ผู้เขียน หัวข้อ: นิพพานคือ.. (โดย หลวงพ่อเทียน)  (อ่าน 1541 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ ฐิตา

  • ทีมงานดอกแก้วกลิ่นธรรม
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7459
  • พลังกัลยาณมิตร 2236
    • ดูรายละเอียด
นิพพานคือ.. (โดย หลวงพ่อเทียน)
« เมื่อ: สิงหาคม 28, 2011, 11:44:46 am »



นิพพาน โดย หลวงพ่อเทียน
คัดมาจากหนังสือเรื่อง นิพพาน ของ หลวงพ่อเทียน จิตตสุโภ

นิพพาน คือความเย็นอกเย็นใจ
นิพพานคืออะไร?
ว่าโดยย่อ “นิพพาน” หมายถึง ความพยศหมดไป
หรือความมี
มานะทิฎฐิหมดไป หรือความมีโทสะ โมหะ โลภะ หมดไป


หรืออีกคำหนึ่งว่า กิเลส ตัณหา อุปาทาน หมดไป
มีแต่ความเป็นปกติ หรือว่า “ว่าง” นี่แหละคือ “นิพพาน”
สรุปนิพพานแปลว่า หมดความร้อน มีแต่ “ความเย็นอกเย็นใจ”
ไม่ใช่อื่นไกล นิพพานมีอยู่ในทุกคนไม่ยกเว้น จะเป็น
ผู้หญิงก็มีนิพพาน
คนไทย คนจีน คนฝรั่งเศส คนอังกฤษ คนอเมริกัน

คนเขมร คนญวน คนลาว ก็มีนิพพานเช่นเดียวกัน
จะถือศาสนาไหนลัทธิอะไรก็ตามมีนิพพานเช่นเดียวกัน
คนโบราณจึงพูดว่าสวรรค์อยู่ในอก นรกอยู่ในใจ

พระนิพพานอยู่ที่ใจ
เพียงแต่ว่าคนคนนั้นแหละจะทำให้มรรคผล นิพพาน
ปรากฏเกิดขึ้นหรือไม่เท่านั้นเอง
ปฏิบัติด้วยการเจริญสติ กำหนดรู้ทุกอิริยาบถ

ปฏิบัติอย่างไร เพื่อให้ถึงซึ่งกระแสพระนิพพาน?
ตามที่หลวงพ่อปฏิบัติอยู่อาจจะไม่เหมือนกับที่คนอื่นพูดมา
สำหรับหลวงพ่อเอง เคยให้ทาน รักษาศีล ทำกัมมัฏฐานมาพอสมควร
แต่ไม่รู้ว่านิพพานอยู่ที่ไหน? คืออะไร?

ไม่รู้ เพราะไม่ได้ปฏิบัติอย่างนี้

การปฏิบัติอย่างนี้หมายถึง ปฏิบัติให้มีสติอยู่กับการเคลื่อนไหวในทุกอิริยาบถ
แม้จะยกมือ ยกเท้าก็ให้มีสติรู้
ที่หลวงพ่อทำอยู่เป็นประจำ หลวงพ่อสร้างจังหวะขึ้นเพื่อปฏิบัติ

คือพลิกมือขึ้น-ให้รู้สึก
คว่ำมือลง-ให้รู้สึก ยกมือไป- ให้รู้สึก เอามือมา-ให้รู้สึก
และอิริยาบถในชีวิตประจำวัน เช่น เอียงซ้าย เอียงขวา-ให้รู้สึก
กะพริบตา-ให้รู้สึก
ตาเหลือบซ้าย และขวา-ให้รู้สึก หายใจเข้า หายใจออก-ให้รู้สึก

ให้มีสติติดตาม
ความรู้สึกนี่เอง จิตใจมันนึกมันคิด-ให้รู้สึก
เมื่อรู้สึกแล้วไม่ต้องยึดถือ ปล่อยวางไป ทำอย่างนี้แหละ
ความรู้สึกนั้นท่านว่าสัญญา คือความหมายรู้จำได้
เมื่อมีสัญญาความหมายรู้จำได้ ญาณก็เข้าไปรู้

“ญาณ” แปลว่าเข้าไปรู้
เมื่อญาณเข้าไปรู้แล้วปัญญาก็รอบรู้
ทั้งสามอย่างนั่นแหละประกอบกันเข้าเรียกว่าญาณของวิปัสสนา

เมื่อทำความรู้สึกอยู่ทุกอิริยาบถ ญาณของวิปัสสนาก็เกิดขึ้นแก่ผู้กระทำเช่นนั้น
เมื่อญาณของวิปัสสนาเกิดขึ้นแล้ว

ก็เห็นแจ้งรู้จริงตามความเป็นจริง เพราะศึกษาอยู่กับธรรมชาติ
ศึกษาอย่างนี้แหละจึงจะได้กระแสพระนิพพาน
ทำไมจึงว่าได้กระแสพระนิพพาน? บางคนอาจจะสงสัย
ก็เพราะรู้รูป รู้นาม รู้รูปธรรม นามธรรม

รู้รูปโรค รู้นามโรค รู้ทุกขัง รู้อนิจจัง รู้อนัตตา
รู้สมมติ สมมติอะไรรู้ให้ครบให้จบให้ถ้วน
แล้วก็รู้ศาสนา รู้พุทธศาสนา รู้บาป รู้บุญ รู้ได้จริงๆ
ถ้าทำอย่างนี้ไม่ยกเว้นใครเลย
ใครทำก็รู้ทั้งนั้น ทำเมื่อไหร่ก็ได้ อยู่ที่ไหน ก็ทำได้

อย่างนี้เรียกว่า ได้ดวงตาเห็นธรรม
เพราะเห็นตัวเรา กำลังนึก กำลังคิด กำลังพูด กำลังทำ
นี่เรียกว่าเห็นธรรม เห็นอย่างนี้เห็นธรรมแท้ๆ ไม่แปรผัน




ที่มา  : http://agaligohome.com/index.php?topic=856.0
นำมาแบ่งปันโดย : miracle of love
Pics by : Google
สุขใจดอทคอม * อกาลิโกโฮม
อนุโมทนาสาธุที่มาทั้งหมดมากมายค่ะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 28, 2011, 11:53:33 am โดย ฐิตา »