ประชาสัมพันธ์ > การเตือนภัยสังคมและกลุ่มมิจฉาชีพต่างๆ

ระวังถูกหลอกและเรื่องเกี่ยวกับเงินๆ ทองๆ ของใกล้ตัว

<< < (23/38) > >>

sithiphong:
เปิดโปงมิจฉาชีพลวงเหยื่อจากความเชื่อใจ ตอนที่ 1
-http://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=PSVPY4e38Tw-

เปิดโปงมิจฉาชีพลวงเหยื่อจากความเชื่อใจ ตอนที่ 1

เปิดโปงมิจฉาชีพลวงเหยื่อจากความเชื่อใจ ตอนที่ 1




เปิดโปงมิจฉาชีพลวงเหยื่อจากความเชื่อใจ ตอนที่ 2
-http://www.youtube.com/watch?v=mtxhVfJWL5g-

เปิดโปงมิจฉาชีพลวงเหยื่อจากความเชื่อใจ ตอนที่ 2

เปิดโปงมิจฉาชีพลวงเหยื่อจากความเชื่อใจ ตอนที่ 2

sithiphong:
กสทช.เตือนปิด "โรมมิ่ง" ขณะเยือนหนองคายชมบั้งไฟพญานาค ระวังค่าโทรพุ่งเป็นแสน
-http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1382096373&grpid=00&catid=&subcatid=-

นายประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เปิดเผยว่า กสทช. ออกประกาศเตือนผู้ใช้บริการโทรศัพท์มือถือที่เดินทางไปเที่ยวเทศกาลบั้งไฟพญานาค วันออกพรรษา จ.หนองคาย ซึ่งติดกับประเทศลาว ต้องระมัดระวังและตรวจสอบกับเครือข่ายผู้ให้บริการแจ้งปิดบริการข้ามแดนอัตโนมัติ (โรมมิ่ง)  เพื่อป้องกันปัญหาการเชื่อมต่อสัญญาณของประเทศเพื่อนบ้านอัตโนมัติ และทำให้เกิดค่าใช้บริการที่มีราคาสูง
 
ทั้งนี้ หากผู้ใช้บริการไม่ได้แจ้งกับเครือข่ายเพื่อปิดสัญญาณ จะทำให้สัญญาณจากประเทศลาวเชื่อมต่อโครงข่ายอัตโนมัติ ส่งผลให้จะถูกเรียกเก็บค่าบริการรับสายในอัตราโรมมิ่งจากประเทศลาว แม้จะยังอยู่ในพรมแดนประเทศไทยก็ตาม

ดังนั้น สิ่งที่ผู้บริโภคควรดำเนินการ คือ การปิดบริการกับศูนย์บริการลูกค้าสัมพันธ์ของผู้ให้บริการเครือข่าย หรือ การกดปิดบริการที่ตัวเครื่อง โดยเฉพาะการใช้งานดาต้า ซึ่งแต่ละเครือข่ายจะไม่เหมือนกัน รวมทั้งควรสังเกตสัญลักษณ์ชื่อเครือข่ายที่ขึ้นบนหน้าจอโทรศัพท์ หากไม่ใช่เครือข่ายที่ใช้บริการอยู่ในไทย แสดงว่ากำลังโรมมิ่งอยู่
 
นายประวิทย์ กล่าวว่า จากข้อมูลพบว่า เคยมีกรณีร้องเรียนค่าบริการดาต้าโรมมิ่งจากการเดินทางไปประเทศสิงคโปร์เพียง 3 วันถูกเรียกค่าบริการถึง 2 แสนบาท หรือกรณีที่เกิดขึ้นกับผู้บริโภคชาวแคนาดาเมื่อ 2 ปีที่แล้ว ถูกคิดค่าบริการดาต้าโรมมิ่ง 200ล้านบาท
 
อย่างไรก็ตาม ในบางประเทศมีกฎหมายกำหนดไว้ว่า หากผู้บริโภคไม่สมัครใช้บริการ ห้ามเปิดบริการโรมมิ่งให้กับผู้บริโภค  แตกต่างจากประเทศไทยที่ผู้ให้บริการจะเปิดบริการให้อัตโนมัติ โดยเปิดบริการโรมมิ่งให้ทันทีพร้อมการเปิดซิม ซึ่งหากผู้ใช้บริการไม่ทราบ เมื่อเดินทางไปยังต่างประเทศ หรือแม้แต่พื้นที่ชายแดน ก็จะทำให้เกิดค่าใช้จ่ายจากการเชื่อมต่อกับสัญญาณโทรศัพท์ของประเทศเพื่อนบ้านและทำให้เกิดค่าใช้จ่ายจำนวนมาก

sithiphong:
ตร.รวบหนุ่มออสซี่แก๊งบัตรเครดิตปลอม ตระเวนกดเงินทั่วเมืองพัทยา

-http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNNE16UTFNak0yT1E9PQ==&subcatid=-



