ริมระเบียงรับลมโชย > รับสายลมเย็นหน้าระเบียง
รวบรวมเรื่อง "เงิน" กับ "ทอง"
sithiphong:
6 รายการรูดบัตรสุดเสี่ยง ควรเลี่ยงถ้าไม่อยากเป็นหนี้หัวโต
-http://money.kapook.com/view113034.html-
รูดบัตรเครดิตไม่ให้เป็นหนี้ ก็ต้องรู้วิธีที่ถูกต้อง ด้วยข้อห้ามของการรูดบัตรเครดิต รู้ไว้จะได้เลี่ยงซะ !
บัตรเครดิตมีประโยชน์หลายอย่าง เช่น ยืดเวลาในการใช้จ่ายเงินสด นำคะแนนสะสมไปแลกเป็นส่วนลดหรือสิทธิพิเศษ ช่วยอำนวยความสะดวกในการชำระค่าสาธารณูปโภค รวมถึงยังเป็นตัวสร้างคะแนนเครดิตชั้นดี ที่จะนำไปสู่ความน่าเชื่อถือในการกู้ยืมต่าง ๆ ด้วย อย่างไรก็ตามการใช้บัตรเครดิตอย่างผิดวิธีก็อาจโยนคุณไปสู่หุบเหวของความหายนะได้ และด้วยเหตุนี้เราจึงควรคิดให้ดีก่อนรูดบัตร โดยเฉพาะ 6 สิ่งดังต่อไปนี้ ที่เราควรหลีกเลี่ยงการจ่ายด้วยบัตรเครดิตจะดีกว่า..
1. ค่าผ่อนบ้าน
แม้ว่านี่จะเป็นทางออกในยามฉุกเฉิน แต่ก็ไม่ใช่ไอเดียที่ดีแน่ ๆ ที่จะจ่ายค่าผ่อนบ้านหรือค่าเช่าบ้านด้วยบัตรเครดิต เพราะหลักการง่าย ๆ ก็คือ การจ่ายหนี้ใด ๆ ด้วยการสร้างหนี้อีกอันหนึ่งขึ้นมา จะสร้างปัญหาให้ตามมาอย่างไม่มีวันจบนั่นเอง
2. ค่ารักษาพยาบาล
ค่ารักษาพยาบาลที่สูงลิ่วจนคุณต้องจ่ายด้วยการรูดบัตร จะนำมาซึ่งหนี้ค้างชำระและดอกเบี้ยจำนวนมาก ที่อาจทำให้จ่ายบิลไม่ไหวเช่นกัน แถมหากคุณไม่สามารถจะชำระค่าใช้จ่ายได้ตรงเวลา อัตราดอกเบี้ยก็สูงขึ้นอีกจนจ่ายเท่าไรก็ไม่ลด พาให้เสียเครดิตไปหมด
3. ค่าเทอม
แม้ว่าการศึกษาจะเป็นเรื่องสำคัญ แต่การจ่ายค่าเทอมด้วยบัตรเครดิตจะส่งผลร้ายมากกว่าผลดี เพราะโดยส่วนใหญ่เมื่อตัดสินใจใช้บัตรเครดิตนั่นหมายถึงคุณอาจมีเงินสำรองไม่เพียงพอ ลองคิดสิว่าถ้าเกิดถึงกำหนดจ่ายบัตร แล้วคุณหาเงินก้อนมาจ่ายเต็มจำนวนไม่ทัน ดอกเบี้ยจะแพงหูฉี่ขนาดไหน !
