ผู้เขียน หัวข้อ: แนะนำกระทู้มหมวดโคตรเกรียนล้างโลกอ่า  (อ่าน 2771 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

น้องต๊ะเจ้าเก่า

  • บุคคลทั่วไป
หมวดนี้ สมาชิกใต้ร่มธรรมทั้งหลาย อ่านดีๆ
ใช้วิจารณญาณให้มาก
เทียบเครียงพระไตรปิฎกด้วย

ได้ธรรมะเยอะ
หูตาสว่าง
ไม่งมงาย ในพวกที่อ้างตัว ว่าอวตาร
ไม่งมงาย เพราะมีพระธรรมของพระพุทธเจ้า  จำแนกสัตว์เหล่านี้ไว้ชัดเจน
อยู่แล้วในพระไตรปิฎก

จะได้ไม่หลงงมงาย ไม่หลงตามมิจฉาทิฎฐิ ของลัทธิเดียร์ถีย์ ลัทธิอื่น นิกายอื่น
อันไม่สามารถเอาพระธรรมมารองรับ หรือโต้แย้งได้

โคตรเกรียนเหล่านี้ ต้องนิมนต์ มาลงชักโครกซะ

 :24: :24: :24:

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
Re: แนะนำกระทู้มหมวดโคตรเกรียนล้างโลกอ่า
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: พฤศจิกายน 20, 2011, 09:17:12 am »
จากกระทู้  แนะนำ หมวดโครตเกรียนล้างโลก - ลงชักโครกซะ !

ทุกกระทู้ที่อยู่ในหมวด    หมวดโครตเกรียนล้างโลก - ลงชักโครกซะ !

กระทู้ต่างๆในหมวดนี้

ประกอบไปด้วย กลุ่มประเภท

กระทู้อันตราย

มีปัญหา

มิจฉาทิฐิ

กระทู้เกรียน

แถ

ถู

ไถ

หมิ่นเหม่

ฮาร์ดคอ

หลอกหลอน

บั่นทอนสติปัญญา

ต้องใช้วิจารณญาณสูงในการอ่าน

กระทู้แนว hardcore

ที่สำคัญ  เด็ก สตรีมีครรภ์ คนชรา สาธุชน ควร ใช้วิจารณญาน ไตร่ตรอง ส่องตน

คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)

น้องต๊ะเจ้าเก่า

  • บุคคลทั่วไป
Re: แนะนำกระทู้มหมวดโคตรเกรียนล้างโลกอ่า
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: พฤศจิกายน 20, 2011, 09:57:04 pm »
 :24: :24: :24:

กลุ่มอวตารกลุ่มแรก ที่นิมนต์มา
เป็นกลุ่มฤาษีที่อวตารมา และมีความเป็นมา ขัดแย้งกับคำสอนพระพุทธเจ้า ขัดแย้งกับพระไตรปิฎกเถรวาท


คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)

ตามข้อกล่าวอ้าง  ชัดๆๆๆ
ปริเฉทสาม
พระอุตรเถระเจ้าอวตารเป็นพระครูเทพผู้วิเศษ

   พระอุตรเถระเจ้า อวตารเป็นพระครูเทพ ผู้วิเศษในสมเด็จพระนเรศวรมหาราชเจ้า ประมาณปี พ.ศ.2127 ระยะเวลาห่างจากสมัยสุโขทัยประมาณ 227 ปี คันคว้าจากตำราไสยศาสตร์ ประกอบความรู้อันบังเกิดจากญาณหรือสิ่งบันดาลใจ จากคำที่ว่าตอนที่สร้างกำแพงเมืองลพบุรี ข้ายังได้เห็น หมายถึง สมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช มิใช่สมัยลพบุรี (ขอม) และยังมีคำว่า “เทพ” (มาจากคำเทพโลกอุดร) ท่านผู้อ่านอาจสงสัยว่า นับจากแผ่นดินสมเด็จพระนเรศวรมหาราชถึงแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์มหาราช มีการผลัดเปลี่ยนแผ่นดินถึง 9 รัชกาลด้วยกัน แต่ปรากฏตามหลักฐานประวัติศาสตร์คำนวณอายุได้ประมาณ 53 ปี เท่านั้น กล่าวคือ .....................................


