ผู้เขียน หัวข้อ: นิทานเซ็น :จากมุมสงบ Kitty's Home  (อ่าน 19115 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 5 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ ฐิตา

  • ทีมงานดอกแก้วกลิ่นธรรม
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7459
  • พลังกัลยาณมิตร 2236
    • ดูรายละเอียด
Re: นิทานเซ็น : ผู้รับ ผู้ให้
« ตอบกลับ #10 เมื่อ: กันยายน 18, 2011, 06:13:52 am »


                 

ผู้รับ ผู้ให้

อูเมชุ ซิบิ เป็นพ่อค้าผู้มั่งคั่งแห่งเมืองเอโด ทราบว่าท่านอาจารย์เซอิเซตสุ มีความประสงค์จะขยายศาลาโรงธรรม เพราะที่มีอยู่เดิมคับแคบไม่พอกับผู้ที่มาฟังธรรม อูเมชุ ซิบิ จึงตกลงใจที่จะเป็นผู้บริจาคปัจจัย เพื่อเป็นค่าก่อสร้างเสียเอง เป็นจำนวนเงินถึง 500 เหรียญทอง ซึ่งในสมัยนั้นนับว่ามากที่สุดแล้ว เพราะว่าเงินเพียง 3 เหรียญทอง ก็สามารถใช้สอยอยู่กินได้ตลอดปีแล้ว ท่านพ่อค้าได้หิ้วถุงเงินเข้าไปหาท่านอาจารย์ แล้วน้อมถวายบอกความประสงค์ให้ทราบ ท่านอาจารย์ ก็กล่าวแต่เพียงว่า

"ดีแล้ว อาตมาจะรับไว้" แล้วก็นั่งนิ่งเงียบ

อูเมชุ ซิบิ นั่งรอ ด้วยหวังว่าท่านอาจารย์คงจะกล่าวอนุโมทนาและอวยพรให้ตนโชคดีทำมาค้าขึ้นต่อๆ ไป แต่เห็นท่านอาจารย์ก็ยังคงนั่งนิ่งเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น จึงนั่งกระสับกระส่ายฟุ้งซ่านต่างๆ นานา แหมเงินตั้ง 500 เหรียญทองเชียวนะ ท่านอาจารย์ไม่เห็นกล่าวอนุโมทนาเลยสักนิด คิดแล้วก็ทำใจกล้ากราบเรียนว่า

"หลวงพ่อครับ เงินในถุงใส่ไว้ครบ 500 เหรียญเลยครับ"
"เมื่อตะกี้ เธอบอกแล้วไม่ใช่เรอะ ?" หลวงพ่อตอบ
ท่านพ่อค้ายิ่งตีสีหน้าไม่ถูก นั่งนิ่งกันไปอีกพักใหญ่ ท่านพ่อค้าก็เลยตัดสินใจอีกครั้ง กล่าวเลียบเคียงให้หลวงพ่อโมทนาให้พร
"หลวงพ่อครับ เงินจำนวน 500 เหรียญทองนี่ แม้ผมจะค้าขายใหญ่โต ก็ยังรู้สึกว่ามันมากอยู่นะครับ"
"เธออยากให้ฉันขอบใจเธอใช่หรือเปล่าล่ะ ?" หลวงพ่อเดาใจ
"ครับ นิดหนึ่งก็ยังดีครับ" พ่อค้าตอบอย่างดีใจ

"ทำไมต้องให้ฉันขอบใจด้วยล่ะ ผู้ใดเป็นผู้ให้ทาน ผู้นั้นต่างหากที่ควรจะขอบใจ"
ท่านอาจารย์เซอิเสตสุตอบ แล้วนิ่งเงียบอืก

ถ้ามองอย่างสามัญแล้ว เมื่อมีการให้ย่อมอยากได้รับการตอบสนองกลับบ้าง ความจริงการให้หรือการทำบุญนั้น เป็นอุบายอย่างหนึ่งในการทำลายความยึดมั่นว่าตัวกูของกูลง แต่จะมองเห็นกันหรือไม่เท่านั้น


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 26, 2012, 09:48:02 pm โดย ฐิตา »

ออฟไลน์ ฐิตา

  • ทีมงานดอกแก้วกลิ่นธรรม
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7459
  • พลังกัลยาณมิตร 2236
    • ดูรายละเอียด
Re: นิทานเซ็น : เรื่องของอิคคิว
« ตอบกลับ #11 เมื่อ: กันยายน 18, 2011, 06:17:08 am »

                   