4. การพนัน
หากคุณไม่ได้ถือเงินสดไว้ในมือ อาจมองไม่เห็นว่าเสียเงินไปกับการพนันเท่าไรแล้ว และด้วยเหตุนี้การใช้บัตรเครดิตเพื่อจ่ายค่าเกมการพนันต่าง ๆ จึงเป็นไอเดียที่แย่สุด ๆ ทางที่ดีไม่ควรเล่นการพนันตั้งแต่แรกจะง่ายกว่านะ
5.งานแต่งงาน
เงินทุกบาททุกสตางค์ที่คุณจ่ายไปในสินค้าและบริการที่เกี่ยวข้องกับการแต่งงาน จะให้สิ่งตอบแทนเป็นดอกเบี้ยจำนวนมหาศาล นอกจากนี้คุณยังอาจเผลอใช้จ่ายเกินวงเงินเพื่อพิธีแต่งงานในฝัน รู้ตัวอีกทีอาจปวดหัวกับยอดหนี้จนต้องกุมขมับ เชื่อสิ..แต่งงานพร้อมหนี้แบบนี้ไม่ดีมั้ง
6. ค่าใช้จ่ายเล็ก ๆ น้อย ๆ
คุณอาจคิดว่าการรูดการ์ดในค่าใช้จ่ายเล็ก ๆ น้อย ๆ อาจไม่ใช่เรื่องหนักหนาอะไร แต่นั่นอาจเป็นสาเหตุให้คุณไม่ได้ตระหนักว่ามันรวมกันเป็นเท่าไรแล้ว อย่างเช่น คุณอาจจะรูดซื้อสินค้าและบริการครั้งละ 300-500 บาท ซึ่งเมื่อรวมกันตอนปลายเดือนอาจถึง 10,000 บาทได้ ซึ่งหากคุณไม่สามารถจ่ายยอดเต็มได้ รับรองจ่ายดอกเบี้ยจนกระเป๋าแบนแน่ ๆ
อันที่จริงการมีบัตรเครดิตสามารถอำนวยความสะดวกและช่วยเป็นหลักฐานทางเครดิตได้ ดังนั้นจะใช้จ่ายอะไรก็ระมัดระวังและอย่าให้เกินตัว จะได้ใช้บัตรเครดิตอย่างคุ้มค่าไม่เป็นหนี้จ้า
http://money.kapook.com/view113034.html
.
sithiphong:
บ้านมือสอง เลือกซื้ออย่างไรดี!
-http://home.sanook.com/3417/-
การซื้อบ้านมือสองนั้นสะดวกสบายเพราะพร้อมเข้าอาศัย คุณไม่ต้องรอโครงการก่อสร้างเสร็จ สามารถเข้าดูสภาพบ้านและมั่นใจได้ว่าบ้านมีอยู่จริง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็มีความเสี่ยงหลายประการ เช่นว่าเจ้าของบ้านอาจให้ข้อมูลไม่ครบ ทำให้เกิดความเสียหายตามมา การซื้อบ้านสักหลังเป็นเรื่องใหญ่ คุณอาจต้องใช้เงินเก็บกว่าครึ่งชีวิตในการซื้อ เพราะฉะนั้นจำเป็นต้องดำเนินการด้วยความระมัดระวัง วันนี้จึงมาแนะนำว่าคุณควรตรวจสอบอะไรบ้างเวลาต้องการซื้อบ้านมือสอง
1. ราคาและเงื่อนไข
ในการซื้อขายบ้านนั้นคุณต้องจ่ายภาษี ควรทำข้อตกลงกันให้ชัดเจนว่าตัวภาษีใครต้องเป็นผู้จ่าย เฟอร์นิเจอร์ในบ้านรวมอยู่ในราคานี้ด้วยหรือไม่ หลายครั้งที่ผู้ขายรับปากว่าจะให้เฟอร์นิเจอร์ เครื่องปรับอากาศ แต่เอาเข้าจริงกลับขนออกไปจนหมดบ้าน คุณควรระวังและทำข้อตกลงให้ชัดเจนเป็นลายลักษณ์อักษร และยังมีเรื่องประกันที่ต้องสอบถาม อีกทั้งเรื่องโฉนดที่ดิน คุณควรถามให้แน่ใจว่าตัวโฉนดไม่ได้ติดจำนอง