตัวปล่อยใจล่องลอยไปกับสังสารวัฎ โดยไม่รู้จักตัวตนและใจทั้งฝ่ายกุศล และอกุศล ก็ล่องลอยอยู่ในสังสารวัฎ

การทำทานรักษาศีลทำภาวนาการปฎิบัตินาๆวิธี เพื่อให้รู้จักตัวตน กาย ใจขจัด ธรรมะฝ่ายอกุศล นั่นคือ การใช้ความพยายามแสวงหาพ่วงแพเพื่อให้ล่องลอยในสังสารวัฎสบายขึ้น

แต่ทั้งสองแบบไม่ต่างกันย่อมล่องลอยในสังสารวัฎไม่ต่างกัน
เพียงเพราะ ไม่เข้าใจถึง "คำว่าไม่มีอะไรต้องทำ "

ความเห็นผิดที่สุดๆอย่างแรกคือ เมื่อได้ยินได้ฟังคำว่าไม่มีอะไรต้องทำ
ทุกคนก็เริ่มทำ ในสิ่งตรงข้ามกับคำสอนทันที ก็คือเริ่มคิด เริ่มหาเหตุผล
และเข้าใจผิดๆไปแล้วทันทีที่ได้ยินคำสอนนี้
ก็เรียกว่า ลงมือทำ ทำไปแล้ว แล้วจะเข้าถึงคำสอนที่แท้จริงได้อย่างไร

พักเดี๋ยวพักเดี๋ยวค่อยมาต่อใหม่นะค่ะ

(น้องมารน้อย)

ฐิตา:

สุดยอดจริง ๆ เลยครับ น้องมารน้อย

ว่าง ๆ จะขออนุญาตนำเรื่องราวดีดีที่ได้ฟังท่านทั้งหลายสนทนากัน ไปเล่าให้หลวงพ่อ
ที่วัดข้างบ้านฟังเพราะรู้สึกว่าท่านจะชอบธรรมะแนวนี้อยู่เหมือนกัน

ขออนุโมทนาสาธุครับ น้องมารน้อย

(ดุจเม็ดทราย)

ฐิตา:

สวัสดีค่ะพี่ๆ และ พี่ดุจเม็ดทราย

ถ้าหลวงพ่อที่วัดข้างบ้านพี่มีอะไรชี้แนะ เห็นสมควรประการใด ได้โปรดแนะมาได้เลยค่ะ

หนูพักเดี๋ยว ไปหลายเดี๋ยวกลับมาเข้าบอร์ด ไม่ได้เลย
ตัองพักอีกหลายเดี๋ยว

เปิดมา เจอ แต่กากะบาทเพียบเลย มีแต่เครื่องหมายกากะบาท
ใครส่ง กากะบาท มานะเนี่ย นะเนี่ย มาห้ามโพสต์ธรรมะ เดี๋ยวเจอดี

เตือนก่อนนิดนึงนะค่ะ

เมื่อ พวก พี่น้องตระกูล มารน้อยโพสต์ไปที่ใด บอร์ดที่นั้นมักจะล่มข้อมูลทั้งหมดจะกู้ไม่ได้
จะลงไตรลักษณ์ เร็วมาก ไปที่ใหนเจ๊งที่นั่นสงสัยพวกเราจะเป็นตัวซวย อิๆ
อย่าลืมแบคอัฟให้ดีๆนะค่ะ

ประมาทไม่ได้ พลังกากะบาทออกมาแล้วห้ามโพสต์ ออกมาเต็มจอ
ลองโพสต์ก่อนนะค่ะ ว่าเข้าได้หรือเปล่า
ทดสอบ ๆ ๆ จ๊ะ

(น้องมารน้อย)

ฐิตา:

เมื่อพระพุทธองค์ ทรงวางพระหัตถ์ลง ยังบนโลกธาตุ
ฉับพลันโลกธาตุก็แปรเปลี่ยนไป ที่รุงรัง เป็นหลุมเป็นบ่อ ก็ราบเรียบดุจเดียวกัน เสมอกันทั่วทั้งโลกธาตุ ความสดใส ความบริสุทธิ์ผุดผ่องไร้ตำหนิปรากฎไปทุกหนทุกแห่ง สำแดงความบริสุทธิ์ผุดผ่องของโลกธาตุ แก่ชาวโลก ยังความปลาบปลื้มหาใดเปรียบ

โลกธาตุนี้ บริสุทธิ์ ยุติธรรม พิสุทธิ วิมุติ ตั้งแต่ใหนแต่ไรมา
ไม่มีสิ่งใดต้องแก้ใข ปรับปรุง เปลี่ยนแปลง บังคับ หรือตกแต่งอลังการโลกธาตุเลย
แล้วจะมีอะไรต้องทำในโลกธาตุนี้อีกหรือ

กลับมาหัวข้อกระทู้หน่อยนะค่ะ เด่วเจ้าของกระทู้จะงอน
การยักคิ้ว กระพริบตา ถ้าไปยักอยู่นอกโลกธาตุ ไม่แน่เหมือนกันนะ อาจบังคับได้ค่ะ อิๆ
แต่ถ้าอยู่ในโลกธาตุ ทุกภพ ทุกภูมิ ก็ ไม่มีใครสักคนเดียวที่ยักคิ้วและกระพริบตาเองได้สักคนเดียว

(น้องมารน้อย)

นำร่อง

[0] ดัชนีข้อความ

[#] หน้าถัดไป

[*] หน้าที่แล้ว

ตอบ

Go to full version