ผู้เขียน หัวข้อ: “ห่านฮ่องเต้” สุดยอด ห่าน รสโอชะ  (อ่าน 1669 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 3 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
“ห่านฮ่องเต้” สุดยอด ห่าน รสโอชะ



ด้านหน้าร้านห่านฮ่องเต้


จะเป็นเป็ด ไก่ หรือห่าน ถ้าเห็นแขวนเรียงรายอยู่หน้าร้านทีไร “ผ่านมาแวะกิน” ก็ต้องเกิดอาการหิวทุกที เป็นต้องเลี้ยวเข้าไปขอลองชิมเมนูเด็ดของร้านทุกครั้ง อย่างในครั้งนี้ที่ผ่านมาแถวติวานนท์ ก็มองเข้าไปเห็นร้าน “ห่านฮ่องเต้” มีห่านพะโล้แขวนเรียงไว้เต็มหน้าร้าน เลยต้องเข้าไปลองชิมสักที

เดินเข้าไปนั่งในร้านก็ได้เจอคุณธเนศพล อัครนันททรัพย์ เจ้าของร้าน จึงขอนั่งคุยกันก่อนที่จะได้ลองลิ้มของอร่อย โดยคุณธเนศพลเล่าให้ฟังว่า ร้านนี้เปิดมาตั้งแต่ปี 2514 รุ่นคุณพ่อ แต่ขายเฉพาะขาหมูพะโล้ ต่อมาก็เริ่มขายห่านพะโล้ แล้วหันมาใช้ชื่อห่านฮ่องเต้ตั้งแต่ปี 2522


คุณธเนศพล อัครนันททรัพย์ และภรรยา

ของอร่อยของร้านก็คือห่านพะโล้และขาหมูพะโล้ ที่เป็นสไตล์จีน และอีกหนึ่งจุดเด่นก็คือ ข้าวสวย (ถ้วยละ 8 บาท) ของทางร้านนอกจากจะใช้ข้าวหอมมะลิแล้ว ก็ยังนำไปอบรวมกับเผือก ให้ความหอมนุ่ม และเพิ่มคุณค่าทางอาหารด้วย

มาถึงร้านทั้งทีก็ต้องลองเมนูที่ตั้งใจไว้ ห่านพะโล้ (จานเล็ก 120 บาท จานใหญ่ 450 บาท) ทางร้านใช้ห่านรุ่นมาทำความสะอาด ต้มกับเครื่องพะโล้และเครื่องยาจีน ปรุงรส แล้วต้มต่อจนได้ที่ จากนั้นจึงนำเนื้อห่านมาสไลด์เป็นชิ้นพอคำ ส่วนน้ำที่ต้มห่านก็นำมาปรุงรสเพิ่มแล้วใช้ราดเสิร์ฟมาพร้อมกับเนื้อห่าน กินคู่กับน้ำส้มพริกดอง พริกสด และกระเทียม ข้อดีของห่านคือไม่มีกลิ่นสาบ ลองชิมแล้วก็จริงดังว่า ห่านเนื้อนุ่มได้กลิ่นเครื่องยาจีน รสชาติออกเค็มๆ หวานๆ ตัดเปรี้ยวด้วยน้ำส้มพริกดองอร่อยลงตัว หรือจะสั่งเป็น ข้าวหน้าห่าน (60 บาท) ก็ยังได้



ห่านพะโล้

ตามมาด้วยเมนู ขาหมูพะโล้ (จานละ 60 บาท) หรือจะเป็น ข้าวขาหมู (40 บาท) ก็อร่อยไม่แพ้กัน เพราะเป็นต้นตำรับตั้งแต่รุ่นพ่อ ใช้ขาหมูที่เผาไฟแล้วนำมาล้างให้สะอาด ก่อนจะต้มกับเครื่องพะโล้และเครื่องยาจีน ตุ๋นจนเปื่อยเข้าเนื้อ และยังมี คากิ (ขาละ 60 บาท) ไส้หมูพะโล้ (จานละ 50 บาท) ให้เลือกชิมด้วย ลองลิ้มขาหมูหอมพะโล้ หั่นเป็นชิ้นใหญ่เคี้ยวเต็มปาก เนื้อนุ่มออกรสหวานๆ เค็มๆ กินคู่กับผักกาดดองออกเปรี้ยวเล็กน้อย ส่วนคากิก็เปื่อยนุ่ม ไส้หมูนุ่มไม่สาบ