หากติดจำนองก็ต้องถามว่าสามารถไถ่ถอนมาให้ได้หรือไม่ และต้องตรวจเช็คใบอนุญาตก่อสร้างให้ถี่ถ้วน หากชื่อเจ้าของอาคารเป็นคนละคนกับเจ้าของที่ ก็ต้องให้เขาทำเรื่องแจ้งย้ายออก คุณควรปฏิบัติการอย่างรอบคอบที่สุดเพราะเงินที่คุณต้องจ่ายไม่ใช่จำนวนน้อยๆ อาจต้องขอกู้ยืมสินเชื่อบ้านมาซื้อและติดหนี้กับทางธนาคารด้วยซ้ำ
2. ประวัติบ้าน
ข้อมูลที่คุณควรถามคือข้อมูลของผู้รับเหมาก่อสร้าง ก่อสร้างในปีใด และสามารถติดต่อผู้รับเหมาได้หรือไม่ เพื่อที่จะตรวจสอบได้ว่าผู้รับเหมามีใบอนุญาตไหม พิมพ์เขียวนั้นถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ ซึ่งเนื่องจากว่าเจ้าของอาจให้ข้อมูลไม่หมด คุณสามารถลองเลียบเคียงถามข้อมูลเพิ่มเติมจากผู้ที่อาศัยอยู่ในละแวกนั้นดู ทั้งประวัติเจ้าของบ้านและข้อมูลจิปาถะเพื่อความสบายใจ
3. สภาพบ้าน
สภาพของบ้านเป็นเรื่องสำคัญไม่แพ้กัน อย่างแรกที่คุณควรสำรวจดูคือสิ่งแวดล้อมว่าบ้านตั้งอยู่ในจุดที่เสี่ยงน้ำท่วมหรือไม่ มีมลพิษเยอะแค่ไหน มีมลภาวะจากเสียงไหม เช่นตั้งอยู่ใกล้โรงงานอุตสาหกรรมทำให้มีระดับมลพิษสูง หรือมีกลิ่นไม่พึงประสงค์หรือเปล่า
ตัวบ้านนั้นต้องไม่เอียง คุณควรตรวจสอบคานและพื้นว่าไม่มีการแอ่นตัว และตรวจหาร่องรอยการซ่อมแซมให้ละเอียด ผนังบ้านมีรอยร้าวไหม เป็นรอยร้าวแบบที่อันตรายหรือเปล่า หากมีรอยร้าวก็เป็นไปได้ว่าอาจก่อให้เกิดอันตราย หากคุณไม่สามารถทำได้เพราะไม่มีความรู้ทางด้านนี้ก็ควรหาสถาปนิกหรือวิศวกร มาช่วยดูได้เช่นกันว่าบ้านที่คุณคิดจะซื้อนั้นยังมีโครงสร้างที่แข็งแรงดี อยู่หรือไม่
หากมีคำถามสามารถติดต่อเราได้ที่ www.moneyguru.co.th หรือ info@moneyguru.co.th
sithiphong:
7 นิสัยที่ทำให้คุณกลายเป็นเศรษฐีอย่างรวดเร็ว
-http://money.sanook.com/254749/-
เรามักจะเห็น เศรษฐี ทั้งหลายมีเงินมากมาย มีชีวิตที่ดี สมบูรณ์พูนสุข จนบางครั้งแอบนึกอิจฉา ส่วนหนึ่งนั้นมาจากหน้าที่การงานที่พวกเขาทำ แต่สิ่งสำคัญกว่านั้น คือ “นิสัย” ต่างหากครับ
ในความเป็นจริงแล้ว ความร่ำรวยนั้นไม่ได้มาจากโชคหรือโอกาส แต่มันมาจากนิสัยบางอย่างที่เราทุกคนทำซ้ำๆในทุกวันของชีวิต และวันนี้ @TAXBugnoms ได้รวบรวมข้อมูลมาให้อ่านกันว่า … นิสัย 7 อย่างที่ว่านั้น มันมีอะไรบ้าง
1. ตั้งเป้าของความสำเร็จไว้ล่วงหน้า
