แสงธรรมนำใจ > หยาดฝนแห่งธรรม

เทศกาลถือศีลกินเจ

<< < (3/4) > >>

ฐิตา:

                       

ประวัติการกินเจเดือนเก้าจีนเก้าอ๊วงเจ
พิธีการกินเจเดือนเก้า หรือ เทศกาลกินเจกำหนดเอาวันตามจันทรคติ
คือเริ่มตั้งแต่ วันขึ้น ๑ ค่ำ ถึง ๔ ค่ำ ตามปฏิทินจีนทุกๆปี รวม ๙ วัน ๙ คืน

     ในพระพุทธศาสนาฝ่ายมหายานมีอรรถาธิบายว่า "เป็นการประกอบ พิธีกรรมเพื่อสักการบูชาพระพุทธเจ้าในอดีตกาล ๗ พระองค์ และพระมหา โพธิสัตว์อีก ๒ พระองค์ รวมเป็น ๙ พระองค์ด้วยกัน หรืออีกนัยหนึ่งเรียกว่า ดาวนพเคราะห์ทั้ง ๙ อันมี พระอาทิตย์, พระจันทร์, ดาวพระอังคาร, ดาวพระพุธ, ดาวพระพฤหัสบดี, ดาวพระศุกร์, ดาวพระเสาร์, พระราหู และพระเกตุ"

     ในพิธีกรรมสักการบูชาพระพุทธเจ้า ๗ พระองค์ และพระมหาโพธิสัตว์อีก ๒ พระองค์นี้ สาธุชนในพุทธศาสนา ต่างสละเวลาและกิจทางโลกมาบำเพ็ญศีล ตั้งปณิธานกินเจ บริโภคต่ออาหารผักและผลไม้งดเว้นอาหารเนื้อของสดคาว ด้วยการสมาทานรักษาศีล ๓ ข้อ กล่าวคือ

     ๑.เว้นจากการเอาชีวิตของสัตว์มาบำรุงชีวิตตน
     ๒.เว้นจากการเอาเลือดของส้ตว์มาเพิ่มเลือดตน
     ๓.เว้นจากการเอาเนี้อของสัตว์มาเป็นเนื้อตน

     เพื่อซักฟอกมลทินออกจากร่างกาย วาจาและใจ ต่างสวมเสื้อผ้าสีขาว สะอาดบริสุทธิ์ ปราศจากจุดด่างพร้อยพากันเดินทางสู่วัดวาอารามพร้อมด้วย ดอกไม้, ธูป และเทียนไปนมัสการน้อมบูชาแด่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และพระพุทธเจ้าทั้ง ๗ พระองค์ อีกทั้งพระมหาโพธิสัตว์ ๒ พระองค์ พร้อมจัดหา เครื่องกระดาษทำเป็นรูปเครื่องทรงเสื้อผ้า, หมวก, รองเท้า, กระดาษเงิน, กระดาษ ทองต่างๆไปน้อมถวายเป็นเครื่องสักการะเป็นกุศลษมาทาน(ในอดีตจำเดิมแท้นั้น จะนำเอาวัตถุสิ่งของเครื่องใช้ปัจจัย ๔ นำไปถวายนักบวช พระเณรผู้ทรงศีล และแจกทานด้วย เสื้อผ้าเงินทองที่เป็นของจริงๆแก่คนทุกข์ คนยากจน ภายหลัง ด้วยความไม่เที่ยงของอุปทานกาลเวลา ประเพณีผันแปรไปกลายมาใช้กระดาษ แทนของจริง เป็นโมหะกรรมของมนุษย์เอง) หลังจากนั้นจะร่วมกันสวดมนต์ ทำสมาธิภาวนาแผ่เมตตาจิตขอพรเพื่อความเจริญสมบูรณ์พูนสุข