ขาหมูพะโล้

กระเพาะปลาน้ำแดง (เล็ก 40 บาท ใหญ่ 100 บาท) เมนูนี้ก็ต้องลองชิม ทางร้านใช้กระเพาะปลาอย่างดี ปรุงน้ำแดงจากน้ำซุปซี่โครงไก่ ใส่กระเพาะปลา เนื้อไก่ และเห็ดหอม เป็นสไตล์จีน ดมกลิ่นจะหอมน้ำมันงา ลองชิมได้รสกลมกล่อมพอดี กระเพาะปลานุ่มเด้งอร่อย



กระเพาะปลาน้ำแดง

ส่วน ต้มจับฉ่าย (เล็ก 30 บาท ใส่ถุง 50 บาท) ก็เป็นเมนูเฉพาะของทางร้าน เพราะใส่แค่ผักโขมกับผักกวางตุ้งนำมาผัดน้ำมันให้หอม จากนั้นก็ต้มกับน้ำซุปไก่ แล้วใส่หมูสามชั้น ตุ๋นจนเปื่อย ได้ต้มจับฉ่ายรสชาติกลมกล่อม ผักนุ่มเปื่อย เคี้ยวง่าย อร่อยถูกใจ

และเมนูอื่นๆ ที่อร่อยไม่แพ้กัน จนต้องแนะนำให้มาลองชิม อาทิ ต้มมะระยัดไส้หมูสับ (30 บาท) ต้มหน่อไม้จีน (40 บาท) กุนเชียงทอด (50 บาท) หอยลายผัดน้ำพริกเผา (50 บาท) เป็นต้น ซึ่ง “ผ่านมาแวะกิน” ก็ไม่อยากให้พลาดมาชิมด้วยประการทั้งปวง


ต้มจับฉ่าย

* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

ร้าน “ห่านฮ่องเต้” ตั้งอยู่ที่ 54/53 ถ.ติวานนท์ ต.บางกระสอ อ.เมือง จ.นนทบุรี การเดินทาง หากมาจาก ถ.งามวงศ์วาน ให้มุ่งหน้ามายังแยกแคราย จากนั้นเลี้ยวขวาเข้าสู่ ถ.ติวานนท์ ขับตรงมาเรื่อยๆ ร้านจะอยู่ทางซ้ายมือติดถนน ก่อนถึงแยกสนามบินน้ำ เยื้องกับซอยทานสัมฤทธิ์ สามารถจอดรถได้ริมถนน ร้านเปิดวันจันทร์-เสาร์ เวลา 08.30-16.00 น. โทร. 0-2950-3165, 08-1921-3165

อ่านรายละเอียดและแผนที่การเดินทางไปยังร้าน “ห่านฮ่องเต้”



ชื่อร้าน : ห่านฮ่องเต้

ประเภทอาหาร : อาหารจานเดียว

เมนูจานเด่น : ห่านพะโล้,ขาหมูพะโล้,กระเพาะปลาน้ำแดง,ต้มจับฉ่าย

บรรยากาศร้าน : ห้องแถว

ที่ตั้ง และการเดินทาง : ตั้งอยู่ที่ 54/53 ถ.ติวานนท์ ต.บางกระสอ อ.เมือง จ.นนทบุรี การเดินทาง หากมาจาก ถ.งามวงศ์วาน ให้มุ่งหน้ามายังแยกแคราย จากนั้นเลี้ยวขวาเข้าสู่ ถ.ติวานนท์ ขับตรงมาเรื่อยๆ ร้านจะอยู่ทางซ้ายมือติดถนน ก่อนถึงแยกสนามบินน้ำ เยื้องกับซอยทานสัมฤทธิ์

สถานที่จอดรถ : สามารถจอดรถได้ริมถนน

เวลาเปิด-ปิด : เปิดวันจันทร์-เสาร์ เวลา 08.30-16.00 น.

