คลังธรรมปัญญา > พรรณาอักษร
มัจจุราชสีน้ำผึ้ง
ปาริชาต:
ขอบคุณที่แวะมาอ่าน แต่คำชมนั่นไม่หาญรับนะค่ะเพราะพี่ปายังห่างไกลมากกับคำชม
แต่จะพยายามพัฒนาให้ดีกว่าที่เป็นอยู่ ถ้าชอบก็โปรดจงติดตาม....
ปาริชาต:
เสียงคำรามครืนๆพร้อมแสงสว่างวาบบาดตาจากเบื้องนภาที่กำลังคลุ้มคลั่ง วาบตรงนั่นที ตรงนี้ทีก่อนจะแล่นเป็นสายลงสู่ปฐพีอันกินอาณาบริเวณกว้างขวางต่อเนื่องกันไม่หยุด เสียงกึกก้องกัมปนาทที่แผดมาแต่ละครั้งทำลายโสตประสาทให้ดับสนิทไปชั่วขณะหนึ่ง เสียงนั้นปลุกให้หลายชีวิตที่กำลังหลับสนิทในนิทรารมณ์ต้องสะดุ้งผวาตื่นขึ้นมาด้วยอกใจที่ไหวหวั่นขวัญผวา ฝนที่ตกหนักมาตั้งแต่หัวค่ำมิได้มีท่าว่าจะซาลงแม้สักน้อยกลับตกลงมาอย่างต่อเนื่อง เสียงลมและเสียงคะนองของฟ้าอื้ออึงราวกับอารมณ์อันโกรธเกรี้ยวที่ไม่อาจหยั่งได้
ชายสูงวัยพบตัวเองกำลังยืนอยู่ข้างเสาต้นใหญ่ เบื้องหน้าแท่นที่ยกสูงจากพื้นจนต้องแหงนหน้าขึ้นมอง สถานที่นั้นดูแปลกตาและสลัวรางแฝงไว้ซึ่งความสะพึงเกินคำอธิบาย ยากจะเดาได้ว่าเป็นสถานที่แห่งใด เหนือแท่นคล้ายบัลลังค์สูงทะมึนตระครุ่มอยู่ในเงามืด มองแทบไม่เห็นสิ่งใดหรือผู้ใด เพราะแสงที่ทอลำจากด้านหลังนั้นสว่างเจิดจ้าเสียจนต้องหยีตามองแต่ก็ไม่อาจเห็นผู้ที่นั่งอยู่นั้นได้ เสียงสะอื้นคร่ำครวญและเสียงคล้ายสาใจของผู้คนมากมายต่างพึมพำฟังไม่ได้ใจความดังอยู่ระงม หากไม่อาจเห็นผู้ใดหรือสิ่งมีชีวิตใดๆในที่อันเวิ้งว้างแห่งนี้
สุรเสียงแหลมก้องอันทรงอานุภาพสะท้อนสะท้านไปทั่วทั้งบริเวณดังมาจากผู้ที่อยู่บนบัลลังค์อันสูงตระหง่าน เสียงพึมพำเซ็งแซ่รอบข้างจึงเงียบสนิท
“อา! วิญญาณที่ชุ่มบาปอีกดวงแล้ว ที่จะต้องไปสู่ที่ที่เคยอาศัยแห่งมัน....”
เสียงนั้นแม้จะทรงพลังอำนาจแต่หางเสียงเจือด้วยความเหนื่อยหน่าย
เสียงของอิสตรีโดยแท้ !.....
แก้วจ๋าหน้าร้อน:
:13: เป็นกำลังใจครับพี่ปา
ปาริชาต:
--- อ้างจาก: กวาดลานดิน ที่ สิงหาคม 22, 2011, 03:15:09 am --- :13: เป็นกำลังใจครับพี่ปา
--- End quote ---
งี้ค่อยมีกำลังใจหน่อย อิอิ ขอบคุณค่ะ
ปาริชาต:
ชายที่แอบอยู่ข้างเสาต้นใหญ่รู้สึกถึงความเย็นเฉียบที่แล่นจากปลายนิ้วสู่หัวใจด้วยความหวาดกลัว สำนึกบางอย่างบอกให้รู้ว่ากำลังอยู่ในเหตุการณ์ที่น่าสะพึงเกินกว่าจะคาดเดาได้ เขาพยายามที่จะบีบตัวให้เล็กลงจนแทบว่าจะหายเข้าไปในเสาต้นนั้นหากทำได้
และเหมือนจะรู้ว่าตัวเองได้พลัดหลงเข้ามา ณ ที่ซึ่งไม่บังควรเป็นอย่างยิ่ง แม้จะยังไม่อาจสำเหนียกได้ว่านี่คือที่ใดก็ตาม
รอบด้านมีแต่ความสลัวราง เสียงหวีดหวิวโหยหวนดังแว่วมาจากที่ไกลๆนั้น เป็นเสียงแห่งความเจ็บปวดทุกข์ทรมาณอย่างแสนสาหัส ชวนให้เกิดความสังเวชเป็นล้นพ้น
บางขณะก็แทรกด้วยเสียงครืนๆ เลื่อนลั่นราวกับการเคลื่อนย้ายของภูเขา บรรยากาศอวลด้วยไอร้อนอย่างสุดที่จะประมาณได้
ไกลสุดสายตาออกไปมีแสงเรื่อเรืองคล้ายไฟป่าที่กำลังโหมฮืออยู่รอบทิศ เขาพยายามเก็บภาพทุกภาพที่ตามองเห็นได้ในความสลัวรางนั้น อย่างจะให้แจ้งชัดว่า นี่คือสถานที่ใด แล้วจึงมาหยุดลงตรงพื้นเบื้องหน้าระดับที่ตัวเองยืนอยู่
ห่างออกไปไม่ไกลนักมีเงาตะครุ่มของร่างสามร่าง คนอยู่ตรงกลางเห็นได้ชัดว่ากำลังถูกฉุดกระชากและผลักไสให้คุกเข่าลง หากคนถูกกระชากกลับฮึดฮัดออกแรงอย่างสุดกำลังเพื่อจะสะบัดตัวให้หลุดพ้นจากการเกาะกุม
ซึ่งก็ไม่เป็นผลแม้ว่าสองร่างที่ขนาบข้างที่กำลังเกาะกุมตัวนั้นดูเหมือนจะมิได้ใช้กำลังในการกุมแต่อย่างใดด้วยซ้ำ
คนที่กระหนาบอยู่ด้านขวาออกแรงผลักแต่เพียงเบาๆ ร่างที่ถูกกุมอยู่ก็ถึงกลับถลาลงพื้นอยู่ในท่าหมอบกราบอย่างแปลกประหลาด......
“ก้มหัวลงไป อย่าได้บังอาจ เจ้าไม่มีสิทธิ์ที่จะมองสูงไปกว่าพื้นเบื้องพระบาทได้”
เจ้าของเสียงผู้ผลักไสในคราแรกก้าวตามมากดหัวชายที่หมอบในท่ากราบให้ก้มลงจนจรดพื้น
อย่างไม่อาจขัดขืน แต่เขาก็หันขวับมาถามเจ้าของเสียงที่ยืนค้ำหัวอย่างโมโหสุดกำลัง
เสี้ยวหน้าที่ปรากฎในความสลัวรางนั้นทำให้ชายผู้แอบอยู่ข้างเสาต้นใหญ่ถึงกับผงะด้วยความคาดไม่ถึง!
นำร่อง
[0] ดัชนีข้อความ
[#] หน้าถัดไป
[*] หน้าที่แล้ว
Go to full version