     มีอรรถกล่าวไว้ดังนี้
     ในกาลครั้งหนึ่ง สมเด็จพระบรมศาสดาทรงประทับอยู่ ณ สีวสลัยรัตน สถาน มีบรรดาพระมหาโพธิสัตว์ท้าวมหาพรหม, ท้าวสักกะ, เทพยเจ้า, ยักษ์, นาค, คนธรรพ์, กินนร ฯลฯ ได้พากันมาเฝ้าสมเด็จพระพุทธองค์ในขณะนั้นมี พระมัญชุศรีมหาโพธิสัตว์ได้ทูลถามต่อพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า "ข้าแต่พระองค์ ผู้เจริญอันพระเทพสัตตเคราะห์ทั้ง ๗ พระองค์ได้มีกุศลสะสมมาอย่างไร? กับมีปัจจัยเหตุอย่างไร? จึงได้เสวยทิพย์ผลอันรุ่งเรือง พร้อมเพียบไปด้วยยศ และอำนาจในเทวภพนี้"

     สมเด็จพระบรมศาสดาจึงมีพระพุทธดำรัสตอบว่า "ดูก่อนมัญชุศรี อันดาวเทพสัตตเคราะห์ ๗ นั้น แท้จริงเป็นพระอวตารภาพแห่งอดีตพระพุทธเจ้า ๗ พระองค์ ทรงแบ่งภาคมาแสดงให้ปรากฏกับพระมหาโพธิสัตว์อีก ๒ พระองค์ ก็แบ่งภาคมาเป็นดาวพระราหูและดาวพระเกตุ รวมเป็นดาวพระเคราะห์ทั้ง ๙ ฉะนั้น จึงสมบูรณ์ด้วยอลังการแห่งยศและอำนาจ อันไม่มีปริมาณเห็นปานฉะนี้"
     พระพุทธเจ้าทั้ง ๗ และพระมหาโพธิสัตว์ทั้ง ๒ ทรงตั้งพระปณิธาน จักโปรดสัตว์โลกจึงได้แบ่งพระภาคมาเป็นเทพยเจ้า ๙ พระองค์

     เทพยเจ้าทั้ง ๙ พระองค์นี้ ทรงอำนาจตบะอันเรืองฤทธิ์บริหาร ธาตุทั้ง ๕ ในจักรวาล ได้แก่ ธาตุดิน, ธาตุน้ำ, ธาตุไฟ, ธาตุลม และธาตุทอง ทั่วทุกพิภพ น้อยใหญ่สารทิศ จึงทรงแบ่งพระภาคต่อจากนี้ อีกวาระหนึ่งเป็นดาวนพเคราะห์ ( ดาวพระเคราะห์ทั้ง ๙ ดวง ) ดังต่อไปนี้

     ๑. พระอาทิตย์    ๒.พระจันทร์      ๓. ดาวพระอังคาร
     ๔. ดาวพระพุธ    ๕.ดาวพฤหัสบดี  ๖.ดาวพระศุกร์
     ๗.ดาวพระเสาร์   ๘.พระราหู         ๙.พระเกตุ

     เทพยเจ้าทั้งเก้าพระองค์ ทรงเครื่องทรงอย่างแบบพระมหากษัตริย์ ประชาชนจึงถวายพระนามว่าเก้าอ๊วงหรือกิวอ๊วง แปลว่า นพราชา( ตีความตาม หลักนักโหราศาสตร์ )
     กำหนดเวลาทุกๆปี ของขึ้น ๑ ค่ำ ถึง ๙ ค่ำ เดือน ๙ ตามจันทรคติ (ฝ่ายจีน) เทพเจ้าประจำดาวนพเคราะห์ ต่างองค์ทรงผลัดเปลี่ยนกันลงมาตรวจ โลกทั้งกลางวันและกลางคืน บุคคลใดมีความประพฤติตั้งอยู่ใน กุศลกรรมวิถี (บุญ) ก็จักทรงประทานพรอำนวยความสมบูรณ์พูนสุขให้ หากบุคคลใดมีความ ประพฤติในทางอกุศลกรรมวิถี (บาป) ก็จักทรงลงโทษตามโทษานุโทษ

