ผู้เขียน หัวข้อ: Zen 2010 จากสวนโมกข์สู่หมู่บ้านพลัม  (อ่าน 3685 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ มดเอ๊กซ

  • ทีมงานพัฒนาข้อมูล
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7167
  • พลังกัลยาณมิตร 1518
    • ดูรายละเอียด

Zen 2010 จากสวนโมกข์สู่หมู่บ้านพลัม
สารคดีพิเศษ 9 ตอน ออกอากาศทุกวันพุธ เวลา23.00น. ช่อง 9
เริ่ม 21 กรกฎาคม 2553


[youtube]http://www.youtube.com/watch?v=HDGYpLpaHyA&feature=player_embedded[/youtube]


ชมสารคดี

 :43:

http://www.thaiplumvillage.org/thpv_vdo_zen2010.html
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 01, 2010, 08:29:52 am โดย มดเอ๊กซ »
" มันเป็นสัจธรรมพื้นฐาน
ความเฉยชา คือ ผู้พิฆาต ความคิดดีนับร้อยพันและแผนการอันวิเศษ
ณ บัดหนึ่ง มีผู้มุ่งมั่นตั้งใจลงมือ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ย่อมอำนวยชัย

มิว่าสู ทำสิ่งใด หรือ ฝันจะทำอะไร ทำ ณ บัดนี้
ความทรนงองอาจ มีพรสวรรค์ พลังอำนาจ และ มหัศจรรย์แห่งตน "

เกอเธ่...

ออฟไลน์ แก้วจ๋าหน้าร้อน

  • สิ่งใดคือธรรมะ สิ่งนั้นย่อมดีแล้วสูงสุด
  • ทีมงานกวาดลานดิน
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 6503
  • พลังกัลยาณมิตร 1741
  • ธรรมะอวยพรความดีคุ้มครอง
    • kaewjanaron
    • facehot
    • ดูรายละเอียด
    • ใต้ร่มธรรม
Re: Zen 2010 จากสวนโมกข์สู่หมู่บ้านพลัม
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: สิงหาคม 01, 2010, 11:14:03 pm »
 :13: อนุโมทนาครับผม
การโพสภาพโดยใช้เว็บฝากไฟล์ภาพ imageshack.us/ (เว็บกบ)
การปรับแต่งห้องสมาชิกไร้ขีดจำกัด Ultimate Profile + ห้องเพลงส่วนตัว
การตั้งกระทู้และการโพสกระทู้ในเว็บใต้ร่มธรรมครับ
การแก้ไข้ข้อมูล ชื่อ ระหัส ส่วนตัวของสมาชิกใต้ร่มธรรมครับ
การใส่รูปประจำตัวเรา Avatar รวมทั้งลายเซ็นต์ ในกระทู้หรือโพสของเราครับ
เพิ่มไอคอน ทวิสเตอร์ เฟชบุ๊ค ยูทูบ ในโปรโปรไฟล์ของเรา
การสร้างอัลบั้มภาพส่วนตัวในห้องสมาชิก Profile Pictures
การเพิ่มเพื่อน กัลยาณมิตรใต้ร่มธรรม ในห้องสมาชิกส่วนตัว
การดูกระทู้ทั้งหมดที่เรายังไม่ได้อ่านครับ
โค้ดสี bb color code ไว้สำหรับโพสกระทู้ครับ
*วิธีเคลียร์แคชในทุกเว็บเบราว์เซอร์ครับ เมื่อคอมอืด*

ห้องประชุมของทีมงาน
~ธรรมะอวยพรความดีคุ้มครองครับ~

ออฟไลน์ มดเอ๊กซ

  • ทีมงานพัฒนาข้อมูล
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7167
  • พลังกัลยาณมิตร 1518
    • ดูรายละเอียด
Re: Zen 2010 จากสวนโมกข์สู่หมู่บ้านพลัม
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: สิงหาคม 03, 2010, 08:16:08 am »
เบื้องหลัง'ZEN 2010':ลมหายใจในรอยเท้า








"ลมหายใจในรอยเท้า" สารคดีโทรทัศน์เบื้องหลัง "ZEN 2010 : จากสวนโมกข์สู่หมู่บ้านพลัม"