เรื่องของอิคคิว

ในสมัยอาชิคากะที่ประเทศญี่ปุ่น มีเด็กน้อยผู้หนึ่งชื่อว่าอิคคุยุ ชอบติดตามมารดาไปวัดอยู่เสมอ หลวงพ่อเจ้าอาวาสก็ชอบเรียกไปใช้สอยอย่างใกล้ชิด วันหนึ่งขณะที่กำลังปัดกวาดทำความสะอาดอยู่นั้น ก็บังเอิญไปปัดเอาถ้วยชาอย่างดีราคาแพงของหลวงพ่อตกแตก เด็กน้อยรู้สึกตกใจอย่างยิ่ง เพราะเป็นของหาไม่ได้อีกแล้ว เสียงหลวงพ่อก็กำลังเดินเข้ามาในห้อง หนูน้อยอิคคุยุไม่มีเวลาคิดมากกระวีกระวาดลุกขึ้นยืน ทั้งสองมือถือถ้วยชาที่แตกซ่อนไว้ข้างหลัง ตาจ้องมองหลวงพ่อที่นั่งลงบนอาสนะ อิคคุยุก็แน่ใจว่าหลวงพ่อคงยังไม่ได้ยืนเสียงถ้วยชาแตก จึงเกิดปฏิภาณ ขึ้นทันที

"หลวงพ่อครับ คนเรานี่ต้องตายทุกคนโดยไม่มีข้อยกเว้นเลยหรือครับ ?"
"ลูกเอ๋ย มันเป็นกฏธรรมชาติธรรมดา" หลวงพ่อชี้แจงโดยซื่อ และกล่าวต่อไปอืกว่า
"บรรดาทุกสิ่งในโลกไม่มียกเว้น เมื่อถึงคราวแล้วย่อมต้องตายอย่างแน่นอน"
อิคคุยุนั่งฟังหลวงพ่อเทศน์สอนจนจบ แล้วแบมือยื่นเศษถ้วยชาให้หลวงพ่อดู พร้อมกับทำหน้าเศร้าๆ ว่า
"ถ้วยชาของหลวงพ่อก็เหมือนกันครับ มันถึงคราวตายเสียแล้ว"

สมัยแรกๆ นั้น ทุกคนทราบแต่เพียงแววไหวพริบ ปฏิภาณของเด็กน้อยอิคคุยุเท่านั้น ยังไม่มีใครคาดฝันเลยว่า เด็กน้อยผู้นี้ ต่อมาจะกลับกลายมาเป็นอาจารย์ใหญ่ฝ่ายเซ็นในสมัยที่ท่านโตและบวชเป็นพระ และตัวลูกศิษย์องค์นี้ กลับเป็นผู้บรรลุธรรมก่อนอาจารย์ผู้เฒ่าของท่านเสียอีก


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 03, 2012, 04:24:30 pm โดย ฐิตา »

ออฟไลน์ ฐิตา

  • ทีมงานดอกแก้วกลิ่นธรรม
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7459
  • พลังกัลยาณมิตร 2236
    • ดูรายละเอียด
Re: นิทานเซ็น : เด็กวัดเซ็น
« ตอบกลับ #12 เมื่อ: กันยายน 18, 2011, 06:20:02 am »


                   

เด็กวัดเซ็น

มีวัดอยู่ 2 วัดอยู่ไม่ห่างไกลกันนัก เด็กจากวัดหนึ่งมีหน้าที่ต้องไปเอาผักในหมู่บ้านทุกเช้า และต้องเดินสวนกับเด็กอีกวัดหนึ่งเป็นประจำ พอเดินสวนกัน เด็กวัดแรกก็จะถามเด็กอีกวัดว่า

"เธอจะไปไหน ?"
"ไปยังที่ๆ เท้าของฉันจะพาไปนั่นแหละ" เด็กอีกวัดตอบ
เด็กวัดแรกมึนงง แต่ก็พอจะรู้ว่า นี่ไม่ใช่การตอบแบบธรรมดา เมื่อกลับไปถึงวัด จึงเล่าเรื่องให้อาจารย์ของตนฟัง
"พรุ่งนี้ให้ถามเขาใหม่ ถ้าเขาตอบว่าจะไปยังที่เท้าพาไปอีก เจ้าจงสวนกลับไปเลยว่า ถ้าเธอไม่มีเท้าล่ะจะไปยังที่ใด ?" อาจารย์แนะนำ

วันรุ่งขึ้นเมื่อพบกัน เด็กคนแรกก็ถามด้วยคำถามเดิมอีก
"เธอจะไปไหน ?" พร้อมเตรียมคำถามจะสวนกลับ
"ไปยังที่ๆ ลมจะพัดไป" เด็กอีกคนตอบ
พอได้ยินคำตอบเปลี่ยนไป ที่อาจารย์สอนมาก็ใช้ไม่ได้อีกแล้ว เด็กคนแรกจึงกลับไปหาอาจารย์และเล่าเรื่องให้ฟังอีก ท่านอาจารย์พอได้ฟังก็ยิ้ม แล้วแนะว่า

"พรุ่งนี้เจ้าถามเขาอีก ถ้าเขาตอบว่าไปยังที่ลมพัดไป ก็ให้ถามดักว่า ถ้าหากไม่มีลมล่ะ เจ้าจะไปยังที่ใด ?"
รุ่งขึ้นพอเดินสวนกัน เด็กคนแรกก็ถามทันที
"เธอจะไปไหน ?"
"ฉันจะไปตลาดซื้อผัก" เด็กอีกคนตอบหน้าตาเฉย
ก็คงต้องมึนกันอีกเช่นเคย


