เบื้องหลัง'ZEN 2010':ลมหายใจในรอยเท้า
"ลมหายใจในรอยเท้า" สารคดีโทรทัศน์เบื้องหลัง "ZEN 2010 : จากสวนโมกข์สู่หมู่บ้านพลัม"
นับแต่ท่าน ติช นัท ฮันห์ พระเซนชาวเวียดนามที่ช่วยเหลือผู้อพยพในระหว่างสงครามเวียดนามจนไม่สามารถกลับประเทศได้เป็นเวลาถึง 40 ปี แล้วไปตั้งอาศรมหมู่บ้านพลัม ชุมชนแห่งสันติ อยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศฝรั่งเศส ได้ชักชวน สุทธิชัย หยุ่น ให้ไปปฏิบัติธรรมที่หมู่บ้านพลัมบ้าง หลังจากที่เจอกันในเมืองไทยช่วงไม่กี่วันเมื่อปี พ.ศ.2550 จากนั้น 2 ปีให้หลัง ธรรมะจึงจัดสรรให้ทั้งสองได้เจอกัน
แน่นอน! ธรรมะไม่ได้จัดสรรให้ลงตัวง่ายๆ อย่างนั้นแน่ ถ้าคนข่าวมืออาชีพที่อยู่กับข่าวมาตลอดชีวิตอย่างสุทธิชัย ไม่ได้สนใจเรื่องทางจิตวิญญาณมาก่อน และได้พยายามหาโอกาสทำเรื่องเกี่ยวกับจิตวิญญาณมานานแล้ว จะว่าไป เรื่องนี้ก็ไม่ใช่เรื่องแรกที่สะท้อนการเดินทางทางจิตวิญญาณของเขา เพราะเขาเคยพบกับท่านพุทธทาสมาก่อนที่ท่านจะละสังขารไม่นานนัก และศึกษางานของท่าน นัท ฮันห์ ไม่น้อยเหมือนกัน ซึ่งการสอนของทั้งสองท่าน ก็ได้ทำให้เขานำมาใช้ในการทำงานมาตลอด โดยเฉพาะในเรื่องของ "การทำงานคือการปฏิบัติธรรม", "การปล่อยวางเรื่อง ตัวกู ของกู"
Byline มนสิกุล โอวาทเภสัชช์
ดังนั้นเมื่อท่าน นัท ฮันห์ รับนัดอย่างเป็นทางการ กองถ่ายเล็กๆ เรามีกันเพียง 4 ชีวิต ก็เตรียมตัวเดินทางทันที
แต่ว่า ก่อนการเดินทางไม่กี่วัน ในวันที่ 27 พ.ค. 2552 ซึ่งเป็นวันล้ออายุท่านพุทธทาสที่หมุนเวียนมาครบ 103 ปี ก็เป็นวันเริ่มต้นที่สุทธิชัยเดินทางไปนัดหมายกับพระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี หรือ ท่าน ว. วชิรเมธี พระรุ่นใหม่ที่เรารู้จักกันดี ที่สถาบันวิมุตตยาลัย เพื่อเตรียมประเด็นที่จะสนทนาธรรมกับท่านนัท ฮันห์ ซึ่งจะมี ปราบดา หยุ่น นักเขียนรางวัลซีไรต์ในปี พ.ศ. 2545 ไปร่วมสนทนาธรรมด้วย นี่เองที่ทำให้สารคดีเซน 2010 นี้ เป็นเรื่องราวของคนในอนาคตด้วย
"ท่าน นัท ฮันห์ ถามมาบ่อยๆ ว่า จะไปเมื่อไหร่ ตอนนี้ก็ได้เวลาแล้ว บางทีท่านอาจจะให้ท่าน ว.เทศน์ ให้ชาวต่างชาติฟังก็ได้นะ"
สุทธิชัยแหย่ท่าน ว. ในวันนั้น แล้วก็นัดเจอกับท่านที่โน่นเลย...หมู่บ้านพลัม เมืองบอร์กโดซ์ ประเทศฝรั่งเศส
000
วันแรกที่เจอกับท่าน ว. และปราบดา ที่หมู่บ้านพลัม แม้ว่าทีมงานจะไม่ค่อยได้นอนกันบนเครื่องบิน ด้วยความมีไฟอันคุกรุ่นอยู่ของคนข่าววัย 63 ปี ทำให้พวกเราต้องเริ่มงานกันเลยแน่นอน การทำงานคือการปฏิบัติธรรม ท่านพุทธทาสสอนไว้ และบิ๊กบอสของเราก็บอกให้ทำอย่างนั้นมาตลอด
และหลังอาหารมังสวิรัติมื้อแรกที่หมู่บ้านพลัม กองถ่ายซึ่งต้องทำทุกอย่างในเวลาเดียวกัน คือ ทำงานไปด้วย ฝึกสติไปกับการทำงานด้วย และต้องทำงานอาสาด้วย เราทุกคนมีหน้าที่ต้องมีหน้าที่ล้างหม้อ ถาด และสารพัดเครื่องครัว และคนที่ขัด ล้าง เก่งที่สุด ก็คือ คนนี้เอง ...ปราบดา หยุ่น