นับแต่ท่าน ติช นัท ฮันห์ พระเซนชาวเวียดนามที่ช่วยเหลือผู้อพยพในระหว่างสงครามเวียดนามจนไม่สามารถกลับประเทศได้เป็นเวลาถึง 40 ปี แล้วไปตั้งอาศรมหมู่บ้านพลัม ชุมชนแห่งสันติ อยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศฝรั่งเศส ได้ชักชวน สุทธิชัย หยุ่น ให้ไปปฏิบัติธรรมที่หมู่บ้านพลัมบ้าง หลังจากที่เจอกันในเมืองไทยช่วงไม่กี่วันเมื่อปี พ.ศ.2550 จากนั้น 2 ปีให้หลัง ธรรมะจึงจัดสรรให้ทั้งสองได้เจอกัน

แน่นอน! ธรรมะไม่ได้จัดสรรให้ลงตัวง่ายๆ อย่างนั้นแน่ ถ้าคนข่าวมืออาชีพที่อยู่กับข่าวมาตลอดชีวิตอย่างสุทธิชัย ไม่ได้สนใจเรื่องทางจิตวิญญาณมาก่อน และได้พยายามหาโอกาสทำเรื่องเกี่ยวกับจิตวิญญาณมานานแล้ว จะว่าไป เรื่องนี้ก็ไม่ใช่เรื่องแรกที่สะท้อนการเดินทางทางจิตวิญญาณของเขา เพราะเขาเคยพบกับท่านพุทธทาสมาก่อนที่ท่านจะละสังขารไม่นานนัก และศึกษางานของท่าน นัท ฮันห์ ไม่น้อยเหมือนกัน ซึ่งการสอนของทั้งสองท่าน ก็ได้ทำให้เขานำมาใช้ในการทำงานมาตลอด โดยเฉพาะในเรื่องของ "การทำงานคือการปฏิบัติธรรม", "การปล่อยวางเรื่อง ตัวกู ของกู"

Byline มนสิกุล โอวาทเภสัชช์

ดังนั้นเมื่อท่าน นัท ฮันห์ รับนัดอย่างเป็นทางการ กองถ่ายเล็กๆ เรามีกันเพียง 4 ชีวิต ก็เตรียมตัวเดินทางทันที

แต่ว่า ก่อนการเดินทางไม่กี่วัน ในวันที่ 27 พ.ค. 2552 ซึ่งเป็นวันล้ออายุท่านพุทธทาสที่หมุนเวียนมาครบ 103 ปี ก็เป็นวันเริ่มต้นที่สุทธิชัยเดินทางไปนัดหมายกับพระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี หรือ ท่าน ว. วชิรเมธี พระรุ่นใหม่ที่เรารู้จักกันดี ที่สถาบันวิมุตตยาลัย เพื่อเตรียมประเด็นที่จะสนทนาธรรมกับท่านนัท ฮันห์ ซึ่งจะมี ปราบดา หยุ่น นักเขียนรางวัลซีไรต์ในปี พ.ศ. 2545 ไปร่วมสนทนาธรรมด้วย นี่เองที่ทำให้สารคดีเซน 2010 นี้ เป็นเรื่องราวของคนในอนาคตด้วย

"ท่าน นัท ฮันห์ ถามมาบ่อยๆ ว่า จะไปเมื่อไหร่ ตอนนี้ก็ได้เวลาแล้ว บางทีท่านอาจจะให้ท่าน ว.เทศน์ ให้ชาวต่างชาติฟังก็ได้นะ"

สุทธิชัยแหย่ท่าน ว. ในวันนั้น แล้วก็นัดเจอกับท่านที่โน่นเลย...หมู่บ้านพลัม เมืองบอร์กโดซ์ ประเทศฝรั่งเศส

000

วันแรกที่เจอกับท่าน ว. และปราบดา ที่หมู่บ้านพลัม แม้ว่าทีมงานจะไม่ค่อยได้นอนกันบนเครื่องบิน ด้วยความมีไฟอันคุกรุ่นอยู่ของคนข่าววัย 63 ปี ทำให้พวกเราต้องเริ่มงานกันเลยแน่นอน การทำงานคือการปฏิบัติธรรม ท่านพุทธทาสสอนไว้ และบิ๊กบอสของเราก็บอกให้ทำอย่างนั้นมาตลอด

และหลังอาหารมังสวิรัติมื้อแรกที่หมู่บ้านพลัม กองถ่ายซึ่งต้องทำทุกอย่างในเวลาเดียวกัน คือ ทำงานไปด้วย ฝึกสติไปกับการทำงานด้วย และต้องทำงานอาสาด้วย เราทุกคนมีหน้าที่ต้องมีหน้าที่ล้างหม้อ ถาด และสารพัดเครื่องครัว และคนที่ขัด ล้าง เก่งที่สุด ก็คือ คนนี้เอง ...ปราบดา หยุ่น