     เทพยเจ้าแห่งดาวนพเคราะห์ ทรงพระคุณธรรมแก่โลกเป็นอเนกประการ เฉพาะอย่างยิ่งคือ ธาตุดิน, ธาตุน้ำ, ธาตุไฟ, ธาตุลม, และธาตุทอง ที่พระองค์ทรงประทานไว้ให้แต่ละอย่างเป็นของจำเป็นประจำในสรรพสังขาร อันไม่มีจำกัดรวมทั้งมนุษย์, สัตว์ทุกชนิด, ต้นไม้ ฯลฯ
     มนุษย์ ถ้าหากไม่มีธาตุลม ก็ถึงแก่ความตาย
     มัจฉาชาติ ถ้าหากไร้ธาตุน้ำเป็นที่อาศัยก็ต้องตาย
     พฤกษาชาติ ถ้าหากหมดธาตุดินก็อับเฉากิ่งใบแห้งเหี่ยวตาย

     สัตว์โลก ถ้าหากสูญสิ้นธาตุไฟในร่างกายก็มีชีวิตอยู่ไม่ได้และเศรษฐกิจ การค้า อันเป็นหัวใจสำคัญอย่างยิ่งของมนุษย์ทั่วโลกในสมัยปัจจุบันถ้าหาก ขาดธาตุทองก็ไม่สามารถดำเนินกิจการลุล่วงไปได้ ปวงสัตว์โลกไม่เลือกว่าจะมาจาก
     ๑. อุปปาติกกำเนิด เกิดขี้นเอง
     ๒.ชลาพุชะกำเนิด เกิดในครรภ์
     ๓. อัณฑชะกำเนิด เกิดเป็นฟองไข่แล้วจึงเกิดเป็นตัว
     ๔. สังเสทชะกำเนิด เกิดในไคล ของชื้นและหมักหมมเน่าเปื่อย

     รวมทั้ง อุปาทินนกสังขาร สังขารที่มีใจครอง      อนุปาทินนกสังขาร สังขารที่ไม่มีใจครองก็ล้วนอยู่ภายใต้การบัญชา ของเทพยเจ้าทั้ง ๙ พระองค์ทั้งสิ้น      เทพยเจ้าทั้ง ๙ พระองค์นี้ ทรงน้ำพระทัยเต็มเปี่ยมไปด้วยพระเมตตาคุณ ทรงควบคุมดาวนพเคราะห์ให้เดินตามวิถีโคจรด้วยความบริบูรณ์ทั้งทรงธรรม เนตรสอดส่องควบคุมทุกข์สุขของสัตว์โลกด้วย

ฐิตา:


