วิถีธรรม > กฏแห่งกรรม-ชาติภพ
กรรมที่ทำให้เกิดผิดเพศ อิสิทาสีเถรีคาถา
ฐิตา:
กรรมที่ทำให้เกิดผิดเพศ อิสิทาสีเถรีคาถา
เพศที่สาม นิยามตามกระแสมีหลากหลาย ตุ๊ด แต๋ว ฉิ่ง อีแอบ เกย์ กะเทย (ควาย) ทอม ดี้
สาวหล่อ หนุ่มสวย คนสีม่วง
ซึ่งมีอยู่ในทุกอาชีพ ตั้งแต่กรรมกร ไปจนถึงนักการเมืองระดับประเทศ ไม่เว้นแต่องค์กรทาง ศาสนา
ซึ่งมีทั้ง พระตุ๊ด และ ชีทอม
ทฤษฎีและแนวคิด การเกิดเพศที่สามมีหลากหลาย ระบบสมอง จิต ยีน พันธุกรรม การเลี้ยงดู
การหล่อหลอมทางสังคม การเรียนรู้จากสังคม รวมทั้งเป็นเรื่องของ กรรมเก่าแต่ชาติปางก่อน ด้วย
แนวคิดเรื่อง "กรรมเก่าแต่ชาติปางก่อน" เป็นประเด็นหนึ่งทางพุทธศาสนา ที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อย
ทั้ง นี้ พระอาจารย์เกษมสุข เขมสุโข พระนักจัดรายการพุทธประทีป ทางสถานีวิทยุกองทัพอากาศ ๐๑ ดอนเมือง
และอดีตที่ปรึกษารายการพุทธประทีปฝ่ายข้อมูลรายการซึ่งออกอากาศ ทางช่อง ๕
ได้ยก พระไตรปิฎก และ อรรถกถาเล่ม ๕๔ หน้า ๔๖๖ อิสิทาสีเถรี
มาอธิบายว่า พระภิกษุและภิกษุณี ที่สำเร็จเป็นพระอรหันต์แล้ว ท่านจะเล่ากรรม ในอดีตชาติบางชาติให้ฟัง
เล่าทั้งกรรมดีและกรรมชั่วที่ท่านเคย ทำไว้ เพื่อ เป็นอุทาหรณ์สอนประชาชน เช่น
พระอิสิทาสีเถรี ท่านเล่าว่า ท่านเคยเกิด เป็นผู้ชาย แต่เจ้าชู้ แอบเป็นชู้กับภรรยาคนอื่น พอตายก็ตกนรก
หมดกรรมจากนรก ก็ไปเกิดเป็นสัตว์หลายชนิด
เช่น เกิดเป็นลูกลิง ก็ถูกลิงจ่าฝูงกัดอวัยวะสืบพันธุ์ เป็นผลกรรม ที่ใช้อวัยวะเพศเป็นชู้ หมดกรรมจากลิง
ไปเกิดเป็นแพะตาบอด
ได้รับอุบัติเหตุที่อวัยวะเพศ เป็นแผลเน่า หนอนขึ้นที่แผล เพราะกรรมใช้อวัยวะเพศ ไปทำบาปเป็นชู้
หมดกรรมจากแพะตาบอด ไปเกิดเป็นโค ต้องไถนาทำงานหนัก และถูกเจ้าของจับตอนอวัยวะเพศ เพื่อไม่ให้ผสมพันธุ์
คือไม่ให้ใช้ อวัยวะเพศอีก
หมดกรรมจากโค ไปเกิดเป็นทาส เป็นกะเทยแท้ ๒ เพศในคนเดียวกัน อายุ ๓๐ ปีก็ตาย จากนั้นจึงไปเกิดเป็น
ผู้หญิงยากจน พ่อแม่มีหนี้สินมาก ไม่มีเงินใช้เจ้าหนี้ จึงถูกยึดลูกสาว
ขณะที่เกิดเป็นสาวยากจน ถูกนำตัวไปขัดดอกเบี้ย ลูกชายเจ้าหนี้พอใจ ในเรือนร่างสาวแรกรุ่น
เขามีภรรยาและมีบุตรอยู่แล้ว จึงนำ นางสาวขัดดอกเบี้ยไป เป็นภรรยาน้อย เธอทำบาปกรรมเพิ่มขึ้นอีก ในชาตินั้น
โดยความไม่รู้เท่าทันกรรมว่า ที่เกิดมาในชาตินี้ จนอย่างนี้ ต้องเป็นรอง เป็นภรรยาน้อยเขา