เศรษฐีส่วนใหญ่มักจะมองเห็นเป้าหมายของตัวเองว่า “อยากจะทำอะไร” เราต้องยอมรับความจริงก่อนว่า ความร่ำรวย ที่เกิดขึ้นมานั้นไม่ได้เกิดจากความบังเอิญ แต่มันเกิดจากการสร้างตามเป้าหมายที่เราวางไว้
ดังนั้นถ้าหากคุณอยากเป็นเศรษฐี ลองถามตัวเองก่อนดีไหมครับว่า “เป้าหมายของเราคืออะไร” และที่สำคัญ ต้องไม่ใช่แค่คำว่า “อยากรวย” “อยากสบาย” “อยากมีเงินใช้” แต่มันต้องเป็นเป้าหมายที่ชัดเจนและวัดผลได้ต่างหากครับ ตัวอย่างเช่น “ฉันจะมีเงิน 1 ล้านใน 5 ปีต่อจากนี้ โดยวิธีการสร้างรายได้เพิ่มจากการทำธุรกิจออนไลน์”
2. จับจ้องในเป้าหมายทุกๆวัน
เมื่อตั้งเป้าหมายแล้ว สิ่งสำคัญต่อมาคือการจับจ้องหรือ Focus ไปที่เป้าหมาย ใช้พลังและความคิดสร้างสรรค์ที่เรามีเพื่อให้รู้ว่า เราจะไปถึงเป้าหมายได้อย่างไร อย่างเช่น ถ้าเราบอกตัวเองว่าอยากทำธุรกิจออนไลน์ เราต้องรู้ด้วยว่าเราจะทำธุรกิจออนไลน์แบบไหน อย่างไร และทำยังไงบ้าง
สำหรับเรื่องนี้ Brian Tracy นักสร้างแรงบันดาลใจชื่อดังเคยบอกไว้ว่า..
เศรษฐีนั้นไม่ใช่คิดถึงเป้าหมายทุกเดือนหรือทุกวัน
แต่พวกเขาเหล่านั้นคิดถึงเป้าหมายและความก้าวหน้าในทุกๆชั่วโมงเลยทีเดียว
3. ใช้ให้น้อยกว่าที่หาได้
อุปนิสัยที่สำคัญสำหรับเศรษฐีอีกข้อหนึ่งคือ “ใช้ให้น้อยกว่าที่หาได้” และที่สำคัญกว่านั้นคือ “ต้องมีวินัยในการออม” ไปพร้อมๆกัน ไม่ใช่พอมีรายได้เพิ่มขึ้นแล้วจะกลายเป็นหน้าใหญ่ใจโต ซื้อของโก้หรูมาใช้ เปลี่ยนบ้านใหม่ รถใหม่ แต่เราต้องสร้างนิสัยที่ดีเรื่องการเงินไว้ล่วงหน้าต่างหากครับ
4. สร้างคุณค่าในงานที่ทำ
เศรษฐีส่วนใหญ่จะสร้างคุณค่าในงานมากกว่าคนธรรมดาถึง 2-3 เท่า นั่นคือใส่ความตั้งใจลงไปในงานทุกชิ้นที่พวกเขาได้ลงมือทำ รวมถึงทุ่มเททำงานโดยที่ไม่ย่อท้อ และที่สำคัญไปกว่านั้น พวกเขายังเลือกสร้างคุณค่าในตัวเองด้วยการลงทุนในความรู้ตลอดเวลาอีกด้วย
5. ไม่เคยท้อแท้แม้จะไม่ถึงเป้าหมาย
แน่นอนว่าเราทุกคนไม่ใช่มนุษย์ขั้นเทพ ย่อมจะมีสิ่งที่ผิดพลาดและไม่ประสบความสำเร็จในระหว่างทางที่ก้าวเดิน ธุรกิจอาจจะเจ็ง เป้าหมายอาจจะพลาด แต่สำหรับคนที่มีคุณสมบัติเป็นเศรษฐีนั้น เมื่อผิดพลาดและผิดหวังจากสิ่งที่ทำ เขามักจะถามตัวเองเสมอว่า “เราได้เรียนรู้อะไรจากข้อผิดพลาดนั้นบ้าง” เมื่อได้คำตอบแล้ว ก็อย่าทำพลาดซ้ำสองอีก นี่แหละครับคือเหตุผลที่ทำให้เศรษฐีทั้งหลายไม่ยึดติดกับความผิดหวัง แต่มุ่งเป้าหมายไปยังความสำเร็จตลอดเวลา ชนิดที่เรียกว่า ไม่มีอะไรหยุดยั้งได้!!!
