แสงธรรมนำใจ > ศิษย์โง่ไปเรียนเซ็น
"ยักคิ้วกระพริบตา" ฮานะ เอามาฝากจาก อกาลิโกดอทคอม ขะ
ฐิตา:
--- อ้างจาก: Hana ที่ มิถุนายน 08, 2011, 10:14:11 pm ---ท่านสังฆปรินายก บอกว่า ปัญญาสุดๆ ไม่ต่างกันนี่ ทั้งพระพุทธเจ้าและสามัญสัตว์ ไม่ได้เป็นอะไรเลย นอกจากจิตหนึ่งเท่านั้น ปัญญา อย่างตรัสรู้ ปัญญาแห่งความรู้แจ้ง ก็มีบริบูรณ์ สุดๆอย่างเท่าเทียมกัน เอ่ ? แล้วทำไม หลวงพี่ยังเห็น ยังว่าแตกต่างกัน เอ่ ? แล้ว หลวงพี่เข้าใจ เข้าใจ เป็น เซนแบบใด กันนี่หรือว่า ว่าง แบบปัจตังแท้ๆ ไม่ได้ว่างแบบสากล ไม่เหมือนท่านสังฆปรินายกเห็นเลย ? หนู งง ไปหมดแล้ว ค่ะ ว่างแบบปัจจตัง(น้องมารน้อย)
--- End quote ---
ก็หลวงพี่ ...ว่างแบบปัจจัตตังแท้ๆไงค่ะ... ว่างเฉพาะตน ...ว่างแบบตน... แต่ไม่ว่างจากตนซะที...หลวงพี่ ก็ได้แต่จินตนาการความว่างเท่านั้นเอง...ก็เลยไม่ใช่ว่างแบบสากลค่ะ
apocalypse
ฐิตา:
ฮานะ ค่อยมา โพสต์ต่อ ขะ บอร์ด อืด มาก มาก
Hana
............................
อ่อ กระทู้ของเจ้าแม่เซนธรรมเอก ที่ไม่มีอะไรผุด ไม่มีอะไรดับ
miracle of love
ฐิตา:
สวัสดีจ๊ะคุณน้องมารน้อยและสหายธรรมทุกท่าน ตามที่น้องมารน้อยมีข้อสงสัยเกี่ยวกับ
ว่างแบบปัจจัตตังของหลวงพ่อว่าเป็นแบบไหน ?นั้น
จริงๆ คำตอบมันเป็นปริศนาธรรมอยู่ในในตอนสุดท้ายที่ผมไม่กล้า เล่า
แบบว่ากลัวครับ กลัว
แต่ดู ดู จากที่สนทนากันมาหลายครั้งแล้ว
เวปนี้รู้สึกจะสงบเรียบร้อยถ้อยทีถ้อยอาศัยกันดีอยู่คงพราะเป็นคอเซนด้วยกันทั้งนั้น
ไหน ๆ ก็เพราะเหตุที่น้องมารน้อยถามมา
จึงขอตอบไปตามเหตุ แต่ผมขอบอก
คำตอบมันสวนกระแสแบบสุด ๆมันอาจจะสุดที่ผู้ยังไม่เข้าถึง เซน จะรับไว้ได้
กลัวจะถูกถล่มด้วย ก้อนหินก้อนกรวด ขวดเหล้าขวดเบียร์อะอะไรประมาณนั้น
ถ้าเป็นอย่างนั้นคงต้องให้น้องมารน้อยเป็นผู้รับผิดชอบแต่ผู้เดียวแล้วกันนะครับ
เรื่องมันมีอยู่ว่าหลังจากสนทนากับหลวงพ่อมาจนพอสมควรแก่การกราบลาแล้วผมจึงบอกหลวงพ่อว่า
หลวงพ่อครับมาสนทนาธรรมกับหลวงพ่อแล้วทำให้เกิดปัญญาจริง ๆ เลยนะครับ
หลวงพ่อตอบว่าไงรู้ไหม ?ครับ
ท่านตอบว่า ปํญญาบ้าบออะไรกันอีกโยม ขยะน่ะ ขยะทั้งนั้นถังอยู่ข้างประตูวัดนั่นไงอย่าลืมเอาไอ้ปัญญาที่ว่าทิ้งไว้ที่ถังขยะด้วยนะโยมอยู่
เป็นไงครับ ? ใคร ๆ เข้าปฏิบัติเพื่อจะให้เกิดปัญญากันทั้งนั้น
แต่หลวงพ่อกับเห็นเป็นขยะที่ต้องเอาไปทิ้งเอากับหลวงพ่อท่านซิ
ผมนี่ งงสุด ๆ กับหลวงพ่อจริงๆ
(เม็ดทราย)
.................