ยังจำได้แม่น ชอตใกล้เคียงกัน ตอนที่รับประทานอาหารที่โรงครัว ในสวนโมกข์ สุทธิชัยจ้องมองแผ่นป้ายที่บอกว่า "ผู้ล้างจานข้าวไม่เป็นจะปฏิบัติธรรมได้อย่างไร" แล้วเขาก็เล่าให้ทีมงานฟังว่า ตอนเด็กๆ เขาขัดหม้อมาเยอะมาก เด็กสมัยนี้จะรู้จักไหม ฝอยขัดหม้อน่ะ ต้องขัดจนหม้อขาวสะอาดเลยทีเดียว (ตอนนี้คงเป็นปลื้มเมื่อเห็นลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น)

การรับประทานอาหารแล้วต้องล้างจานเองจึงเป็นสิ่งที่เขาชอบมาก แต่ว่า ที่นี่ ห้ามล้างจานไปด้วย พูดไปด้วย ฉากที่ถ่ายและพูดขณะล้างจาน ในตอนแรก จึงมีภิษุณีนิรามิสา ที่ทีมงานประสานงานมาตลอด มาคอยกำกับว่า ที่นี่ ล้างจานคือล้างจาน ไม่พูดขณะล้างจานค่ะ

เอ๊ะ เป็นอย่างไร ล้างจานคือล้างจาน (ต้องคอยติดตามชมบนจอต่อไป)

ก็เลยทำให้สารคดีชุดนี้ ไม่ค่อยมีอะไรหลุดๆ เพราะมีผู้กำกับเยอะมากๆ แม้ว่าทีมงานจะเล็กนิดเดียว

กระทั่งเวลาที่เขาได้พบกับท่าน นัท ฮันห์ ก็ยังมีผู้ช่วยผู้กำกับอีกเยอะทีเดียว แต่ว่า ด้วยความที่เป็นนักข่าวมืออาชีพ เมื่อสบโอกาส เขาจึงตัดสินใจตั้งคำถามกับท่าน นัท ฮันห์ ตรงๆ เหมือนนักข่าวถามแหล่งข่าว แต่ด้วยใจที่เพรียกหาธรรมะ จึงเป็นการแสวงหาคำตอบต่อคำถามทางด้านธรรมะที่ตรงตัว ซึ่งผู้ชมจะได้ติดตามอย่างใกล้ชิดกับเขาไปด้วย

สำหรับท่าน ว.ของชาวไทย ท่านกลายเป็นขวัญใจของชาวตะวันตกไปเลย แม้ว่าท่านไม่ได้เทศน์ตามที่สุทธิชัยเดาไว้ แต่ท่านก็นำบทสวดมนต์เถรวาทไปฝากไว้ในหัวใจของชาวต่างชาติไม่น้อย ไม่แพ้บทสวดมนต์ของท่านนัท ฮันห์ ที่ประยุกต์เป็นเพลงที่ทำให้ท่าน ว. และสุทธิชัย ฮัมเล่นอยู่บ่อยๆ จนเป็นคำถามหนึ่งที่อาจจะคาใจหลายๆ คนว่า บทสวดมนต์เมื่อเป็นเพลง จะทำให้พุทธศาสนาเปลี่ยนไปเพื่อชาวตะวันตกมากขึ้นไหม จะเป็นสัจธรรมปฏิรูปไหม ซึ่งท่านนัท ฮันห์ ก็ตอบคำถามเขาว่า เมื่อเพลงนั้นเป็นเพลงเพื่อการปฏิบัติ แล้วทำไมเราจะร้องไม่ได้ล่ะ

ส่วน ปราบดา ไม่ได้ตั้งใจมาเป็นพิธีกร แต่เมื่อเจอกับ ครรชิต เลิศอุทัย โปรดิวเซอร์รายการชีพจรโลก คนรุ่นใหม่วัยยี่สิบกว่าๆ ซึ่งมีความไวในการทำให้สารคดีให้น่าสนใจ (มาก) เห็นแววก็ถือโอกาสดึงตัวมาเป็นพิธีกรซะเลย สารคดีชุดนี้จึงเป็นบทบาทพิธีกรครั้งแรกด้วยสำหรับนักเขียนซีไรต์ท่านนี้ที่บรรดาภิกษุ ภิกษุณีที่หมู่บ้านพลัมต่างชอบใจไปตามๆ กันกับความอ่อนน้อมถ่อมตน และคำถามที่ลึกซึ้ง จนไม่คิดว่า นั่นคือการเป็นพิธีกรครั้งแรกของหยุ่น รุ่น 2 ---

