ผู้เขียน หัวข้อ: วั น วิ ส า ข บู ช า :อาจารย์สุชีพ ปุญญานุภาพ  (อ่าน 1177 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ ฐิตา

  • ทีมงานดอกแก้วกลิ่นธรรม
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7459
  • พลังกัลยาณมิตร 2236
    • ดูรายละเอียด




วั น วิ ส า ข บู ช า
อาจารย์สุชีพ ปุญญานุภาพ

เป็นที่ทราบกันทั่วไปว่า
วันวิสาขบูชาคือวันบูชาเพื่อน้อมรำลึกถึง
เหตุการณ์สำคัญ ๓ ประการ ในพระพุทธประวัติ
คือ การประสูติ การตรัสรู้ และการปรินิพพานของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ซึ่งเกิดขึ้นในวันเดียวกันแต่ต่างปีกัน


อนึ่ง เหตุการณ์สำคัญที่เกิดสืบเนื่องก็คือ
หลังจากที่ตรัสรู้สัจจธรรมแล้ว
พระพุทธเจ้าได้เสด็จไปประกาศพระพุทธศาสนา
แนะนำประชาชนให้เว้นความชั่ว บำเพ็ญความดี
และชำระจิตใจของตนให้บริสุทธิ์สะอาด
เป็นเวลาถึง ๔๕ ปี

อันทำให้พระพุทธศาสนาแพร่หลายไปในหลายสิบประเทศทั่วโลก
มีการจัดตั้งองค์การพุทธศาสนิกสัมพันธ์แห่งโลกขึ้น
มีสาขาส่วนภูมิภาคถึง ๑๓๕ แห่ง

และประเทศไทยได้รับเกียรติ
ให้เป็นที่ตั้งถาวรแห่งสำนักงานใหญ่ขององค์การนี้เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๑๒

หลังจากที่องค์การนี้ตั้งขึ้นครั้งแรกในประเทศศรีลังกา
และต่อมาได้ย้ายมาตั้งในประเทศพม่า
แล้วย้ายมาตั้งอยู่ในประเทศไทย

ในปี พ.ศ. ๒๕๔๓ นี้ องค์การพุทธศาสนิกสัมพันธ์แห่งโลก
ตั้งมาได้ครบ ๕๐ ปีเป็นที่น่าสังเกตว่า
แม้ในปีแรกแห่งการก่อตั้งองค์การนี้
ก็ได้มีข้อความระบุไว้ในธรรมนูญขององค์การว่า

ในฝายบรรพชิต
สมเด็จพระสังฆราชแห่งประเทศไทยทรงเป็นองค์อุปถัมภ์ในลำดับแรก

ส่วนในฝ่ายคฤหัสถ์
พระมหากษัตริย์แห่งประเทศไทยทรงเป็นองค์อุปถัมภ์ในลำดับแรก เช่นเดียวกัน

ยิ่งกว่านั้น สมัชชาใหญ่ขององค์การสหประชาชาติ
ก็ได้มีมติเป็นเอกฉันท์ เมื่อวันที่ ๑๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๒
ให้ถือว่าวันวิสาขบูชาเป็นวันสำคัญสากล
นับเป็นข่าวที่น่ายินดีของพุทธศาสนิกชนทั่วไป

การที่พระพุทธศาสนามาตั้งมั่นอยู่ในประเทศไทย
และประเทศไทยได้รับเกียรติให้เป็นที่ตั้งถาวร
แห่งองค์การพุทธศาสนิกสัมพันธ์แห่งโลก ดังที่เป็นอยู่ในปัจจุบันนี้

ทำให้เราทั้งหลายต้องรำลึกถึงพระเดชพระคุณอันยิ่งใหญ่ของท่านบรรพบุรุษไทย
ที่ยอมสละแรงกาย แรงใจ รวมทั้งเลือดเนื้อและชีวิต
ทำนุบำรุงปกป้องพระพุทธศาสนา ให้เจริญรุ่งเรืองมาจนถึงปัจจุบัน

นอกจากนั้น สำนักงานใหญ่องค์การพุทธศาสนิกสัมพันธ์แห่งโลกในประเทศไทย
ยังได้จัดตั้งมูลนิธิอุปถัมภ์สงฆ์ บำรุงพระภิกษุสามเณรชาวต่างประเทศ
ที่มาศึกษาและปฏิบัติธรรมในประเทศไทย
ให้ได้รับความสะดวกไม่น้อยกว่าปีละ ๘๐ รูป ต่อเนื่องกันมาหลายปีแล้ว

ในโอกาสพิเศษแห่งวันวิสาขบูชาปีนี้
ขออัญเชิญพระพุทธวจนะจาก พระไตรปิฎกเล่ม ๒๓
นวกนิบาต อังคุตตรนิกาย ท้ายสีหนาทวรรค

แนะข้อปฏิบัติง่ายๆ เพียง ๔ ประการ
ซึ่งไม่ต้องลงทุนลงแรง หรือสิ่งของเงินทองใดๆ
แต่มีผลยิ่งใหญ่กว่าการถวายทานแด่พระพุทธเจ้า
หรือถวายทานแด่พระสงฆ์มีพระพุทธเจ้าเป็นพระประมุข

