โสตาปัตติยังคะ (องค์ธรรมเครื่องบรรลุโสดาบัน) เป็นไฉน?.....
ดูกรสารีบุตร ที่เรียกว่า โสตาปัตติยังคะ ดังนี้ โสตาปัตติยังคะเป็นไฉน?
[๑๔๒๘] ท่านพระสารีบุตรกราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ
โสตาปัตติยังคะ คือ
สัปปุริสสังเสวะ การคบสัตบุรุษ ๑
สัทธรรมสวนะ ฟังคำสั่งสอนของท่าน ๑
โยนิโสมนสิการกระทำไว้ในใจโดยอุบายที่ชอบ ๑
ธัมมานุธัมมปฏิปัตติ ปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม ๑.
[๑๔๒๙] พ. ถูกละๆ สารีบุตร โสตาปัตติยังคะ คือ
สัปปุริสสังเสวะ ๑
สัทธรรมสวนะ ๑
โยนิโสมนสิการ ๑
ธัมมานุธัมมปฏิปัตติ ๑.
[๑๔๓๐] ดูกรสารีบุตร ก็ที่เรียกว่า ธรรมเพียงดังกระแสๆ ดังนี้
ก็ธรรมเพียงดังกระแสเป็นไฉน?
ท่านพระสารีบุตรกราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ
อริยมรรคประกอบด้วยองค์ ๘ นี้แล คือ
สัมมาทิฏฐิ ฯลฯ
สัมมาสมาธิ ชื่อว่า ธรรมเพียงดังกระแส.
[๑๔๓๑] พ. ถูกละๆ สารีบุตร อริยมรรคประกอบด้วยองค์ ๘ นี้แล คือ
สัมมาทิฏฐิ ฯลฯ
สัมมาสมาธิ ชื่อว่า ธรรมเพียงดังกระแส
[๑๔๓๒] ดูกรสารีบุตร ที่เรียกว่า โสดาบันๆ ดังนี้
โสดาบันเป็นไฉน?
สา. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ
ผู้ใดประกอบด้วยอริยมรรคมีองค์ ๘ นี้
ผู้นี้เรียกว่าพระโสดาบัน
ท่านผู้นี้นั้น มีนามอย่างนี้ มีโคตรอย่างนี้.
[๑๔๓๓] พ. ถูกละๆ สารีบุตร
ผู้ซึ่งประกอบด้วยอริยมรรค ๘ นี้ เรียกว่า โสดาบัน
ท่านผู้นี้นั้น มีนามอย่างนี้.
http://www.84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=19&A=8316&Z=8337พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๙ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๑
สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค
สาริปุตตสูตรที่ ๒
ว่าด้วยองค์ธรรมเครื่องบรรลุโสดา
[๔๓๔] พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรจอมเทพ ภิกษุในธรรมวินัยนี้ได้สดับว่า ธรรมทั้งปวงไม่ควรยึดมั่น ถ้าข้อนี้ ภิกษุได้สดับแล้วอย่างนี้ ภิกษุนั้นย่อมรู้ยิ่งซึ่งธรรมทั้งปวง ครั้นรู้ยิ่งซึ่งธรรมทั้งปวงแล้ว ย่อมทราบชัดธรรมทั้งปวง ครั้นทราบชัดธรรมทั้งปวงแล้ว ย่อมกำหนดรู้ธรรมทั้งปวง
ครั้นกำหนดรู้ธรรมทั้งปวงแล้ว เธอได้เสวยเวทนาอย่างใดอย่างหนึ่ง สุขก็ดี ทุกข์ก็ดีมิใช่ทุกข์มิใช่สุขก็ดี
เธอย่อมพิจารณาเห็นว่าไม่เที่ยง พิจารณาเห็นความหน่าย พิจารณาเห็นความดับ พิจารณาเห็นความสละคืนในเวทนาทั้งหลายนั้น เมื่อพิจารณาเห็นดังนั้น
ย่อมไม่ยึดมั่นสิ่งอะไรๆ ในโลก เมื่อไม่ยึดมั่น ย่อมไม่สะดุ้งหวาดหวั่น เ
มื่อไม่สะดุ้งหวาดหวั่น ย่อมดับกิเลสให้สงบได้เฉพาะตัว และทราบชัดว่า ชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว กิจที่ควรทำทำเสร็จแล้ว กิจอื่นเพื่อความเป็นอย่างนี้มิได้มี ดังนี้ ดูกรจอมเทพ กล่าวโดยย่อ ด้วยข้อปฏิบัติเท่านี้แล
ภิกษุชื่อว่าน้อมไป ในธรรมเป็นที่สิ้นแห่งตัณหา มีความสำเร็จล่วงส่วน มีความปลอดโปร่ง
จากกิเลสเป็นเครื่องประกอบล่วงส่วน เป็นพรหมจารีล่วงส่วน มีที่สุดล่วงส่วน เป็นผู้ประเสริฐกว่าเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย.