วันที่ 3 พ.ย. พ.ต.ท.ชิดเดชา สองห้อง สวป.สภ.เมืองพัทยา จ.ชลบุรี พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ และนายอรรถวิทย์ จุติเวช เจ้าหน้าที่สืบสวนและตรวจสอบด้านร้านค้ารับบัตรเครดิตสายบริหารทางการป้องกันการทุจริตของธนาคารทยพานิชย์ ได้ร่วมกันจับกุมตัวนายปีเตอร์ จูนาส (Peter Junas) อายุ 42 ปี สัญชาติออสเตรเลีย  พร้อมของกลาง บัตรอิเล็คทรอนิกส์ปลอมสีขาวล้วน และหลากสี ด้านหลังมีแถบแม่เหล็กจำนวน 271 ใบ เงินสด 10,000 บาท มาสอบสวน ที่ สภ.เมืองพัทยา หลังเข้าจับกุม ทั้งนี้ สืบเนื่องจาก เจ้าหน้าที่ตำรวจ ชุดจับกุม ได้รับการประสานจากเจ้าหน้าที่ของธนาคารไทยพานิชย์ว่า มีชาวต่างชาตินำบัตรอิเล็คทรอนิกส์ปลอมมาใช้เบิกถอนเงินสดอัตโนมัติตามตู้เอทีเอ็ม ในเขตเมืองพัทยา ซึ่งส่วนใหญ่ผู้เสียหายจะอยู่ต่างประเทศ คาดว่าน่าจะมีแก๊งปลอมบัตรเครดิตข้ามชาติ เข้ามาในพื้นที่ จึงออกสืบสวนหาข่าวและตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดพบกลุ่มชายต่างชาติได้ขับรถยนต์มาจอด แล้วลงเดินตระเวณกดเงินตามตู้บริการเงินด่วนเมื่อวันที่ 2 พ.ย. 56  จึงทำการออกสืบสวนหาข่าว
               
จนเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้ทำการสืบสวนเป็นที่แน่ชัดว่ากลุ่มดังกล่าวพักที่บริเวณโรงแรมดิไอคอนเพลส ม.6 ซ.เนินพลับหวาน อ.บางละมุง จ.ชลบุรี จึงได้ออกติดตามดูพฤติการณ์จนพบชายต่างชาติมีลักษณะการแต่งกายและรูปร่างคล้ายกับผู้ก่อเหตุที่ได้ตรวจสอบในภาพกล้วงวงจรปิดเดินสะพายกระเป๋าสีดำอยู่บริเวณลานจอดรถของโรงแรมดิไอคอนเพลส จึงได้แสดงตัวเข้าจับกุม จากการตรวจสอบพบว่านายปีเตอร์ จูนาส (Peter Junas) เคยถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองพัทยาจับกุมในข้อหาลักทรัพย์หรือรับของโจรมาแล้ว สอบสวนเบื้องต้นให้การรับสารภาพว่าได้ใช้บัตรอิเล็คทรอนิกส์ปลอมกดเงินตามตู้เงินด่วนจริง และ ยังรับว่าได้บัตรอิเล็คทรอนิกส์ปลอมมาจากเพื่อน ชื่อเล่นไอเยน ชาวสเปน(ไม่ทราบชื่อนามสกุลจริง)อายุประมาณ 42 ปี โดยจะนำเงินที่ได้จากการกดเงินส่งให้กับนายไอเยน ส่วนตนจะได้ค่ากด 25 เปอร์เซ็นจากยอดที่กด
 