เรื่องน่าอัศจรรย์ของการปฏิบัติง่ายๆ
แต่มีผลมากกว่าการถวายทานแด่พระพุทธเจ้า
หรือพระสงฆ์มีพระพุทธเจ้าเป็นพระประมุข

ก็คือต้องการให้การปฏิบัติมาอยู่ที่แต่ละบุคคล
ผู้ลงมือกระทำด้วยตนเอง

ไม่ใช่คอยแต่ชื่นชมตื่นเต้น
ในคุณงามความดีของบุคคลสำคัญท่านอื่นๆ




ซึ่งเปรียบเหมือนการพบมหาเศรษฐีผู้มีทรัพย์หลายหมื่นหลายแสนล้าน
แต่เสร็จแล้วผู้พบและแสดงน้ำใจอันดีงามต่อท่านมหาเศรษฐีนั้น
ก็ยังคงไม่มีทรัพย์หรือไม่มีคุณความดีเพิ่มขึ้นกว่าเดิม
เพราะมิได้ลงมือปฏิบัติอะไรด้วยตนเอง

พระพุทธวจนะที่ตรัสสอนข้อปฎิบัติง่ายๆ
ไม่ต้องลงทุนลงแรงมาก เพียง ๔ ข้อดังต่อไปนี้ คือ

๑. เป็นผู้มีจิตเลื่อมใสถึงพระรัตนตรัย
คือพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นสรณะหรือที่พึ่งที่ระลึก
๒. เป็นผู้มีจิตเลื่อมใสตั้งใจรักษาศีลห้า
๓. เจริญหรือแผ่เมตตาจิตคือไมตรีจิตคิดจะให้ผู้อื่นเป็นสุข
แม้ชั่วระยะเวลาอันสั้น เพียงแค่รีดนมโคจากบนลงล่าง

๔. เจริญอนิจจสัญญา หรือกำหนดหมายความไม่เที่ยง
ไม่ยั่งยืนของสิ่งที่มีปัจจัยปรุงแต่งทั้งหลาย
แม้ชั่วระยะเวลาสั้นๆ แค่งอนิ้วหรือเหยียดนิ้ว


คุณธรรมทั้ง ๔ ข้อนี้ปฏิบัติได้ง่ายและมีคุณค่ามาก
เพราะไม่ใช่คุณธรรมของผู้อื่น
แต่เป็นการลงมือกระทำด้วยตนเองของแต่ละบุคคล

เป็นคุณธรรมจากระดับต่ำสุดถึงสูงสุด
ซึ่งจะเพิ่มคุณค่าให้แก่ผู้ปฏิบัติ

ถึงขนาดที่พระพุทธเจ้าตรัสว่า
มีผลมากกว่าการถวายทานแด่พระอริยบุคคล ๔ ระดับ
มีผลมากกว่าการถวายทานแด่พระปัจเจกพุทธเจ้า
มีผลมากกว่าการถวายทานแด่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
มีผลมากกว่าการถวายทานแด่พระสงฆ์มีพระพุทธเจ้าเป็นพระประมุข
มีผลมากกว่าการสร้างที่อยู่อาศัยถวายแด่พระสงฆ์จากสี่ทิศ

เมื่อทุกคนมีสิทธิจะได้รับผลดีและสูงยิ่งด้วยการลงมือปฏิบัติด้วยตนเอง
โดยไม่ต้องเสียกำลังแรงงาน หรือค่าใช้จ่ายใดๆ อย่างนี้
จึงน่าจะได้รับพระพุทธวจนะนี้ไว้เป็นแนวปฏิบัติประจำวันของเราทั้งหลาย
อันเป็นการบูชาด้วยการปฏิบัติ
ซึ่งพระพุทธเจ้าตรัสว่ามีค่ายิ่งกว่าการบูชาด้วยอามิสมีดอกไม้ธูปเทียน เป็นต้น

คณะอนุกรรมการส่งเสริมศาสนาและจริยธรรม
ในคณะกรรมการเอกลักษณ์ของชาติสำนักนายกรัฐมนตรี
ขอถือโอกาสแห่งวันวิสาขบูชานี้
แผ่ความปรารถนาดีต่อพี่น้องร่วมชาติและร่วมโลก
ไม่จำกัดประเทศชาติ ศาสนาและภาษาตลอดจนสรรพสัตว์
ขอจงมีความสุขความเจริญ ปราศจากอันตรายภัยพิบัติ
ประสบแต่สรรพสิ่งอันพึงประสงค์จงทุกประการ

(ที่มา :http://www.dharma-gateway.com/ubasok/ubasok-main-page.htm)
กุหลาบสีชา :http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=15830
หมายเหตุ : บทความเรื่องนี้เป็นข้อเขียนชิ้นสุดท้ายของอาจารย์ สุชีพ ปุญญานุภาพ
ซึ่งตีลงพิมพ์ในนิตยสาร “ธรรมจักษุ” : ฉบับพฤษภาคม ๒๕๔๓