JK Rolling ผู้เขียนหนังสือชื่อดังอย่าง Harry Potter เคยโดนสำนักพิมพ์ปฎิเสธงานถึง 12 ครั้งก่อนที่จะได้รับการตีพิมพ์ แต่เธอไม่หยุดยั้งที่จะสร้างสรรค์ผลงาน เพราะเชื่อว่า…หนังสือเรื่องนี้คือเป้าหมายของชีวิต!!
6. เข้าใจความเสี่ยง
เรามักจะเห็นเศรษฐีหลายคนกล้าทำอะไรที่แหวกแนวกว่าคนอื่น จนบางครั้งอาจจะดูเหมือนกับคนบ้า แต่ที่จริงแล้วความสำเร็จที่ได้จากความบ้า นั้น มันเกิดจากความเข้าใจในเรื่องความเสี่ยงต่างหากครับ เพราะเมื่อไรที่เราเข้าใจความเสี่ยง เราจะมองเห็นภาพชัดเจนทั้งเรื่องของต้นทุนและความผิดพลาดที่อาจจะเกิดขึ้น ถ้าระดับความล้มเหลวเป็นที่ยอมรับได้ นั่นแหละคือสาเหตุที่เค้ากล้า แม้ว่าคนอื่นจะมองว่าบ้าก็ตาม
7. เป็นคนใจกว้าง และไม่เห็นแก่ตัว
หลายคนมักมีความเชื่อผิดๆว่า คนรวยคือคนที่เห็นแก่ตัว เบียดเบียนคนอื่น แต่ทว่าเศรษฐีที่แท้จริงนั้น เขาจะเป็นผู้สร้างคุณค่าให้กับผู้อื่นต่างหากครับ เพราะยิ่งเขามีเงินมากขึ้น เขายิ่งช่วยเหลือโลกนี้ได้มากขึ้น และที่สำคัญการสร้างความร่ำรวยทั้งหลายนั้น คือ การสร้างคุณค่าให้กับคนจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นความคิดอันทรงพลัง หรือผลงานที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมในวงกว้าง ถึงจะทำให้คนเหล่านั้นกลายเป็นเศรษฐีตัวจริง และที่สำคัญที่สุด คนเหล่านี้ไม่เคยคิดเห็นแก่ตัว … แต่คิดจะให้ผู้อื่นตลอดเวลามากกว่าครับ
สุดท้ายนี้ ผมเชื่อว่านิสัยที่ดีนั้น เราสร้างขึ้นมาได้จากการฝึกฝน ดังนั้นถ้าหากอยากเป็นเศรษฐี เรามาเริ่มต้นกันตั้งแต่วันนี้ดีไหมคร้าบบบบ
sithiphong:
8 ขั้นตอน ก่อนไปดู “บ้าน”
-http://home.sanook.com/3761/-
เนื่องจากในปัจจุบันทั้ง “บ้าน” “คอนโดมิเนียม” “ทาวเฮาส์” และ“ทาวโฮมส์” ผุดขึ้นกันเป็นดอกเห็ด จนผู้ที่ต้องการมีที่พักอาศัยเป็นของตนเองเลือกไม่ถูกว่าจะยอมควักกระเป๋าจ่ายเงินให้กับโครงการไหน
หรือแม้แต่การจัดช่วงเวลาพรีเซลล์ของโครงการที่พักอาศัยต่างๆ ที่เชิญชวนให้ผู้สนใจเข้าไปเยี่ยมชมตัวอย่าง “บ้าน” ก็มีขึ้นแทบทุกอาทิตย์ ว่าแต่สำหรับคนที่อยากมี “บ้าน” ควรเตรียมตัวไปดูสถานที่เหล่านั้นอย่างไรบ้าง
Sanook!Home เลยมี 10 ขั้นตอน เตรียมความพร้อมก่อนไปดู “บ้าน” มาฝากทุกๆ คน