-http://zenartandtea.com/

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 03, 2012, 04:51:34 pm โดย ฐิตา »

ออฟไลน์ ฐิตา

  • ทีมงานดอกแก้วกลิ่นธรรม
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7459
  • พลังกัลยาณมิตร 2236
    • ดูรายละเอียด
Re: นิทานเซ็น : เรื่องของผี
« ตอบกลับ #13 เมื่อ: กันยายน 18, 2011, 06:27:14 am »
                 

เรื่องของผี

นานมาแล้ว มีสามีภรรยาคู่หนึ่งรักกันมาก ต่อมาภรรยาเกิดล้มป่วยหนักจะไม่รอดแล้ว จึงได้ขอร้องสามีว่า ถ้านางตายจากไปแล้วขออย่าได้ไปมีหญิงอื่นอีก ถ้าไม่เชื่อนางก็จะเป็นผีมารบกวนไม่หยุด หลังจากภรรยาตายไปแล้ว ชายผู้นั้นก็ได้ปฏิบัติตามคำขอร้องด้วยดี จนเวลาล่วงเลยไปกว่า 3 เดือน ก็ได้พบรักกับหญิงคนใหม่จนถึงกับทำการหมั้นหมายกัน เมื่อเป็นเช่นนั้น พอตกกลางคืนผีภรรยาเดิม ก็มาตัดพ้อต่อว่าต่างๆ นานา แม้ชายผู้นั้นจะชี้แจงอย่างไร ผีภรรยาเดิมก็ไม่ยอม เขาไปทำอะไรๆ มาแม้จะลับอย่างไรผีภรรยาก็รู้หมด เป็นเช่นนี้ทุกคืน
เขาจึงกินไม่ได้นอนไม่หลับ ร่างกายซูบผอม ญาติมิตรก็ได้แต่ปลอบโยน แต่ก็ไม่มีใครสามารถช่วยเขาได้ จนสุดที่จะทน ชายผู้นั้นจึงได้ไปหารือกับอาจารย์เซ็น ซึ่งอยู่วัดใกล้ๆ บนเขา ท่านอาจารย์นั่งฟังอย่างเห็นใจ ท่านรู้อยู่เต็มอกว่าผีภรรยาที่มาหาเขาทุกคืนนั้นคืออะไร แต่จะอธิบายให้เขาฟังคงยาก



"โอ ผีเมียเจ้านี่ช่างรู้ทุกสิ่งทุกอย่างเลยรึ ตอนนี้ถ้ามันมาอีกเจ้าลองให้มันทายปัญหาดู และสัญญาไว้เลยว่า ถ้าหากผีตอบปัญหาได้ เจ้าจะยอมถอนหมั้นและอยู่เป็นโสดไปตลอดชีวิต"หลวงพ่อแนะ

"จะให้ผมถามอะไรล่ะครับ ?" ชายผู้นั้นสงสัย
"เจ้าจงหาเมล็ดถั่วไว้กำมือใหญ่ แล้วให้ผีทายว่ามีกี่เมล็ด หากผีทายไม่ได้ เจ้าจะได้รู้เสียที ว่าผีที่เจ้ารู้เห็นนั้นคืออะไร"
ตกคืนนั้นผีก็มาอีก ชายผู้นั้นก็กล่าวยกย่องว่าผีฉลาด รู้อะไรไปเสียหมดทุกอย่าง
"แน่ละซี วันนี้เธอไปหาอาจารย์บนเขาฉันยังรู้เลย" ผีรับคำ

ชายผู้นั้นจึงรีบถามคำถามที่หลวงพ่อแนะนำมา
"เธอรู้ดีอย่างนั้น ลองบอกมาซิว่า ถั่วในกำมือนี้มีกี่เมล็ด ?"
ในที่สุด ชายผู้นั้นก็ทราบว่า "ผี" ที่มาหลอกทุกคืนนั้นคืออะไร ผีตอบไม่ได้ เพราะตัวเขาเองไม่ได้นับถั่วไว้ก่อนนั่นเอง

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 13, 2014, 08:27:10 pm โดย ฐิตา »

ออฟไลน์ ฐิตา

  • ทีมงานดอกแก้วกลิ่นธรรม
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7459
  • พลังกัลยาณมิตร 2236
    • ดูรายละเอียด
Re: นิทานเซ็น : แบกไว้ทำไม
« ตอบกลับ #14 เมื่อ: กันยายน 18, 2011, 06:42:46 am »


                 