ภายหลังจากการสอบสวนแล้วจึงได้แจ้งข้อหาได้ทำบัตรอิเล็คทรอนิกส์ปลอมขึ้นและนำบัตรอิเล็คทรอนิกส์ปลอมไปใช้เบิกถอนเงินสดอัตโนมัติ(ATM)ก่อนควบคุมตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

sithiphong:
ตู้เอทีเอ็มตึกออลซีซั่น ถูกแฮก! สูญหลายหมื่น งดกดเงิน

-http://news.sanook.com/1307378/%E0%B8%95%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B9%87%E0%B8%A1%E0%B8%95%E0%B8%B6%E0%B8%81%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B8%A5%E0%B8%8B%E0%B8%B5%E0%B8%8B%E0%B8%B1%E0%B9%88%E0%B8%99-%E0%B8%96%E0%B8%B9%E0%B8%81%E0%B9%81%E0%B8%AE%E0%B8%81-%E0%B8%AA%E0%B8%B9%E0%B8%8D%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%99-%E0%B8%87%E0%B8%94%E0%B8%81%E0%B8%94%E0%B9%80%E0%B8%87%E0%B8%B4%E0%B8%99/-


(7 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทวิตเตอร์ วิทยุ จส.100 (@js100radio) ได้โพสต์ข้อความแจ้งเตือนประชาชนเกี่ยวกับการใช้บริการกดเงินสดผ่านตู้เอทีเอ็ม ภายในอาคารออลซีซั่น ย่านสาทร หลังพบผู้เสียหายจำนวนมาก ถูกโจรกรรมข้อมูล สููญเงินในบัญชีหลายหมื่นบาท

ตามรายงานระบุว่า กรณีดังกล่าวเกิดจากกระแสข่าวในโซเชียลเน็ตเวิร์ก ที่ต่อมาได้รับการยืนยันจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ลุมพินี ว่าเกิดกรณีกดเงินผ่านตู้เอทีเอ็มและพบว่าถูกโจรกรรม เบื้องต้นพบผู้เสียหายกว่า 30 ราย เงินในบัญชีสูญหายไปตั้งแต่ 30,000 - 70,000 บาท โดยตู้เอทีเอ็มที่มีปัญหาพบว่าเกิดปัญหาตั้งอยู่ที่ย่านถนนวิทยุ ได้แก่ อาคารออลซีซั่น และอาคารโรเล็กซ์

พ.ต.ท.เดชา พรมสุวรรณ์ พนักงานสอบสวนผู้ชำนาญการพิเศษ สน.ลุมพีนี ได้ประกาศแจ้งเตือนประชาชนว่า งดใช้บัตรเอทีเอ็มทุกธนาคารกดเงินที่อาคารออลซีซั่นและอาคารโรเล็กซ์ หลังพบผู้เสียหายหลายราย เบื้องต้นพบว่า ข้อมูลถูกโจรกรรมโอนเงินไปยังประเทศยูเครน ขณะนี้กำลังสืบสวนสอบสวนอยู่

ขณะที่ทางด้าน สมาคมธนาคารไทย สั่งงดใช้บริการตู้เอทีเอ็มที่อาคารดังกล่าวที่กล่าวข้างต้น พร้อมกับแจ้งเตือนว่า ควรใช้มือบดบังขณะกดรหัสเพื่อทำธุรกรรมทางการเงิน ส่วนความเสียหายที่เกิดขึ้นทางธนาคารจะเป็นผู้รับผิดชอบทั้งหมด

ขอบคุณข้อมูลจาก ทวิตเตอร์ วิทยุ จส.100
-https://twitter.com/js100radio-


-------------------------------------------------------------------------
.
โดนมิจฉาชีพมาขอซื้อ S4 ยกกล่อง แล้วจ่ายแบงค์ปลอม

-http://hitech.sanook.com/1387784/%E0%B9%82%E0%B8%94%E0%B8%99%E0%B8%A1%E0%B8%B4%E0%B8%88%E0%B8%89%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%B5%E0%B8%9E%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%8B%E0%B8%B7%E0%B9%89%E0%B8%AD-s4-%E0%B8%A2%E0%B8%81%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87-%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B9%89%E0%B8%A7%E0%B8%88%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B9%81%E0%B8%9A%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B9%8C%E0%B8%9B%E0%B8%A5%E0%B8%AD%E0%B8%A1/-

โดนมิจฉาชีพมาขอซื้อ S4 ยกกล่อง แล้วจ่ายแบงค์ปลอม

กลายเป็นอีกหนึ่งอุทาหรณ์ที่ทางทีมงานอ่านเจอมา เลยอยากนำมาฝากกันครับ เมื่อมีกรณีขโมยมือถือกันต่อหน้าต่อตาโดยมูลดังกล่าวนั้นทางทีมงาน Sanook! Hitech เจอมาจาก เว็บไซต์ pantipmarket.com ซึ่งผู้เสียหายได้โพสรายละเอียดไว้ดังนี้