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka2/v.php?B=12&A=7915&Z=8040พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๒ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๔
มัชฌิมนิกาย มูลปัณณาสก์
พระพุทธเจ้าสอนให้เราเดินเข้าสู่อริยะมรรค ทั้งพระไตรปิฎกพระบรมศาสดาทรงสอนให้เราทำเรื่องเดียวคือ ที่สุดแห่งทุกข์โดยทำอริยมรรคผลให้เกิดแก่จิตเรา ดังนั้นการนำคำสอนมาอบรมจิตย่อมมีความสำคัญ ตัวอย่าง พระโมคคัลนะก็นำคำสอนมาอบรมจิตในขณะที่พบกับความง่วง จนบรรลุอรรหัตมรรคเช่นกัน หรือ พระสารีบุตร พระโมคคัลลานะก่อนบวช พระสารีบุตร นามเดิม อุปปติสสะ ก็บรรลุโสดาบันเพียงแค่ฟังธรรมจากพระอัสสชิ เพราะขณะฟังท่านดำรงฌาณ คือมีสัมมาสมาธิ วิจัยธรรม พิจารณาตามโดย วิตก วิจาร จนเกิด ปิติ สุข เอกัคคตารมณ์
"เมื่อครั้งที่พระพุทธเจ้าเสด็จมาประกาศพระศาสนา ณ กรุงราชคฤห์ วันหนึ่งพระอัสสชิได้เข้าไปบิณฑบาตในหมู่บ้าน อุปติสสะมาณพผ่านไปพบท่าน จึงเกิดความเลื่อมใสในอิริยาบถอันสงบเสงี่ยมของท่านและได้ติดตามท่านไป เมื่อได้โอกาสอันควรจึงเข้าไปแสดงความเคารพและขอให้ท่านแสดงธรรมให้ฟัง พระอัสสชิบอกว่าท่านอยู่กับพระศาสดา เพิ่งบวชได้ไม่นาน ไม่อาจชี้แจงหลักธรรมได้ละเอียดมากนัก ท่านจึงได้แสดงโดยย่อว่า “ธรรมเหล่าใดเกิดแต่เหตุ พระศาสดาทรงแสดงเหตุแห่งธรรมเหล่านั้นและความดับแห่งธรรมเหล่านั้น พระศาสดาทรงสั่งสอนอย่างนี้” พอท่านได้ฟังหลักธรรมย่อก็สามารถเข้าใจความหมายได้เป็นอย่างดี และเกิดความซาบซึ้ง มีความเลื่อมใสเชื่อมั่นในพระพุทธศาสนา จนได้บรรลุธรรมเป็นพระอริยบุคคลชั้นต้น คือ พระโสดาบันได้ อุปติสสะรีบนำความไปเล่าให้โกลิตะมาณพสหายฟัง โกลิตะพอได้พอได้ฟังก็ได้บรรลุธรรมเป็นพระโสดาบันเช่นกัน"
หลังจากพระสารีบุตรได้อุปสมบทได้ 15 วัน ก็ได้สำเร็จเป็นพระอรหันต์ เพราะได้ฟังพระเทศนาที่พระศาสดาตรัสแก่ปริพพาชกผู้เป็นหลานฟัง ขณะที่พระองค์ได้ทรงแสดงธรรมแก่หลาน พระสารีบุตรได้ตรึกตรองตามพระธรรมที่พระพุทธเจ้าตรัส เกิดความเข้าใจแจ่มแจ้ง จึงได้ดวงตาเห็นธรรมเกิดปัญญา จิตหลุดพ้นจากกิเลสทั้งหลาย ได้บรรลุพระอรหัตตผล ส่วนหลานได้เพียงดวงตาเห็นธรรมเป็นพระโสดาบัน
รวบรวมข้อธรรมนำมาแบ่งปันโดย :
natjar2001 : webboard.news.sanook.com
อนุโมทนาสาธุที่มาทั้งหมดมากมายค่ะ