แต่ไม่ว่าจะเป็นรุ่นไหน พิธีกรก็เป็นเพียงสะพาน ที่ทำให้ท่านผู้ชมเดินทางเข้าไปค้นพบอะไรบางอย่างในตัวเอง

ขอเชิญทุกท่าน เดินทางไปกับเรา " สารคดี ZEN 2010 จากสวนโมกข์สู่หมู่บ้านพลัม " ทางช่อง 9 ทุกวันพุธ เวลา 23.00 น.

http://www.suthichaiyoon.com/detail/4539

" มันเป็นสัจธรรมพื้นฐาน
ความเฉยชา คือ ผู้พิฆาต ความคิดดีนับร้อยพันและแผนการอันวิเศษ
ณ บัดหนึ่ง มีผู้มุ่งมั่นตั้งใจลงมือ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ย่อมอำนวยชัย

มิว่าสู ทำสิ่งใด หรือ ฝันจะทำอะไร ทำ ณ บัดนี้
ความทรนงองอาจ มีพรสวรรค์ พลังอำนาจ และ มหัศจรรย์แห่งตน "

เกอเธ่...

ออฟไลน์ มดเอ๊กซ

  • ทีมงานพัฒนาข้อมูล
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7167
  • พลังกัลยาณมิตร 1518
    • ดูรายละเอียด
Re: Zen 2010 จากสวนโมกข์สู่หมู่บ้านพลัม
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: สิงหาคม 03, 2010, 08:21:15 am »
 

ชัชรินทร์ ไชยวัฒน์

คุณ “สุทธิชัย หยุ่น”ผู้ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในปรมาจารย์วงการข่าวสารเมืองไทย พาไป “เข้าวัด” ตามหาธรรมะกันแทนที่ ไล่ตะลุยไปตั้งแต่วัดสวนโมกขพลาราม อำเภอไชยา ของท่านพุทธทาสภิกขุ ไปยันถึง “วัด(หมู่บ้าน)พลัม”ที่ประเทศฝรั่งเศส ของท่าน “ติช นัท ฮันท์”










เมื่อวันพุธที่ 21 กรกฏาคมที่ผ่านมา...เปิดดูที.วี.ช่อง 9 ไปเจอรายการของคุณ “สุทธิชัย หยุ่น”ผู้ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในปรมาจารย์วงการข่าวสารเมืองไทย แต่มาคราวนี้คุณ “สุทธิชัย” ไม่ได้ชวนพาไปดูเรื่องวุ่นๆ ประเภทการเมือง เศรษฐกิจ ไม่ว่าในประเทศ หรือต่างประเทศ แต่พาไป “เข้าวัด” ตามหาธรรมะกันแทนที่ ไล่ตะลุยไปตั้งแต่วัดสวนโมกขพลาราม อำเภอไชยา ของท่านพุทธทาสภิกขุ ไปยันถึง “วัด(หมู่บ้าน)พลัม”ที่ประเทศฝรั่งเศส ของท่าน “ติช นัท ฮันท์”เอาเลยถึงขั้น...

ดูเหมือนว่ารายการนี้จะตั้งชื่อเฉพาะเอาไว้ว่า “Zen 2010” ซึ่งจะเป็นรายการเดียวกันกับรายการปกติของ “สุทธิชัย หยุ่น”ที่ชื่อว่า “ชีพจรโลก”หรือไม่?เพียงใด? ยังไม่ถึงกับแน่ใจ แต่ที่แน่ๆ ก็คือ...เมื่อได้เห็นสีหน้า สีตา ความมุ่งมั่น ตั้งอกตั้งใจ ของคุณ “สุทธิชัย”ในการนำเสนอรายการครั้งนี้ ก็เกิดความปลาบปลื้ม ดื่มด่ำ แบบที่ไม่รู้ว่าจะบรรยายออกมายังไงดี คล้ายๆกับเวลาได้รับแจกซองกฐิน หรือซองทอดผ้าป่าอะไรประมาณนั้น..คือรู้สึกได้อิ่มบุญ อิ่มธรรม ตามคุณ “สุทธิชัย”ไปด้วย...