ฐิตา:
เพราะเป็นแค่เศษกรรมเก่า ที่ต้องใช้หนี้กรรม...เธอกลั่นแกล้ง ใส่ร้ายภรรยาหลวง
ภรรยาหลวงเป็นคนดี อยู่ในศีลในธรรม จึงยอมแพ้หนีออกจากบ้าน นางจึง ได้เป็นใหญ่ ในบ้านแทน
ผลกรรมที่เธอกลั่นแกล้ง ใส่ร้ายคนดีมีศีล เป็นการทำกรรมบาปซ้อนกรรมบาป เขาให้มาเกิดชดใช้กรรมที่เป็นชู้ แล้วมาทำกรรม
ใส่ร้ายภรรยาหลวง จนอยู่ในบ้านไม่ได้ เพราะสามีเข้าใจผิด เกลียดภรรยาหลวง
กรรมใหม่นี้ทำให้เธอมาเกิดอีกชาติหนึ่ง เป็นลูกเศรษฐีใจบุญ อยู่ในศีลในธรรม (หมดกรรมที่เป็นชู้สมัยเป็นผู้ชายแล้ว)
ผลกรรมที่ใส่ร้ายภรรยาหลวง ผู้เป็นคนดี ทำให้สามีไม่รัก เบื่อง่าย จนไม่สามารถ ทนอยู่ด้วยได้อีกต่อไป
ทั้งๆ ที่เธอเป็นคนดีทุกอย่าง ดูแลเอาใจใส่สามีสารพัด แต่กรรมสมัยเมื่ออดีตชาติ ใส่ร้ายภรรยาหลวงที่เป็นคนดี
จนอยู่บ้านไม่ได้ เพราะสามีเกลียด ด้วยความ เข้าใจผิด ทำอย่างไรก็ได้รับผลเช่นนั้น
ผลกรรมทำให้เธอต้องเป็นม่าย หลายครั้ง มีสามีกี่คน สามีก็เบื่อ และทิ้งเธอ หมดทุกคน
จนเธอเสียใจ คิดจะฆ่าตัวตาย หรือไม่ก็บวชตลอดชีวิต เธอบวชได้ ๗ วัน บรรลุเป็นพระอรหันต์
พระอาจารย์เกษมสุข ให้คติธรรมไว้อย่างน่าคิดว่า "เรื่องของกรรมในอดีตชาติ อาจจะเป็นเรื่องอธิบาย ให้คนเข้าใจยาก
เพราะไม่มีอะไรพิสูจน์ แต่เราก็มิอาจจะปฏิเสธ เรื่องของอดีตชาติ ชาติปัจจุบัน และชาติหน้าได้
เพราะเมื่อวานอาจจะเป็นอดีตชาติของใครบางคน ปัจจุบันขณะเป็นชาตินี้ พรุ่งนี้อาจจะเป็นชาติหน้า ของใครอีกหลายๆ คน
ทุกๆ วันเรามักจะวางแผนงานล่วงหน้า เพื่อความสำเร็จในหน้าที่การงาน แล้วทำไมเรา ไม่รักษาศีล เจริญภาวนา และปฏิบัติธรรม
เพื่อวันข้างหน้า หรือชาติหน้าชีวิตจะได้ ดีกว่าชาตินี้"
ฐิตา:
กรรมที่ผิดศีลข้อสาม
กาเมสุมิจฉาจารา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ เป็นศีลข้อที่ ๓ หมายถึง ให้เว้นจาก การละเมิดความรัก คือในสามีและภรรยาของบุคคลอื่น ยินดีเฉพาะสามีและ ภรรยาของตนเอง
อย่างไรก็ตาม ครั้งหนึ่ง หลวงปู่บุดดา ถาวโร พระป่าพระกรรมฐานชื่อดังในอดีต
ได้เทศน์ให้แพทย์หญิงท่านหนึ่ง ซึ่งเป็นสูตินรีแพทย์ มีใจความตอนหนึ่งน่าสนใจว่า
"มาเล่นตลกให้หลวงปู่ดู เมื่อชาติก่อน เขาเป็นผู้ชายรูปหล่อ มีเมียมากนับไม่ถ้วน
ชาตินี้มาเกิดเป็น ผู้หญิง (ทอม) แต่แอบปกปิดไว้ เธอไม่แต่งงาน ตัดผมสั้น ไม่แต่งหน้า ต้องมาดูแล รักษาช่องคลอดผู้หญิง