     ในลัทธิมหายาน ยังมีอรรถกล่าวอธิบายว่า
     "ดาวพระเคราะห์ทั้ง ๙ นี้ ต่างกระทำการในหน้าที่หมุนเวียนธาตุทั้ง ๕ ให้แก่โลกมนุษย์นับเป็นเวลาหลายล้านปีมาโดยมิได้หยุดพักเลย ก็เนื่องด้วย พระองค์ทรงบัญชาบริรักษ์ควมคุมอยู่และทรงเล็งทิพยญาณว่า ถ้าหากดวงดาว นพเคราะห์จะหยุดพักแม้เพียงขณะใดขณะหนึ่งเล็กน้อยเท่านั้นก็จะเกิดมหันตภัย อย่างใหญ่หลวงสุดจะประมาณได้โลกมนุษย์ก็จะถึงซึ่งความพินาศสลายลง มนุษย์กับสัตว์โลกจะตายหมดจะไม่มีแม้แต่ละอองธุลีของสังขารเหลือเลย"
     อันพิธีกรรมบูชาดาวนพเคราะห์นั้น นับว่ามีอานิสงส์มากมายทั้งเป็น กรรมคติ และเกิดธรรมมิตรสู่บรรดาพุทธบริษัททั้งหลายได้มีสรระทำการวิสาสะ กันในยามที่ต่างตนต่างมีจิตเบิกบานผ่องแผ้วถือศีล, กินเจ, นุ่งขาว, ห่มขาว อันเป็นปัจจัยเตือนตนเองให้สำนึกว่า ตนเป็นคนบริสุทธิ์ขาวสะอาดทั้งกาย วาจา และใจ อยู่ในศีลธรรมและสามัคคีธรรม พรั่งพร้อมอยู่แล้วที่จะให้อภัย อโหสิกรรม ซึ่งกันและกันร่วมกันน้อมนมัสการเทพยเจ้าทั้ง ๙ พระองค์นี้ เป็นการแสดง ความเคารพในพระเมตตากรุณาธิคุณและร่วมกันถวายเครื่องสรรพสักการบูชา แก่พระองค์ทั้ง ๙ เป็นการบูชาพระเมตตาคุณที่ทรงไว้ซึ่งธาตุทั้ง ๕ ให้แก่โลกทุกโลก ดำรงอยู่ตามจักรราศียั่งยืนตลอดมา จึงพร้อมกันน้อมขอพระกรุณาธิคุณได้โปรด ประทานพระพรให้อยู่เย็นเป็นสุข
     พิธีกรรมถือศีลกินเจไม่เสพเนื้อสัตว์และการบูชาดาวนพเคราะห์ทำบุญ แจกทานแก่คนทุกข์คนยากจน นั่นเป็นที่นิยมกันมาแต่โบราณกาลการถือศีลกินเจ เดือนเก้าเป็นพิธีกรรมที่ศักดิ์สิทธิ์ได้แผ่เมตตากรุณาจิตช่วยปลดปล่อยชีวิตสัตว์ ให้รอดตายได้จริงๆ แม้จะเป็นระยะเวลาเพียง ๙ วัน ๙ คืน ก็นับว่าเป็นปฐมเหตุ ให้ดวงจิต ได้รับเมล็ดพันธุ์แห่งมหาเมตตากรุณาธรรมบารมีเพื่อสักวันหนึ่ง ในภายหน้ายังมีโอกาสจำเริญงอกงามขึ้นจนบรรลุมรรคผลในที่สุด

     มีสาธุชนจำนวนมากที่ได้รับอานิสงส์จากการถือศีสกินเจเพียง ๙ วัน ๙ คืน ทั้งทางร่างกายและจิตใจสามารถสัมผัสรู้ได้ด้วยตนเอง จึงถือเอาโอกาสอันดี นี้เป็นจุดเริ่มต้นตั้งปณิธานเลิกกินเนื้อสัตว์ไม่เบียดเบียนผู้อื่นไปจนตลอลชีวิต
     ดังนั้นการกินเจ เป็นหน้าที่แรกเริ่มของมนุษย์ นับตั้งแต่แรกเกิด และจะต้องอยู่เคียงคู่ลมหายใจของมนุษย์ทุกคนจนวันสุดท้ายของชีวิต ไม่ใช่เป็นเรื่องเฉพาะ ผู้บำเพ็ญธรรมเท่านั้นหากมนุษย์ละเลยหน้าที่ของตน เบียดเบียนเข่น ฆ่า ซึ่งกันและกัน ย่อมไม่สามารถจะรักษาความเป็นมนุษย์ไว้ได้ แม้จะคงรูปกาย ภายนอกเป็นมนุษย์อยู่ก็ตาม

                               