 :24: :24: :24:

น้องต๊ะเจ้าเก่า

  • บุคคลทั่วไป
Re: แนะนำกระทู้มหมวดโคตรเกรียนล้างโลกอ่า
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: พฤศจิกายน 20, 2011, 10:12:33 pm »
หลวงปู่หน้าปาน ท่านก็บอกอยู่โต้งๆ แล้วว่า ท่านเป็นพระสำเร็จ (อรหันต์) มาอาศัยร่างท่านมหาชวน (หลวงพ่อโอภาสี) เพื่อบำเพ็ญบารมีต่อ ท่านอภิชิโต ภิกขุ กล่าวกับผมว่า นับตั้งแต่เป็นศิษย์หลวงปู่ใหญ่ครั้งยังบรรพชาเป็นสามเณร จนอายุได้ 70 ปี ยังศึกษาไม่จบ ท่านเป็นอาจารย์ที่ผมรักและเคารพมาก ผมไม่อยากให้คนมีจิตฟุ้งติดฤทธิ์มากนัก เพียงอยากให้เป็นความรู้ในด้านสารคดี อรรถคดีพอสมควร มิฉะนั้นเรื่องจะยาวเกินควร

http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=14333

ทีนี้ลองมาดู ว่าการไปเที่ยวอาศัยร่างอื่นๆ สิงร่างโน้นร่างนี้ เพื่อบำเพ็ญบารมีอะไรต่อเหรอครับ
บารมีสามสิบทัศหรือเปล่าหละครับ
แล้วอวตารแบบนี้  จบกิจแล้วหรือไม่
ภาระปลดปลงลงได้หรือยังอ่า
ต้องเอาพระไตรปิฎกมาเทียบเคียง

พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๓  พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๕
มัชฌิมนิกาย มัชฌิมปัณณาสก์
 
 

อยู่จบแล้ว กิจที่ควรทำทำเสร็จแล้ว กิจอื่นเพื่อความเป็นอย่างนี้มิได้มี ดูกรสันทกะ ก็สาวก
ย่อมบรรลุคุณวิเศษอันโอฬารเห็นปานนี้ ในศาสดาใด วิญญูชนพึงอยู่ประพฤติพรหมจรรย์ใน
ศาสดานั้นโดยส่วนเดียว และเมื่ออยู่ ก็พึงยังกุศลธรรมเครื่องออกไปจากทุกข์ให้สำเร็จได้.
พระขีณาสพไม่ล่วงฐานะ ๕
             [๓๑๑] ท่านพระอานนท์ ก็ภิกษุใดเป็นพระอรหันต์ ขีณาสพ อยู่จบพรหมจรรย์ มี
กิจที่ควรทำ ทำเสร็จแล้ว มีภาระอันปลงลงแล้ว มีกิเลสเครื่องประกอบสัตว์ในภพสิ้นแล้ว
หลุดพ้นแล้วเพราะรู้โดยชอบ ภิกษุนั้นยังบริโภคกามทั้งหลายหรือ?
             ดูกรสันทกะ ภิกษุใดเป็นพระอรหันต์ ขีณาสพ อยู่พรหมจรรย์ มีกิจที่ควรทำ
ทำเสร็จแล้ว มีภาระอันปลงลงแล้ว มีประโยชน์ของตนอันถึงแล้ว มีกิเลสเครื่องประกอบ
สัตว์ในภพสิ้นแล้ว หลุดพ้นแล้วเพราะรู้โดยชอบ ภิกษุนั้น เป็นผู้ไม่สามารถประพฤติล่วง
ฐานะทั้งห้า คือ ภิกษุขีณาสพ เป็นผู้ไม่สามารถแกล้งปลงสัตว์จากชีวิต ๑ เป็นผู้ไม่สามารถ
ถือเอาสิ่งของที่เจ้าของไม่ได้ให้อันเป็นส่วนแห่งความเป็นขโมย ๑ เป็นผู้ไม่สามารถเสพเมถุน
ธรรม ๑ เป็นผู้ไม่สามารถกล่าวเท็จทั้งรู้อยู่ ๑ เป็นผู้ไม่สามารถทำการสั่งสม บริโภคกามทั้งหลาย
เหมือนเมื่อเป็นคฤหัสถ์ในกาลก่อน ๑ ดูกรสันทกะ ภิกษุใดเป็นพระอรหันต์ ขีณาสพ อยู่จบ
พรหมจรรย์ มีกิจที่ควรทำ ทำเสร็จแล้ว มีภาระอันปลงลงแล้ว มีประโยชน์ของตนอันถึงแล้ว
มีกิเลสเครื่องประกอบสัตว์ในภพสิ้นแล้ว หลุดพ้นแล้ว เพราะรู้โดยชอบ ภิกษุนั้นเป็นผู้ไม่
สามารถประพฤติล่วงฐานะทั้งห้าเหล่านี้.