เบอร์โทรศัพท์ : โทร. 0-2950-3165, 08-1921-3165



-http://www.manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9550000071003-

-http://www.manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9550000070999-

.



คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
Re: “ห่านฮ่องเต้” สุดยอด ห่าน รสโอชะ
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: กรกฎาคม 15, 2012, 07:39:37 am »
ห่านพะโล้

คอลัมน์ เดินดินกินข้าวแกง โดย วิษณุ เครืองาม (มติชนรายวัน 14 ก.ค.2555)

-http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1342279677&grpid=&catid=09&subcatid=0901-

ห่าน และเป็ดเป็นสัตว์ปีกด้วยกันทั้งคู่ เวลาดูเผินๆ จะแยกไม่ใคร่ออก ยิ่งเวลาถอนขนชำแหละเนื้อวางคู่กันแล้วแยกไม่ออกเอาทีเดียว นอกจากจะสังเกตตรงที่ว่าห่านตัวโตอวบอ้วนกว่าเป็ด หนังหนากว่า เนื้อแน่นและหยาบกว่า กลิ่นสาบก็อาจจะน้อยกว่าเป็ด

คนชอบเลี้ยงห่าน เป็นสัตว์เลี้ยงเพราะเฝ้าบ้านได้ ระแวดระวังภัยได้ มันร้องไล่จิกคนแปลกหน้าที่บุกเข้ามาไม่แพ้สุนัขดุๆ เชียวล่ะ ยิ่งบ้านที่มีหญ้ารกๆ เอาห่านไปปล่อย 2-3 ตัวประเดี๋ยวก็หายรก อย่างที่โฆษณายากันยุงยี่ห้อหนึ่งบอกไว้นั่นแหละครับ "ห่านดินกินหญ้า ห่านฟ้ากินยุง" ห่านเป็นศัตรูกับงู บ้านที่มีงูมากๆ หมายถึงงูเขียว งูไม่มีพิษนะครับ ถ้าเอาห่านไปปล่อยห่านจะจิกตีงูจนหนีไป แต่ถ้าเป็นงูเห่า งูจงอาง หรือใหญ่โตขนาดงูเหลือม งูหลาม ห่านเห็นจะเอาไม่อยู่ จุดอ่อน

อยู่ที่ว่าห่านมักจะไม่รู้จักกาลเทศะ ถ้ามันร้องก๊าบๆ ทั้งคืน เจ้าบ้านไม่ได้นอนกันล่ะครับ

คน จีนนิยมใช้เนื้อเป็ดและเนื้อห่านไปปรุงอาหาร เช่น ย่างไฟแดง ตุ๋นยาจีน อบหม้อดิน และทำพะโล้ แต่ความที่เนื้อห่านจะหยาบกว่าเป็ด หนังหนากว่า ดังนั้น ถ้าทำพะโล้จนน้ำเข้าเนื้อ เวลากินจะได้เนื้อได้หนังกว่าเป็ดและชุ่มโชกได้รสชาติหอมกว่าเป็ด

คน จีนทำอาหารจากเป็ดและห่านเก่งมาก ถ้าทำไม่เป็นจะเหม็นสาบเพราะที่บั้นท้ายหรือตูดเป็ดตูดห่านจะมีขุมน้ำมันหาก แตกออกมาจะเหม็นสาบ แต่บางคนก็ชอบจะล่อแต่ตูดเป็ดท่าเดียว จีน ฮ่องกงทำเป็ดย่างห่านย่างอร่อย ที่อังกฤษร้านเป็ดย่างชื่อ ฟอร์ซีซั่นส์ ทำอร่อยมาก คนไทยชอบไปซื้อกลับมา