เหมือนๆกับเวลามีใครมาพูดให้ฟังว่า...อดีตผู้นำนักศึกษา ผู้ซึ่งเคยผ่านหนาวผ่านร้อน ผ่านเลือดผ่านเนื้อ หรือผ่านประสบการณ์การปฏิวัติ ทั้งในเมือง ในป่า อย่างอาจารย์ “เสกสรรค์ ประเสริฐกุล”ได้หันไปหาธรรมะ หันไปปลีกวิเวกหลายต่อหลายปีมาแล้ว ความรู้สึกที่อุบัติขึ้นมาโดยฉับพลันทันที นอกจากจะเป็นความยินดี ความปรารถนาดีโดยบริสุทธิ์แล้ว ยังตามมาด้วยความรู้สึกเคารพ ศรัทธา ยิ่งขึ้นไปอีก แม้นจะเดาๆได้ว่า...ท้ายที่สุดแล้ว จุดหมาย ปลายทางของมวลมนุษย์ ไม่ว่าจะแบบไหน? เป็นใคร? เพศไหน? สัญชาติไหน? สถานะไหน? ยังไงๆก็ต้องวกมาหาจุดๆนี้ด้วยกันทั้งนั้น แต่ก็ยังอดไม่ได้ที่จะปลื้มม์ม์ ในฐานะของคนที่เคยรู้จักมักจี่ เคยผ่านหน้าผ่านตากันมาบ้าง


แน่นอนว่า...หนึ่งในตัวชูโรงของรายการคราวนี้ ก็คงหนีไม่พ้นท่าน“ว. วชิระเมธี” ผู้ซึ่งอาจต้องถือเป็น “ไอดอล”ของพระรุ่นใหม่ และคนรุ่นใหม่ ไปพร้อมๆกัน ท่าน ว. วชิระเมธีนั้น...ไม่ว่าจะในแง่พระหนุ่ม หรือคนหนุ่ม แต่เรียกได้ว่า...เป็นบุคคลผู้ซึ่งนอกจากจะแสดงออกให้เห็นถึงไหวพริบ ปฏิภาณ ปัญญาญาน อันคมกริบ พอๆกับมีดโกนยิลเลตต์รุ่นทวิน แอคชั่นแล้ว ความมุ่งมั่น ตั้งใจ และเจตนารมณ์อันแรงกล้าในอันที่จะพิทักษ์พระศาสนา แพร่ กระจายสัจจธรรมความรู้ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไปยังสรรพสัตว์ทั้งหลาย ยังทำให้นับวัน...ท่านไม่ได้แค่ “คม”เพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยัง “ชัด”และ “ลึก”ยิ่งขึ้นเรื่อยๆ...









สำหรับรายของคุณ “สุทธิชัย”นั้น...การหันมาให้ความสนใจต่อ “ธรรมะ”ในตอนอายุปูนนี้ อันที่จริงคงไม่ถือเป็นเรื่องแปลกซักเท่าไหร่ แต่ก็อย่างว่า...ขึ้นชื่อว่า “สุทธิชัย”แล้ว ระดับมันสมองโตเท่าบาตรพระ ไหวพริบ ปฏิภาณ ซึ่งเคยแสดงให้เห็นในวิชาชีพสื่อมวลชนมาโดยตลอด การหันมาให้ความสำคัญต่อธรรมะ ต่อศาสนา ของคนระดับนี้ จึงเป็นอะไรที่น่าตื่นตา ตื่นใจ ไม่น้อยทีเดียว หรืออย่างน้อย...นอกจากจะนำมาซึ่งประโยชน์ต่อตัวเองแล้ว ยังน่าที่จะก่อให้เกิดผลพวงที่เป็นประโยชน์ต่อผู้อื่นตามมาด้วยไม่มากก็น้อย...

และที่น่าสนใจเอามากๆก็คือว่า...ลูกชายหัวแก้ว หัวแหวน ของคุณ “สุทธิชัย” คือคุณน้อง “ปราบดา หยุ่น”ผู้อาจเรียกได้ว่า...ถือเป็น “ไอดอล” หรือเป็นตัวแทนของคนในยุคสมัยใหม่ๆของสังคมไทย อันเป็นที่ยอมรับในหลายต่อหลายวงการ ไม่ว่าจะเป็นวงการนักเขียน วงการหนัง หรือวงการโฆษณา ก็แล้วแต่ ก็กลับหันมาแสดงออกถึงความสนใจต่อเรื่องราวของธรรมะ และศาสนา ไม่น้อยไปกว่าคนรุ่นพ่ออย่างคุณ “สุทธิชัย” และได้รับหน้าที่เป็นหนึ่งในพิธีกร ที่พาผู้ชมตระเวณไปเข้าวัด ได้อย่างกลมกลืน ลงตัวเป๊ะๆ...