แบกไว้ทำไม

หลวงพ่อตันซัน เป็นพระเซ็นที่มีความแตกฉานมาก ท่านมีชีวิตอยู่เมื่อประมาณ 100 ปีมานี่เอง ท่านเป็นอาจารย์สอนวิชาปรัชญาในมหาวิทยาลัยอิมพีเรียลในโตเกียวด้วยวันหนึ่ง ท่านได้ชวนท่านเอกิโด เพื่อนพระภิกษุซึ่งเคร่งครัดหยุมหยิมในระเบียบแบบแผนต่างๆ ออกเดินธุดงค์ ระหว่างทาง พอมาถึงที่ต่ำเป็นแอ่งมีโคลนเฉอะแฉะ จะเดินอ้อมก็ไม่ได้ ก็เห็นผู้หญิงคนหนึ่งแต่งตัวเสียสวยงาม กำลังเก้ๆ กังๆ พยายามจะเดินข้ามตรงที่แฉะ แต่ไม่กล้า เพราะกลัวเครื่องแต่งกายที่งดงามจะเปรอะเปื้อน ก่อนที่ท่านเอกิโดจะแปลกใจที่มีหญิงสาวแต่งตัวเสียสวยงามมาเดินอยู่ในป่าคนเดียว ก็ต้องตกตะลึง เพราะเห็นท่านตันซันก้าวเดินสวบๆ เข้าไปหาหญิงผู้นั้น แล้วช้อนร่างอุ้มเดินข้ามแอ่งโคลนไป พอพ้นก็วางลงเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งสองเดินทางต่อไปโดยไม่ได้ปริปากพูดจากัน จนกระทั่งถึงเวลาหยุดพักค่ำวันนั้น เมื่อจัดเตรียมที่พักแล้ว ท่านเอกิโดก็หลุดปากออกมาอย่างกลั้นใจจะไม่พูดไม่ไหว เป็นเชิงสั่งสอนท่านตันซัน ว่า

"พวกเราเป็นพระ น่าจะไม่เข้าใกล้ผู้หญิงจะดีกว่า ยิ่งแตะเนื้อต้องตัวด้วยแล้วยิ่งไม่ถูกต้อง ทำไมท่านถึงทำอย่างนั้น ?"
"ผมวางเด็กสาวคนนั้นลงไปตั้งแต่ตอนเช้าแล้ว ท่านยังจะมาแบกเอาไว้จนถึงเดี๋ยวนี้อยู่อีกหรือ"
หลวงพ่อตันซันโปรดเพื่อนท่าน โดนย้อนเพียงเท่านี้ ท่านเอกิโดก็สว่างโพลงขึ้นทันที ตัวท่านก้าวพ้นตมมาเมื่อเช้านี้ แต่จิตของท่านเพิ่งจะมาข้ามพ้นในขณะนั้นนั่นเอง

ท่านละครับท่านข้ามพ้นตมหรือยัง หรือว่ากำลังสนุกลุยโคลนอยู่ ?


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 26, 2012, 10:02:32 pm โดย ฐิตา »

ออฟไลน์ ฐิตา

  • ทีมงานดอกแก้วกลิ่นธรรม
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7459
  • พลังกัลยาณมิตร 2236
    • ดูรายละเอียด
Re: นิทานเซ็น : ถูก-ผิด
« ตอบกลับ #15 เมื่อ: กันยายน 22, 2011, 04:22:18 am »


                 

ถูก-ผิด

สมัยก่อนในประเทศจีน มีวัดใหญ่อยู่วัดหนึ่ง มีระเบียบให้พระเณรต้องออกไปทำวัตรเช้าตอนตีสี่ทุกวัน มีพระรูปหนึ่งจะตื่นแต่เช้าก่อนทำวัตรทุกวัน ท่านจะเดินส่องไฟไปตามทางเดินก่อนใคร เพื่อจับหอยทากที่คลานอยู่ตามทางเดิน ไปปล่อยเสียให้ห่าง จะได้ไม่ถูกพระเณรเหยียบย่ำ ท่านทำทุกวันจนพระอีกรูปหนึ่งเห็น จึงสอบถามกันขึ้น พระรูปแรกตอบว่า

"นอกจากสวดมนต์ภาวนาแล้ว ผมก็ประกอบกรรมดี สร้างบารมีไปเรื่อยๆ น่ะแหละ เป็นการหาบุญกุศลเพิ่มเติมเป็นพิเศษ"
"ท่านทราบไหม ที่ท่านทำอย่างนี้ เป็นการก่อกรรมทำเข็ญให้กับชาวสวนชาวไร่ หอยทากที่ท่านช่วยไว้จะแพร่กระจายไปทำลายพืชผล และแพร่กระจายเชื้อโรค คนทั้งหลายจะได้รับความเดือดร้อนเพราะการกระทำของท่าน" พระอีกรูปหนึ่งแย้ง
"ไม่ใช่อย่างนั้น ท่านรูปนั้นไม่ได้มีเจตนาที่จะให้เป็นภัยแก่คนทั้งหลาย
ท่านกำลังบำเพ็ญหน้าที่ของพระโพธิ์สัตว์ ช่วยพวกเราให้บำเพ็ญศีลได้บริสุทธิ์ โดยไม่ต้องทำให้ชีวิตตกล่วงไป"