เป็นการชดใช้กรรมเก่า ซึ่งเป็นแค่เศษกรรมที่ทำบาป กับช่องคลอดผู้หญิงไว้มากพอสมควร"
การล่วงเกินทางเพศหญิง อีกหลายลักษณะซึ่งโทษก็หนักเบาต่างกัน
ขณะเดียวกัน บางชาติอาจกระทำความดี กรรมก็ลดหย่อน ผ่อนลงให้เบาขึ้น
ในพระไตรปิฎกมีหลักฐาน ของการผิดศีลข้อสามพอสรุปได้ดังนี้
๑.ผู้ชายใช้ความเป็นผู้ชาย ไปทำบาปกับผู้หญิงไว้มากพอควร ชาติต่อไปก็อย่าได้เกิดเป็นผู้ชายอีกเลย จะได้ไม่ใช้อวัยวะเพศ ไปทำให้ผู้หญิงเขาเดือดร้อนอีก (บาดเจ็บ ติดโรค ท้อง)
๒.เพื่อให้รู้ถึงความยากลำบาก ของเพศหญิงตามธรรมชาติ
๓.ชอบผู้หญิงมาก เป็นชีวิตจิตใจ ติดหญิง หลงหญิง ยอมตกนรกก็มี ยอมติดคุกก็ม ี ยอมเสียเงินทอง ยอมผิดศีลเพื่อให้ได้ผู้หญิง หลายๆ คน ยิ่งเก่งยิ่งดี ยิ่งสนุกยิ่งมัน อย่ากระนั้นเลย
กรรมบาปดึงวิญญาณผู้ชาย ๑๐๐% มาอยู่ในร่างผู้หญิง ชอบนักจึงให้อยู่ ในร่างเดียวกันไปเลย ปัจจุบันเรียกว่าทอม
แต่ถ้าเป็นผู้หญิงที่หลงผู้ชาย แย่งสามีคนอื่น อย่ากระนั้นเลย
กรรมบาปดึงวิญญาณผู้หญิง ๑๐๐% มาอยู่ในร่างผู้ชาย ชอบนัก จึงให้อยู่ในร่างเดียวกันไปเลย ปัจจุบันเรียกว่า กะเทย
๔.เศษกรรมจะทำให้เจ็บช้ำน้ำใจ ในเรื่องเพศที่ตัวไม่ต้องการ คือใจอยากเป็นชาย ตามชาติที่ผ่านมา แต่กายเป็นหญิง
๕.ทำให้ผิดหวังในรัก เพราะผู้หญิงโดยปกติ ต้องชอบผู้ชายแท้ เพื่อมีลูกหลานไว้เชยชม
๖.เกิดเป็นหญิง แต่ถูกล่อลวงทางเพศ เป็นโสเภณี ถูกข่มขืนใช้กรรมเก่า
๗.เกิดเป็นสูตินรีแพทย์ เกิดเป็นพยาบาล ผู้ช่วยพยาบาล ทำหน้าที่ดูแล รักษาทำความสะอาดช่องคลอดผู้หญิง ฯลฯ
Credit by : http://www.zone-it.com/forum/index.php?action=printpage;topic=58146.0
Pics by : Google
อนุโมทนา สาธุธรรมค่ะ
ฐิตา:
เถรีคาถา จัตตาฬีสนิบาต
ว่าด้วยคาถาสุภาษิต ในจัตตฬีสนิบาต
อิสิทาสีเถรีคาถา
คาถาสุภาษิตของนางอิสิทาสี-โพธีเถรี
[๔๗๓] ภิกษุณี ๒ รูปผู้ทรงคุณธรรม เป็นกุลธิดาในศากยสกุล ในนคร
อันมีชื่อว่าโกสุม คือ เมืองปาตลีบุตร เดี๋ยวนี้ จักเป็นมณฑลแห่ง
แผ่นดิน ในภิกษุณี ๒ รูปนั้น รูปหนึ่งชื่ออิสิทาสี รูปหนึ่งชื่อโพธี
เป็นผู้สมบูรณ์ด้วยศีล ยินดีในการเพ่งฌาน เป็นพหูสูต เป็นผู้
กำจัดกิเลสได้แล้ว ภิกษุณีทั้ง ๒ รูปนั้น ไปเที่ยวบิณฑบาตกลับมา
แล้ว ทำภัตกิจเสร็จล้างบาตรแล้ว นั่งพักสบายอยู่ในที่อันสงัด ได้
ไต่ถามและแก้ไขต่อกันอย่างนี้.