เท่าที่ได้ดูรายการคราวนี้...ถือเป็นตอนแรก เพราะยังมีตอนต่อไปให้ติดตามในแต่ละสัปดาห์อีกประมาณ 2-3 ครั้ง แต่ช่วงท้ายรายการ เมื่อมีการตัดภาพมายังคำพูด ความรู้สึกในใจ ของ“ปราบดา หยุ่น” ที่มีต่อเรื่องราวทางธรรมะ ทางศาสนา พอสรุปได้คร่าวๆว่า...ในแง่ความรับรู้ ความเข้าใจ ของคนหนุ่มรายนี้ จัดอยู่ในขั้น “ไม่ธรรมดา”หรือไม่ใช่แค่ผิวๆเท่านั้น อาจจะโดยประสบการณ์ที่เคยผ่านเมืองนอก เมืองนา หรือโดยอะไรก็แล้วแต่ การแสดงออกถึงความเข้าใจต่อหลักคิดของชาวตะวันตก แล้วไม่ได้ติดยึด...แต่สามารถมองทะลุ จนสัมผัสกับคุณค่าดั้งเดิมของแนวคิดแบบตะวันออก ที่ให้ความสำคัญกับธรรมะ หรือธรรมชาติ มากกว่าที่จะหมกมุ่นอยู่กับการเอาตัวตนของมนุษย์เป็นศูนย์กลาง อันนี้ต้องเรียกว่า...ดีไม่ดี “สุทธิชัย”อาจจะต้องยอมลดตัวเป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาส ยกตำแหน่งเจ้าคณะอำเภอให้ลูกชายไปแทนที่เอาเลยก็ไม่แน่???







แทบจะเรียกได้ว่า...หลายสิ่งหลายอย่างที่ปราชญ์แห่งวงการศาสนา อย่างท่าน “พุทธทาสภิกขุ”ได้ขุด “ขุมทรัพย์จากพระโอษฐ์”นำมาวางกองเอาไว้ หรือนำมาเจียรนัยเป็นเพชร เป็นพลอย แต่ท่าน“ว.วชิระเมธี” ก็สามารถนำมาเข้ารูป เข้ารอย นำมาออกแบบทำเป็นเครื่องประดับอัญมณี เป็นจิเวลลี่ ตีตลาดคนรุ่นใหม่ รุ่นกลาง รุ่นเล็ก รุ่นใหญ่ที่ต่างเอาไปคล้อง ไปแขวน เป็นสร้อย เป็นแหวน โดยไม่รู้สึกว่าเชยซ์ซ์ หรือตกรุ่น เอาเลยแม้แต่น้อย... “ธรรมะ”แท้ๆ ที่ไม่ได้มีไว้เพื่อคนรุ่นหนึ่ง รุ่นใด แต่มีไว้เพื่อมวลมนุษยชาติและสรรพสัตว์ทั้งหลาย ก็เลยได้รับการสืบทอด สืบต่อไปโดยไม่ขาดสาย หรือโดยไม่ก่อให้เกิดความขัดเขิน สำหรับคนในยุคที่ศีลธรรมกำลังเหี่ยวปลายอย่างเช่นทุกวันนี้...

ดูรายการ “Zen 2010”ของคุณ “สุทธิชัย”ในตอนแรก แม้จะยังไม่ถึงกับมีการเจาะลึกไปถึงแก่นธรรมะ ศาสนา อะไรกันมากมาย แต่ก็ทำให้เกิดความรู้สึกปลาบปลื้ม ดื่มด่ำ อยู่ไม่น้อย รวมทั้งยังทำให้เกิด “ความหวัง”บางอย่าง บางประการขึ้นมาบ้างรางๆ โดยเฉพาะเมื่อได้เห็นคนเก่ง คนดัง คนรุ่นเก่า รุ่นใหม่ หรือคนที่ใครต่อใครก็สามารถนำเอามาเป็น “แบบ”ได้ ต่างเดินมุ่งหน้าเข้าวัดกันเป็นสายๆ แสดงออกถึงความกระตือรือล้น ความเอาจริงเอาจัง ในการหันมาให้ความสนใจ และให้ความสำคัญ กับสิ่งซึ่งถือได้ว่าเป็น “จุดมุ่งหมายของความเป็นมนุษย์” ที่ไม่ว่าจะเกิดมาในชาติหนึ่ง ชาติใด ยุคใด สมัยใด ถ้าหากไม่ผ่านขั้นตอนของการทำความเข้าใจ การค้นหาความรู้ต่อสิ่งๆนี้แล้วไซร้ โอกาสที่จะเป็นมนุษย์ได้อย่างเต็มภาคภูมิคงไม่ใช่เป็นเรื่องง่ายๆ...