พระรูปที่สามแสดงความเห็นบ้าง เมื่อไม่เป็นที่สรุปได้ว่า ใครผิดใครถูก ทั้งหมดก็พากันไปหาหลวงพ่อโตกุซัน เจ้าอาวาส ท่านอาจารย์นั่งฟังการชี้แจงของพระแต่ละรูปด้วยความกรุณาและเห็นใจเป็นที่สุดพระรูปแรกชี้แจงว่า
"ผมอายุมากแล้ว บวชเรียนมาก็ตั้งใจสะสมความดีแม้จะเพียงเล็กน้อย ถ้าหมั่นทำ ก็อาจเต็มได้เหมือนน้ำที่หยดลงตุ่มทีละหยด"
"ถูก ถูก ถูกแล้ว" หลวงพ่อฟังแล้วก็ชอบใจ

พระรูปที่สองชี้แจงบ้าง
"ถ้าว่ากันแล้ว เจตนาเป็นตัวแสดงกรรม เวลาเดินไปทำวัตรตอนเช้ามืด หากบังเอิญไปเหยียบหอยทากเข้า ก็ไม่ใช่เจตนา เมื่อไม่มีเจตนา ก็ไม่มีกรรม นอกจากนี้ยังได้ช่วยกำจัดสัตว์แพร่เชื้อโรคอีกด้วย"
"ถูก ถูก ถูกแล้ว" หลวงพ่อได้ฟังก็ชอบใจอีก

พระรูปที่สามจึงชี้แจงบ้างว่า
"การบำเพ็ญธรรมถ้ามีผู้เสียสละรับภาระบางอย่างไปเสีย
ก็เป็นการเปิดโอกาสให้ผู้อื่นได้ประกอบกิจกระทำความหลุดพ้นได้อย่างเต็มที่ อย่างนี้จะมิถูกต้องกว่าหรือ"
"ถูก ถูก ถูกแล้ว" หลวงพ่อตอบ แสดงความชอบใจอีก


ขณะนั้น มีเณรอุปฐากนั่งพัดอยู่ข้างๆ ได้ยินคำชี้แจงของพระทุกรูป และหลวงพ่อโตกุซันก็รับว่า ถูก ถูก ทุกรายทั้งนั้น อดรนทนไม่ได้ ก็แสดงความคิดเห็นบ้างว่า

"หลวงพ่อได้แต่ร้องว่า ถูก ถูก ถูก มันจะถูกไปหมดทุกฝ่ายได้อย่างไร มีอันหนึ่งถูก อันอื่นก็ต้องผิดซิครับ หลวงพ่อ"
" อ๊ะ ! เธอนี่ก็ถูกอีก ถูก ถูก ถูกแล้ว"

เรื่องถูก ผิด ถ้าจะเถียงกันจนตายก็คงหาข้อสรุปไม่ได้เพราะทัศนะของแต่ละคน ย่อมแตกต่างกัน สำหรับผู้ที่มีเซ็นแล้ว ไม่มีอะไรเป็นที่น่าสงสัยว่าจะผิดหรือถูก เพราะพ้นแล้วจาก เรื่องถูก เรื่องผิด สำหรับผู้ที่รู้แจ้งโลกแล้ว ย่อมเห็นว่าแต่ละฝ่ายถูกด้วยกันทั้งนั้น
ถูก ถูก ถูกแล้ว !



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 03, 2012, 05:28:32 pm โดย ฐิตา »

ออฟไลน์ ฐิตา

  • ทีมงานดอกแก้วกลิ่นธรรม
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7459
  • พลังกัลยาณมิตร 2236
    • ดูรายละเอียด
Re: นิทานเซ็น : จากมุมสงบ Kitty's Home :สิริมงคล
« ตอบกลับ #16 เมื่อ: กันยายน 30, 2011, 02:41:58 pm »
               

สิริมงคล

มีชายผู้หนึ่งอายุ 60 ปีแล้ว แกอุตสาหะประกอบอาชีพสร้างครอบครัวจนมีฐานะเป็นเศรษฐี มีบุตรหลานพร้อมหน้า ต่อมาแกเกิดไม่แน่ใจว่า เมื่อสิ้นแกแล้ว ลูกหลานจะสามารถรักษาครองความเป็นเศรษฐีเช่นนี้ได้ตลอดไปหรือไม่ แกใคร่ครวญเพื่อหาหลักประกันอยู่หลายปีก็คิดว่า ทางเดียวที่จะพึ่งได้ก็คือพระ เพื่ออาศัยทางด้านอภินิหาร แกจึงไปหาหลวงพ่อซินก่าย พระเซ็นซึ่งเป็นที่นับถือทั่วไปในเวลานั้น เล่าความในใจให้ฟังแล้วนิมนต์ท่านไปฉันอาหารที่บ้าน และขอให้ช่วยเขียนคำอวยพรเพื่อเป็นสิริมงคลด้วย ในวันพิธี ท่านเศรษฐีได้เชิญแขกเหรื่อและญาติมิตรมามากมาย หลังฉันอาหารแล้ว ท่านเศรษฐีก็ส่งม้วนกระดาษแดงและพู่กันให้หลวงพ่อซินก่าย หลวงพ่อจุ่มหมึกป้ายพู่กันอย่างรวดเร็ว เป็นอักษรสามประโยค

"ให้พ่อตายก่อน แล้วลูกตาย และหลานตาย" ทุกคนตกตลึงไปหมด
โดยเฉพาะท่านเศรษฐี หลุดปากออกมา  "โอย หลวงพ่อ !"