ส่วนหลวงพ่อท่าน นามว่าอะไร จำพรรษาอยู่ที่ไหนวัดอะไรนี่
ต้องขอสงวนเป็นความลับเพื่อความความปลอดภัยของหลวงพ่อครับ
กลัวท่านถูกจับสึกจากผู้ที่ยังไม่เข้าใจในธรรมที่ท่านแสดงด้วยข้อหามิจฉาทิฏฐิครับ
(เม็ดทราย)
ฐิตา:
แหม เหมือนหนูเลย
พวกจ้องปองร้าย เยอะแยะ เหมือนกัน ต้องหลบๆซ่อนๆบางทีก็ไปอาศัยอยู่กับพรานป่า สอนให้รู้จักการล่าสัตว์สอนให้รู้จักเลี้ยงสัตว์ สอนให้รู้จักทำกับข้าว เพราะหนูไม่ชอบกินผักแบบท่านสังฆปรินายก
หนูกลัวค่ะกลัวต้องกินแต่ผักอิๆ
แล้วหลวงพ่อยังกลัวถูกสึกด้วยหรือค่ะงั้นสึกเองไม๋ไม่ต้องรอคนจับสึกก็ได้ค่ะ
หรือติดในจีวร อย่างนี้ตาย(มรณะภาพ)ไป ติดในจีวร จะเป็นตัวเล็นนะค่ะหนูเคยได้ยินในพระไตรปิฎกด้วยแหละ พี่เม็ดทราย เคยได้ยินไม๋คะ
ถ้าคอเซนแล้ว ต่อให้กระทบรุนแรงแค่ใหนการกระทบก็เบาบาง ลงบางลง
เวลาโยนหินไปในน้ำโยนแรง คลื่นก็แรง
เวลาโยนหินไปในอากาศ โยนแรงๆ เร็วกว่าเสียง กลับดังสนั่น
แต่โยนหินเข้าไปในจิตหนึ่งจ๋อยหายจ๋อยทั้งหินหายทั้งเสียง หายทั้งคลื่น
กลุ่ม คอเซน จะอาศัยการกระทบ เพื่อเข้าถึงประสบการณ์ ไม่หลีกเลี่ยงประสบการณ์จึงเรียกว่ามีปัญญา
คนเขลา หลีกเลี่ยงประสบการณ์แต่ก็มีปัญญา เหมือนกัน
ที่ถ้อยทีถ้อยอาศัยกัน เป็นออโตเมติกของกลุ่มคอเซน เค้าน่ะค่ะ
แต่ปัญญาทั้งหมด เอาไปทิ้งขยะ ก็หาถังขยะ มารองรับไม่พอ
แต่ปัญญา กลับรองรับได้ทั้งถังขยะ และโลกธาตุทั้งหมด
มันไม่ได้ขึ้นกับหนังสือ หรือบัญญัติใดๆ และปัญญา ก็ไขว่คว้าไม่ได้จะหาถังหาภาชนะต่างๆมารองรับก็ ไม่สามารถหาได้พอ ปํญญาของคนนั้นจึงเป็นตามภาชนะ ถังหรือกาละมัง
ปัญญาของหลวงพ่อของพี่ ใส่ได้ใน ถังขยะก็ไม่เป็นไรหรอกค่ะ
ทิ้งไปได้ก็ดีดีกว่าเก็บไว้สาธุๆๆ
(น้องมารน้อย)
ฐิตา:
