กรรมเป็นของเฉพาะตน ผู้ใดทำกรรมไว้ ย่อมได้รับผลแห่งกรรมนั้นตามเหตุปัจจัยที่ตนเองเป็นผู้กระทำ ผู้ฉลาดจึงรู้จักเลือกทำแต่สิ่งที่ดีที่จะช่วยให้ตนเองประสบแต่ความสุขความเจริญ ส่วนผู้ที่มืดบอด ย่อมหลงทำกรรมชั่วต่างๆ มากมาย ในที่สุดก็ย่อมพบกับความทุกข์ความเดือดร้อนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ต่อไปนี้ก็เป็นอีกกรณีหนึ่งของคนที่เคยมืดบอดจนทำให้เขาเกือบเอาชีวิตไม่รอด ณ หมู่บ้านแห่งหนึ่งในอำเภอสตึก จังหวัดบุรีรัมย์ มีครอบครัวอยู่ครอบครัวหนึ่ง มีลูกชายชื่อว่า “แสง” เขาเป็นลูกคนเดียว จึงได้รับการดูแลเอาใจใส่เป็นอย่างดีจากครอบครัว พ่อพยายามถ่ายทอดความรู้ต่างๆ ที่ตนมีอยู่ให้แก่ลูกอย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นการจักสาน ทำไร่ ไถนา รวมไปถึงการจับปลาล่าสัตว์ต่างๆ ด้วย ซึ่งเป็นอาชีพที่ตัวเองถนัด
พ่อของแสงไม่เคยคิดหรอกว่า สิ่งที่เขาถ่ายทอดให้แก่ลูกนั้น บางอย่างเป็นสิ่งที่ดีมีประโยชน์ แต่บางอย่างมันจะกลายเป็นพิษเป็นภัยต่อลูกชายของตัวเอง ความจริงการทำกรรมต่างๆ นั้น อาจจะให้ผลไม่เหมือนกัน คือ บางคนทำแล้วให้ผลเร็ว บางคนทำแล้วให้ผลช้า นั่นก็เพราะกรรมเก่าที่แต่ละคนทำไว้ไม่เหมือนกัน บางคนที่ทำกรรมดีไว้มาก หากในปัจจุบันทำกรรมชั่ว แต่ว่ายังไม่เป็นกรรมชั่วที่หนักมาก ก็อาจจะยังไม่ได้รับผลของกรรมชั่วในปัจจุบันก็เป็นได้ แต่สำหรับบางคนที่ทำกรรมดีมาน้อย กรรมชั่วที่ทำก็จะให้ผลเร็วมากขึ้น เป็นต้น
ในกรณีพ่อของแสง และตัวของแสงก็เช่นเดียวกัน พ่อก็เคยฆ่าสัตว์ตัดชีวิตมาหลายปี แต่ยังไม่ได้รับผลกรรมที่ทำมากนัก อาจเป็นเพราะเขาเคยทำกรรมดีไว้มาก กรรมชั่วจึงยังตามมาสนองไม่ทันนั่นเอง แต่หากวันหนึ่งวันใด ความดีลดน้อยลง กรรมชั่วย่อมตามสนองอย่างแน่นอน พ่อของแสงได้พยายามถ่ายทอดวิชาการจับสัตว์ด้วยวิธีการต่างๆ ให้กับลูกชาย กระทั่ง 2-3 ปีผ่านไป แสงก็ได้กลายเป็นผู้เชี่ยวชาญในการจับสัตว์ขึ้นมาโดยอัตโนมัติ ไม่ว่าจะเป็นปลา หนู สัตว์ใหญ่สัตว์เล็กทั้งหลาย
คืนวันหนึ่งในช่วงฤดูฝน เกิดฝนตกหนักมาก เวลาเช่นนี้หากเป็นคนในเมืองก็คงนอนหลับพักผ่อนที่บ้านอย่างสบายใจ แต่สำหรับชาว ไร่ชาวนาแล้ว ฝนตกเป็นช่วงเวลาที่ต้องออกหากิน จับปลา จับกบ ฯลฯ และอาวุธสำคัญที่ต้องนำติดตัวไปก็คือ “ฉมวก” ซึ่งเป็นเครื่องมือแทงปลา มีด้ามยาว ที่ปลายข้างหนึ่งมีเหล็กแหลมๆอันเดียว หรือเป็นเหล็กแหลมสามง่าม หรือห้าง่าม ไว้สำหรับพุ่งเสียบปลา แสงสามารถใช้ฉมวกได้อย่างชำนาญ เขาใช้ฉมวกแทงปลาได้อย่างไม่พลาดเลยสักตัวเดียว ในคืนวันที่แสงออกไปหาปลา เขาเจอปลาช่อนมากมาย เขารู้สึกสนุกกับการใช้ฉมวกแทงปลา และแทงได้เยอะมาก ปลาที่ถูกแทงนั้นมีรอยฉมวกแทงทะลุท้องทุกตัว !!