อย่างที่นักปราชญ์ชาวอินเดียท่านว่าเอาไว้นั่นแหละว่า... “ชาวอินเดียโบราณถือเป็นคติว่า...จงอยู่เพื่อหาความรู้ ไม่ใช่หาความรู้เพื่ออยู่ คติชีวิตนี้ไม่ได้คัดค้านการศึกษาเล่าเรียนวิชาชีพ เพื่อใช้เป็นเครื่องมือประกอบอาชีพให้เป็นอยู่สุขสบายในโลกนี้เท่าที่จะพอหาได้ ว่าไม่มีความจำเป็น เพียงแต่ถือว่า...นั่นไม่ใช่จุดประสงค์สูงสุดเท่านั้น มีคนจำนวนไม่น้อย ที่มีความรู้สูง(ทางโลก) แต่ใช้ความรู้ไปในทางที่ผิด เพื่อประโยชน์แก่ตนและพรรคพวกของตนเพียงอย่างเดียว และมีคนอีกจำนวนไม่น้อยเหมือนกัน ที่มีความรู้ดีในหลายสิ่ง หลายอย่าง แต่ไม่รู้จักตัวเองเลย การอยู่เพื่อหาความรู้นั้น จึงหมายความว่า เพื่อศึกษาให้รู้ว่าตัวเราคืออะไร เกิดขึ้นมาอย่างไร มีเงื่อนไขหรือปัจจัยอะไรให้เกิด ให้เป็นอยู่ ตลอดจนให้เป็นไปอย่างไรต่อไป เมื่อรู้แจ้ง เห็นจริง ในเรื่องเหล่านี้แล้ว ก็จะไม่หลงผิด ไม่ยึดมั่น ถือมั่น อยู่กับสิ่งที่เป็นมายาของโลกอีกต่อไป แต่จะใช้ชีวิตอันน้อยนิดในโลกนี้ ให้เป็นคุณประโยชน์แก่ตนและผู้อื่น ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้...” เอวังก็มีด้วยการขออนุโมทนา ต่อซองกฐิน และซองผ้าป่าของคุณ “สุทธิชัย”และทีมงาน โดยประการละฉะนี้...

------------------------------------



http://www.innnews.co.th/chatcharin.php#
" มันเป็นสัจธรรมพื้นฐาน
ความเฉยชา คือ ผู้พิฆาต ความคิดดีนับร้อยพันและแผนการอันวิเศษ
ณ บัดหนึ่ง มีผู้มุ่งมั่นตั้งใจลงมือ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ย่อมอำนวยชัย

มิว่าสู ทำสิ่งใด หรือ ฝันจะทำอะไร ทำ ณ บัดนี้
ความทรนงองอาจ มีพรสวรรค์ พลังอำนาจ และ มหัศจรรย์แห่งตน "

เกอเธ่...

ออฟไลน์ มดเอ๊กซ

  • ทีมงานพัฒนาข้อมูล
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7167
  • พลังกัลยาณมิตร 1518
    • ดูรายละเอียด
Re: Zen 2010 จากสวนโมกข์สู่หมู่บ้านพลัม
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: สิงหาคม 03, 2010, 08:29:37 am »


เซน 2010…จาก 'พุทธทาสภิกขุ' ถึง 'ติช นัท ฮันห์'
Tags :เซน,สวนโมกข์,พุทธทาส,ติช นัท ฮันห์,หมู่บ้านพลัม

ที่มา... นสพ.กรุงเทพธุรกิจ วันพุธที่ 21 กรกฎาคม 2553

บทความโดย... สุทธิชัย หยุ่น
 
วันนี้ขอหลบจากความเป็น “คนบ้าข่าว” เพื่อชักชวนให้ท่านผู้อ่านเดินทางไปกับผม... เป็นการเดินทางแห่งจิตวิญญาณ เพื่อการแสวงหาวิธี “พ้นทุกข์”

...มองลึกเข้าข้างทางธรรมะ และจิตใจแทนที่จะตระเวนกับข่าวทางโลกแห่งความสับสนวุ่นวาย
 