ยังจำได้แม่น ชอตใกล้เคียงกัน ตอนที่รับประทานอาหารที่โรงครัว ในสวนโมกข์ สุทธิชัยจ้องมองแผ่นป้ายที่บอกว่า "ผู้ล้างจานข้าวไม่เป็นจะปฏิบัติธรรมได้อย่างไร" แล้วเขาก็เล่าให้ทีมงานฟังว่า ตอนเด็กๆ เขาขัดหม้อมาเยอะมาก เด็กสมัยนี้จะรู้จักไหม ฝอยขัดหม้อน่ะ ต้องขัดจนหม้อขาวสะอาดเลยทีเดียว (ตอนนี้คงเป็นปลื้มเมื่อเห็นลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น)
การรับประทานอาหารแล้วต้องล้างจานเองจึงเป็นสิ่งที่เขาชอบมาก แต่ว่า ที่นี่ ห้ามล้างจานไปด้วย พูดไปด้วย ฉากที่ถ่ายและพูดขณะล้างจาน ในตอนแรก จึงมีภิษุณีนิรามิสา ที่ทีมงานประสานงานมาตลอด มาคอยกำกับว่า ที่นี่ ล้างจานคือล้างจาน ไม่พูดขณะล้างจานค่ะ
เอ๊ะ เป็นอย่างไร ล้างจานคือล้างจาน (ต้องคอยติดตามชมบนจอต่อไป)
ก็เลยทำให้สารคดีชุดนี้ ไม่ค่อยมีอะไรหลุดๆ เพราะมีผู้กำกับเยอะมากๆ แม้ว่าทีมงานจะเล็กนิดเดียว
กระทั่งเวลาที่เขาได้พบกับท่าน นัท ฮันห์ ก็ยังมีผู้ช่วยผู้กำกับอีกเยอะทีเดียว แต่ว่า ด้วยความที่เป็นนักข่าวมืออาชีพ เมื่อสบโอกาส เขาจึงตัดสินใจตั้งคำถามกับท่าน นัท ฮันห์ ตรงๆ เหมือนนักข่าวถามแหล่งข่าว แต่ด้วยใจที่เพรียกหาธรรมะ จึงเป็นการแสวงหาคำตอบต่อคำถามทางด้านธรรมะที่ตรงตัว ซึ่งผู้ชมจะได้ติดตามอย่างใกล้ชิดกับเขาไปด้วย
สำหรับท่าน ว.ของชาวไทย ท่านกลายเป็นขวัญใจของชาวตะวันตกไปเลย แม้ว่าท่านไม่ได้เทศน์ตามที่สุทธิชัยเดาไว้ แต่ท่านก็นำบทสวดมนต์เถรวาทไปฝากไว้ในหัวใจของชาวต่างชาติไม่น้อย ไม่แพ้บทสวดมนต์ของท่านนัท ฮันห์ ที่ประยุกต์เป็นเพลงที่ทำให้ท่าน ว. และสุทธิชัย ฮัมเล่นอยู่บ่อยๆ จนเป็นคำถามหนึ่งที่อาจจะคาใจหลายๆ คนว่า บทสวดมนต์เมื่อเป็นเพลง จะทำให้พุทธศาสนาเปลี่ยนไปเพื่อชาวตะวันตกมากขึ้นไหม จะเป็นสัจธรรมปฏิรูปไหม ซึ่งท่านนัท ฮันห์ ก็ตอบคำถามเขาว่า เมื่อเพลงนั้นเป็นเพลงเพื่อการปฏิบัติ แล้วทำไมเราจะร้องไม่ได้ล่ะ
ส่วน ปราบดา ไม่ได้ตั้งใจมาเป็นพิธีกร แต่เมื่อเจอกับ ครรชิต เลิศอุทัย โปรดิวเซอร์รายการชีพจรโลก คนรุ่นใหม่วัยยี่สิบกว่าๆ ซึ่งมีความไวในการทำให้สารคดีให้น่าสนใจ (มาก) เห็นแววก็ถือโอกาสดึงตัวมาเป็นพิธีกรซะเลย สารคดีชุดนี้จึงเป็นบทบาทพิธีกรครั้งแรกด้วยสำหรับนักเขียนซีไรต์ท่านนี้ที่บรรดาภิกษุ ภิกษุณีที่หมู่บ้านพลัมต่างชอบใจไปตามๆ กันกับความอ่อนน้อมถ่อมตน และคำถามที่ลึกซึ้ง จนไม่คิดว่า นั่นคือการเป็นพิธีกรครั้งแรกของหยุ่น รุ่น 2 ---
แต่ไม่ว่าจะเป็นรุ่นไหน พิธีกรก็เป็นเพียงสะพาน ที่ทำให้ท่านผู้ชมเดินทางเข้าไปค้นพบอะไรบางอย่างในตัวเอง
ขอเชิญทุกท่าน เดินทางไปกับเรา " สารคดี ZEN 2010 จากสวนโมกข์สู่หมู่บ้านพลัม " ทางช่อง 9 ทุกวันพุธ เวลา 23.00 น.
http://www.suthichaiyoon.com/detail/4539