เมื่อกลับบ้าน คนที่บ้านก็ดีใจที่แสงสามารถหาปลามาได้มากมาย แต่หารู้ไม่ว่า สิ่งที่เขาทำลงไปนั้น มันเป็นกรรมที่จะสะท้อนกลับมาหาตัวเขาเอง เพราะปลาจำนวนมากเหล่านั้นมันคงทุกข์ทรมานที่ถูกฉมวกแทงทะลุตั้งแต่หลังถึงท้อง และกว่าจะตายก็คงทรมานไม่น้อยเลยทีเดียว เมื่อเป็นเช่นนั้น มันก็คงจะอาฆาตแค้นแสงไม่น้อย แต่แสงก็ไม่ได้เชื่อเรื่องของเวรกรรม เพราะเขาเคยฆ่าสัตว์ตัดชีวิตมามากมาย หากเวรกรรมมีจริง ทำไมเขาจึงไม่เคยเป็นอะไรเลย โรคภัยไข้เจ็บก็ไม่มี อุบัติเหตุต่างๆ ก็ไม่เคยพบ เมื่อเป็นเช่นนี้เขาจึงเกิดความประมาท ไม่สั่งสมบุญกุศลอะไรไว้เลย
วันหนึ่งกฎแห่งกรรมก็ตามมาทัน... ในช่วงฤดูร้อนที่มะม่วงกำลังออกผลเต็มต้น ที่บ้านของแสงมีมะม่วงอยู่หลายต้น แสงอยากจะกินมะม่วง แต่ต้นมันสูงเหลือเกิน เขาจึงต้องปีนขึ้นไปเก็บบนต้นมะม่วง เมื่อขึ้นไปสูงแล้ว เขาเพิ่งนึกได้ว่า ลืมเอาถุงหรือตะกร้าขึ้นไปใส่มะม่วงด้วย เขาจึงใช้เสื้อของตัวเองเป็น ที่ใส่มะม่วง โดยใช้ปากคาบชายเสื้อด้านล่างขึ้นมาให้เป็นเหมือนถุง แล้วเก็บมะม่วงใส่ลงไป คิดว่าได้สัก 10-20 ลูกแล้วจะลงมา
แต่แล้วเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น ช่วงที่กำลังเก็บมะม่วงอย่างเพลิดเพลินอยู่นั้น เท้าของเขาก็เหยียบกิ่งไม้พลาด ขณะที่มือก็กำลังคว้าเด็ดลูกมะม่วง ความที่กลัวมะม่วงในเสื้อจะหล่น เขาจึงพยายามเหนี่ยวกิ่งไม้เพื่อพยุงตัว แต่ในที่สุดก็ไม่สามารถประคองตัวอยู่ได้ แสงพลัดตกจากต้นมะม่วง ร่างของเขาลอยละลิ่วลงมาเสียบกับรั้วเหล็กด้านล่าง เหล็กแหลมเสียบจากท้องทะลุไปข้างหลัง เลือดสดๆไหลทะลักออกมาไม่หยุด!! สภาพของเขาตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับปลาที่เขาเคยใช้ฉมวกแทง แสงรู้สึกเจ็บปวดทุกข์ทรมานมาก พยายามตะโกนร้องให้คนช่วยจนหมดแรง แต่ก็ไม่มีใครได้ยิน
แสงต้องทนทุกข์ทรมานอยู่อย่างนั้นเกือบ 30 นาที จึงมีคนเดินผ่านมาเห็น และเรียกให้คนอื่นๆมาช่วย แต่กว่าจะนำเหล็กที่เสียบออกได้ก็ทุลักทุเลทีเดียว และในระหว่างที่ผู้คนกำลังช่วยตัดเหล็กที่เสียบท้องของแสงอยู่นั้น ในจิตใต้สำนึกของเขาก็แวบขึ้นมาถึงกรรมเก่าที่ตัวเองเคยทำไว้ เขานึกถึงปลาจำนวนมากมายที่เขาเคยใช้ฉมวกแทงมันจนทะลุ เขาคิดอยู่ในใจเสมอว่า ที่เขาต้องมาโดนเสียบอยู่แบบนี้ จะต้องเป็นเพราะกรรมที่เขาทำไว้อย่างแน่นอน โชคดีที่แสงยังไม่ถึงคราวตาย เขารอดชีวิตจากเหตุการณ์ในครั้งนั้น แต่อย่างไรก็ตาม แผลที่อยู่ที่ท้องของเขายังคอยเตือนเขาอยู่เสมอว่า หากทำกรรมใดไว้ กรรมนั้นก็ย่อมตามสนองผู้กระทำนั่นเอง
ทุกวันนี้แสงพยายามลดการฆ่าสัตว์ตัดชีวิตให้น้อยลง และทำบุญสุนทานไปให้กับเจ้ากรรมนายเวรที่เขาเคย กระทำไว้ในอดีตให้มากขึ้น
นี่แหละคืออำนาจของกรรมที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ จงหมั่นทำกรรมดีไว้ให้มากๆ อย่างน้อยที่สุดกรรมชั่วที่เคยทำไว้ในอดีต ก็จะให้ผลเบาบางลง เหมือนกับน้ำขุ่นที่อยู่ในแก้ว หากเติมน้ำดีลงไปมากๆ น้ำนั้นก็ย่อมกลายเป็นน้ำที่ใสสะอาดขึ้นมาได้ แต่จะให้ใสร้อยเปอร์เซ็นคงเป็นไปไม่ได้ กรรมชั่วที่ทำไว้ในอดีตก็เช่นเดียวกัน