คลายวิถีทุกข์ด้วยธรรมะ > ปัญหาชีวิต ความทุกข์ ความรัก
พอดีว่า ฝน มีเรื่องไม่สบายใจนิดนึงอ่ะงับ
rain....:
คือว่า เรื่องมีอยู่ว่า ฝนไปทำบุญที่วัดแห่งนึงนะงับ แล้วพระที่ใครหลายๆคนเคารพนับถือ(มาก)ในทางที่ดูหมอ ทำนายทายทักและแก้ดวง สะเดาะเคราะห์ คือเรื่องของเรื่องคือฝนไปทำโรงทาน(ประมาณนั้น)แล้วหลวงปู่(ที่เค้าเรียกกัน)ท่านทักฝนว่า "เราอะ ดวงไม่ดีนะ ซวย (พูดคำนี้เลยนะ)มีหนี้สินเยอะใช่มั้ยเรา ฝนก็ ค่ะพยักหน้าหงึกๆ :12: ในใจก็เอาแล้วมั้ยล่ะงานงอกแระช้าน555+ ดวงไม่ดีเลยนะเรามารดน้ำมนต์นะ มาให้ปู่เหยียบด้วย (คงจะเปนการสะเดาะเคราะห์มั้งฝนคิดอ่ะ)คือทักหลายอย่างมากค่ะ ไม่มีดีเลยอ่ะ จริงๆฝนก็ไม่ค่อยเชื่อเรื่องพวกนี้และไม่ค่อยชอบดูดวง เพราะเชื่อตัวเองมากกว่า เชื่อในความดีที่ตัวเราทำ อะไรที่มันจะเกิด ใครก็คงห้ามไม่ได้ :38:แต่ว่าท่านก็ทักซะน่ากลัวเลยอ่ะ แถมบอกคนในครอบครัวจะเกิดอุบัติเหตุถึงตายเลยนะถ้าไม่พามารดน้ำมนต์กะปู่ เง่ออออองานงอกเลยฝนอะ แง :24:ทำไงดี ไม่เชื่อ แต่ก็คิด นี่เปนเรื่อง ทุกข์เพราะความคิดอีกแล้วใช่ป่าวอ่ะงับ เฮ้ออออ เซรงงงสุดๆ
แปดคิว:
ข้าพเจ้า ขอถึงพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ที่อุบัติขึ้นมาในโลก ทุกๆพระองค์
พร้อมทั้งพระธรรม และ พระสงฆ์
ว่าเป็น สรณะ ที่พึ่งตลอดชีวิต"
แปดคิว:
เศษกรรมของพระโมคคัลลานะที่ถูกตามฆ่า
ลองอ่านดูท่านเป็นอรหันต์ยังต้องชดใช่กรรม
ในครั้งนั้น พระพุทธองค์ประทับอยู่ ณ พระนครราชคฤห์ และพระโมคคัลลานะได้พำนักอยู่ ณ ตำบลกาฬศิลา พลันก็มีโจรพวกหนึ่ง ได้พากันมาล้อมกุฏิของพระโมคคัลลานะเอาไว้ หมายจะจับตัวไปฆ่าตามที่พวกเดียรถีย์จ้างมา แต่พระโมคคัลลานะก็สามารถใใช้ฤทธิ์หายตัวหนีไปได้ พวกโจรก็ยังไม่ละความพยายาม ยังคงติดตามจับตัวท่านเพื่อหมายจะเข่นฆ่า จนเวลาผ่านไปสองเดือนย่างเข้าสู่เดือนที่ 3 พวกโจรก็ยังไม่ย่อท้อ
พระโมคคัลลานะผู้มีฤทธิ์สามารถเหาะหรือหายตัวได้หากต้องการกระทำ แต่ท่านเกิดความสงสัยว่าเป็นเพราะเหตุใดโจรเหล่านี้ จึงติดตามราวีท่านอย่างไม่รู้จบสิ้นทั้งที่รู้ว่าท่านเป็นผู้มีฤทธิ์
พวกโจรทั้งหลายไม่มีทางทำอะไรท่านได้เลย พระโมคคัลลานะคิดว่าชะรอยคงจะเป็นกรรมเก่าที่ท่านทำไว้ ยังเหลือเศษกรรมตามมาสนองผลหรืออย่างไร จึงได้กำหนดจิตด้วยญาณเพื่อตรวจดูกรรมเก่าที่ท่านเคยสร้างสมเอาไว้ในแต่ละชาติ ก่อนที่จะเกิดมาเป็นพระอัครสาวกในชาติปัจจุบัน