ช่วยด้วยคะ โดยขโมยมือถือ


ทำที่เป็นมาขอซื้อ เราบริสุทธิ์ใจนัดเจอในคอนโด มันก็อ้างว่ามาจาก พระราม 2 ขี่มอเตอร์ไซด์มา มาไม่เป็น ให้เรามารอที่ bts บางนาได้ไหม เราบอกว่าได้ ปรากฎว่า มันบอกว่า มารอข้างล่างนะ เพราะมันขี่มอเตอร์ไซด์มาไกล คุยราคากันไว้ 18,000 บาทถ้วน สรุปผ่านไปได้ประมาณ 1 ชม. มันโทรมาบอกว่าถึงพระโขนงแล้ว ใกล้ถึงแล้ว ให้มารอได้เลย


แต่มันบอกว่า มันมารออีกฝั่ง เราก็ งง (ก็นัดกันหน้ากรมอุตุ) จะไปรอฝั่งตรงข้ามทำไม ซึ่งแถวนั้นช่วงค่าๆ จะเปลี่ยวเพราะไม่มีบ้านคนเลย สรุปเราเลยนัดมันมาที่หน้าปั๊ม Esso หน้าปากซอยลาซาล เราอยู่รอมันประมาณ 20 นาที มันโทรมาบอกว่า มันรอฝั่งตรงข้าม ซึ่งฝั่งตรงข้ามถนนโล่ง รถไม่ติด (แต่ฝั่งที่เรายืนรอรถติดมาก) ด้วยความที่เราเห็นใจมัน เพราะคิดว่ามันบิดมอเตอร์ไซด์มาไกลจากพระราม 2 มาถึงซอยลาซาล

เราเลยยินดีข้ามสะพานลอยไปหามัน ณ จุดที่มันบอก ปรากฎว่า มันขอดูเครื่องเราก็เลยเปิดเครื่องให้มันดู พอมันดูได้ไม่นาน มันก็ทำเป็นควักเงินออกจากกระเป๋าสะพายของมันแล้วก็เก็บเข้าไปเหมือนเดิม ทำเป็นควักมานับแล้วเก็บ เราก็บริสุทธิ์ใจยังไม่เอาตังค์กับมัน รอจนให้มันเช็คสภาพเครื่องจนพอใจ จนมันพอใจมันบอก OK เราเลยยื่นถุงให้มัน ยกกล่องพร้ออมใบเสร็จตามรูปภาพ



ปรากฎว่า ระหว่างที่เรายื่น มันก็ยื่นเงินมา เรากำลังจะนับเงิน ระหว่างที่เราคลี่แบงค์ออกจากหนังยาง มันบิดมอเตอร์ไซด์หนีไปเลย (เลวมาก) เราดูเลขทะเบียนรถไม่ทัน เพราะตกใจ และทำอะไรไม่ถูกเลย เราพยายามจะมองหา แต่ไม่เห็นแล้วว่ามันขี่ไปทางไหน เรากำลังจะไปแจ้งความ จึงอยากมาบอกให้พ่อค้า แม่ค้า หรือคนขาย หลายๆคน รู้นะ มิจฉาชีพมันมาได้หลายรูปแบบจริงๆ

มิจฉาชีพ เป็นผู้ชาย ผอมผิวขาว มีนวดนิดหน่อย และใส่หมวกกันน็อคเต็มใบ แต่เอาหมวกขึ้นครึ่งใบที่หัว ไม่ได้ถอดออกหมด และคร่อมมอเตอร์ไซด์ไว้ตลอด ขี่มอเตอร์ไซด์ยี่ห้ออะไร ทะเบียนอะไร เราจำไม่ได้ เพราะตกใจมาก และ มืดด้วย

เบอร์มือถือของมัน 088-9319xxx (แต่เช็คใน Google ไม่พบอะไรเลย เหมือนซิม 1 บาท)

เราเคยขายให้ใครหลายๆ คน เจอหลายๆ คนที่มาซื้อนัดเจอแบบนี้ก็เยอะ แต่ไม่เคยเจอเลวๆ แบบนี้ เพราะปกติคนที่มาซื้อ บางทีมาไกล เราก็เห็นใจ เราเลยต้องยอมออกมาหาคนซื้อที่ปากซอยตามนัด แต่ก็ไม่เคยมีปัญหาแบบนี้ มาเจอไอ้เลวคนนี้รายแรก

