ผู้เขียน หัวข้อ: คัมภีร์รากผัก :หง ยิ่งหมิง  (อ่าน 2408 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ ฐิตา

  • ทีมงานดอกแก้วกลิ่นธรรม
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7459
  • พลังกัลยาณมิตร 2236
    • ดูรายละเอียด
คัมภีร์รากผัก :หง ยิ่งหมิง
« เมื่อ: เมษายน 19, 2012, 02:40:25 pm »


คัมภีร์รากผัก
ผู้แต่ง: หง ยิ่งหมิง
ผู้แปล: วิทยา โสภณดิเรกรัตน์
บทคัดย่อ: อ้ายคำปัน@ยิ้มแต้มฝัน.คอม

…มีหนังสือเล่มหนึ่งที่ผมดีใจมากเมื่อรู้ว่ามีการแปลเป็นภาษาไทย ซึ่งหนังสือเล่มนั้นก็คือ “ว่าด้วยรากผัก” หรือ “คัมภีร์รากผัก” นั่นเอง มีหนังสือยอดวรรณกรรมของจีนอยู่ 4 เล่มที่ถูกบรรจุอยู่ในหลักสูตรการศึกษาของญี่ปุ่น คือ
1. สามก๊ก   2. ซุนวู   3. ไซอิ๋ว   4. คัมภีร์รากผัก

…หนังสือแต่ละเล่มผู้อ่านจะได้รับความรู้แง่คิดในด้านที่ต่างกัน คือ สามก๊กในด้านของการปฏิบัติ, ซุนวูในด้านของกลยุทธ์, ไซอิ๋วในด้านของจินตนาการ และ คัมภีร์รากผักในด้านของปรัชญา …หนังสือเหล่านี้ผมอ่านมาแล้ว 3 เล่ม ยังขาดอีก 1 เล่มคือ ไซอิ๋ว (เพราะเหตุนี้กระมังจิตนาการถึงไม่ค่อยสูง ^^)  …แต่หากใครอยากเอาชนะญี่ปุ่นแนะนำให้หามาอ่านให้ครบทั้ง 4 เล่มนะครับ ยอมรับว่าเป็นหนังสือที่ทรงคุณค่าจริง ๆ

…ผู้ประพันธ์คัมภีร์รากผักคือ หง ยิ่งหมิง มีชีวิตอยู่ในสมัยราชวงศ์หมิง และได้รับการแปลเป็นไทยโดยคุณ วิทยา โสภณดิเรกรัตน์ คัมภีร์รากผักได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในวงการบริหารจัดการของญี่ปุ่นถึงขนาดมีคำกล่าวที่ว่า “ตำราบริหารธุรกิจ นั้นยังไม่อ่านก็ได้ แต่ ‘คัมภีร์รากผัก’ นั้นไม่อ่านไม่ได้เลย” เหมาเจ๋อตุงเคยกล่าวว่า “คนที่เคี้ยวกินรากผักได้ ย่อมสามารถทำงานอะไรก็ได้”

โบราณท่านว่า “แท้จริงแล้วรากผักมีรสหอมหวาน ลองปล่อยใจดื่มด่ำย่อมได้รสชาติที่แท้จริง” วันนี้เราลองมาทานรากผักกันดูนะครับ




รักษาคุณธรรม ไม่พึ่งอำนาจวาสนา
คนที่เอาแต่พึ่งอำนาจวาสนาสุดท้ายแล้วจะต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวเดียวดาย
เพราะุเหตุด้วยความเสื่อมแห่งอำนาจวาสนานั่นเอง

ความฉลาดมากเล่ห์ มิสู้ความสัตย์ซื่อตรง
คนฉลาดแต่มากด้วยเล่ห์ไม่ยั่งยืน
เกิดเป็นคนควรมีใจสัตย์ซื่อ โอบอ้อมอารี ตรงไปตรงมา

จิตใจต้องเปิดเผย ปัญญาความสามารถต้องปิดบัง
ใช้ปัญญาความสามารถอย่างมีสติ มิเช่นนั้นภัยอาจถึงตัว

ไม่แปดเปื้อนความโสโครก ไม่ยอมใช้เล่ห์เพทุบาย
ท่ามกลางการใช่เล่ห์เหลี่ยมกลโกง คนที่ยังคงความดีของตัวเองไว้
ไม่ยอมเปลี่ยนไปตามสภาพแวดล้อมถือว่าเป็นคนที่สูงส่งยิ่ง

รู้จักฟังคำระคายหู ฝึกตนด้วยเรื่องไม่สบายใจ
เรื่องไม่สบายใจและคำระคายหู
ถือเป็นเครื่องขัดเกลาจิตใจชั้นดี เพื่อยกระดับคุณธรรมในตัวเราให้สูงขึ้น

ความสงบสุขสันต์ ธรรมชาติกับมนุษย์หมายปอง
ทะเลไม่เคยหยุดนิ่ง จิตใจคนเราก็เช่นกันมิอาจไร้ความสุขสบายได้แม้แต่วันเดียว