ในญาณพระโมคคัลลานะ เห็นเป็นนิมิตรว่า ครั้งหนึ่งในชาติอดีตท่านเคยเกิดเป็นบุตรของผู้มีฐานะคนหนึ่ง ของเมืองพาราณสี และท่านเป็นคนที่มีความขยันขันแข็งดูแลเอาใจใส่ ในหน้าที่การงานเป็นอย่างดี เป็นที่รักใคร่แก่บิดามารดาเป็นอันมาก
อยู่ต่อมาวันหนึ่งบิดามารดาของท่านได้ปรึกษากันว่า "ลูกเราตรากตรำงานหนักเหลือเกินอีกทั้งยังไม่มีคู่ครอง เห็นทีจะต้องเสาะหาหญิงสักคนมาเป็นคู่และช่วยผ่อนงานบ้าง" เมื่อคิดดังนั้นแล้ว ทั้งสองก็นำความที่ปรึกษากันไปบอกแก่บุตรของตน
เมื่อบุตรได้ฟังดังนั้นจึงรีบปฏิเสธ บอกว่าตนไม่ได้คิดที่จะมีครอบครัว อยากจะขอปฏิบัติดูแลบิดาและมารดา ไปจนกว่าชีวิตจะหาไม่ แต่บิดามารดาก็ยังคงอ้อนวอนอยู่มิได้ขาด ลูกชายก็ยังไม่ยอมอยู่ดี ในที่สุดทั้งสองจึงจัดหาหญิงคนหนึ่งมาให้เป็นภรรยา แม้บุตรชายจะไม่ปรารถนาแต่ก็จำรับไว้ ครั้นอยู่ต่อมา ผู้เป็นภรรยาซึ่งเป็นหญิงใจบาปมีความรังเกียจที่ตนต้องปฏิบัติต่อพ่อแม่ของสามี จึงพยายามหาเรื่องใส่ความ เพื่อให้สามีของตนมีความรังเกียจและนำพ่อแม่ของตนไปอยู่เสียที่อื่น นางจะได้มีความสะดวกสบาย
แม้ว่าผู้เป็นภรรยาจะพยายามพูดจาใส่ความประการใด สามีก็หาได้เชื่อฟังไม่ ยังคงปฏิบัติต่อบิดามารดาของตนเหมือนก่อนมา ผู้เป็นภรรยาก็ยิ่งหาอุบายหนักขึ้น โดยในขณะที่สามีไม่อยู่บ้าน นางได้แกล้งเอาของโสโครกมาเทที่กลางบ้าน และเครื่องใช้สอยก็ขนออกมาวางกองเกะกะเกลื่อนบ้าน
เมื่อสามีกลับมาเห็นเข้า ก็ดุด่าภรรยาของตน ผู้ภรรยาก็ทำมารยาไม่ว่ากล่าวอย่างไร รีบทำการเก็บกวาดให้เป็นที่เรียบร้อย ครั้นวันต่อ ๆ มา ก็ทำมารยาเช่นเดิม ครั้นหลายวันเข้าสามีบังเกิดความสงสัย จึงเรียกภรรยาเข้ามาไต่ถาม นางภรรยาได้โอกาสจึงรีบใส่ไคล้ทันที
"ที่ท่านเห็นบ้านช่องเลอะเทอะเปรอะเปื้อนนี้จะด้วยเหตุที่ข้าขี้เกียจก็หาไม่ แต่เป็นเพราะพ่อแม่ของพี่นั่นแหละ กระทำการเช่นเดียวกันทุกวัน เหมือนจะแกล้งให้ข้าอยู่บ้านนี้ไม่ได้ ข้ารึพยายามอดทน แต่พ่อแม่ของพี่ก็ยังทำเหมือนเดิม"
เมื่อถูกเป่าหูเช่นนี้ทุกวัน และด้วยความรักภรรยา ผู้เป็นสามีก็ชักมีความเห็นคล้อยตาม และเชื่อว่าคำบอกเล่าของภรรยาเป็นความจริง จึงคิดหาทางที่จะกำจัดพ่อแม่ของตนเสีย
วันหนึ่งผู้เป็นบุตรจึงได้บอกกับบิดามารดาของตนว่า "พ่อกับแม่อยู่ทางนี้ ญาติของเราที่อยู่ต่างบ้านนั้นมีความคิดถึงเป็นอันมาก แม้ท่านทั้งสองเองก็ย่อมมีความผูกพันธ์ต้องการจะเดินทางไปเยี่ยมเยียนมิใช่หรือ"
"ถูกแล้วลูกรัก" ทั้งสองบอกแก่บุตรของตน
"ถ้าเช่นนั้นก็อย่าช้าอยู่เลย ลูกได้จัดเตรียมเกวียนไว้แล้ว"
