ประชาสัมพันธ์ > การเตือนภัยสังคมและกลุ่มมิจฉาชีพต่างๆ

ระวังถูกหลอกและเรื่องเกี่ยวกับเงินๆ ทองๆ ของใกล้ตัว

<< < (20/38) > >>

sithiphong:
ทลายแก๊งค์ทองปลอม รายการแจ้งคลายทุกข์ 06 พ.ค.56
-http://www.youtube.com/watch?v=h-X1sy4jFeY-


ทลายแก๊งค์ทองปลอม รายการแจ้งคลายทุกข์ 06 พ.ค.56

ทลายแก๊งค์ทองปลอม รายการแจ้งคลายทุกข์ 06 พ.ค.56

.----------------------------------------------------------------------------



เทคนิคการดูทองปลอม
-http://www.youtube.com/watch?v=qGWdDp5CYHE-

เทคนิคการดูทองปลอม

เทคนิคการดูทองปลอม



.

sithiphong:
กรมบังคับคดีขายทอดตลาด แคลิฟอร์เนีย ว้าว
-http://hilight.kapook.com/view/88868-









กรมบังคับคดีขายทอดตลาด แคลิฟอร์เนีย ว้าว (ไอเอ็นเอ็น)
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก สปริงนิวส์

          กรมบังคับคดี ประกาศขายทอดตลาดทรัพย์สินแคลิฟอร์เนีย ว้าว ตามบัญชียึดทรัพย์ ด้าน เลขาฯ ปปง. ย้ำ ยังมีการติดตามอายัดทรัพย์ทั้งในและต่างประเทศต่อเนื่อง

          เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2556 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรมบังคับคดี กระทรวงยุติธรรม ได้ออกประกาศเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ กรมบังคับคดี ขายทรัพย์สินของบริษัทลูกหนี้ตามมาตรา 19 วรรคท้าย ของคดีล้มล้มละลายกลาง คดีหมายเลขแดงที่ ล.3777/2555 ซึ่งมีผู้เป็นโจทย์คือ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด(มหาชน) กับบริษัท แคลิฟอร์เนีย ว้าว เอ็กซ์พีเรียนซ์ จำกัด (มหาชน) โดยทรัพย์สินดังกล่าวกำหนดขาย ในวันที่ 19 กรกฎาคม 2556 ที่ผ่านมา ซึ่งกรมบังคับคดี ได้ดำเนินการขายทรัพย์สินที่โกดัง ตำบลถนนขาด จังหวัดนครปฐม และจะขายจนกว่าจะแล้วเสร็จ

          ด้าน พ.ต.อ.สีหนาท ประยูรรัตน์ เลขาธิการสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เปิดเผยกับว่า บริษัทแคลิฟอร์เนีย ว้าว ยังถูกร้องเรียนจากผู้เสียหายประมาณ 1,712 ราย ความเสียหายประมาณ 30-40 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้ ปปง. กำลังติดตามอายัดเงินของ บริษัท แคลิฟอร์เนีย ว้าว แม้ว่าบริษัทดังกล่าวจะมีการโอนไปต่างประเทศทั้งหมดแล้ว ทั้งนี้ ต้องการให้ผู้เสียหายที่ได้ร้องเรียนมา ไม่ต้องกังวล เพราะปปง. กำลังติดตามอายัดทรัพย์อยู่อย่างต่อเนื่อง และกำลังดำเนินการยึดทรัพย์สินที่อยู่ในประเทศและต่างประเทศ โดยการร่วมมือกับ กรมบังคับคดี แม้การติดตามทรัพย์ อาจจะล่าช้าบ้างก็ตาม


ไอเอ็นเอ็น

sithiphong:
ประกัน-ขายตรง มีจ๋อย-ครม. ดันกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
-http://hilight.kapook.com/view/89620-



เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม


          วราเทพ รัตนากร เร่งเดินหน้าผลักดันการออกกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หวังแก้ปัญหาเอกชนละเมิดนำข้อมูลไปใช้ในทางธุรกิจที่สร้างความเสียหายแก่ประชาชน