ตอนที่เราคลี่แบงค์พัน ใบที่ 2 เราเห็นลายการ์ตูน เรารู้เลยว่าแบงค์กาโม่ เราเอามือไปคว้าด้านหลังมอเตอร์ไซด์ของมันแต่ไม่ทันเพราะมันบิดไปแล้ว เพราะตอนนั้นถนนโล่งมาก

เตือนภัยให้ทุกคนทราบนะ เราเอารูปมาลงไว้ ก็จะไปแจ้งความก็ไม่รู้ว่าจะได้คืนหรือไม่

จากเหตุการณ์ดังกล่าวมีเหล่าสมาชิกเข้ามาความเห็นที่ในมุมต่างๆ มากมาย ถือว่าเป็นอีกหนึ่งกรณีที่อยากให้อ่านและจำไว้เป็นประสบการณ์นะครับ!!

ที่มา: www.pantipmarket.com

sithiphong:
สังเกตก่อนใช้...ตู้เอทีเอ็มปลอดภัย ไร้เครื่องสกิมเมอร์ฉกข้อมูล
-http://hilight.kapook.com/view/93328-



เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

            บ่อยครั้งที่เราได้ยินข่าวมิจฉาชีพลอบติดตั้งเครื่องสกิมเมอร์ในตู้เอทีเอ็ม เพื่อขโมยข้อมูลในบัตรเอทีเอ็มของผู้ใช้งานแล้วกดเงินออกไปใช้เอง ซึ่งที่ผ่านมาก็มีคนจำนวนไม่น้อยที่ต้องสูญเงินไปฟรี ๆ อย่างน่าเจ็บใจ แต่ถ้าเราลองสังเกตดูตู้เอทีเอ็มที่เราจะเข้าไปใช้ทำธุรกรรมสักนิด ก็อาจพอช่วยป้องกันไม่ให้เราตกเป็นเหยื่อของกลุ่มโจรไฮเทคเป็นรายต่อไปได้ แน่นอนว่ากระปุกดอทคอมมีคำแนะนำมาฝากกันด้วย


ก่อนอื่นมารู้จักเครื่องที่มีชื่อว่า "สกิมเมอร์" (Skimmer) กันก่อน

            สกิมเมอร์ เป็นเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ชิ้นเล็ก ๆ ที่คนร้ายสร้างขึ้นด้วยการนำแถบแม่เหล็กวงจรถอดรหัส และวงจรหน่วยความจำมาประกอบเข้าด้วยกัน สามารถพกพาได้ และใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ จากนั้นนำไปติดตั้งไว้ที่ช่องรูดบัตรของตู้เอทีเอ็ม

            เมื่อมีคนนำบัตรเอทีเอ็ม หรือบัตรเครดิตมารูด หรือสอดบัตรเข้าช่องเสียบบัตร แล้วกดรหัส ตัวแถบแม่เหล็กของสกิมเมอร์ก็จะบันทึกข้อมูลแล้วส่งไปเก็บไว้ในหน่วยความจำ หรืออาจส่งข้อมูลต่อไปถึงเครื่องคอมพิวเตอร์ของมิจฉาชีพเลยก็ได้ จากนั้นหน้าจอเอทีเอ็มอาจแสดงข้อความว่า "ขออภัย เครื่องไม่สามารถทำรายการได้" หรือ "ท่านทำรายการเรียบร้อยแล้ว กรุณารับเงิน" ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับประเภทของเครื่องอ่านบัตรปลอมที่ใช้

            เมื่อมิจฉาชีพขโมยข้อมูลจากบัตรเอทีเอ็มและรหัสผ่านไปแล้ว ก็จะนำข้อมูลนั้นไปสร้างบัตรปลอมที่มีข้อมูลในแถบแม่เหล็กเหมือนกับบัตรจริง ซึ่งสามารถนำไปกดเงิน หรือรูดซื้อสินค้าได้เหมือนบัตรจริงทุกประการ ทั้งนี้ คนร้ายบางคนอาจไม่นำข้อมูลไปทำบัตรปลอม แต่นำข้อมูลไปขายต่อในอินเทอร์เน็ตอีกทอดก็มี


แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรล่ะว่าตู้เอทีเอ็มตู้ไหนปลอดภัย ไร้สกิมเมอร์?