“เซน 2010 จากสวนโมกข์สู่หมู่บ้านพลัม จากพุทธทาสภิกขุถึงติช นัท ฮันห์” เป็นชื่อสารคดีพิเศษ 9 ตอนจบ เพื่อพาท่านย้อนไปดูชีวิต และคำสอนของท่านพุทธทาส ที่สวนโมกขพลาราม หรือ “สวนป่าอันเป็นกำลังแห่งความหลุดพ้นจากทุกข์”

และข้ามไปใช้ชีวิตที่ “หมู่บ้านพลัม” ที่ฝรั่งเศส เพื่อฝึกทำสมาธิกับหลวงปู่ “ติช นัท ฮันห์” ซึ่งเป็นปรมาจารย์ด้านพุทธศาสนานิกายเซนผู้เน้นว่าใครๆ ก็พ้นทุกข์ได้หากรู้จัก “อยู่กับปัจจุบันขณะ...ที่นี่ เดี๋ยวนี้”

สองปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ทางพุทธศาสนานั้น แม้จะไม่เคยพบปะกันระหว่างที่ท่านพุทธทาสมีชีวิตอยู่ แต่วิธีคิดและแนวการสอนหลักธรรมของทั้งสองท่านมีความกระจ่างชัด เข้าใจง่าย และที่สำคัญ คือ นำมาใช้ในทางปฏิบัติ เพราะถ้าปฏิบัติไม่ได้ หรือไม่นำมาปฏิบัติ ย่อมไม่ใช่เซน

เราเกิดมาทำไม “ความว่าง” คืออะไร บาปบุญคุณโทษมีจริงหรือเปล่า ตายแล้วเราไปไหน

เหล่านี้ล้วนเป็นคำถามสำหรับ “ผู้ร่วมทุกข์” อย่างเราๆ ท่านๆ...และแม้ในชีวิตแห่งการทำข่าวประจำวัน ของผมจะวนเวียนอยู่กับใคร อะไร ที่ไหน เมื่อไร ทำไม แต่คำถามที่ลุ่มลึกกว่า มีความหมายกว้างไกลกว่า คือ คำถามที่ถามว่า “อะไรคือธรรมะในใจ”

ดั่งที่ท่านพุทธทาสเคยกล่าวไว้ “ไม่ทำตามที่สอน อย่ามาออดอ้อนเรียกอาจารย์”

ณ หมู่บ้านพลัมนั้นผมมีโอกาสได้สอบถามความเห็นของพระรุ่นใหม่ ที่ติดตามวิเคราะห์ผลงานของท่านพุทธทาสอย่างใกล้ชิดรูปหนึ่ง คือ ท่าน ว.วชิรเมธี


และเพื่อให้ฆราวาสที่สนใจ “เซน” ทั้งในความหมายของท่านพุทธทาส และติช นัท ฮันห์ ผมก็ชวนนักเขียน ปราบดา หยุ่น ไปร่วมสนทนาธรรมที่หมู่บ้านพลัมด้วยเช่นกัน

“เซน2010” จึงเป็นการเดินทางครั้งใหม่ของผม เป็นการแสวงหาคำตอบอีกด้านหนึ่งของข่าว เพื่อเข้าถึงความหมายของธรรมะ โดยเฉพาะในภาวะสับสนอลหม่านของสังคมไทยวันนี้
 
ขอเชิญชวนท่านผู้อ่านติดตามได้ตั้งแต่ตอนแรกที่จะออกอากาศคืนนี้(วันพุธที่ 21 ก.ค.) ทางช่อง 9 เวลา 5 ทุ่ม และเวลาเดียวกันของทุกวันพุธทั้งสิ้น 9 สัปดาห์

เพื่อร่วมกันค้นหาอีกมิติหนึ่งของความเป็นคนไทยวันนี้ครับ
" มันเป็นสัจธรรมพื้นฐาน
ความเฉยชา คือ ผู้พิฆาต ความคิดดีนับร้อยพันและแผนการอันวิเศษ
ณ บัดหนึ่ง มีผู้มุ่งมั่นตั้งใจลงมือ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ย่อมอำนวยชัย

มิว่าสู ทำสิ่งใด หรือ ฝันจะทำอะไร ทำ ณ บัดนี้
ความทรนงองอาจ มีพรสวรรค์ พลังอำนาจ และ มหัศจรรย์แห่งตน "

เกอเธ่...