หลวงพ่อซินก่ายเห็นเป็นโอกาส จึงสอนว่า
"ลูกเอ๋ย พ่อไม่ได้เขียนเล่นๆ คำว่า 'ตาย' นั้น ทุกคนจะต้องพบมิใช่หรือ ฉะนั้นถ้าหากว่าต้องตายแล้ว ก็ขอให้ตายเรียงกันก่อนหลังจะมิดีกว่าหรือความทุกข์ที่คนเราต้องรับกันอยู่ทุกวันนี้ก็หนักพออยู่แล้ว พวกเจ้าจึงไม่ควรจะต้องมาเสียน้ำตาที่ลูกหลานต้องมาด่วนจากไปก่อนเจ้า พ่อจึงถือว่าเป็นพร และเป็นสิริมงคลของวงศ์ตระกูล"

แล้วหลวงพ่อก็ได้แสดงธรรมให้ทุกคนรู้จักว่า "เงิน" นั้นคืออะไร เราควรจะจัดการกับมันอย่างไร จึงจะได้ประโยชน์สูงสุดโดยไม่ต้องไปเป็นทุกข์กับเงินนั้น คงเหมือนกับการรักษาโรคในปัจจุบัน ที่แพทย์ทางโรคจิตใช้วิธีการทำช๊อคให้แก่คนไข้ที่อาละวาด อาจารย์เซ็นก็มีวิธีการทำช๊อคให้แก่ผู้ที่เมาสมบัติเหมือนกัน
ท่านคิดจะนิมนต์หลวงพ่อซินก่าย ไปเจิมสิริมงคลที่บ้านหรือยัง ?

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 13, 2014, 07:56:29 pm โดย ฐิตา »

ออฟไลน์ ฐิตา

  • ทีมงานดอกแก้วกลิ่นธรรม
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7459
  • พลังกัลยาณมิตร 2236
    • ดูรายละเอียด
Re: นิทานเซ็น : จากมุมสงบ Kitty's Home :โยเน็น
« ตอบกลับ #17 เมื่อ: กันยายน 30, 2011, 04:06:19 pm »
           

แม่ชีใจสิงห์

เรื่องนี้เกิดขึ้นในประเทศญี่ปุ่นเมื่อปี พ.ศ. 2340 สาวน้อยวัย 17 คนหนึ่ง ชื่อว่าโยเน็น นอกจากเธอจะมีรูปร่างหน้าตาสะสวยแล้ว ยังเกิดในตระกูลสูงและได้รับการศึกษาเป็นอย่างดี พระจักรพรรดินีรับสั่งเรียกตัวเข้าเฝ้าถวายงาน เป็นที่โปรดปรานยิ่งนักแต่ในโลกนี้ไม่มีอะไรแน่นอน พระจักรพรรดินีประชวรและสิ้นพระชนม์อย่างกะทันหัน อนาคตในวังของสาวน้อยโยเน็นก็ดับวูบลงทันที เธอได้พบกับฉากจริงของชีวิตซึ่งทำให้เธอฉงนใจว่า โลกนี้มันอะไรกันแน่ เมื่อเผชิญกับปัญหาเธอจึงแสวงหาทางกำจัด เธอเริ่มสนใจพระพุทธศาสนา จนหนักเข้าก็คิดออกบวช

ทางฝ่ายพ่อแม่พอทราบเรื่องก็ตกใจ ห้ามปรามโดยอ้างถึงประเพณี ผลสุดท้ายมีการต่อรอง คือให้เธอแต่งงานและมีลูกสืบสกุลอย่างน้อย 3 คนก่อน เธอจึงจำต้องยอม ก่อนอายุครบ 25 เธอก็หลุดพ้นจากสัญญา จึงโกนหัวออกธุดงค์ท่องเที่ยวศึกษาแสวงหาสัจธรรม แต่ก็ไม่ง่ายอย่างที่คิด เพราะทุกวัดที่เธอขอให้รับเป็นศิษย์ พากันเมินเฉยโดยไม่ใส่ใจ ซึ่งเธอก็หาเหตุผลไม่ได้ จนมาถึงเมืองเอโดะ เธอได้ไปหาอาจารย์เทตสุยุซึ่งชอบพูดแบบขวานผ่าซาก พอเหลือบเห็นโยเน็นเข้าเท่านั้นก็ปฏิเสธโพล่งออกไปทันทีว่า รับเธอไว้ในสำนักไม่ได้เพราะว่าเธอสวยเกินไป จะไม่เป็นผลดีต่อพระเณรในสำนัก เธอพบความจริงอีกด้าน หนึ่งแล้วเกี่ยวกับความสวยงาม ที่คนธรรมดาอยากได้กันนัก

                 