            เนื่องจากมิจฉาชีพมักซ่อนเครื่องสกิมเมอร์ไว้อย่างแนบเนียนมาก ดังนั้น การตรวจสอบอาจทำได้ไม่ง่ายนัก แต่อย่างน้อยก็มีแนวทางที่จะช่วยให้เราสังเกตเบื้องต้น เพื่อดูว่าตู้เอทีเอ็มนั้นเสี่ยงต่อการใช้งานหรือไม่ นั่นก็คือ

            ตรวจดูสิ่งผิดปกติรอบตู้เอทีเอ็มก่อนใช้งาน เพื่อดูว่ามีกล้องตัวเล็กซุกซ่อนอยู่หรือไม่ โดยมิจฉาชีพอาจติดกล่องใส่ใบปลิวไว้บริเวณเครื่อง เพื่อใช้ซ่อนกล้อง ถ้าพบเห็นกล่องใส่ใบปลิวแปลก ๆ ไม่ควรใช้เครื่องดังกล่าว และควรแจ้งให้ธนาคารทราบทันที

            ตรวจสอบบริเวณที่สอดบัตร หรือตรงแป้นกดตัวเลขว่ามีอุปกรณ์แปลกปลอมติดอยู่หรือไม่ หากสังเกตเห็นอุปกรณ์แปลกปลอม ให้รีบแจ้งให้ธนาคารทราบ

            ลองขยับหรือโยกอุปกรณ์ต่าง ๆ ของตู้เอทีเอ็มดู เพราะหากมีตัวสกิมเมอร์ติดอยู่ การโยกอาจจะทำให้ตัวสกิมเมอร์หลุดออกมาได้ เนื่องจากปกติแล้ว คนร้ายจะไม่ติดตั้งเครื่องนี้ไว้อย่างแน่นหนาเท่าใดนัก เพราะต้องถอดเครื่องสกิมเมอร์ไปใช้ติดตั้งตู้อื่น ๆ ด้วย

            หากเครื่องเอทีเอ็มเกิดขัดข้อง และบัตรติดอยู่ในเครื่อง ให้รีบแจ้งธนาคารเพื่ออายัดบัตรทันที เพราะการที่เครื่องขัดข้องอาจเป็นเล่ห์กลของคนร้ายที่ใช้เศษไม้ หรือไม้จิ้มฟันใส่เข้าไปในช่องอ่านบัตร เพื่อให้บัตรของผู้ใช้บริการติดอยู่ที่เครื่อง แล้วจะทำทีเข้ามาช่วยเหลือกดรหัสให้

            หากใส่บัตรไปในเครื่องแล้วไม่มีไฟกะพริบรอบช่องเสียบบัตร ควรเปลี่ยนไปใช้ตู้อื่น เพราะตู้นั้นอาจมีการติดตัวสกิมเมอร์ไว้ดูดข้อมูล


            นอกจากนี้ เพื่อเป็นการป้องกันตัวเองไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ ลองมาดูวิธีการใช้เครื่องเอทีเอ็มอย่างปลอดภัยกัน โดยเราควรจะต้อง...

            ตรวจสอบบริเวณเครื่องเอทีเอ็มที่จะเข้าไปใช้ว่ามีบุคคลต้องสงสัยอยู่หรือไม่ หากพบ ให้เปลี่ยนไปใช้เครื่องอื่น

            ใช้มือบังแป้นกดรหัสส่วนตัวขณะทำรายการ เพื่อไม่ให้ใครที่อยู่ข้าง ๆ หรือกล้องที่มิจฉาชีพแอบติดตั้งไว้มองเห็นรหัสส่วนตัวของเรา

            ใช้ลำตัวบังหน้าจอ ยืนประชิดกับตัวเครื่อง ขณะทำรายการ เพื่อไม่ให้คนที่ต่อแถวอยู่ข้างหลังมองเห็น
 
            พยายามใช้เครื่องเอทีเอ็มเครื่องที่เคยใช้เป็นประจำ เพราะหากเกิดความผิดปกติขึ้นเราจะสังเกตเห็นทันที

            พยายามเลือกใช้เครื่องเอทีเอ็มที่ตั้งอยู่ในที่ปลอดภัย มีคนพลุกพล่าน ในที่มีแสงสว่าง ไม่ใช่ที่เปลี่ยว เช่น ในสาขาของธนาคาร หรือตามร้านค้าที่เปิดให้บริการ 24 ชั่วโมง เพราะสถานที่ที่มีคนพลุกพล่านจะทำให้คนร้ายยากที่จะนำกล้องมาติดตั้งเพื่อแอบดูรหัสส่วนตัว

