หลวงปู่หน้าปาน ท่านก็บอกอยู่โต้งๆ แล้วว่า ท่านเป็นพระสำเร็จ (อรหันต์) มาอาศัยร่างท่านมหาชวน (หลวงพ่อโอภาสี) เพื่อบำเพ็ญบารมีต่อ ท่านอภิชิโต ภิกขุ กล่าวกับผมว่า นับตั้งแต่เป็นศิษย์หลวงปู่ใหญ่ครั้งยังบรรพชาเป็นสามเณร จนอายุได้ 70 ปี ยังศึกษาไม่จบ ท่านเป็นอาจารย์ที่ผมรักและเคารพมาก ผมไม่อยากให้คนมีจิตฟุ้งติดฤทธิ์มากนัก เพียงอยากให้เป็นความรู้ในด้านสารคดี อรรถคดีพอสมควร มิฉะนั้นเรื่องจะยาวเกินควร
http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=14333ทีนี้ลองมาดู ว่าการไปเที่ยวอาศัยร่างอื่นๆ สิงร่างโน้นร่างนี้ เพื่อบำเพ็ญบารมีอะไรต่อเหรอครับ
บารมีสามสิบทัศหรือเปล่าหละครับ
แล้วอวตารแบบนี้ จบกิจแล้วหรือไม่
ภาระปลดปลงลงได้หรือยังอ่า
ต้องเอาพระไตรปิฎกมาเทียบเคียง
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๓ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๕
มัชฌิมนิกาย มัชฌิมปัณณาสก์
อยู่จบแล้ว กิจที่ควรทำทำเสร็จแล้ว กิจอื่นเพื่อความเป็นอย่างนี้มิได้มี ดูกรสันทกะ ก็สาวก
ย่อมบรรลุคุณวิเศษอันโอฬารเห็นปานนี้ ในศาสดาใด วิญญูชนพึงอยู่ประพฤติพรหมจรรย์ใน
ศาสดานั้นโดยส่วนเดียว และเมื่ออยู่ ก็พึงยังกุศลธรรมเครื่องออกไปจากทุกข์ให้สำเร็จได้.
พระขีณาสพไม่ล่วงฐานะ ๕
[๓๑๑] ท่านพระอานนท์ ก็ภิกษุใดเป็นพระอรหันต์ ขีณาสพ อยู่จบพรหมจรรย์ มี
กิจที่ควรทำ ทำเสร็จแล้ว มีภาระอันปลงลงแล้ว มีกิเลสเครื่องประกอบสัตว์ในภพสิ้นแล้ว
หลุดพ้นแล้วเพราะรู้โดยชอบ ภิกษุนั้นยังบริโภคกามทั้งหลายหรือ?
ดูกรสันทกะ ภิกษุใดเป็นพระอรหันต์ ขีณาสพ อยู่พรหมจรรย์ มีกิจที่ควรทำ
ทำเสร็จแล้ว มีภาระอันปลงลงแล้ว มีประโยชน์ของตนอันถึงแล้ว มีกิเลสเครื่องประกอบ
สัตว์ในภพสิ้นแล้ว หลุดพ้นแล้วเพราะรู้โดยชอบ ภิกษุนั้น เป็นผู้ไม่สามารถประพฤติล่วง
ฐานะทั้งห้า คือ ภิกษุขีณาสพ เป็นผู้ไม่สามารถแกล้งปลงสัตว์จากชีวิต ๑ เป็นผู้ไม่สามารถ
ถือเอาสิ่งของที่เจ้าของไม่ได้ให้อันเป็นส่วนแห่งความเป็นขโมย ๑ เป็นผู้ไม่สามารถเสพเมถุน
ธรรม ๑ เป็นผู้ไม่สามารถกล่าวเท็จทั้งรู้อยู่ ๑ เป็นผู้ไม่สามารถทำการสั่งสม บริโภคกามทั้งหลาย
เหมือนเมื่อเป็นคฤหัสถ์ในกาลก่อน ๑ ดูกรสันทกะ ภิกษุใดเป็นพระอรหันต์ ขีณาสพ อยู่จบ
พรหมจรรย์ มีกิจที่ควรทำ ทำเสร็จแล้ว มีภาระอันปลงลงแล้ว มีประโยชน์ของตนอันถึงแล้ว
มีกิเลสเครื่องประกอบสัตว์ในภพสิ้นแล้ว หลุดพ้นแล้ว เพราะรู้โดยชอบ ภิกษุนั้นเป็นผู้ไม่
สามารถประพฤติล่วงฐานะทั้งห้าเหล่านี้.