ผู้เขียน หัวข้อ: กระโถน ส้วม อยากระบาย เขียน บ่นอะไร เชิญ เอาให้โล่ง โปร่งไปสิบทิศ  (อ่าน 473194 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 11 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ บัวผ่อง

  • www.facebook.com/maneemess
  • ต้นไม้เล็กพริ้วไหวดั่งสายลม
  • ***
  • กระทู้: 196
  • พลังกัลยาณมิตร 33
    • maneemess
    • ดูรายละเอียด
    • www.facebook.com/maneemess
 :12:  อิอิ คุณลูกขราาาา นี่ จมูกไว๊ ไว 
อ่ะ คุณแม่ขราาา เซนเซอร์ หั้ยแระ
ควรมิควรแร้วแต่จะโปรด อะซิก...อ่ะซิก...  :27:
.
หมายเหตุ

ถ้าพวกเมิง...เอ๊ย... เพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ ลุง ๆป้า ๆ น้า ๆ อา ๆ
ทนอ่าน ตัวหนังสือ ของกรู...เอ๊ย.... ของนู๋บี มิได้...

นู๋บี จา กลั้นใจตาย ( จิง ๆ น๊ะ ) อ่ะซิก ... อ่ะซิก...

http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=bsonjb&month=09-2010&date=22&group=3&gblog=2



ออฟไลน์ ซุปเปอร์เบื๊อก

  • ต้นกล้า
  • **
  • กระทู้: 67
  • พลังกัลยาณมิตร 21
    • ดูรายละเอียด
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๙  พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๑
สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค

อัญญติตถิยวรรคที่ ๕
วิราคสูตร
ข้อปฏิบัติเพื่อสำรอกราคะ

             [๑๑๗] สาวัตถีนิทาน.

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ถ้าพวกอัญญเดียรถีย์ปริพาชก

พึงถามเธอทั้งหลายอย่างนี้ว่า ดูกรผู้มีอายุทั้งหลาย

ท่านทั้งหลายอยู่ประพฤติพรหมจรรย์

ในพระสมณโคดม เพื่อประโยชน์อะไร?


เธอทั้งหลายถูกถามอย่างนี้แล้ว

พึงชี้แจงแก่พวกอัญญเดียรถีย์ปริพาชก

เหล่านั้นอย่างนี้ว่า ดูกรผู้มีอายุทั้งหลาย

เราทั้งหลายอยู่ประพฤติพรหมจรรย์ในพระผู้มีพระภาค

เพื่อสำรอกราคะ.


             [๑๑๘] ดูกรภิกษุทั้งหลาย

ก็ถ้าพวกอัญญเดียรถีย์ปริพาชก

พึงถามเธอทั้งหลายอย่างนี้ว่า

ดูกรผู้มีอายุทั้งหลาย ก็ทางมีอยู่หรือ?

ข้อปฏิบัติเพื่อสำรอกราคะมีอยู่หรือ?

เธอทั้งหลาย ถูกถามอย่างนี้แล้ว

พึงชี้แจงแก่พวกอัญญเดียรถีย์ปริพาชกเหล่านั้น

อย่างนี้ว่า ดูกรผู้มีอายุทั้งหลาย

ทางมีอยู่ ข้อปฏิบัติเพื่อสำรอกราคะมีอยู่.


             [๑๑๙] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ทางเป็นไฉน?

ข้อปฏิบัติเพื่อสำรอกราคะ เป็นไฉน?

อริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘ นี้แล

คือ ความเห็นชอบ ฯลฯ ความตั้งใจชอบ

นี้เป็นทาง นี้เป็นข้อปฏิบัติเพื่อสำรอกราคะ

ดูกรภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายถูกถามอย่างนี้แล้ว

พึงชี้แจงแก่พวกอัญญเดียรถีย์ปริพาชกเหล่านั้น อย่างนี้.


จบ สูตรที่ ๑


เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๙ บรรทัดที่ ๖๐๘ - ๖๒๔. หน้าที่ ๒๗.
ฟังพระสูตรนี้ได้ที่ :- http://www.84000.org/tipitaka/listen/?b=19&item=117

ออฟไลน์ ซุปเปอร์เบื๊อก

  • ต้นกล้า
  • **
  • กระทู้: 67
  • พลังกัลยาณมิตร 21
    • ดูรายละเอียด
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๔  พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๖
อังคุตตรนิกาย ทสก-เอกาทสกนิบาต