            หากพบความผิดปกติของเครื่อง ให้กดปุ่ม "ยกเลิก" เพื่อยุติการทำธุรกรรมนั้นทันที แล้วเปลี่ยนไปใช้เครื่องอื่น

            หลีกเลี่ยงการใช้เครื่องเอทีเอ็มที่มีข้อความ หรือป้ายที่แจ้งเตือนว่า ข้อความแนะนำการใช้เครื่องมีการเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อข้อความถูกติดเหนือช่องรับบัตร เนื่องจากธนาคารไม่มีนโยบายที่จะติดข้อความหรือป้ายประกาศใด ๆ บนเครื่อง โดยเฉพาะกรณีที่มีการดัดแปลงเครื่อง

            เก็บสลิปข้อมูลการใช้บัตรเอทีเอ็มทุกครั้ง เพื่อไว้ใช้เปรียบเทียบกับรายการเดินบัญชีประจำเดือนของคุณ

            ไม่ควรรีบร้อนทำธุรกรรม ควรเก็บบัตรและธนบัตรเข้ากระเป๋าเงิน หรือกระเป๋าถือให้เรียบร้อยก่อนเดินออกจากบริเวณเครื่อง

            หลีกเลี่ยงการใช้รหัสบัตรเอทีเอ็มที่เดาง่าย เช่น เลขตอง เลขสวย เลขที่เรียงกัน รวมทั้งเลขที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนตัว เช่น เลขวันเกิด ทะเบียนรถ อายุ ฯลฯ ควรตั้งรหัสให้เดายาก โดยทั้ง 4 หลัก ไม่ควรจะเป็นเลขซ้ำกัน เพื่อให้การสุ่มหมายเลขรหัสบัตรทำได้ยากขึ้น

            ควรเปลี่ยนรหัสบัตรเอทีเอ็มเป็นประจำ และให้รีบเปลี่ยนรหัสบัตรทันทีเมื่อมีบุคคลอื่นทราบรหัสบัตรของคุณ เพราะคุณไม่ควรให้ใครรู้รหัสเด็ดขาด ไม่ว่าจะเป็นสมาชิกในครอบครัว เพื่อนร่วมงาน หรือตำรวจ

            ควรจำกัดวงเงินการถอนในแต่ละวันไว้ โดยแจ้งไปยังธนาคาร เพื่อที่หากมิจฉาชีพได้นำบัตร หรือรหัสของคุณไปกด จะยังคงรักษาเงินไว้ได้บางส่วน

            ลองจดจำข้อมูลเหล่านี้ไปใช้ จะได้ปลอดภัยจากมิจฉาชีพในยุคไอที !


อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
เดลินิวส์
-http://www.dailynews.co.th/Content.do?contentId=193379-

, ธนาคารกรุงเทพ
-http://www.bangkokbank.com/BangkokBankThai/WebServices/YourSecurityFirst/Howyouprotectyourself/Pages/HowtosafeguardyoursecuritywhenusingATM.aspx-

, ธนาคารกสิกรไทย
-http://www.kasikornbank.com/TH/ServicesChannel/SearchServiceChannel/ElectronicMachines/Pages/KATM.aspx-

-------------------------------------------------------------------------

แนะนำวิธีสังเกตตู้เอทีเอ็มที่ต้องสงสัยว่าจะมีเครื่องสกิมเมอร์ติดตั้งอยู่ เพื่อเฝ้าระวังภัยก่อนเงินของเราจะเกิดการสูญหาย
วันศุกร์ 8 พฤศจิกายน 2556 เวลา 11:24 น.
-http://www.dailynews.co.th/Content.do?contentId=193379-














เมื่อวันที่ 8 พ.ย. ภายหลังจากมีคนร้ายชาวต่างชาติติดตั้งเครื่องสกิมเมอร์ในตู้เอทีเอ็ม ก่อนลักข้อมูลบัตรไปกดเงินจนเสียหายไปเป็นเงินหลายแสน แต่ยังมีหลายคนที่ไม่รู้จักเจ้าเครื่องดังกล่าวว่ามีวิธีการทำงานอย่างไร จึงเสนอข้อมูลไว้ให้เป็นประโยชน์ รวมทั้งวิธีสังเกตุสิ่งผิดปกติก่อนจะเสียบบัตรที่ตู้เอทีเอ็ม