1.หาข้อมูลล่วงหน้าจากเว็บไซต์ของโครงการต่างๆ ที่ตรงกับความต้องการของตนเอง ทั้งทำเล สภาพแวดล้อม สิ่งอำนวยความสะดวกใกล้เคียง เพื่อจะได้เลือกและจำกัดจำนวนการเข้าชมบ้านเฉพาะโครงการที่เหมาะสมกับเรามากที่สุด รวมถึงบ้านบางหลังก็มีข้อมูลออนไลน์แบบที่คุณสามารถมองเห็นภาพบ้านผ่านจากอินเทอร์เน็ต หรือมือถือของคุณได้เลย
2.หากต้องการใช้บริการนายหน้า ควรเลือกนายหน้าที่รู้และเข้าใจว่าคุณต้องการอะไร และพร้อมเสมอที่จะพาคุณเข้าไปชมบ้าน
3.เมื่อจะเข้าชมที่อยู่อาศัยที่ใดสักแห่งหนึ่ง คุณควรเตรียมอุปกรณ์บันทึกภาพเช่นสมาร์ทโฟน แทบเล็ต กล้องถ่ายภาพดิจิตอล รวมถึงเม็มโมรี่การ์ดที่มีความจุเพียงพอสำหรับการถ่ายภาพจำนวนมาก และที่ขาดไม่ได้เลยคือแบตเตอรี่สำรอง เพราะคุณจะต้องถ่ายภาพบ้านให้ละเอียดทุกซอก ทุกมุม
4.เมื่อไปถึงสถานที่นั้นๆ ให้ถ่ายภาพตั้งแต่ด้านนอก ด้านหน้าโครงการเพื่อใช้ในการแยกแยะว่าบ้านหรือคอนโดมิเนียมนี้เป็นของโครงการไหน ถ่ายตั้งแต่ชื่อโครงการ เลขที่ห้อง หรือสัญลักษณ์อะไรก็ได้ที่สามารถแบ่งแยกแต่ละโครงการได้อย่างชัดเจน
5.นอกจากภาพถ่ายแล้ว เรื่องของความรู้สึกประทับใจที่คุณมีต่อที่พักอาศัยนั้นๆ เป็นสิ่งสำคัญมาก โดยคุณต้องจดสิ่งเหล่านั้นลงในกระดาษให้ละเอียด รวมถึงสำรวจวัสดุ ตำแหน่งของการวางสิ่งต่างๆ ภายในบ้านหรือคอนโดมิเนียมนั้นให้ละเอียด อ่อ…อย่าลืมจดชื่อโครงการกำกับไว้ด้วย เพราะจะได้นำไปอ่านทบทวนและเปรียบเทียบได้ในภายหลัง การจดจะช่วยให้คุณเห็นข้อมูลที่ช่วยในการตัดสินใจได้ง่ายขึ้น
6.ทำเลและสภาพแวดล้อมที่พักอาศัยเป็นสิ่งสำคัญมาก ซึ่งสถานที่หลักๆ ที่คุณควรคำนึงถึงคือระบบสาธารณูปโภคต่างๆ สถานศึกษา โรงพยาบาล ห้างสรรพสินค้า แหล่งจับจ่ายใช้สอย ฯลฯ รวมไปถึงผู้คนที่พักอาศัยอยู่ในย่านนั้น
7.เมื่อพิจารณาสิ่งเหล่านี้จากในแต่ละโครงการ หรือบ้านแต่ละหลังเรียบร้อยแล้ว จากนั้นให้ลองนำคุณสมบัติ ข้อดี ข้อเสีย จุดเด่น จุดด้อยของบ้านแต่ละหลังเปรียบเทียบกัน แล้วคุณก็เลือกบ้านที่มีคะแนนเข้าตาคุณมากที่สุดแยกไว้จำนวนหนึ่ง
8.หลังจากได้บ้านที่เข้าตารวมกันแล้วจำนวนหนึ่ง แนะนำว่าคุณควรกลับไปดูที่พักอาศัยเหล่านั้นอีกครั้ง เพื่อเปรียบเทียบบ้านที่เข้าตาในจำนวนที่เหลืออยู่ แล้วค่อยๆ ตัดตัวเลือกที่ไม่ใช่ออกไป คราวนี้ในมือคุณก็จะเหลือแต่ “บ้าน” ที่ใช่ และตรงกับความต้องการของคุณมากที่สุด
sithiphong:
7 ความเชื่อการเงินแบบผิดๆ ที่ทำให้ชีวิตคุณพัง
14 มี.ค. 58 16.31 น.