วมนสูตร

             [๑๐๙] ดูกรภิกษุทั้งหลาย

นายแพทย์ทั้งหลายย่อมให้ยาสำรอก

เพื่อบำบัดอาพาธมีดีเป็นสมุฏฐานบ้าง

เพื่อบำบัดอาพาธมีเสมหะเป็นสมุฏฐานบ้าง

เพื่อบำบัดอาพาธมีลมเป็นสมุฏฐานบ้าง

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ยาสำรอกนั่นมีอยู่

เรามิได้กล่าวว่า ไม่มี ก็แต่ว่ายาสำรอกนี้นั้นแล

ย่อมสำเร็จผลบ้าง ย่อมเสียผลบ้าง


ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็เราจักแสดงยาสำรอก

อันเป็นของพระอริยะที่สำเร็จผลอย่างเดียว ไม่เสียผล

ที่สัตว์ทั้งหลายผู้มีความเกิดเป็นธรรมดาอาศัยแล้ว

ย่อมพ้นจากความเกิด ผู้มีความแก่เป็นธรรมดา

ย่อมพ้นจากความแก่ ผู้มีความตายเป็นธรรมดา

ย่อมพ้นจากความตาย ผู้มีความโศก ความร่ำไร

ความทุกข์ ความโทมนัสและความคับแค้นใจเป็นธรรมดา

ย่อมพ้นจากความโศก ความร่ำไร ความทุกข์

ความโทมนัสและความคับแค้นใจได้

เธอทั้งหลายจงฟังยาสำรอกนั้น

จงใส่ใจให้ดี เราจักกล่าว


ออฟไลน์ ซุปเปอร์เบื๊อก

  • ต้นกล้า
  • **
  • กระทู้: 67
  • พลังกัลยาณมิตร 21
    • ดูรายละเอียด

ภิกษุเหล่านั้นทูลรับพระผู้มีพระภาคแล้ว

พระผู้มีพระภาคได้ตรัสว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย

ยาสำรอกอันเป็นของพระอริยะ ที่สำเร็จผลอย่างเดียว

ไม่เสียผล ที่สัตว์ทั้งหลายผู้มีความเกิดเป็นธรรมดาอาศัยแล้ว

ย่อมพ้นจากความเกิด ฯลฯ ความโศก ความร่ำไร ความทุกข์

ความโทมนัสและความคับแค้นใจ เป็นไฉน


ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้มีความเห็นชอบ

ย่อมสำรอกความเห็นผิดได้

และสำรอกอกุศลธรรมอันลามกมิใช่น้อยที่เกิดขึ้น

เพราะความเห็นผิดเป็นปัจจัย

ส่วนกุศลธรรมมิใช่น้อยถึงความเจริญบริบูรณ์

เพราะความเห็นชอบเป็นปัจจัย ฯ

ออฟไลน์ ซุปเปอร์เบื๊อก

  • ต้นกล้า
  • **
  • กระทู้: 67
  • พลังกัลยาณมิตร 21
    • ดูรายละเอียด

             ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้มีความดำริชอบ

ย่อมสำรอกความดำริผิดได้ ... ฯ

             ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้มีการเจรจาชอบ

ย่อมสำรอกการเจรจาผิดได้ ... ฯ

             ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้มีการงานชอบ

ย่อมสำรอกการงานผิดได้ ... ฯ

             ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้มีการเลี้ยงชีพชอบ

ย่อมสำรอกการเลี้ยงชีพผิดได้ ... ฯ

             ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้มีความพยายามชอบ

ย่อมสำรอกความพยายามผิดได้ ... ฯ

             ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้มีความระลึกชอบ

ย่อมสำรอกความระลึกผิดได้ ... ฯ

             ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้มีความตั้งใจชอบ

ย่อมสำรอกความตั้งใจผิดได้ ... ฯ

             ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้มีความรู้ชอบ

ย่อมสำรอกความรู้ผิดได้ ... ฯ


ออฟไลน์ ซุปเปอร์เบื๊อก

  • ต้นกล้า
  • **
  • กระทู้: 67
  • พลังกัลยาณมิตร 21
    • ดูรายละเอียด

             ดูกรภิกษุทั้งหลาย

บุคคลผู้มีความหลุดพ้นชอบ

ย่อมสำรอกความหลุดพ้นผิดได้

และสำรอกอกุศลธรรมอันลามกมิใช่น้อย

ที่เกิดขึ้นเพราะความหลุดพ้นผิดเป็นปัจจัยได้

ส่วนกุศลธรรมมิใช่น้อย ย่อมถึงความเจริญบริบูรณ์

เพราะความหลุดพ้นชอบเป็นปัจจัย ฯ


             ดูกรภิกษุทั้งหลาย

ยาสำรอกอันเป็นอริยะนี้แล ย่อมสำเร็จผลอย่างเดียว