รสจืดคือรสแท้ มนุษย์ที่แท้คือคนสามัญ
คนดีที่แท้นั้น คือคนที่ปฏิบัติตนเยี่ยงคนธรรมดาสามัญ

ยามว่างอย่าเย็นใจ ยามยุ่งอย่าร้อนใจ
ยามว่างควรกระตือรือร้นขวนขวาย ยามยุ่งควรหัดรู้จักทำความสงบและปล่อยวาง

นั่งสมาธิดูใจ ปรากฏทั้งความสว่างและความฟุ้งซ่าน
นั่งสมาธิส่องดูใจของตัวเอง เพื่อความเข้าใจในสัจธรรมชีวิตและขจัดความฟุ้งซ่าน

เมื่อสมหวังต้องรู้พอ เมื่อผิดหวังต้องไม่ท้อ
เมื่อได้รับสมหวังตามที่ต้องการแล้วต้องรู้จักพอ แต่เมื่อเจอกับความผิดหวัง
ก็ไม่ควรเลิกล้มความพยายามง่าย ๆ



ออฟไลน์ ฐิตา

  • ทีมงานดอกแก้วกลิ่นธรรม
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7459
  • พลังกัลยาณมิตร 2236
    • ดูรายละเอียด
Re: คัมภีร์รากผัก :หง ยิ่งหมิง
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: เมษายน 19, 2012, 03:07:45 pm »




ใจสูงมาจากความเรียบง่าย แต่สูญสลายเพราะความฟุ้งเฟ้อ
คนที่ทนกินดื่มอาหารชั้นเลวได้ถือว่ามือจิตใจที่สูงส่ง
แต่คนที่มุ่งแต่อาหารและเครื่องประดับชั้นดีคือคนที่ยอมตกเป็นทาสรับใช้
ของคนอื่นอย่างอัปยศหมดศักดิ์ศรี

จิตโอบอ้อมอารี คุณความดียืนยาว
คนเราควรมีจิตใจโอบอ้อมอารีต่อผู้อื่น และควรสะสมคุณความดี
เอาไว้ให้มาก ๆ เพราะตายแล้วก็ยังมีคนระลึกถึงมิเสื่อมคลาย

เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ รู้จักเพียงพอ
แม้ยามมีหรือไม่มีก็ตาม ต้องรู้จักเผื่อแผ่แบ่งปันให้คนอื่นเสมอ

สำเร็จได้เพราะไม่ใฝ่ต่ำ สู่แดนธรรมเพราะลดกิเลส
คนเราหากสามารถละทิ้งจิตใจใฝ่ต่ำได้ก็ถือว่าเป็นผู้ประสบความสำเร็จแล้ว
และหากสามารถลดละความผูกพันที่มีต่อลาภ ยศ สรรเสริญได้
ก็นับได้ว่าได้เข้าสูแดนธรรมอันศักดิ์สิทธิ์แล้ว



ใจกว้างคบเพื่อน สุจริตใจคบคน
การคบเพื่อนต้องมีใจนักเลงไม่กลัวเสียเปรียบ คนเราต้องรู้จักคงความบริสุทธิใจไว้บ้าง

เวลาได้รับไม่นำหน้า เวลาเสียสละไม่รั้งหลัง
เวลาได้รับความดีความชอบก็ไม่ควรแย่งแซงหน้าผู้อื่น
เมื่อจำเป็นต้องเสียสละก็อย่ามัวช้าอยู่หลังผู้อื่น
และเมื่อได้รับผลประโยชน์ตามควรแล้วให้รู้จักพอ

ความอดกลั้นคือศิลปะชั้นสูง ดีต่อเขาคือดีต่อตนเอง
การรู้จักถอยหลีกสักก้าวย่อมนำมาซึ่งจังหวะก้าวหน้าที่ดีกว่า
การเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ต่อผู้อื่นคือารวางรากฐานอันนำกลับมาซึ่งประโยชน์สู่ตนเอง

คุยโวทำให้ผลงานด้อยค่า สำนึกบาปช่วยลดทอนความผิด
การคุยโวโอ้อวดจะทำให้ผลงานสร้างมาหมดคุณค่าลงอย่างรวดเร็ว
การสำนึกบาปกลับเนื้อกลับตัวได้ก็เปรียบเสมือนโจรกลับใจ

เรื่องดีไม่เอาใส่ตัวผู้เดียว เรื่องชั่วไม่ผลักให้ผู้อื่น
เรื่องความดีความชอบนั้นไม่ควรครอบครองเอาไว้แต่ผู้เดียว
ควรรู้จักยกย่องคนอื่นบ้าง ส่วนเรื่องอัปยศอดสู
ก็ไม่ควรผลักให้ผู้อื่นทั้งหมด ควรรู้จักรับเองบ้าง

ความดีความชอบไม่ขอให้ปรี่ล้น เป็นคนต้องรู้จักพอ
กระทำสิ่งใดอย่าหวังเอาแต่ได้
ควรมีใจเอื้อเฟื้อเผือแผ่ต่อผู้อื่น จะได้ไม่นำภัยมาสู่ตนในภายหลัง



Credit By :http://www.yimtamphan.com/?p=384