พ่อแม่หลงเชื่อจึงนั่งเกวียนไปกับบุตรของตน ครั้นถึงกลางป่าเปลี่ยว ลูกชายได้ให้ผู้เป็นบิดาจับเชือกบังคับวัย ส่วนตัวเองแอบลงจากเกวียนไป ซ่อนในป่าใหญ่ แล้วดัดเสียงเป็นโจรป่าหมายจะเข้าปล้น
พ่อแม่ทั้งสองนั้นเป็นหญิงและชายชรา หูตาไม่ค่อยดี เข้าใจว่ามีโจรจะมาปล้นจริง ๆ จึงตะโกนบอกให้ลูกชายของตนหนีเอาตัวรอดไปด้วยความเป็นห่วง แม้ภัยกำลังมาถึงตนก็ยังเป็นห่วงลูกชายด้วยความรักของผู้เป็นพ่อแม่
แต่ลูกชายนั้นความหลงได้ครอบงำดวงจิต จึงปลอมตัวเป็นโจรร้าย และทำอันตรายแก่พ่อแม่ของตนจนถึงแก่ชีวิต โดยหลงเชื่อคำยุยงของผู้เป็นภรรยา และจากผลกรรมที่ได้สร้างไว้ในครั้งนั้น ยังผลให้ผู้เป็นบุตรต้องตกนรกหมกไหม้ และต้องถูกเขาทุบตีจนตายเป็นเช่นนี้มาแล้วหลายร้อยชาติ จนถึงชาติสุดท้าย เศษกรรมที่เคยสร้างไว้ก็ยังตามมาสนอง
เมื่อทราบถึงเศษกรรมที่เหลือของท่านด้วยญาณ พระโมคคัลลานะจึงไม่คิดหลบหนีแต่อย่างใด ยอมให้พวกโจรจับตัวไปทุบตี จนร่างของท่านแหลกเหลว จนคิดว่าท่านคงเสียชีวิตแน่แล้ว จึงพากันหลบหนีไป
พระโมคคัลลานะได้เข้าญาณประสานกระดูกให้กลับเหมือนเดิมด้วยอำนาจฤทธิ์ แล้วเหาะไปเฝ้าพระพุทธองค์เพื่อทูลลาเข้านิพพาน พระพุทธองค์จึงให้ท่านแสดงปาฏิหาริย์เป็นครั้งสุดท้าย ด้วยการเทศนาธรรมสอนประชาชนเสียก่อน
หลังจากนั้นพระโมคคัลลานะจึงได้เสด็จนิพพาน ที่ตำบลกาฬศิลานั่นเอง เมื่อภิกษุทั้งหลายทราบข่าวการเข้าสู่นิพพานของท่านโมคคัลลานะ ก็บังเกิดความแปลกใจเพราะธรรมดาท่านเป็นผู้มีฤทธิ์ เหตุไฉนจึงมาพ่ายแพ้แก่โจรป่า
ในครั้งนั้นพระพุทธองค์จึงตรัสเล่าเรื่องราวของผลกรรมในชาติอดีต ให้แก่ภิกษุทั้งหลายได้ฟังจนเป็นที่เข้าใจ
กรรมเมื่อมีช่องทางก็ต้องส่งผลของเขาครับ
แต่จิตใจที่เชื่อหมั่นและพร้อมจะยอมรับตากหากที่จะหลุดพ้นได้ http://www.oknation.net/blog/ngern42/2007/10/04/entry-1
แปดคิว:
อีกเรื่องจะเล่าให้ฟังนี้เกิดขึ้นกะตัวเองเมื่อหกปีที่แล้วรู้สึกว่าตัวเองดวงไม่ดีเอามากๆ(ดูดวงให้ตัวเองจากประสพการ) เลยตัดสินใจบวชคือปฏิบัติแก้กรรมเอง พอดีตอนเดินทางไปเจอหมอดูเราก็เลยลองเข้าไปดูเพราะเขาอ้างว่าเขาดูแม่นมากดูใครไม่เคยพลาดเขาดูแล้วเขาบอกว่าเราดวงไม่ดีนะต้องเสดาะเคราะห์เราก็นั่งฟังเพราะเรารู้ของเราแล้ว
