แม้จะเทิร์นโปรมาหลายปีดีดักแล้ว แต่การโค่นมือ 1 โลกอย่าง โนวัค ยอโควิช ในรอบรองฯที่บาเซิ่ล ก็ทำให้แฟนเทนนิสทั่วโลกได้รู้จักชื่อของ "เคอิ นิชิโคริ" นักหวดดาวรุ่งแดนปลาดิบอย่างเต็มภาคภูมิเสียที
ชัยชนะเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาอาจจะไม่ได้สวยหรูอะไรนัก เนื่องจากโนเล่มีอาการบาดเจ็บที่หัวไหล่ อย่างไรก็ตามก็ต้องยกย่องให้หัวจิตหัวใจความเป็นนักสู้ของเจ้าหนูเคอิ หลังจากวิ่งพล่านไปทั่วคอร์ตเพื่อไล่เก็บทุกลูกที่ถูกโยก ซึ่งหากสภาพจิตใจเขาไม่นิ่งพอก็คงไม่สามารถเก็บเช็ตที่สองในไทเบรคด้วยสกอร์ 7-4 ได้แน่
การตีเสมอเป็น 1-1 ส่งให้ นิชิโคริ ลงหวดในเซตตัดสินด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยม ก่อนเอาชนะ ยอโควิช ที่สภาพร่างกายไม่สมบูรณ์ไปได้แบบเกมศูนย์ แม้ในรอบชิงฯจะเข้าไปแพ้ โรเจอร์ เฟเดอเรอร์ แบบสู้ไม่ได้ แต่ก็นับเป็นประสบการณ์ที่ดีที่เขาจะนำไปพัฒนาตนเองต่อไป
เคอิ นิชิโคริ เกิดที่ชิมาเนะ ประเทศญี่ปุ่น เขาเริ่มเล่นเทนนิสตั้งแต่ 5 ขวบ ก่อนที่จะย้ายไปฝึกปรือฝีมือในสถาบัน นิค บอลเล็ตเทียรี่ ที่สหรัฐฯ ซึ่งเป็นแหล่งผลิตยอดนักหวดระดับโลกในเวลาต่อมา
ด้วยฟอร์มการเล่นที่โดดเด่น ทำให้ที่นั่นตั้งฉายาให้เขาว่า "โปรเจ็คต์ 45" ซึ่งหมายถึงเป้าหมายขั้นแรกในการเทิร์นโปร หาก นิชิโคริ สามารถทำอันดับของเอทีพีถึงที่ 45 ได้เมื่อไหร่ นั่นจะทำให้เขากลายเป็นนักหวดจากญี่ปุ่นที่มีอันดับสูงที่สุดเท่าที่เคยมีมาใน เอทีพี ทัวร์ ทันที
ในการลงหวดอาชีพปีแรก เมื่อปี 2007 นิชิโคริ อาจจะไม่ได้โดดเด่นอะไรมาก ส่วนใหญ่จะวนเวียนอยู่ที่ทัวร์นาเมนต์เล็กๆ แต่ก็เป็นก้าวย่างที่สำคัญ เมื่อเด็กหนุ่มวัย 18 ในตอนนั้นจบอันดับส่งท้ายปีที่ 286
ปีต่อมา "โปรเจ็กต์ 45" ยังก้าวต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง เขาสามารถทำอันดับเข้าสู่ท็อป 100 ได้สำเร็จ โดยมีไฮไลท์อยู่ที่การปราบ เจมส์ เบล็ค คว้าแชมป์แรกในระดับเอทีพีที่ เดลเรย์ บีช รวมถึงการล้ม อเล็กซ์ บ็อกดาโนวิช และ เฟรเดริก นีเมเยอร์ ในรอบคัดเลือก ก่อนผ่านเข้าสู่เมนดรอว์ในการแข่งขันระดับ มาสเตอร์ส ได้เป็นครั้งแรก
เป็นชาวญี่ปุ่นที่คว้าแชมป์ระดับเอทีพีได้เป็นคนแรกนับตั้งแต่ ชูโซ่ มัตซึโอกะ (ซึ่งเคยเป็นโค้ชให้เขาในวัยเด็ก) ทำได้ในปี 1992
ด้วยอันดับโลกที่ดี ทำให้เขาได้รับโอกาสประเดิมในระดับแกรนด์สแลมที่ วิมเบิลดัน โดยจอดป้ายที่รอบแรกด้วยการแพ้ มาร์ก ชิกเกล ไปด้วยการขอยอมแพ้เนื่องจากมีอาการบาดเจ็บ แต่ในสแลมต่อมาที่ ยูเอส โอเพ่น เขาทำได้ดีถึงขั้นล้มดาวดังอย่าง ฮวน โมนาโก และ ดาบิด เฟร์เรร์ ก่อนจะตกรอบ 16 คนสุดท้ายด้วยน้ำมือ ฮวน มาร์ติน เดล โปโตร
ปี 2009 เขาได้รับรางวัล "นักเทนนิสดาวรุ่งยอดเยี่ยม" จากเอทีพี ซึ่งนับเป็นนักหวดจากเอเชียคนแรกที่ได้รับเกียรตินี้ อย่างไรก็ตามปีนี้ไม่ใช่ปีที่น่าจดจำเท่าไหร่สำหรับ นิชิโคริ เนื่องจากมีอาการบาดเจ็บที่หัวไหล่รบกวนตลอดปี จนแทบไม่ได้ลงแข่งขันรายการใดๆ เลย ส่งผลให้อันดับโลกร่วงกราวลงไปถึงที่ 898 เลยทีเดียว
แต่ด้วยสายเลือดบูชิโด เจ้าหนุ่มจากแดนปลาดิบก็ไม่ยอมท้อถอย เขากลับเข้าสู่ท็อป 100 ได้อีกครั้งในปลายปี 2010 ก่อนที่จะมาระเบิดฟอร์มอันยอดเยี่ยมกว่าเดิมในปีต่อมา
"โปรเจ็กต์ 45" ประสบความสำเร็จขั้นแรกได้ดังหวังเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา หลังจากทำผลงานเข้าถึงรอบรองฯ เชี่ยงไฮ้ มาสเตอร์ส ก่อนจะทำอันดับพุ่งพรวดไปที่ 30 ทำสถิติเป็นนักเทนนิสญี่ปุ่นที่มีอันดับโลกสูงที่สุดไปเป็นที่เรียบร้อย
เท่านั้นยังไม่พอ จากผลงานอันยอดเยี่ยมในศึก ดาวิดอฟฟ์ สวิส อินดอร์ส ที่เพิ่งผ่านพ้นไป ทำให้อันดับล่าสุดขยับมาอยู่ที่ 24 ของโลกเลยทีเดียว
เชื่อว่า เคอิ นิชิโคริ จะไม่หยุดแค่เพียงเท่านี้ ด้วยวัยเพียงแค่ 21 ปี ทำให้เขายังมีเวลาอีกมากในการผจญภัยบนคอร์ตเทนนิส
ลองมาติดตามดูกันว่าเขาจะก้าวขึ้นมาเป็นความภาคภูมิใจของชาวเอเชียเหมือนกับที่ ภราดร ศรีชาพันธุ์ เคยทำได้ในช่วงระยะหนึ่งหรือไม่
บทความโดย โม่ง61