เช้านี่อากาศขมุกขมัว ลมแรงและฟ้าครึ้มๆ ฝนทำท่าว่าจะตก
ทันทีที่ออกจากบ้านฝนก็พรำลงมา...
ความตั้งใจที่วางแผนไว้ก่อนหลับว่าจะต้องทำให้ได้ในวันนี้ก็ชักจะแกว่งไกวไม่แน่วแน่เสียแล้ว
ฟ้่าฝนดูไม่เป็นใจ อยากเปลี่ยนใจขับรถตรงไปที่ทำงาน ล้มเลิกแผนการที่คิดไว้หรือว่าจะทำอย่างตั้งใจดี
ตัดสินใจก่อนปิิดประตูรถว่าจะทำให้ได้ดังใจตั้ง..แล้วก็ออกจากบ้าน
เจ็ดโมงเช้าวันจันทร์นี้ จำนวนรถบนท้องถนนดูมากและวุุ่นวาย รถติดกว่าทุกวันจันทร์ที่ผ่านมา
คิดเองในใจว่ารถคงมีจำนวนเท่าๆกับทุกๆวันแต่เป็นเพราะฝนตก รถจึงติดและเมื่อรถติดเยอะๆ ก็เหมือนมีรถเต็มถนนไปหมด
เห็นรถติด ฝนพรำ ดูเวลาแล้วก็ชักจะหวั่นไหว....ไม่ทำดีไหมวันจันทร์หน้าค่อยว่ากันใหม่...
คิดค้านกันไปมาในใจ...สุดท้ายก็ขับเลยที่ทำงานตรงไปตลาดเช้าของอำเภอแห่งนี้
ตลาดเช้า(จริงๆไม่เช้ามากเพราะกว่าจะถึงก็แปดโมงครึ่งแล้ว
) ที่นี่ไม่ใหญ่มากนักแต่ยังคงเสน่ห์ของตลาดเช้าที่เห็นแล้วนึกถึงวัยเด็กที่เคยเดินตามแม่และน้าไปซื้อกับข้าวตอนเช้าๆ
มองเห็นผักปลาที่วางแผงขายกับพื้นเรียบง่าย และร้านขายของยามเช้าอย่างขนมครก ปาท่องโก๋ กับข้าว และร้านดอกไม้ แล้วอยากซื้อไปหมด...สัญญากับตัวเองในใจว่าจะมาเยือนตลาดเช้าแห่งนี้ก่อนรุ่งสางให้ได้ในสักวัน...
เดินผ่านร้านขายปลา ปลาในกะละมังส่วนใหญ่เป็นปลาช่อนตัวใหญ่ ลูกค้าหลายรายยืนล้อมแม่ค้า
ทุกคนสั่งปลาตอนเป็นๆแล้วก็รอเอาปลาตายกลับบ้าน เดินไปเมียงมองแต่ไม่กล้าขอชีวิตปลาที่กำลังจะต้องตายในไม่ช้าเพื่อเอาไปปล่อย
ทำแบบนั้นคงทำให้อีกหลายคนนึกด่าในใจว่าจะมาใจบุญสุญทานอะไรในตลาดที่คนมาหาซื้ออาหาร
คิดได้ก็เดินออกจากร้านแล้วผ่านไป...
เดินห่างออกมาไม่ไกล ได้ยินเสียงปลากระโดดดิ้นอยู่ในกะละมังจึงหันไปมอง
เดินไปดูใกล้ๆ กะละมังสองใบมีปลาช่อนขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่อยู่เต็ม ใกล้ๆกันมีถังสีขาวใส่ปลาไหลอยู่สามตัว
ในใจคิดว่าปล่อยอะไรดี เอาทั้งสองปลาเลยแล้วกัน สงสารมัน
แต่สงสารปลาแล้วก็คงต้องสงสารตัวเองด้วยเพราะถ้าซื้อเหมาทั้งร้านเห็นทีจะไม่มีเงินกินข้าวไปอีกหลายวัน
มองหาคนขายไม่เจอ หันไปหันมาก็มีคุณป้าคนหนึ่งเดินลิ่วมาหา ถามว่าเอาอะไรหนูจะซื้อปลาเรอะ..