ไม่เสียผล ที่สัตว์ทั้งหลายผู้มีความเกิดเป็นธรรมดา

อาศัยแล้ว ย่อมพ้นจากความเกิด

ผู้มีความแก่เป็นธรรมดา ย่อมพ้นจากความแก่

ผู้มีความตายเป็นธรรมดา ย่อมพ้นจากความตาย

ผู้มีความโศก ความร่ำไร ความทุกข์ ความโทมนัส

และความคับแค้นใจเป็นธรรมดา

ย่อมพ้นจากความโศก ความร่ำไร ความทุกข์

ความโทมนัส และความคับแค้นใจได้ ฯ


จบสูตรที่ ๙

เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๔ บรรทัดที่ ๕๐๔๖ - ๕๐๙๐. หน้าที่ ๒๑๗ - ๒๑๙.
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka2/v.php?B=24&A=5046&Z=5090&pagebreak=0             
ศึกษาอรรถกถานี้ ได้ที่ :- http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=24&i=109

ออฟไลน์ ซุปเปอร์เบื๊อก

  • ต้นกล้า
  • **
  • กระทู้: 67
  • พลังกัลยาณมิตร 21
    • ดูรายละเอียด
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๖  พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๘
สังยุตตนิกาย นิทานวรรค

อวิชชาปัจจยสูตรที่ ๑

             [๑๒๘] พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระเชตวัน
 
อารามของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี เขตพระนครสาวัตถี ...

พระผู้มีพระภาคได้ตรัสว่า ดูกร ภิกษุทั้งหลาย

เพราะอวิชชาเป็นปัจจัย จึงมีสังขาร

เพราะสังขารเป็นปัจจัย จึงมีวิญญาณ ฯลฯ

ความเกิดขึ้นแห่งกองทุกข์ทั้งมวลนี้

ย่อมมีด้วยประการอย่างนี้ ฯ


             [๑๒๙] เมื่อพระผู้มีพระภาคตรัสอย่างนี้แล้ว

ภิกษุรูปหนึ่งทูลถามพระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ

ชรามรณะเป็นไฉน และชรามรณะนี้เป็นของใคร

พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า ตั้งปัญหายังไม่ถูก

ดูกรภิกษุ ผู้ใดพึงกล่าวว่า ชรามรณะเป็นไฉน

และชรามรณะนี้เป็นของใคร หรือพึงกล่าวว่า

ชรามรณะเป็นอย่างอื่น และชรามรณะนี้เป็นของผู้อื่น

คำทั้งสองของผู้นั้นมีเนื้อความอย่างเดียวกัน

ต่างแต่พยัญชนะเท่านั้น ดูกรภิกษุ เมื่อมีทิฐิว่า

ชีพก็อันนั้น ความอยู่ประพฤติพรหมจรรย์ย่อมไม่มี

หรือว่าเมื่อมีทิฐิว่า ชีพอย่างหนึ่งสรีระอย่างหนึ่ง

ความอยู่ประพฤติพรหมจรรย์ย่อมไม่มี


ดูกรภิกษุ ตถาคตย่อมแสดงธรรมโดยสายกลาง

ไม่ข้องแวะส่วนสุดทั้งสองนั้นดังนี้ว่า เพราะชาติ

เป็นปัจจัย จึงมีชรามรณะ ฯ

ออฟไลน์ ซุปเปอร์เบื๊อก

  • ต้นกล้า
  • **
  • กระทู้: 67
  • พลังกัลยาณมิตร 21
    • ดูรายละเอียด
             [๑๓๐] ภิกษุรูปหนึ่งทูลถามว่า

ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ชาติเป็นไฉนและชาตินี้เป็นของใคร

พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า ตั้งปัญหายังไม่ถูก

ดูกรภิกษุ ผู้ใดพึงกล่าวว่า ชาติเป็นไฉน

และชาตินี้เป็นของใคร หรือพึงกล่าวว่า

ชาติเป็นอย่างอื่น และชาตินี้เป็นของผู้อื่น

คำทั้งสองของผู้นั้น มีเนื้อความอย่างเดียวกัน

ต่างแต่พยัญชนะเท่านั้น


ดูกรภิกษุ เมื่อมีทิฐิว่า ชีพก็อันนั้น สรีระก็อันนั้น

ความอยู่ประพฤติพรหมจรรย์ย่อมไม่มี

หรือว่าเมื่อมีทิฐิว่า ชีพอย่างหนึ่ง สรีระอย่างหนึ่ง

ความอยู่ประพฤติพรหมจรรย์ย่อมไม่มี

ดูกรภิกษุ ตถาคตแสดงธรรมโดยสายกลาง

ไม่ข้องแวะส่วนสุดทั้งสองนั้น

ดังนี้ว่า เพราะภพเป็นปัจจัยจึงมีชาติ ฯ

ออฟไลน์ ซุปเปอร์เบื๊อก

  • ต้นกล้า
  • **
  • กระทู้: 67
  • พลังกัลยาณมิตร 21
    • ดูรายละเอียด
             [๑๓๑] ภิกษุรูปหนึ่งทูลถามว่า

ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ภพเป็นไฉนและภพนี้เป็นของใคร

พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า ตั้งปัญหายังไม่ถูก

ดูกรภิกษุ ผู้ใดพึงกล่าวว่า ภพเป็นไฉน

และภพนี้เป็นของใคร หรือพึงกล่าวว่า

ภพเป็นอย่างอื่น และภพนี้เป็นของผู้อื่น

คำทั้งสองของผู้นั้น มีเนื้อความอย่างเดียวกัน

ต่างกันแต่พยัญชนะเท่านั้น


ดูกรภิกษุ เมื่อมีทิฐิว่า ชีพก็อันนั้น สรีระก็อันนั้น

ความอยู่ประพฤติพรหมจรรย์ย่อมไม่มี

หรือเมื่อมีทิฐิว่า ชีพอย่างหนึ่ง สรีระอย่างหนึ่ง

ความอยู่ประพฤติพรหมจรรย์ย่อมไม่มี

ดูกรภิกษุ ตถาคตย่อมแสดงธรรมโดยสายกลาง

ไม่ข้องแวะส่วนสุดทั้งสองนั้น ดังนี้ว่า

เพราะอุปาทานเป็นปัจจัย จึงมีภพ ...

เพราะตัณหาเป็นปัจจัย จึงมีอุปาทาน ...

เพราะเวทนาเป็นปัจจัย จึงมีตัณหา ...

เพราะผัสสะเป็นปัจจัย จึงมีเวทนา ...

เพราะสฬายตนะเป็นปัจจัย จึงมีผัสสะ ...

เพราะนามรูปเป็นปัจจัย จึงมีสฬายตนะ ...

เพราะวิญญาณเป็นปัจจัย จึงมีนามรูป ...

เพราะสังขารเป็นปัจจัย จึงมีวิญญาณ ... ฯ

ออฟไลน์ ซุปเปอร์เบื๊อก

  • ต้นกล้า
  • **
  • กระทู้: 67
  • พลังกัลยาณมิตร 21
    • ดูรายละเอียด
             [๑๓๒] ภิกษุรูปหนึ่งทูลถามว่า

ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ สังขารเป็นไฉน

และสังขารนี้เป็นของใคร

พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า ตั้งปัญหายังไม่ถูก

ดูกรภิกษุ ผู้ใดพึงกล่าวว่า สังขารเป็นไฉน

และสังขารนี้เป็นของใคร หรือพึงกล่าวว่า

สังขารเป็นอย่างอื่น และสังขารนี้เป็นของผู้อื่น

คำทั้งสองของผู้นั้น มีเนื้อความอย่างเดียวกัน

ต่างกันแต่พยัญชนะเท่านั้น


ดูกรภิกษุ เมื่อมีทิฐิว่าชีพก็อันนั้น สรีระก็อันนั้น

ความอยู่ประพฤติพรหมจรรย์ย่อมไม่มี

หรือเมื่อมีทิฐิว่า ชีพอย่างหนึ่ง สรีระอย่างหนึ่ง

ความอยู่ประพฤติพรหมจรรย์ย่อมไม่มี


ดูกรภิกษุ ตถาคตย่อมแสดงธรรมโดยสายกลาง

ไม่ข้องแวะส่วนสุดทั้งสองนั้น ดังนี้ว่า

เพราะอวิชชาเป็นปัจจัย จึงมีสังขาร ฯ


             [๑๓๓] ดูกรภิกษุ ทิฐิไม่ว่าชนิดใดชนิดหนึ่ง

ที่เป็นข้าศึก อันบุคคลเสพผิด ส่ายหาไปว่า

ชราและมรณะเป็นไฉน และชรามรณะนี้เป็นของใคร

หรือว่าชรามรณะเป็นอย่างอื่น

และชรามรณะเป็นของผู้อื่น ว่าชีพก็อันนั้น สรีระก็อันนั้น

หรือว่าชีพอย่างหนึ่ง สรีระอย่างหนึ่ง

ทิฐิเหล่านั้นทั้งสิ้น อันอริยสาวกนั้นละได้แล้ว

ตัดรากขาดแล้ว กระทำให้เป็นดังตาลยอดด้วน

ถึงความไม่มี มีอันไม่เกิดอีกต่อไปเป็นธรรมดา

เพราะอวิชชาดับด้วยสำรอกโดยไม่เหลือ ฯ