เอาชีวิตรอดอย่างไรในสถานการณ์ฉุกเฉิน
วันอาทิตย์ที่ 27 พฤษภาคม 2555 เวลา 00:00 น.
-http://www.dailynews.co.th/world/116564-
ใน ขณะที่ราตรีกาลมาถึงโดยไม่มีใครคาดฝันพายุฤดูร้อนได้ก่อตัวขึ้นทางทิศใต้ มันเคลื่อนตัวไปทางทิศเหนือทวีกำลังแรงขึ้น พุ่งเข้าหาความกดอากาศสูงขนาดใหญ่ กระแสลมมีความเร็วแรงมากกว่า 60 ไมล์/ชม. ดันคลื่นให้สูงขึ้นไปในอากาศกว่า 30 ฟุต และนั่นคือจุดเริ่มต้นชะตากรรมอันเลวร้ายของเรือยอชท์หรู “แทรชแมน”
ท่ามกลางพายุลมกระโชกแรงฟอร์ซ 11 ด้วยสภาพร่างกายที่ต้องสูญเสียน้ำ หิวโหย และการโจมตีจากฉลาม มีเพียงสองรายเท่านั้นที่มีชีวิตรอดมาได้ ในสถานการณ์เลวร้ายขนาดนั้นไม่มีใครที่จะรู้จักวิธียังชีพให้อยู่รอดได้ดี กว่าครูฝึกทหาร แต่ผู้ที่สอนครูฝึกต่างหากล่ะจึงจะเป็นผู้ที่รู้วิธีเอาชีวิตรอดที่ดีที่สุด
รอสส์ แม็กเฟดเจ่น ครูสอนวิธีการยังชีพระดับสูงของกองทัพอากาศสหรัฐ ทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับการยังชีพในทะเล เขาได้เห็นมันมาหมดแล้ว สิ่งที่เขารู้อาจช่วยชีวิตคุณได้ หากหายนะนั้นอุบัติขึ้นในทะเล กฎข้อแรกของรอสส์คือ การเอาชีวิตรอดเริ่มต้นขึ้นก่อนที่คุณจะออกเดินทางด้วยซ้ำไป
“ก่อนการเดินทางออกท้องทะเล คุณจำเป็นต้องโทรศัพท์ไปหาครอบครัวและเพื่อน ๆ รวมทั้งวิทยุแจ้งไปที่ยามฝั่ง ว่าจะใช้เวลาเดินทางไปยังจุดหมายปลายทางประมาณกี่ ชม. เพื่อให้พวกเขารับรู้ว่าเราได้เดินทางออกจากท่าเรือ และเรากำลังจะไปทางไหน และจะต้องใช้เวลานานเท่าไหร่ที่จะไปให้ถึงที่นั่น การทำเช่นนี้เพื่อว่าหากมีอะไรเกิดขึ้นในระหว่างทาง ก็หวังว่าจะมีใครสักคนออกไปตามหาเรา”
สำหรับรอสส์เข้าศึกษาแม้กระทั่งเส้นทางเดินเรือ แต่คนทั่วไปไม่ได้คิดที่จะทำอะไรมากมายขนาดนั้น เมื่อเหตุการณ์เลวร้ายเกิดขึ้น แน่นอนว่าไม่มีใครสักคนเดียวบนเรือแทรช
แมนที่จะมีประสบการณ์ใกล้เคียงกับรอสส์ เช่นเดียวกับกลาสีเรือสมัครเล่นส่วนใหญ่
ท่ามกลางคลื่นลมที่โถมกระหน่ำสิ่งแรกที่ทุกคนควรทำคือ หาที่ยึดเกาะบนเรือเอาไว้ให้แน่น เพราะหากต้องตกทะเลไปการที่ใครจะมองเห็นและช่วยเหลือคุณขึ้นมาได้อาจมีโอกาส เพียงไม่กี่นาที ก่อนที่คลื่นจะพรางคุณให้หายไปจากสายตา ขณะที่กัปตันตัดสินใจที่จะนำเรือหันหัวกลับท่าเรือที่จากมาทั้งที่ไม่มี แผนที่เดินเรือ ซึ่งนั่นกลายเป็นความคิดที่ผิดมหันต์ เพราะคุณจะไม่มีวันรู้เลยว่าใต้ท้องทะเลที่กำลังบ้าคลั่งนั้น ตรงไหนมีหินโสโครกหรือเป็นเขตน้ำตื้นที่เรือใหญ่ไม่สามารถผ่านได้ ขณะที่เรือแทรชแมนกำลังเอียง จู่ ๆ เครื่องยนต์ที่ทำงานหนักเกินไปก็ไม่ยอมทำงานอีกต่อไป เรือยอชท์แทรชแมนล่องลอยโดยไร้เครื่องยนต์และใบเรือที่ขาดวิ่น
สิ่งที่ดีที่สุดที่สามารถทำได้ก็คือ ต้องหันหัวเรือให้ต้านลมเอาไว้ และพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้เกิดการลากดึง และทางเลือกที่ดีที่สุดก็คือสมอเรือ หรือสมอทะเล ซึ่งอาจใช้ไม้หรือผ้าใบโยนลงไปในน้ำเพราะโดยพื้นฐานแล้วมันก็คือร่มชูชีพใต้ น้ำที่จะลากเรือไปในน้ำเวลาคลื่นลมแรงเพื่อให้หัวเรือเชิดสู้คลื่น มันจะทำให้เรือมั่นคงไม่โคลงเคลง ทำให้หันหน้าสู้ลมโดยไม่เอาด้านที่กว้างกว่าเข้าหาคลื่น ซึ่งจะทำให้เสี่ยงต่อการพลิกคว่ำ