เธอจึงซมซานต่อไปจนถึงวัดใหญ่อีกแห่งหนึ่งมีเจ้าอาวาสเป็นอาจารย์ใหญ่ฝ่ายเซ็น ชื่อหลวงพ่อฮากูอิน เธอกลัวจะเป็นเหมือนกับวัดที่ผ่านๆ มา จึงยังไม่เข้าไปพบหลวงพ่อทันที คืนนั้นเธอจึงขอพักอยู่กับแม่ชี คิดถึงตัวปัญหาที่ทำให้เธอไม่เป็นที่ยอมรับจากสำนักต่างๆ เพียงติดขัดที่ความสวยงามบนใบหน้าเท่านั้น ความคิดโพล่งขึ้นมา เธอจึงใช้เหล็กเผาไฟจนแดงแล้วเอาไปนาบตามใบหน้า จนเกิดรอยแผลเป็นลบความสวยงามเสียสิ้น แล้วก็โล่งใจที่สามารถขจัดตัวปัญหาเสียได้ วันรุ่งขึ้นเธอก็เข้าไปกราบหลวงพ่อฮากูอิน ขอให้รับเป็นศิษย์ และเธอก็แทบไม่เชื่อหูตนเอง เธอพบว่าได้คิดผิดอีกครั้ง ผิดครั้งนี้ไม่ใช่ว่าหลวงพ่อไม่ให้อยู่ ท่านได้สอบถามถึงสาเหตุการนาบใบหน้าตนเองให้เสียโฉม พอทราบเรื่อง หลวงพ่อได้กล่าวสอนว่า

"เธอทำอย่างนั้นไม่ถูก เพราะว่าเซ็นที่แท้นั้นไม่มีความเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย ที่ตนคิดไปว่าเป็นเพศนั้นเพศนี้แท้จริงเป็นเพียงมายา สัตว์โลกถูกกักขังไปไหนไม่รอดก็ด้วยเรื่องนี้"

โยเน็น พอได้ฟังก็กระจ่างขึ้นทันที แม่ชีโยเน็น ได้อยู่ศึกษาธรรมกับหลวงพ่อฮากูอินเป็นเวลา 13 ปี ได้รับการยกย่องมาก ในบั้นปลายจึงได้หลีกเร้นไปหาความวิเวกตามป่าเขาแถบบันซู มีผู้ไปขอศึกษาธรรมอยู่ด้วยถึง 200 คน และได้ดับขันธ์เมื่อเดือนสิงหาคม พ.ศ.2406 ก่อนจบขอทิ้งปริศนาธรรมซึ่งแม่ชีโยเน็น ได้ร้อยกรองไว้อย่างไพเราะ เป็นที่ยกย่องของพวกเซ็นมาจนถึงทุกวันนี้

"ฉากการเลื่อนไหลแห่งฤดูใบไม้ร่วงปีแล้วปีเล่าเวียนผ่านประจักษ์ต่อตาถึง 66 ครั้งแล้ว
เราได้เพรียกพร่ำถึงประภัสสรแห่งเดือนเพ็ญมามากพอแล้ว พวกเธออย่าได้มาซักถามอีกเลย
เพียงให้เธอไปเฝ้า เงี่ยฟังให้ได้ยินเสียงใบไผ่และใบสีดา เมื่อยามไม่มีลมพัดดูที"

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 13, 2014, 07:40:37 pm โดย ฐิตา »

ออฟไลน์ ฐิตา

  • ทีมงานดอกแก้วกลิ่นธรรม
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7459
  • พลังกัลยาณมิตร 2236
    • ดูรายละเอียด
Re: นิทานเซ็น : จากมุมสงบ Kitty's Home
« ตอบกลับ #18 เมื่อ: กันยายน 30, 2011, 04:18:27 pm »


               

เรื่องของคนตาบอด

ท่านอาจารย์บันเกอิ เป็นพระเซ็นที่โด่งดังมากในญี่ปุ่น มีลูกศิษย์มากมายทุกระดับทุกประเภท รวมทั้งคนตาบอดในเรื่องนี้ด้วย คนตาบอดคนนี้ไปมาหาสู่ท่านอาจารย์เป็นประจำ คืนหนึ่งแกก็มาวัดตามปกติ และอยู่สนทนากับท่านอาจารย์จนดึก บังเอิญคืนนั้นเป็นคืนเดือนมืด ตอนลากลับบ้านท่านอาจารย์จึงให้คนหาเทียนไข จุดใส่โคมกระดาษแบบญี่ปุ่น ให้แกเดินถือกลับบ้าน

"ไม่ต้องหรอกครับ กลางคืนหรือกลางวัน สำหรับผมแล้วก็เหมือนกัน ผมกลับบ้านเองได้เพราะผมชินทางแล้ว" คนตาบอดบอกท่านอาจารย์

"เอาไปเถอะ ถือไปนี่ไม่ได้สำหรับตัวเธอ แต่เผื่อไว้ให้คนอื่นเห็น จะได้ไม่มาเดินชนเพราะมันมืดออกอย่างนี้" ท่านอาจารย์แนะ แล้วคนตาบอดก็ถือโคมเดินกลับบ้าน ค่อยๆ เดินคลำทางไปช้าๆ พอไปได้สักพักใหญ่ แกก็ตกใจ เพราะได้ยินเสียงคนกำลังวิ่งสวบๆ สวนทางมาจะชนแก แกจึงเอ็ดตะโรขึ้นว่า