วันนี้วันชาติฝรั่งเศส นึกขึ้นได้ว่าเป็ดร้าน ตูร์ดาชอง ริมแม่น้ำแซนในกรุงปารีสก็อร่อย แต่ความอร่อยไม่เท่ากับความโก้ถ้าได้ไปกินที่ร้านนี้เพราะต้องจองนานและขาย มาหลายร้อยปีแล้ว นโปเลียนก็เคยเสวย รัชกาลที่ 5 ก็เคยเสวย ฝรั่งมักเอาตับเป็ดและตับห่านไปทำตับบดเรียกว่า "ฟัว กราส์" ใช้ทาขนมปังหรือทอดกินเรียกไขมันให้มาอุดตันเส้นเลือดดีนัก เมืองไทยที่ร้านลอร์ดจิม โรงแรมโอเรียนเต็ลและร้านลีออง ซอยร่วมฤดี ทำได้อร่อย

เคยเล่าแล้วว่าก๋วยเตี๋ยวเป็ดอร่อยต้องเจ้าสะพานเหลือง ถนนพระรามที่ 4 ถ้ามาจากสามย่านอยู่ก่อนถึงแยกทางด่วน อีกเจ้าก็ร้าน เซี้ยะ ไปจากคลองเตยบ่ายโฉมหน้าไปพระโขนงจะอยู่ขวามือริมถนนพระรามที่ 4 เหมือนกันก่อนถึงแยกเกษมราษฎร์ สองเจ้านี้ขายกลางคืน มีไส้ กึ๋น เลือด ตับ ปีก ลิ้นพร้อม

ก๋วยเตี๋ยวห่านมีขายแต่ไม่อยากแนะนำเพราะใส่มากับ ก๋วยเตี๋ยวไม่ค่อยเข้ากันนัก เสียดายของ สู้สั่งมาคีบกินเปล่าๆ หรือกินกับข้าวสวยร้อนๆ ไม่ได้ ส่วนข้าวต้มเป็ด ขอแนะนำเจ้าประตูผีอยู่ในซอยที่แยกจากถนนมหาไชยข้างวัดเทพธิดารามไปออกศาลา ว่าการ กทม. ข้าวต้มห่านนั้นไม่เคยเห็นใครทำขาย

ห่านทำพะโล้จะเข้า กันดีเพราะยิ่งเคี่ยวก็ยิ่งเข้าเนื้อ เวลากินก็เลาะกระดูกแล่เอาแต่เนื้อสับเป็นชิ้นๆ ติดทั้งหนังทั้งเนื้อ ราดน้ำพะโล้ชุ่มๆ คีบจิ้มน้ำจิ้มทำจากน้ำส้ม กระเทียม พริก อร่อยอย่าบอกใคร ผมกินมานานเพิ่งรู้จากหมึกแดงว่าวิธีที่เคยกินนั้นผิด เสียของ!

การ บริโภคสูตร คุณชายถนัดศรี คือ ใช้ตะเกียบคีบเนื้อจิ้มน้ำจิ้มแล้วเอาเข้าปากเคี้ยวก่อน ต่อจากนั้นจึงตักน้ำพะโล้ราดข้าวสวยแล้วตักข้าวเปล่าตาม ถ้ากินกับข้าวต้มก็ตักข้าวต้มตาม ห้ามโปะเนื้อห่านลงบนข้าว ต้องกินให้ละเมียดละไมอย่างนี้จึงจะได้สุนทรียรสของห่านพะโล้ อ้อ! แล้วคนที่เขี่ยเอาหนังออก คีบแต่เนื้อกินนั้นสิทธิการิยะท่านว่า อย่าริกินห่านพะโล้เลยครับ ไปกินข้าวกับไข่เจียวหรือกะเพราไก่ไข่ดาวจะคุ้มกว่า!