     "คนกินเจ" เป็นเพียงผู้ที่ได้ปฏิบัติตามหน้าที่ของตนแล้วเท่านั้น หาใช่เป็น คุณอันวิเศษเกินปรกติวิสัยของมนุษย์ไม่ ขอให้สาธุชนผู้ที่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณ จากเบื้องบนแล้วอย่าได้ย่อท้อต่อการปฏิบัติหน้าที่ของตนๆ จงตั้งมั่นอยู่ในความ สงบเสงี่ยมสำรวมการกระทำ สำรวมวาจา สำรวมจิต ให้จงดี
     จงแสดงเหตุและผลที่ถูกต้องดีงาม ด้วยวาจา อันเปี่ยมเมตตา แก่ผู้ที่ กำลังค้นหาหนทางสู่ความจริง เพื่อตอบแทนพระมหากรุณาธิคุณของเบื้องบน แม้นไม่ใช่เบื้องบนเมตตาไฉนเลยจะได้ประจักษ์แจ้งใน "สัจจธรรม"
     ขอให้เราทั้งหลาย จงรวบรวมพลังกาย พลังใจทั้งหมดที่มีอยู่ออกไป ฟันฝ่าคลื่นพายุลมฝนในทะเลทุกข์ เพื่อฉุดช่วยเวไนยสัตว์ที่ยังคงลอยคออยู่ ท่ามกลางความมืดมนให้ได้ขึ้นสู่นาวาธรรม มิให้หลงเหลืออยู่แม้แต่คนเดียว ก่อนที่เวลาสุดท้ายจะมาถึง

     เวลานี้โลกกำลังหมุนเวียนอยู่ทุกทิวาราตรีเวลาทุกวินาทีกำลังล่วงเลยไป ไม่คอยท่าชีวิตแห่งความแก่เฒ่าชราก็กำลังดำเนินเรื่อยๆไปไม่หยุดหย่อนเลย แม้เสี้ยววินาทีประเดี๋ยววันประเดี๋ยวคืน ประเดี๋ยวปีเวลาที่จะอยู่ต่อไปสักกี่วัน ก็ไม่อาจรู้ได้อีกไม่ช้าก็จะต้องถูกแผ่นดินกลบร่าง บ้างก็ถูกเผาเป็นเถ้าธุลี เป็นอย่างนั้นทุกๆคนไม่มีข้อยกเว้น
     หากท่านใดศึกษา "การกินเจ" จนเข้าใจและเกิดพลังศรัทธาขึ้นแล้วใน ดวงจิตขอเชิญลงมือปฏิบัติกิจอันเป็นมหากุศลโดยเลิกกินเลือดเนื้อผู้อื่นเสีย ตั้งแต่ บัดนี้เป็นต้นไปเพื่อประโยชน์สุขต่อตัวท่านเองทั้งในโลกนี้และโลกหน้าสืบไปเทอญ

         
          โดยนำมาจาก http://www.mindcyber.com/
          นำมาแบ่งปันโดย : ประวัติการกิจเจ / chaba
          อนุโมทนาสาธุที่มาทั้งหมดมากมายค่ะ

ต๊ะติ้งโหน่ง:
 :24:

มาช้าไปหน่อยอ่า

ตอนนี้ยังเหลือคนถือศีล กี่คนอ่า
เหลือคนกินเจกี่คนอ่า

 :25: :25: :25:

แก้วจ๋าหน้าร้อน:
อนุโมทนาครับพี่แป๋ม  :13:

ฐิตา:




ถือศีลกินเจ 2555 เริ่ม 15 - 23 ต.ค.



กินเจปีนี้วันที่ 15 - 23 ต.ค. 55
หลักการถือศีลกินเจ มี 3 ข้อหลัก ๆ คือ
1.เจที่ปาก ไม่กินเนื้อสัตว์, ไม่พูดเพ้อเจ้อ, ไม่พูดคำหยาบ, ไม่พูดจายุแหย่ส่อเสียด
2.เจที่กาย ไม่ประพฤติชั่ว, ไม่ฆ่าสัตว์
3.เจที่ใจ ไม่คิดชั่วร้าย, ไม่คิดไร้สาระและมีสมาธิ
กินผักก็สุขภาพดี โรคบางอย่างกินเจก็หาย เจ็บป่วยเพราะกินผิดก็มาก....
ลองเปลี่ยนพฤติกรรมการกินอาหารดูบ้างก็ดีนะ ..กายดี ใจดี จิตดี....

อนุโมทนาด้วย...
F/B สายน้ำไหลเชี่ยว ไม่อาจหวนคืน


นำร่อง

[0] ดัชนีข้อความ

[#] หน้าถัดไป

[*] หน้าที่แล้ว

ตอบ

Go to full version