เราเลยบอกว่าตอนนี้กำลังจะบวชเดี๋ยวคงจะเบาลงเอง เขาบอกว่าไม่หายหรอกต้องเสดาะอย่างเดียวเขาก็ไห้ไปซื้อไข่แผงและน้ำโหลมาเขาจะทำพิธีให้ถ้าไม่เชื่ออย่าหาว่าไปเตือนนะเขาว่าเพราะเคยดูให้ผู้ช่วยไม่เชื่อเหมือนกันกลับโดนไล่ยิ่งถึงมาให้ทำให้ ( เราก็เลยคิดบอกไปว่าถ้าบวชรักษาศิลภาวนาแก้ไม่ได้ก็ให้มันตายไป) แต่ก็ไม่อยากแย่งให้เขาเสียหน้าก็เลยบอกว่าไม่เป็นไรพอแค่นี้ละ จากวันนั้นถึงวันนี้หลังบวชเสร็จชีวิตเรากลับดีขึ้นอย่างน่าอัศจรรย์พอสองปีกลับไปอีกที่ไม่รู้ว่าหมอคนนั้นไปไหนแล้ว ศัทธาความเชื่อหมั่นและความไม่ลังเลส่งสัยต่างหากที่จะคุ้มครองเราไม่ใช่คนอื่น
สัตว์โลกทั้งหลายมีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์กรรมมุนาวัตตีโลโก
แก้วจ๋าหน้าร้อน:
พี่เองก็ไม่ใช่คนเชื่อดวงตั้งแต่เล็กๆแล้วครับ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับเราเองครับ ถ้าเรามั่นใจว่าเราเป็นคนดี ทำดีแล้ว ก็ขอให้ยึดมั่นใจจุดนี้ครับ
ถ้ามีจริงๆ..ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นเราก็ต้อง เข้าใจว่าสิ่งนั้นก็ต้องเกิด เราจะไปห้ามหรือขัดขวางมันไม่ได้หรอก ยิ่งจะกลับหนักกว่าเดิมนะ
เหมือนกรรม เราไม่มีทางหนีพ้นหรอก ถึงพ้นตอนนี้ ก็ยังมีในโอกาสต่อไป..ผลัดไปอีกเรื่อยๆ ...
วิธีสะเดาะเคราะห์มีหลากหลายทางครับ ไม่จำเป็นต้องไปทำกับพระหรือพ่อมดหมอผี หรือคนที่เชี่ยวชาญวิชาอาคมคนทรงอะไรครับ
ทำบุญกับคน มูลนิธิ การบริจาคทาน สิ่งของต่างๆก็ได้บุญ อย่างเป็นเจ้าภาพโรงทานในวันนั้นๆหรือบริจาคเลือดบริจาคโลหิต ไถ่ชีวิตสัตว์
มีหลากหลายแนวครับ
พี่ไม่เห็นด้วยนะในกรณีที่ให้ท่านไปเหยียบไปอะไร พี่ว่าดูไม่งามครับ พี่ไม่คิดว่าตรงนี้เป็นกิจของสงฆ์นะ(กรณีที่เป็นพระ) (ความคิดส่วนตัวครับ)
ในกรณีนี้พี่ว่า หลวงปู่นี่ เป็นสงฆ์อ่ะเปล่าหรือคนธรรมดาแต่แบบว่าร่างทรง อันนี้พี่ยิ่งไม่เชื่อเลยนะ อย่าไปเชื่อมากหมอดูหรือคนทรง..
พี่ขอให้กำลังใจน้องฝนให้เชื่อมั่นในความดีที่เราทำครับ
ถ้าเกิดมีใครมาบอกกับฝนอีก ให้ไปเหยียบไปทำพิธี ค่ะๆไปแล้วก็ยิ้มๆ ก็ได้ แต่ไม่ไป ไปทำบุญแบบอื่นแทนก็ได้ครับ..
เรื่องนี้ บอกคุณพ่อแม่ฝน หรือญาติผู้ใหญ่ก็ดีนะ เล่าให้ฟัง เผื่อท่านให้คำปรึกษาที่ดีกว่านี้ อย่าด่วนตัดสินใจคนเดียวครับ ..
พี่เชื่อว่า ความดีจะคุ้มครองคนดีเสมอนะ ไม่ว่าจะอย่างไร..
ทั้งหมดนี้เป็นความคิดเห็นในมุมของพี่คนเดียวนะ เดี๋ยวมีพี่ๆคนอื่นมาแนะนำฝนอีกทีครับ
พี่เชื่อในความดีที่ฝนทำ จะชักนำสิ่งดีๆและกัลยาณมิตรที่ดีมาช่วยให้พ้นจากสิ่งที่เกิดทุกข์หรือเหตุการณ์ร้ายๆทั้งปวงครับ
ให้กำลังใจฝนนะครับ
ธรรมะอวยพรความดีคุ้มครองครับ
นำร่อง
[0] ดัชนีข้อความ
[#] หน้าถัดไป
Go to full version