ในกรณีที่กระจกแตก สิ่งที่เราจำเป็นต้องทำก็คือสกัดกั้นให้น้ำไหลเข้ามาในตัวเรือให้ช้าที่สุด เพื่อยืดระยะเวลาการเอาชีวิตรอด แต่เมื่อเห็นว่าหมดหนทางสิ่งแรกที่ลูกเรือคิดคือการพาตัวเองออกจากเรือที่ กำลังจะอับปาง ทว่าคลื่นลมแรงได้พัดเอาเรือชูชีพหลุดไปจนหมด เหลือเพียงเรือบดสูบลมลำเล็กเพียงหนึ่งลำซึ่งไม่มีสิ่งของเพื่อการยังชีพให้ รอดในทะเลหลงอยู่เลย
รอสส์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการเอาชีวิตรอด จะสอนวิธีที่จะเอาชีวิตให้รอดท่ามกลางมหาสมุทร แม้ว่าเขาจะมีเรือบดเพียงลำเดียว สิ่งแรกที่ต้องห่วงคือการทำร่างกายให้อบอุ่น เพราะหากร่างกายของคุณเย็นจนเกินไป เลือดที่จะไปหล่อเลี้ยงแขนและขาของคุณก็จะไหลช้าลง และหัวใจของคุณก็จะเต้นเร็วขึ้น
ทักษะง่าย ๆ คือต้องไม่ตากลม คลานกลับเข้าไปในมุมด้านหลัง ก้มต่ำไว้ ขดตัวอยู่ในลักษณะของทารกในครรภ์ คว้าทุกอย่างที่ลอยผ่านมาเอาไว้ สาหร่ายทะเลถือว่าเป็นแหล่งทรัพยากรธรรมชาติที่ยอดเยี่ยมที่สุด เอามันมาทำเป็นเตียง มันจะเป็นฉนวนปกป้องคุณจากทะเลที่เยือกเย็น และดูดซับเอาพลังงานออกไปจากตัวคุณ
หากเกิดพลัดตกน้ำไประหว่างนี้สิ่งที่ไม่ควรทำอย่างยิ่งเลยคือการทำตัวให้ เหมือนกับปลาที่ได้รับบาดเจ็บที่ลอยอยู่เหนือผิวน้ำ และยิ่งหากมีบาดแผลด้วยทุกอย่างก็จบ เพราะจมูกของนักล่าอย่างฉลามประกอบไปด้วยเซลล์นับล้าน ๆ ที่ทำให้มันมีสัมผัสพิเศษในการดมกลิ่นได้ดีกว่ามนุษย์เป็น10,000 เท่า ควรรีบขึ้นจากน้ำให้เร็วและเงียบที่สุดเท่าที่จะทำได้
ทว่าความหิว และอากาศหนาวคืออุปสรรคสำคัญ ลูกเรือทั้ง 5 คน ของแทรชแมนที่รอดมาได้ แต่บนเรือที่ไม่มีจุดสังเกตใด ๆ ให้ใครที่บังเอิญผ่านมาเห็นและช่วยเหลือ ทำให้พวกเขาต้องเผชิญกับภาวะร่างกายขาดน้ำ เมื่อปราศจากน้ำ เนื้อบนร่างกายของคุณก็จะแห้งผาก ไม่มีฉี่ ความดันโลหิตจะลดลง พิษจะก่อตัวขึ้นในกระแสเลือด โชคดีอาจมีชีวิตรอดอยู่ได้สัก 4 วัน แต่ไม่เกิน 7 วัน นอกจากน้ำพวกเขายังขาดอาหารด้วย
ในที่สุดลูกเรือ 3 คน ก็ทนต่อสภาวะเลวร้ายนั้นไม่ไหวและเสียชีวิต ก่อนหน้านี้ ในปี 2547 ผู้อพยพเข้าเมืองจากสาธารณรัฐโดมินิกันมุ่งหน้าไปยังเปอร์โตริโก ลอยอยู่ในทะเลนาน 21 วัน หลังเรือเกิดเครื่องยนต์ขัดข้อง พวกเขามีชีวิตรอดอยู่ได้จากเนื้อของเพื่อนร่วมเรือที่เสียชีวิต แต่สำหรับผู้รอดตายจากแทรชแมน ศพเพื่อนของเขาที่ติดเชื้อนั้นกินไม่ได้ ดังนั้นพวกเขาจึงทำในสิ่งที่ดีที่สุดแทน ฝังร่างของเธอไว้กับท้องทะเล
รอสส์ บอกว่า นี่คือช่วงเวลาที่อันตรายที่สุด มีหลายครั้งที่ผู้รอดตายคือผู้ที่รักษาสภาพจิตใจของเขาให้เป็นไปในทางบวก เสมอ และมีกำลังใจแข็งแกร่งที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไปให้ได้ ซึ่งพวกเขาก็ทำเช่นนั้น
ติดตามเรื่องราวการเอาชีวิตรอดจากเรืออับปางกลางทะเลอันหนาวเหน็บในรายการ I Shouldn’t Be Alive ออกอากาศทุกวันอังคาร เวลา 20.00 น. เริ่ม 29 พ.ค.-10 ก.ค. นี้ ทางช่องดิสคอฟเวอรี่ แชนแนล ทรูวิชั่นส์ 20.
-http://www.dailynews.co.th/world/116564-
.