เมื่อก่อนนี้ ห่านพะโล้อร่อยคู่บ้านคู่เมืองต้องเจ้า ท่าดินแดง ฝั่งธนบุรี เลยวัดอนงคารามทางไปโรงพยาบาลตากสินหรือถนนเจริญนคร จะมีถนนแยกซ้ายไปลงท่าดินแดงริมแม่น้ำเจ้าพระยา ทางขวามือริมถนนนั้นมีร้านยกป้ายห่านพะโล้ท่าดินแดง นั่นแหละครับ! พวกเจ้าสัวเงินล้านนิยมลงเรือข้ามแม่น้ำจากท่าราชวงศ์ ฝั่งกรุงเทพฯ ไปขึ้นที่ท่าดินแดงแล้วเดินไปกินห่าน พออิ่มก็เดินกลับไปลงเรือ

เดี๋ยว นี้มีร้านห่านท่าดินแดงแยกไปเปิดร้านขายหลายแห่งไม่ต้องถ่อไปถึงท่าดินแดง ที่ถนนบรรทัดทองมาจากสี่แยกเจริญผลก่อนจะถึงถนนพระรามที่ 4 มีร้าน ฉั่วคิมฮวด อยู่ซ้ายมือขายห่านพะโล้อร่อย อีกเจ้าอยู่ถนนพัฒนาการ จากสี่แยกพัฒนาการไม่ขึ้นสะพานลอยตรงไปนิดเดียวร้านอยู่ฝั่งซ้ายนี่ก็ห่าน พะโล้ท่าดินแดง ขายมาตั้งแต่ผมยังเรียนธรรมศาสตร์ ปี 1 เวลาสอบเสร็จต้องนัดกันไปเลี้ยงฉลองที่ร้านนี้

อีกเจ้าอยู่ถนนทรงวาด ที่จะไปออกโรงเรียนเผยอิงและห้างเจียไต๋ ปากซอยมีร้านเซเว่น ร้านห่านพะโล้เจ้าอร่อยอยู่ตรงข้ามธนาคารเอเชีย พอ 10 โมงเช้าก็หมด

ถนน แจ้งวัฒนะ ถ้ามาจากถนนวิภาวดีจะไปเมืองทอง พอผ่านศูนย์ราชการซ้ายมือจะเห็นอาคารศาลทั้งหลายแหล่ เช่น ศาลยุติธรรม ศาลปกครอง ศาลรัฐธรรมนูญ เลยไปนิดเดียวเป็นตึกแถว สังเกตร้านตัดสูททรงสมัยไว้ ก่อนถึงร้านทรงสมัยมีร้านห่านพะโล้ชื่อ "เบียร์โภชนา" สมัยก่อนตั้งหาบขายริมคลองประปา เวลาแดดร่มลมตกพวกนิยมเหล้ายาปลาปิ้งนัดกันไปกินห่านแกล้มเหล้าเบียร์เป็น ประจำ เวลานี้ยกหาบหนี ขึ้นห้างเปิดร้านใหญ่โตแต่รสชาติคงเดิม ดูสะอาดสะอ้านขึ้นด้วยซ้ำ คุณชัช ชลวร ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเคยชวนไปนั่งกินตอนเที่ยงๆ หลายหนแล้ว แต่ก็แคล้วคลาดเพราะผมมีธุระปะปังมากจนท่านเลิกนัดไปเอง เคยนัดผมไปเล่นกอล์ฟผมก็หาเวลาไม่ได้ เข้าใจว่าเลิกคบไปแล้วล่ะครับ

วัน หนึ่งผมแวะไปชิมเอง ของเขาอร่อยจริงๆ ยิ่งกินตามวิธีคุณชายถนัดศรีและหมึกแดงแล้ว แม้จะประณีตบรรจง ละเมียดละไมเสียเวลาไปหน่อย เพราะต้องคีบแล้วป้อน ป้อนแล้ววางตะเกียบ ใช้ช้อนตักข้าว เคี้ยวตุ้ยๆ แล้วคีบใหม่ แต่ก็ได้อรรถรสครบครัน อ้อ! ห่านพะโล้เป็นของแพงจานละหลายบาทอยู่จัดเป็นของเทวดา เวลาสั่งจึงให้ดูราคาก่อนนะครับว่าจะสั่งจานเล็ก ครึ่งตัวหรือทั้งตัวดี ส่วนน้ำจิ้มนั้นขอเยอะๆ ก็ได้

แค่ราดข้าวด้วยน้ำพะโล้เปล่าๆ แล้วเหยาะน้ำจิ้มก็อร่อยนะครับ

.
คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)