น้องต๊ะเจ้าเก่า

  • บุคคลทั่วไป
Re: แนะนำกระทู้มหมวดโคตรเกรียนล้างโลกอ่า
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: พฤศจิกายน 20, 2011, 10:59:57 pm »
 :24: :24: :24:


หลวงปู่เทพโลกอุดรสอนว่า " จงดูจิตเคลื่อนไหวเหมือนเราดูละคร "


 การปฎิบัติธรรมทางด้านจิต จงเป็นผู้มีสติปัญญารู้เท่าทันความเคลื่อนไหวของจิตทุกลมหายใจเข้าออกและทุกอิริยบท เว้นเสียแต่หลับ เมื่อรู้ทันจิตแล้ว ต้องรู้จักรักษาจิต คุ้มครองจิต จงดูจิตเคลื่อนไหวเหมือนเราดูลิเกหรือละคร เราอย่าเข้าไปเล่นลิเกหรือละครด้วย เราเป็นเพียงผู้นั่งดู อย่าหวั่นไหวไปตามจิต จงดูจิตพฤติการณ์ของจิตเฉย ๆ ด้วยอุเบกขา จิตไม่มีตัวตน แต่สามารถกลิ้งกลอกล้อหรือยั่วเย้าให้เราหวั่นไหวดีใจและเสียใจได้ ฉะนั้นต้องนึกเสมอว่าจิตไม่มีตัวตน อย่ากลัวตจิต อย่ากลัวอารมณ์ เราหรือสติสัมปชัญญะต้องเก่งกว่าจิต

 :24: :24: :24:

อันนี้สับสนหรือเปล่าครับ
ธรรมะขัดกันเอง
อันแรกบอกว่า ต้องรู้จักรักษาจิต คุ้มครองจิต

อันต่อมา บอกว่า ดูเฉยๆ เหมือนดูละคร

รักษาละครไว้หรือครับ
คุ้มครองคณะละครหรือครับ

ธรรมะสับสนอลหม่านแล้วแหละครับ สองประโยคหักล้างกันเอง
อุเบกขาแบบไม่รู้อิโหน่อิเหน่ละมั๊งครับ

 :24: :24: :24:

ไปฟังพระไตรปิฎกดีกว่านะพี่น้อง

จิตที่ควรข่ม เป็นอย่างไร ควรทำให้เริงร่าเป็นยังไง



พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๒  พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๔
อังคุตตรนิกาย ปัญจก-ฉักกนิบาต
 
 

สีติวรรคที่ ๔
๑. สีติสูตร
             [๓๕๖] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ประกอบด้วยธรรม ๖ ประการ
ย่อมเป็นผู้ไม่ควรเพื่อทำให้แจ้งซึ่งความเป็นผู้เย็นอย่างยิ่ง ธรรม ๖ ประการเป็น
ไฉน คือ ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ย่อมไม่ข่มจิตในสมัยที่ควรข่ม ๑ ไม่ประคอง
จิตในสมัยที่ควรประคอง ๑ ไม่ยังจิตให้ร่าเริงในสมัยที่ควรให้ร่าเริง ๑ ไม่วาง
เฉยจิตในสมัยที่ควรวางเฉย ๑ เป็นผู้น้อมไปในธรรมเลว ๑ และเป็นผู้ยินดียิ่ง
ในสักกายะ ๑ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ประกอบด้วยธรรม ๖ ประการนี้แล
ย่อมเป็นผู้ไม่ควรเพื่อทำให้แจ้งซึ่งความเป็นผู้เย็นอย่างยิ่ง
             ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ประกอบด้วยธรรม ๖ ประการ ย่อมเป็นผู้
ควรเพื่อกระทำให้แจ้งซึ่งความเป็นผู้เย็นอย่างยิ่ง ธรรม ๖ ประการเป็นไฉน คือ
ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ย่อมข่มจิตในสมัยที่ควรข่ม ๑ ย่อมประคองจิตในสมัยที่ควร
ประคอง ๑ ย่อมยังจิตให้ร่าเริงในสมัยที่ควรให้ร่าเริง ๑ ย่อมวางเฉยจิตในสมัยที่
ควรวางเฉย ๑ เป็นผู้น้อมไปในธรรมประณีต ๑ และเป็นผู้ยินดียิ่งในนิพพาน ดูกร
ภิกษุทั้งหลายภิกษุประกอบด้วยธรรม ๖ ประการนี้แล ย่อมเป็นผู้ควรกระทำให้
แจ้งซึ่งความเป็นผู้เย็นอย่างยิ่ง ฯ
จบสูตรที่ ๑