"อะไรๆ จะรีบไปไหนกันล่ะพ่อคุณ ตามไฟส่องให้แล้วนะนี่ มองไม่เห็นเรอะ ?"
"อะไรได้ เทียนของท่านมอดไหม้ดับหมดแล้ว" เสียงตอบมา

ทันทีที่ได้ยินว่าหมดเชื้อไฟที่จะตามส่องได้อีกแล้ว ดวงตาภายในของแกก็สว่างโพลงขึ้นทันที ณ ที่แกยืนอยู่นั่นเอง ต่อจากนั้น แกก็เป็นคนตาบอดที่บอดแต่ดวงตาเท่านั้น ส่วนตาในของแกไม่ได้บอดไปด้วยอีกเลย

ระหว่างคนตาดีและคนตาบอด ในแง่ของการหลุดพ้น ไม่ได้อยู่ที่ว่าใครจะรู้จักโลกนี้ได้กว้างไกลพิศดารกว่าแล้วจะจบก่อน แต่อยู่ที่ว่าสิ่งที่ตนว่ารู้นั้นรู้แจ้งหรือไม่ต่างหากขณะนี้ตาท่านดีไม่บอด แต่ใจท่านบอดอยู่หรือเปล่า ?


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 23, 2012, 08:17:02 pm โดย ฐิตา »

ออฟไลน์ ฐิตา

  • ทีมงานดอกแก้วกลิ่นธรรม
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7459
  • พลังกัลยาณมิตร 2236
    • ดูรายละเอียด
Re: (เซ็นทุกนาที) นิทานเซ็น :จากมุมสงบ Kitty's Home
« ตอบกลับ #19 เมื่อ: กันยายน 02, 2012, 07:02:08 pm »


                 

เซ็นทุกนาที

ในรัชสมัยเมจิ มีพระเซ็นองค์หนึ่งชื่อเท็นโน อยู่ในข่ายที่ท่านอาจารย์นันอิน อาจารย์ใหญ่ฝ่ายเซ็น จะส่งตัวออกไปเผยแพร่พระธรรม ท่านเท็นโนจึงหาโอกาสที่จะไปกราบลาท่านอาจารย์ผู้เฒ่า เย็นวันนั้น ฝนตกไม่ขาดระยะ ท่านเท็นโนเห็นเป็นโอกาสเหมาะ จึงกางร่มสวมรองเท้าไม้ เดินฝ่าสายฝนตรงไปยังกุฏิท่านอาจารย์นันอิน แล้วกราบเรียนเรื่องนี้ต่อท่านอาจารย์ และฟังความคิดเห็นว่าควรหรือไม่ ท่านอาจารย์เห็นศิษย์เข้ามาหา ก็ปฏิสันถารเป็นอันดี สักพักท่านก็ถามว่า

“ที่เธอมานี่ สวมเกี๊ยะมาหรือเปล่า ?”
“สวมมาครับ” ท่านเท็นโนตอบ

“ร่มล่ะ เธอกางร่มมาหรือเปล่า ?” ท่านอาจารย์ถามอีก
“กางร่มมาด้วยครับ ผมวางไว้นอกประตู” ท่านเท็นโนตอบ

ท่านอาจารย์นันอิน จึงถามต่อไปเรื่อยๆ อีกว่า
“ที่เธอวางร่มอยู่นอกประตูน่ะ เธอวางอยู่ทางด้านซ้ายหรือทางด้านขวาของเกี๊ยะ?”

ท่านเท็นโนนิ่งอึ้ง เพราะจำไม่ได้ พร้อมกับทราบด้วยตนเองว่าตนยังไม่พร้อม ที่จะนำพระธรรมไปเผยแพร่ เพราะตนยังไม่มีเซ็นอยู่ ทุกลมหายใจ ตกลงต้องอยู่ศึกษากับท่านอาจารย์นันอินไปก่อน โดยที่ท่านอาจารย์ไม่จำเป็นต้องเอ่ยปากห้ามปรามชี้แจง
ท่านเท็นโนต้องอยู่ศึกษาต่ออีก 6 ปี รวมเวลาศึกษาถึง 16 ปี ท่านจึงมีสติสมบูรณ์เต็มที่

ในสมัยนี้ มีบางท่านพอได้ผลจากการปฏิบัติธรรมบ้างเล็กน้อย ก็ตั้งตนเป็นเกจิอาจารย์ตั้งสำนักโน้นสำนักนี้มากมายไปหมด ถ้าแนวสอนของผู้อื่นไม่ตรงกับของตนก็โจมตีกัน ทำไมไม่เฉลียวใจเลยว่าคำสอนที่ถูกต้องที่สุด ก็คือคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเท่านั้น ผู้ที่เป็นเช่นนี้แม้จะศึกษาจนตลอดชีวิต ก็คงไม่มีเซ็นอยู่ในตัวเลย