ผู้เขียน หัวข้อ: พวกจิตว่าง อันธพาล ที่เข้าใจคำว่าจิตว่างผิด :: พุทธทาส อินทปญฺโญ  (อ่าน 1648 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ ซุปเปอร์เบื๊อก

  • ต้นกล้า
  • **
  • กระทู้: 67
  • พลังกัลยาณมิตร 21
    • ดูรายละเอียด
   

   ความรู้เรื่อง ไม่มีตัวตนนี้ ไม่ได้ทำใคร ให้หมดเรี่ยว หมดแรง ที่จะทำการ ทำงาน
   ความรู้นี้ ถ้ารู้กันจริงแล้ว จะทำให้ ทำงานสนุก ทำงานไม่เหนื่อย หรือว่า ทำงาน อย่างไม่เห็นแก่ตน
   เป็นการทำงานที่ประเสริฐกว่า, แล้วความรู้นี้ มันประเสริฐที่สุด
   ตรงที่ว่า จะนำมาซึ่งสันติภาพแก่มนุษย์
   
   มนุษย์จะไม่มีสันติภาพ ทั้งโลกและตลอดกาลนิรันดร; ถ้ามีตัวตนจัดแล้ว
   ไม่มีสันติภาพได้ คือพอเกิดขึ้นเท่านั้น ในภายในของคนๆหนึ่ง ก็ไม่มีสันติสสุขแล้ว
   เพราะพอยึดถืออันนี้เป็นหลัก มันเห็นแก่ตน เห็นแก่ตัว ซึ่งเป็นศัตรูอันร้ายกาจของมนุษย์
   ความเห็นแก่ตัว เป็นสิ่งที่ เลวร้ายที่สุด ของมนุษย์ ทำให้เกิดความโลภ ความโกรธ ความหลง
   แล้วทำให้เดือดร้อนกันไปทั้งโลกตลอดกาลนิรันดรเหมือนกัน

   
   ถ้าเข้าถึง อนัตตาโดยถูกต้อง ต้องใช้คำว่า "โดยถูกต้อง" คุณต้องขีดไว้ว่า โดยถูกต้อง
   เพราะมัน โดยผิดก็ได้; ถ้าเข้าถึงความรู้ เรื่องอนัตตา โดยถูกต้อง จึงจะมีผลดี
   ทั้งส่วนบุคคล และส่วนรวม ของสังคม
   
   ที่ว่า โดยไม่ถูกต้องนั้น คือ โดยมิจฉาทิฎฐิ โดยอันธพาลนั้น เหมือนพวกจิตว่างอันธพาลนั้น
   เขาว่า เอาอย่างนั้น ไม่มีเหตุ ไม่มีผล ว่าจิตว่างแล้ว มันก็กอบโกยเห็นแก่ตน ไม่ต้องถือธรรมะอะไรเมื่อจิตว่าง,
   ที่แท้ ถ้าจิตว่างแล้ว ทำอย่างนั้นไม่ได้ เพราะจิตมันว่าง จากความเห็นแก่ตน
   ว่างจากความหมายมั่นว่า เป็นตัวตน หรือเป็นของตน

   ฉะนั้น จิตว่าง มันทำอย่างนั้นไม่ได้ จะทำได้ แต่ที่ถูกต้อง บริสุทธิ์ งดงาม เป็นธรรมอะไรนั้น
   
   แต่ก็มี พวกจิตว่าง อันธพาล ที่เข้าใจคำว่าจิตว่างผิด
   ที่เขาไปเขียนด่า เขียนล้อว่า พอจิตว่าง ก็จะไม่ทำอะไร ที่เป็นประโยชน์ แก่ประเทศชาติ
   อย่างนี้ก็จะอย่างเดียวกัน หรือ ความหมายเดียวกันกับที่ว่า
   ถ้าเห็นอนัตตาแล้ว ก็จะไม่ทำอะไร ที่เป็นประโยชน์แก่ตัวเอง หรือ แก่
   ผุ้อื่น.
   นี่ในที่สุด มันก็เหลือ คาราคาซังอยู่ เป็นสิ่งที่เข้าใจไม่ได้ สำหรับผู้ที่ไม่ถึง :

   ความรู้ไม่ถึง, สติปัญญายังไม่ถึง ก็ยังมีตัวตนอยู่เรื่อยไป.
   
   เรื่องมันก็เหลืออยู่ว่า ต้องทำความเข้าใจ ทำให้เข้าถึง ทำให้มองเห็น นับตั้งแต่ข้อเท็จจริง อันแรก ว่า
   ไม่มีอะไร ที่ควรเรียกว่าตัวตน, แล้วข้อเท็จจริง อันที่สองก็คือว่า
   เมื่อคนมีความรู้สึก ถึงขั้นนี้แล้ว จะไม่มีความทุกข์เลย แล้วข้อเท็จจริง
   อันที่สาม ต่อไปอีก ก็คือว่า

   เขาจะเป็นคนที่ ทำประโยชน์ผู้อื่น ได้มากที่สุด เพราะไม่มีความเห็นแก่ตัว.
   
   พุทธทาส อินทปญฺโญ

   http://agaligohome.com/index.php?topic=4803.msg13148;topicseen#msg13148