          นายวราเทพ รัตนากร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวเมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2556 ว่า หลังได้รับมอบหมายจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้เป็นประธานกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ ว่า จะเร่งเดินหน้าผลักดันการออกกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ..... ซึ่งร่างกฎหมายฉบับนี้ได้ผ่านความเห็นชอบของ ครม. แล้ว และจะพยายามผลักดันให้รัฐสภาหยิบยกร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ขึ้นมาพิจารณาเป็นการเร่งด่วน เพื่อให้กฎหมายฉบับนี้สามารถคุ้มครองสิทธิข้อมูลส่วนบุคคลของประชาชนทุกคนได้

          ทั้งนี้ นายวราเทพ เผยว่า ตาม พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ.2554 ได้กำหนดไว้ชัดเจนว่าข้อมูลส่วนบุคคลของประชาชนที่รัฐบาลมีอยู่ หน่วยงานราชการจะสามารถเปิดเผยได้ก็ต่อเมื่อมีการยินยอมจากผู้นั้นเป็นลายลักษณ์อักษร แต่ขณะนี้ประเทศไทยยังไม่มีการบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการปกปิดข้อมูลส่วนบุคคลในส่วนที่เอกชนมีอยู่เป็นการเฉพาะ จึงเกิดปัญหาการละเมิดนำข้อมูลส่วนตัวอื่น ๆ ไปใช้ในทางธุรกิจ ซึ่งอาจสร้างความรำคาญและสร้างความเสียหายให้กับประชาชนได้

          นอกจากนี้ นายวราเทพ ยังได้ยกตัวอย่างว่า เชื่อว่าทุกคนคงจะเคยเจอสถานการณ์ที่จู่ ๆ มีโทรศัพท์เข้ามาเสนอขายประกัน บัตรเครดิต หรือขายสินค้าอื่น ๆ โดยที่เราไม่เคยให้เบอร์โทรศัพท์กับบริษัทนั้น ๆ ซึ่งหากมีกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลในส่วนที่บังคับใช้กับเอกชนนี้แล้ว หากมีคนที่โทรเข้ามาหรือติดต่อเข้ามาด้วยวิธีการต่าง ๆ ก็จะสามารถใช้กระบวนการทางกฎหมายสอบถามได้ว่าเขาเอาข้อมูลมาจากไหน และเมื่อสอบถามถึงต้นตอแล้ว ก็สามารถให้ผู้ที่เอาข้อมูลของเราไปเผยแผร่รับผิดชอบในความเสียหายหรือลบข้อมูลของเราออกจากฐานระบบได้ ทั้งนี้ เชื่อว่าเอกชนจะให้ความร่วมมือในเรื่องนี้ เพราะเป็นการปกป้องสิทธิและข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า ซึ่งหากทำได้ก็จะส่งผลดีต่อธุรกิจในแง่ของความน่าเชื่อถือ



อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
กรุงเทพธุรกิจ


http://hilight.kapook.com/view/89620

sithiphong:
8กฏเหล็กพาสเวิร์ดปลอดภัย

-http://men.sanook.com/1235/8%E0%B8%81%E0%B8%8F%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B9%87%E0%B8%81%E0%B8%9E%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B9%80%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%94%E0%B8%9B%E0%B8%A5%E0%B8%AD%E0%B8%94%E0%B8%A0%E0%B8%B1%E0%B8%A2/-


การตั้งพาสส์เวิร์ดถือเป็นเรื่องหนักหนาสาหัสของหลายๆ คน เพราะบางทีไม่รู้จะเลือกเอาอะไรมาตั้ง ง่ายไปก็ไม่ดี กลัวโดนจับได้ ยากไปก็กลัวจะจำไม่ได้อีก สุดท้ายก็เลือกเอาแบบที่ง่ายที่สุด แล้วก็เกิดปัญหา โดนแอบเข้าใช้งานจนได้

ฉะนั้นแล้วถ้าไม่อยากถูกหลอก ก็แนะนำว่าตั้งให้สอดคล้องกับชีวิตประจำวัน ไม่ยากและไม่ง่ายเกินไป แต่ถ้าใครยังไม่แน่ใจว่าพาสส์เวิร์ดที่ตั้งปลอดภัยดีหรือยัง ก็ลองดูว่าคุณได้คิดตามสิ่งต่างๆ เหล่านี้บ้างมั้ย