ขนาดเอาสูตรที่พระพุทธองค์ตรัสไว้เองออกมานำเสนอเพื่อยังประโยชน์สูงสุดให้เกิดขึ้นกับทุกๆฝ่ายที่ปรารถนาทางหลุดพ้นไม่ได้มีเจตนาคะคานให้เสียรูปกระบวนแต่อย่างใด ปานนั้น"ก็โดนจนเลือดสาด"มันส์ดี คุณพูดอย่างกับว่าพระองค์ก็ไม่ถึงคง คงไม่เข้าใจคำว่า"ธรรมชาติแห่งความไม่หวนกลับไปบัญญัติ"
*เซน....เล่นลิ้น....พึ่งกระจ่างในวันนี้เอง
*พระพุทธองค์ก็เจออุปสรรคในการเผยแพร่ธรรมเมื่อเจอเหล่ามิจฉาทิฐิที่โต้ตอบธรรมเพียงมุ่งหวังจะ"ลบชื่อ"พระพุทธองค์ออกจากชมพูทวีปในยุคนั้นตถาคตทำได้แค่เพียง"นิ่งเฉย"เสีย
*การที่เราพูดถึงเนื้อหาแห่ง"วิมุตติ"ล้วนๆโดยไม่กล่าวถึง"หนทาง"
ดำเนินมาสู่จุดวิมุตติ ก็เปล่าประโยชน์ ไม่เช่นนั้นเปิดพระไตรปิฎกออกมาก็จะพบเพียงกระดาษเปล่าๆ เพราะไม่มีประโยชน์ที่จะกล่าวธรรม
*"มรรค"คือ"ลีลาแห่งธรรม"เท่านั้นมรรคเมื่อเราเข้าไปศึกษาแล้วเข้าใจแล้วในกระบวน"โครงสร้าง"ทั้งหมดของธรรมตัดความลังเลสงสัยได้แล้วในเรื่องอะไรคือทุกข์
อะไรคือเหตุให้เกิดทุกข์ และวิธีดับทุกข์ เราก็วางเรื่องที่เราศึกษาซะปล่อยให้ทุกอย่างดำเนินไปตามทางของมันภายใต้กฎธรรมชาติตรงนี้แหละจะเกิดการขยับเขยื้อนเป็นลีลาแห่งธรรมพระพุทธองค์ตรัสเรียกว่า"ระบบคลายกำหนัด"แต่มิใช่ให้เข้าไปแบกในเรื่องนี้อีก ที่บางท่านบอกว่าระบบ"automatic system"นั่นแหละตัวเดียวกันพออสูรแก่สุชัมบดีเปรียบเทียบระบบคลายกำหนัดว่า
มันเป็น"การปฏิบัติธรรมโดยที่ไม่ต้องทำอะไรเลย"บ้าง เท่านั้นแหละ โดนซะน่วม
*ม่าม๊า บอกไว้นานแล้วไม่ให้สนทนาธรรมกับคนแปลกหน้า เว้นไว้แต่เขาคนนั้นเป็นพหูสูตร เป็นบัณฑิต
*เอาไว้วันหน้า จะนำเสนอธรรมเป็น series ไล่เรียงตั้งแต่มืดยันสว่างในรูปแบบการนำเสนอสไตล์สุชัมบดีเผื่อมีแฟนคลับกับเขาบ้างในบอร์ดอกาลิโกนี่แหละ ช่วงนี้ไม่ว่าง"ฟักทอง"ขายไม่ค่อยออก
*tawatingsaheaven@thaimail.com....อีเมล์ผมเอง เผื่อ"โดน"สามารถโพส์ส่วนตัวได้
*ไม่มีอะไรในกอไผ่ นอกจาก"หน่อไม้"
(สุชัมบดี)
นำร่อง
[0] ดัชนีข้อความ
[#] หน้าถัดไป
[*] หน้าที่แล้ว
Go to full version