-http://money.sanook.com/263969/-
บทความใหม่นี้ฉลองครบรอบหนึ่งปีในการทำเพจ Mr.Grayman จากสิ่งที่ตัวผมเองได้เจอมาเลยทำให้รู้เลยว่าปัญหาของคนสมัยนี้ มักจะดักดานเรื่องการเงินแต่แก้ไขไม่ได้ เพราะว่ามันเกิดจากความเข้าใจด้านการเงินที่ผิดพลาดครับ บางคนหลังไมค์มาท้าต่อยพี่เกรย์หาว่าสอนแต่เรื่องกว้างๆไม่รู้จักพูดให้ดี ให้รู้เรื่อง พูดจาสุภาพบ้าง พี่เกรย์ฟังแล้วอยากจะถามเหมือนกันว่า “เสือกอะไรเพจกู ไม่อ่านก็ปิดจอไป หรือไม่ก็เชิญมึงไปทำเพจเองเล่นเองไลค์เองสิครับ” แต่ก็ไม่กล้าพูดไปเกรงใจว่าจะไม่สุภาพครับ
ทีนี้ปัญหาเรื่องการเงินมันเกิดจากความเชื่อผิดๆครับ อาจจะเกิดจากที่ครอบครัวคุณไม่ได้สั่งสอน หรือสอนแล้วไม่จำ หรือสังคมทีคุณอยู่มันแย่มาก แต่ไม่เป็นไรครับ เราจะมาเปลี่ยนแปลงแนวคิดผิดๆ 7 ข้อนี้ไปด้วยกัน ถ้าพร้อมแล้วเริ่มกันเลยนะครับ
1. ไม่ต้องวางแผนเกษียณหรอก เพราะเราจะทำงานไปจนตาย
หลังการที่คิดว่าตัวเองจะอยู่ค้ำฟ้านี่ไม่รู้มาจากไหนนะครับ เอางี้ดีกว่า ผมขอบอกว่าการที่คนเราทำงานจนตายไม่ใช่เรื่องผิดหรอกครับ แต่สิ่งที่ผิดจริงๆคือ ถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนี้แต่ดันไม่ตาย เพราะว่าหนังเราอาจจะเหนียวเหมือนควายป่า ทำให้เกิดความผิดปกติที่ร่างกาย เช่น พิการ หรือ ทุพลลภาพ จนโดนไล่ออกจากงาน ทีนี้อยากทำงานจนตายก็ทำไม่ได้ครับเพราะดันเป็นง่อยไปแล้ว คำถามตามมาคือ แล้วจะเอาเงินที่ไหนใช้ ถ้าไม่รู้จักวางแผนชีวิตล่วงหน้า
2. แค่จ่ายค่าใช้จ่ายก็จะตายแล้ว จะวางแผนการเงินได้ยังไง
คำพูดนี้ปลอบใจตัวเองได้ดีมากๆ เลยครับ แต่ผมอยากบอกว่าเพราะคุณไม่ได้วางแผนการเงิน ชีวิตคุณเลยเป็นแบบนี้ไงครับ หรือคุณจะยอมรับว่าเวลาเป็นหนี้คุณได้ใคร่ครวญดีแล้ว เวลาจะซื้อของใช้ต่างๆ เวลาจะซื้อบ้าน ผ่อนรถ ฯลฯ แต่คงว่าไม่ได้หรอกครับ เพราะนี้อาจจะเป็นอาการทางสมอง ยังไงแนะนำให้รีบรักษานะครับ (ยิ้ม)
แต่สำหรับคนที่มีความจำเป็นต้องเป็นหนี้ พี่เกรย์ขออวยพรให้ฟันฝ่าอุปสรรคไปได้นะครับ คนบางคนความจำเป็นไม่เหมือนกัน พี่เกรย์หมายถึงคนที่อ้างเหตุผลแบบง่าวๆเท่านั้น หวังว่าคงจะเข้าใจ อย่างน้อยก็เอาเวลาที่เล่นเฟสบุ๊กไปหาเงินมาช่วยโปะหนี้ น่าจะดีกว่านะครับ
3. รู้จักพอก็รวยได้
ตอบก่อนไหมครับว่าเท่าไร ถึงพอ แล้วถ้าหากวันนี้พอแล้ว หยุดทำงานสิครับ ไม่ทราบว่าทำงานไปหาคุณพ่อคุณแม่หรอครับ?