บอกคุณป้าถึงความตั้งใจแล้วก็เลือกปลาช่อนสามตัว
ก้มลงไปมองใกล้ๆ เพิ่งสังเกตเห็นว่าปลาช่อนตากลมใส (มิน่าคุณครูถึงได้สอนให้ท่องว่า ป. ปลาตากลม)
เห็นตาใสยิ่งทำให้อยากเอามันไปปล่อยให้เป็นอิสระเร็วๆ
คุณป้าถามว่าเอาปลาไหลมั้ยหนู ตัวหนึ่งมันตายไปแล้วเหลือสองตัวเอามั้ย
ตอบคุณป้าแล้วก็หิ้วถุงปลาออกจากร้าน วันนี้จึงได้ปล่อยทั้งปลาช่อนและปลาไหล
พินิจพิจารณาปลาช่อนสามตัวมันเอาปากงับถุงไว้แน่นสงสารจับใจ...ปลามันคงกลัวตาย
รีบออกจากตลาดแล้วตรงกลับไปที่สระน้ำซึ่งเป็นเขตอภัยทานที่อยู่ในที่ทำงานทันที
ฝนยังคงตกพรำๆ แต่เมื่อไปถึงที่นั่นพี่คนงานบอกว่า ลงไปไม่ได้ค่ะโป๊ะที่เป็นที่สำหรับปล่อยปลามันขาดยังไม่ได้ซ่อมค่ะ
แหม..นะ บุญปล่อยปลาครั้งนี้คงได้กุศลแรงเพราะว่าอุปสรรคเยอะเหลือเกิน
สุดท้ายก็ต้องค่อยๆเดินลัดเลาะไปตามขอบสระหาที่เหมาะๆแล้วก็ปล่อยเจ้าสองพันธุ์ปลาห้าตัวนั้นลงไป
พวกมันคงมึนๆงงๆกับน้ำ เอาออกจากถุงแล้วก็แน่นิ่งกันทุกตัว ทำเอาคนปล่อยใจหายนึกว่าปลายตายเสียแล้ว
แต่สักพักมันก็เริ่มเคลื่อนไหวแล้วก็ว่ายหายไปในน้ำ
โล่งใจไปที....หวังว่ามันคงมีชีวิตที่ดี มีความสุขในสระแห่งนี้....
ปล่อยปลาแบบนี้ไม่รู้จะได้บุญมั้ย แต่ที่ได้ทันทีทันใดแบบไม่ต้องสงสัยคือ "ความสุขใจ"
สุขใจที่เอาชนะใจตัวเองไม่ล้มเลิกความตั้งใจไปเสียตั้งแต่ออกจากบ้าน
สุขใจที่ได้ให้โอกาสเพื่อนร่วมโลกได้เริ่มต้นชีวิตอีกครั้งแม้จะเป็นเพียงปลาตัวเล็กๆ ก็ตาม
สุขใจที่ได้นับถือตัวเองว่าไม่ได้เกิดมาเพื่อรอวันตายไปเท่านั้นหากแต่ยังได้ทำสิ่งดีเล็กๆที่เป็นประโยชน์กับโลกใบนี้บ้าง
ขอบันทึกเรื่องราวของวันนี้ไว้
หากเมื่อวันใดได้กลับมาอ่านความสุขใจก็จะได้ผุดพรายขึ้นอีกทุกครั้งไป
สถานที่ปล่อยปลาของวันนี้
วันนี้ไม่ได้เอากล้องไป จึงขอยืมภาพมาจากที่นี่ค่ะ
http://www.thaimtb.com/cgi-bin/viewkatoo.pl?id=89424