วิธีสังเกตในการใช้บริการตู้เอทีเอ็ม คือก่อนใช้บริการทุกครั้ง ควรตรวจสิ่งดูผิดปกติ เช่น มีกล่องประชาสัมพันธ์ กล่องใส่ใบปลิว ติดที่หน้าตู้ ซึ่งเป็นการโฆษณาอื่นที่ไม่ใช่ของธนาคารหรือไม่ เพราะอาจจะมีกล้องตัวเล็กถูกซุกซ่อนไว้แอบถ่ายอยู่ จากนั้นก็ลองขยับหรือโยกอุปกรณ์ของตู้ได้ ถ้าไม่เป็นมาตรฐานของธนาคารมันจะหลุดออกมา เนื่องจากปกติมิจฉาชีพจะไม่ติดตั้งให้แน่นแบบถาวร เนื่องจากต้องถอดเครื่องสกิมเมอร์ไปที่ตู้อื่นด้วย

แต่ผู้มาใช้บริการบางรายอาจจะมาทำธุรกรรมที่ตู้ด้วยความเร่งรีบจนลืมระมัดระวัง ดังนั้นวิธีที่ง่ายที่สุดที่พอจะช่วยสังเกตุถึงความผิดปกติได้คือ ตู้เอทีเอ็มของทุกธนาคาร ก่อนที่จะเสียบบัตรจะต้องมีไฟกะพริบล้อมรอบช่องเสียบบัตรทุกครั้ง ดังนั้นถ้าไม่มีไฟกะพริบปรากฏให้สงสัยไว้ก่อนว่าอาจมีเครื่องดูดข้อมูล จึงควรเปลี่ยนไปใช้ตู้อื่น เพื่อความปลอดภัย

สำหรับ เครื่องสกิมเมอร์ (skimmer เครื่องดูดหรือกวาดข้อมูล) นั้น เป็นสิ่งประดิษฐ์ที่คนร้ายสร้างขึ้น โดยนำเครื่องอ่านแถบแม่เหล็ก วงจรถอดรหัส และวงจรหน่วยความจำมาประกอบเข้าด้วยกัน สกิมเมอร์มีหลายขนาดตั้งแต่เท่ากับกล่องใส่รองเท้าไปจนถึงขนาดเท่าซองบุหรี่ที่คนร้ายซ่อนไว้ในอุ้งมือได้ ใช้พลังงานจากแบตเตอรี่จึงสามารถพกพาได้สะดวก เมื่อนำบัตรเครดิต (หรือบัตรเดบิตเช่นบัตร ATM) มารูด สกิมเมอร์จะอ่านข้อมูลจากแถบแม่เหล็กและนำไปเก็บไว้ในหน่วยความจำ สกิมเมอร์ที่มีหน่วยความจำน้อยจะเก็บข้อมูลบัตรเครดิตได้ 50 ใบ ส่วนสกิมเมอร์ที่มีหน่วยความจำมากอาจเก็บข้อมูลได้หลายหมื่นใบ และเมื่อลักลอบดูดข้อมูลจากบัตรเครดิตไปแล้ว คนร้ายก็จะนำไปสร้างบัตรปลอมซึ่งมีอยู่ 2 แบบ แบบแรกเรียกว่า “บัตรสี” เป็นบัตรเครดิตปลอมที่มีสี มีลวดลาย และมีตัวพิมพ์นูนเหมือนของจริงทุกอย่าง รวมทั้งมีข้อมูลในแถบแม่เหล็กอย่างถูกต้องอีกด้วย บัตรแบบนี้สามารถนำไปใช้ได้ทุกแห่งเช่นเดียวกับบัตรจริง บัตรปลอมอีกแบบเรียกว่า “บัตรขาว” เป็นบัตรพลาสติกสีขาวมีเพียงแถบแม่เหล็กเก็บข้อมูล ซึ่งเพียงพอที่จะนำไปใช้ในหลายๆ แหล่ง เช่นนำไปกดเงินสดจากตู้ ATM หรือนำไปใช้กับร้านค้าที่ทุจริต คนร้ายบางคนไม่ทำบัตรปลอม แต่นำข้อมูลบัตรของเราไปขายในอินเตอร์เน็ตก็มี

นำร่อง

[0] ดัชนีข้อความ

[#] หน้าถัดไป

[*] หน้าที่แล้ว

ตอบ

Go to full version