4. อยากได้ งานง่ายๆ สบาย รายได้ดี
อันนี้คงบอกได้แค่ว่า “เมากาวก็ไปนอนนะลูก”
5. แค่ดูแลตัวเองให้ดี ไม่ต้องซื้อประกันก็ได้
คือแบบนี้ครับ การทำประกันคือการป้องกันความเสี่ยงนะครับ อย่าเข้าใจผิด การดูแลสุขภาพให้ดีเป็นเรื่องที่ทุกคนต้องทำครับ แต่ถ้าเราเกิดอุบัติเหตุ เราได้เผื่ออะไรไว้สำหรับชีวิตคนอื่นที่อยู่ข้างหลังบ้างไหมครับ ลองคิดสิครับว่า ถ้าเราโกอินเตอร์ไปเค้าจะเจออะไรบ้าง เคยเผื่อเขาบ้างไหมครับ หรือเกิดมาชาตินี้ไม่มีใครรักสักคนเลยครับ
อีกกลุ่มคือพวกที่คิดว่าทำประกันคือการแช่งตัวเอง แต่บอกให้คนอื่นเชื่อในวิทยาศาสตร์ ผมไม่แน่ใจว่าใครบ้านะครับ
6. ซื้อบ้านถูกกว่าเช่า เอาค่าเช่ามาผ่อนดีกว่า
คิดให้เยอะๆ ถึงค่าใช้จ่ายที่ตามมา ค่าดูแลรักษา ราคาขายต่อ ความสะดวก การเอาเงินก้อนไปลงทุน การหมุนเงิน และปัจจัยอื่นๆบ้าง พวกที่คิดแบบนี้สุดท้ายบ่นว่าผ่อนไม่ไหว แล้วจะซื้อมาทำซีซาร์สลัดให้คุณพ่อรับประทานทำไมครับ
7. การลงทุนมีความเสี่ยง เลยไม่กล้าลงทุน
ทุกอย่างในโลกนี้มีความเสียงหมดแหละครับ เอาเงินไว้ที่บ้านก็เสี่ยงมอดแดรกส์ กินข้าวก็เจอพวกสารพิษ ทำงานก็เจอเพื่อนหลอก แต่ที่เสี่ยงจริงๆ มันคือการที่คุณไม่มีความรู้ในสิ่งที่คุณทำ แล้วทำเหมือนรู้ทุกเรื่อง สุดท้ายก็เลยเป็นแบบนี้แหละ
บทความการเงินนี้ เขียนด้วยความหวังดีกับทุกคนครับ
อาจจะพูดแรง แต่ที่พูดไปต้องขอชี้แจงว่า
เพราะไม่อยากเห็นพวกคุณต้องไปเก็บขวดขายตอนแก่ครับผม
.
นำร่อง
[0] ดัชนีข้อความ
[#] หน้าถัดไป
[*] หน้าที่แล้ว
Go to full version