ริมระเบียงรับลมโชย > ล้างรูป

ตะลุยทำบุญไหว้พระที่พระนครศรีอยุธยา

<< < (3/3)

sithiphong:
ผมไม่ได้ไปนาน  เดินทางไปวัดแคไม่ถูก  ผมก็ไปที่ ททท.อยุธยา  ไปสอบถามเส้นทาง  ก็เดินทางไปถูก  มีนักศึกษาน้องๆ(เป็นน้องผู้หญิง น่ารักครับ) คอยบอกเส้นทางให้

ตอนที่ออกมาจากวัดแค  จะไปซื้อโรตี  และวัดใหญ่ชัยมงคล  ก็วนรถไปสอบถามเส้นทางอีก

สงสัยว่า ผมคงคิดถึงน้องเขาแน่  ก็เลยทำให้นึกเส้นทางไปออก  ต้องวนไปเห็นหน้าอีกรอบ

สำหรับท่านใดที่ไปท่องเที่ยวและทำบุญที่อยุธยา  หากไปไหนไม่ถูก  แนะนำให้ไปสอบถามที่ ททท.อยุธยา  ครับ

ส่วนเว็บฯ  ผมหามาให้ตามนี้ครับ

-http://ayutthaya.mots.go.th/-

http://ayutthaya.mots.go.th/


สุดท้ายของทริปนี้  ขอเชิญท่านผู้อ่านทุกๆท่าน มาร่วมโมทนาบุญกับผมครับ

.

ฐิตา:


ภาพพระสวยงาม ภาพจิตรกรรมฝาผนังน่ะชอบจัง!
ขอบคุณน้องหนุ่มนะคะ...

sithiphong:
พระพุทธรูปปางทรงเครื่อง (ปางโปรดพญาชมพูบดี)
-http://www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROb1lYQXdOREEwTVRFMU5RPT0=&sectionid=TURNeE53PT0=&day=TWpBeE1pMHhNUzB3TkE9PQ==-

คอลัมน์ คติ-สัญลักษณ์สถาปัตยกรรมไทย
ชวพงศ์ ชำนิประศาสน์



พระพุทธรูปองค์นี้เป็นพระประธานอยู่ในพระอุโบสถวัดหน้าพระเมรุราชิการาม จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นพระพุทธรูปหล่อสัมฤทธิ์ ภายนอกฉาบปูนลงรักปิดทองทรงเครื่องอย่างกษัตริย์หรือจักรพรรดิ

ลักษณะของการทรงเครื่องจักรพรรดินี้เกิดในสมัยพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ นับเนื่องหรือหมายเอาว่าพระเจ้าแผ่นดินเป็นหน่อพุทธางกูร หรือพระโพธิสัตว์ผู้จะตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า



การสร้างพระพุทธรูปทรงเครื่องจึงหมายถึง พระเจ้าแผ่นดินผู้ปรารถนาจะบรรลุพระนิพพาน

ในคติมหายานพระพุทธรูปทรงเครื่องจักรพรรดิ มีฐานะเป็นพระไวโรจนพุทธ หรือพระชินพุทธ หรือพระพุทธเจ้าในรูปสัมโภคกายหรือกายทิพย์ ซึ่งมีความหมายว่า ผู้สามารถเอาชนะกิเลสได้อย่างสิ้นเชิง และหมายถึงจุดเริ่มต้นมีธรรมกายหรือกฎสากลสมบูรณ์



พระพุทธรูปองค์นี้ในพระอุโบสถวัดหน้าพระเมรุฯ มีคำอธิบายว่ามาจากคติของฝ่ายมหายานจากมหาชมพูบดีสูตรปรับแต่งเข้ากับนิทานพื้นบ้านทางภาคเหนือ เป็นปางโปรดพญาชมพูบดีซึ่งเป็นกษัตริย์ผู้มีอำนาจมากในชมพูทวีป ผู้มีความประสงค์ที่จะเป็นผู้ยิ่งใหญ่สูงสุดแต่ผู้เดียว พระพุทธเจ้าเนรมิตกายของพระองค์ให้พญาชมพูบดีเห็นว่ายังมีสิ่งอื่นที่ยิ่งใหญ่กว่า และตรัสเทศนาในมหาชมพูบดีสูตรแก่พญาชมพูบดี



ในความหมายการแสดงพระธรรมในพระพุทธรูปปางนี้ก็คือคำสอน 3 ประการคือ

การเห็นสิ่งที่เป็นสาระและมิใช่สาระ

โทษแห่งการเวียนว่ายตายเกิดในวัฏสังสารหรือคุณแห่งพระนิพพาน



ความลุ่มหลงในเบญจขันธ์หรืออุปาทานขันธ์ คือความยึดมั่นถือมั่นในรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส และอารมณ์ ว่าเป็นตัวตนเป็นตัวกูของกู ยึดมั่นในความเชื่อถือตามความคิดของตนแต่ฝ่ายเดียว การยึดมั่นถือมั่นในข้อปฏิบัติในวิถีชีวิตของตนแต่ฝ่ายเดียว และการยึดมั่นถือมั่นในความผูกพันติดใจ ข้องใจ ในความนึกความคิดของตนแต่ฝ่ายเดียว ซึ่งทั้งหมดล้วนไม่เป็นสาระทั้งสิ้น



นอกจากพระพุทธรูปปางนี้จะแสดงธรรมดังกล่าวข้างต้น รูปลักษณะหรือพุทธศิลป์ของพระพุทธรูปปางนี้เป็นท่านั่งที่เหมือนกับปางมารวิชัย อันมีความหมายถึงการบอกกล่าวแก่ พุทธบริษัท ถึงการพ้นไปจากสังสารวัฏของพระพุทธเจ้า

แสดงด้วยการชี้พระหัตถ์ลงสู่พื้น เพื่อแสดงว่าพระพุทธเจ้าได้อยู่เหนือโลกหรือเหนือสังสารวัฏแล้ว

.

นำร่อง

[0] ดัชนีข้อความ

[*] หน้าที่แล้ว

ตอบ

Go to full version