พระโพธีถามว่า
ข้าแต่พระแม่เจ้าอิสิทาสี พระแม่เจ้าเป็นที่น่าเลื่อมใสอยู่ แม้วัยของท่าน
ก็ยังไม่เสื่อม ก็พระแม่เจ้าเห็นโทษอะไรจึงประกอบเนกขัมมะ?
พระอิสิทาสีนั้นเป็นผู้ฉลาดในการแสดงธรรมในฐานะแห่งบุญ เมื่อถูก
ถามอย่างนี้ จึงได้กล่าวตอบอย่างนี้ว่า ข้าแต่พระแม่เจ้าโพธี ขอพระ-
แม่เจ้าจงฟังตามเรื่องที่ฉันบวชแล้ว.
ฐิตา:
ต่อไปนี้เป็นคำวิสัชนา
โยมบิดาของดิฉันอยู่ในบุรีอันประเสริฐชื่อว่าอุชเชนี เป็นเศรษฐีผู้สำรวมแล้วด้วยศีล
ดิฉันเป็นธิดาผู้เดียวของท่าน ซึ่งเป็นที่รักที่ชอบใจและเป็นผู้อันท่านเอ็นดู
ในเวลาที่ดิฉันเจริญวัยแล้ว
เศรษฐีผู้มีรัตนะมาก เป็นสกุลอันอุดมคนหนึ่งในเมืองสาเกต มาขอดิฉันเป็นสะใภ้
โยมบิดาได้ให้ดิฉันเป็นสะใภ้ของเศรษฐีนั้น ดิฉันได้ไปสู่สำนักมารดาและบิดาของสามี
ทำการนอบน้อมด้วยเศียรเกล้า ไหว้เท้าท่านทั้ง ๒ ทุกเช้าเย็น
ท่านทั้ง ๒ สอนดิฉันอย่างไร ดิฉันก็ทำอย่างนั้น พี่หญิงน้องหญิง พี่ชายน้องชาย
หรือบ่าวไพร่ของสามีดิฉัน ไม่ว่าคนใด ดิฉันเห็นแล้วแม้ครั้งเดียว
ก็มีความยำเกรงให้อาสนะ ดิฉันต้อนรับด้วยข้าวน้ำและของเคี้ยว ซึ่งเป็นของที่
เขาจัดหาไว้ที่เรือน และสิ่งใดควรแก่ผู้ใด ก็ให้สิ่งนั้นแก่ผู้นั้น
ดิฉันลุกขึ้นแต่เช้าเข้าไปยังเรือนสามี ล้างมือล้างเท้าที่ธรณีประตูแล้ว ประนมมือ
เข้าไปกราบสามี จัดหาหวี เครื่องผัดหน้า ยาหยอดตา แว่นส่องหน้า
มาตบแต่งสามีเสียเองเหมือนสาวใช้ ดิฉันหุงข้าวต้มแกงเอง ล้างภาชนะเอง
มารดาบำรุงบำเรอบุตรน้อยคนเดียว ฉันใด ดิฉันก็บำเรอสามีฉันนั้น
ดิฉันมีความจงรักภักดี มีวัตรอันยอดยิ่ง ทำการงานอันหญิงพึงทำทุกอย่าง
ไม่มีความถือเนื้อถือตัว ขยันไม่เกียจคร้าน สมบูรณ์ด้วยศีลอย่างนี้ สามีก็ยังโกรธ
สามีของดิฉันพูดกะมารดาของเขาว่า ฉันจักลาไป จักไม่อยู่ร่วมกับนางอิสิทาสี
ฉันไม่ควรอยู่ร่วมในเรือนหลังเดียวกับนางอิสิทาสี.
นำร่อง
[0] ดัชนีข้อความ
[#] หน้าถัดไป
Go to full version