1. ควรมีตัวอักษรอย่างน้อย 8 ตัว และประกอบด้วยอักษรตัวใหญ่ และตัวเล็ก ตัวเลขและสัญลักษณ์ ผสมกันยิ่งปลอดภัย
2. เลี่ยงการใช้วัน เดือน ปีเกิด ชื่อตัว (ชื่อแฟน เพื่อนสนิท พ่อแม่พี่น้อง ฯลฯ) หรือข้อมูลต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับตัวเรามาใช้
3. ใช้รหัสผ่านแยกกัน หากเป็นคนละบัญชีผู้ใช้งาน โดยเฉพาะรหัสผ่านที่ใช้เข้าถึงข้อมูลสำคัญ อาจจะใช้วิธีตั้งพาสส์เวิร์ดเป็นพวกเดียวกัน แต่เปลี่ยนตัวเลขที่ตามหลังเพื่อแยกความแตกต่าง
4. อย่าเลือก "จัดเก็บรหัสผ่านอัตโนมัติ" (Remember Password) หากต้องใช้เครื่องร่วมกับผู้อื่น
5. อย่าบอกหรือส่งพาสส์เวิร์ดให้ใครเด็ดขาด ไม่ว่าจะ วาจา อีเมล์ หรือ SMS ระลึกไว้ว่า เป็นรหัสลับ "ของคุณ" เท่านั้น
6. อย่าจดรหัสผ่านลงบนกระดาษ หรือสมุดโน้ตใดๆ ถ้าจำเป็น เก็บเอกสารไว้ในที่ปลอดภัย
7. เปลี่ยนรหัสผ่านทุกๆ 3 เดือน เพื่อลดโอกาสที่ใครจะมาถอดรหัสของคุณ
8. การพิมพ์รหัสผ่านเป็นภาษาไทย แต่ใช้แป้นพิมพ์ภาษาอังกฤษ ก็เป็นอีกแนวทางหนึ่งที่ให้จำได้ง่ายขึ้น

sithiphong:
KTC เตือน เลี่ยงทำธุรกรรมออนไลน์ผ่าน Free WiFi
-http://www.moneychannel.co.th/index.php/2012-06-30-12-32-32/18292-r61.html-

ผู้บริหารเคทีซี เตือน ผู้ถือบัตรเครดิตทำธุรกรรมออนไลน์จากการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่าน Free WiFi  มีความเสี่ยงสูงถูกแฮก ข้อมูล พบปีนี้ความเสียหายพุ่งแตะ 6- 7 หมื่นบาทต่อเดือน

นายพรชัย  วิจิตรบูรพัฒน์  ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่าย Internal Audit  บริษัทบัตรกรุงไทยหรือ KTC  บอกว่า ปัจจุบัน การทำธุรกรรมออนไลน์ผ่านอินเทอร์เน็ต มีความเสี่ยงในการถูกล้วงข้อมูลมากขึ้น   โดยเฉพาะธุรกรรมที่เกิดขึ้นบนสมาร์ทโฟน ซึ่งที่ผ่านมา KTC พบว่า ความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการถูกขโมยข้อมูลบัตรเครดิต ไปซื้อสินค้าและบริการ มีมูลค่าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

โดยในปีที่ผ่านมา มูลค่าความเสียหายจากการโจรกรรมข้อมูล อยู่ในระดับหลักพันบาทต่อเดือน  แต่ขณะนี้ มูลค่าความเสียหายเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องมาแตะระดับ 6 หมื่น - 7 หมื่นบาทต่อเดือน และยังมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง    เนื่องจากปัจจุบันธุรกรรมออนไลน์ผ่านสมาร์ทโฟน ได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากมีความสะดวก และสามารถใช้บริการได้ทุกสถานที่
       
ความเสียหายส่วนใหญ่พบว่า เกิดจากการเชื่อมต่อระบบอินเทอร์เน็ตผ่าน Free WiFi จึงเป็นโอกาสที่กลุ่มมิจฉาชีพ จะใช้เทคโนโลยี เข้าไปดึงข้อมูลของผู้ถือบัตรเครดิต และนำไปใช้แอบอ้านในการซื้อสินค้าหรือบริการต่างๆ

นำร่อง

[0] ดัชนีข้อความ

[#] หน้าถัดไป

[*] หน้าที่แล้ว

ตอบ

Go to full version