ริมระเบียงรับลมโชย > ห้องกีฬาและนันทนาการ

หมากรุกไทย

<< < (2/4) > >>

sithiphong:
กฏ กติกา การเล่นหมากรุกไทย
-http://www.oknation.net/blog/seri1324/2009/05/14/entry-2-

ปิดรุก ดูรุก

เมื่อขุนฝ่ายหนึ่ง ถูกอีกฝ่ายหนึ่งรุกด้วยเรือ ฝ่ายที่ถูกเรือรุกเอาหมากตัวอื่นมาปิดทางเรือ เรียกว่า ปิดรุก ถือว่าการรุกด้วยเรือขณะนั้นยุติ

ปิดรุก รุก

ถ้าหมากตัวที่เอาไปปิดทางเรือ นั้น เมื่อปิดแล้ว ทำหน้ารุกขุนอีกฝ่ายหนึ่งในขณะเดียวกัน เรียกว่า ปิดรุก รุก คือปิดรุก แล้วรุกเป็นการต่อสู้ด้วย

ตามตัวอย่างข้างบน เรือขาวรุกขุนดำ ถ้าฝ่ายดำเดินโคนดำมาที่ตาข้างขุนดำ เรียกว่าปิด หรือปิดรุก แต่ถ้าเดินม้ามาที่ตาเดียวกันนอกจากปิดตาเรือแล้วยังทำการรุกขุนขาวเป็นการตอบแทนด้วย เรียกว่า ปิดรุก รุก คือปิดรุก และรุกฝ่ายขาวด้วย

เปิดรุก

เมื่อขุนดำอยู่ในตากด และในทางเรือของฝ่ายขาวมีหมากของฝ่ายขาวขวางอยู่ เช่นโคน ตามตัวอย่าง ถ้าฝ่ายขาวเดินโคนถอยหลังตาทะแยงมาหลังขุนขาว เรือจะทำหน้าที่รุกทันที เรียกว่า โคน เปิดรุก แต่ถ้าเดินโคนตาทะแยงไปที่หน้าขุนขาว ก็เป็นการเปิดรุกเช่นกัน แต่โคนทำหน้าที่รุกด้วย จึงเรียกว่าโคน เปิดรุก รุก คือทั้งเปิดรุกโดยเรือ พร้อมกับรุกด้วยโคนพร้อมกันทำให้ยากแก่การแก้ไข

เปิดรุก รุก ดู เปิดรุก

เปิดหมาก

หมายถึง ลีลาการเดินหมากตอนต้นกระดาน เพื่อวางแผนช่วงชิงความได้เปรียบ มีรูปแบบการเปิดหมากหลายอย่าง เช่น การเปิดหมากแบบม้าผูก หรือแบบม้าเทียม เป็นต้น ดู ขึ้น

เม็ดเดิม

หมายถึง เม็ดตัวเดิมตั้งแต่เริ่มเล่นหมากรุกกระดานนั้น ถ้าสามารถไล่จนด้วยเม็ดที่มีมาแต่แรก เรียกว่าไล่จนด้วยเม็ดเดิม ถ้าเม็ดเดิมถูกกินไป และต่อมาภายหลังเดินเบี้ยคว่ำไปหงายเป็นเบี้ยหงาย ซึ่งมีอำนาจเหมือนเม็ดทุกประการ แต่ไม่เรียกเบี้ยงหงายตัวใหม่ว่า เม็ด หรือเม็ดเดิม คงเรียกว่าเบี้ยหงาย ผู้ชำนาญจะให้ความสำคัญ และรักษาเม็ดไว้เป็นอย่างดี เพราะช่วยคุ้มกันป้องกันขุนได้ในหลายกรณี

เรือลอย

หมายถึง เรือที่ไม่อยู่ในเขตอำนาจของหมากฝ่ายเดียวกัน คือไม่มีหมากตัวอื่นมาผูกหรือมาคุมไว้ ถ้าฝ่ายตรงข้ามมากินเรือตัวนี้ได้ ก็จะไม่มีโอกาสกินตอบแทน ถือว่าถูกกินเปล่า หรือกินฟรี ยิ่งถ้าเรือตัวนั้นอยู่ไกลจากขุนหรือหมากตัวอื่นฝ่ายเดียวกัน บางครั้งเรียกว่า เรือลอย ผู้มีประสบการณ์ จะเดินหมากรุกให้หมากแต่ละตัวผูกหรือคุมอย่างรัดกุมเสมอ มีเรื่องเล่าว่า ขณะที่คุณลุงผู้มีประสบการณ์สูง เล่นหมากไม่เคยขาด กำลังเล่นหมากรุกอยู่อย่างเพลิดเพลินจริงจัง มีเด็กมาบอกว่า ลุง เรือลอย คุณลุงบอกว่า เรือไม่ลอย เอาม้าผูกอยู่ กว่าจะรู้ว่า เรือที่คุณลุงพายมาเล่นหมากรุกจอดไว้ที่ท่าน้ำนั้นโซ่ขาด เรือลอยไป เรือของคุณลุงก็ลอยตามน้ำไปไกล เสียเวลานานกว่าตามเรือได้ ปัจจุบันก็ยังใช้เป็นที่เล่าขานกันอยู่

ตามตัวอย่าง เรือดำลอย ไม่มีหมากตัวอื่นมาผูกหรือคุ้มกัน แต่เรือขาวมีเบี้ยหงายผูกอยู่

ม้าขโมย

เป็นลีลาการขึ้นหมากแบบหนึ่งที่เดินม้าขึ้นสูงสามารถไปจับเบี้ยได้ถึงสองตัว ทำความลำบากให้ฝ่ายตรงกันข้าม ดูรูปประกอบ ฝ่ายดำขึ้นหมากแบบม้าขโมย

ม้าผูก

เป็นลีลาการเดินหมากตอนต้นกระดาน โดยเดินม้าให้อยู่ในตาที่ม้าผูกกัน

ม้าเทียม ดู เปิดหมาก ขึ้นหมาก

เป็นลีลาการเดินหมากตอนต้นกระดาน โดยเดินม้าให้ดาหน้าเรียงกันทั้งคู่

ไม่ถูกมุม

มักใช้กับเบี้ยหงายหรือเม็ด มีความสำคัญในตอนไล่ให้จนในปลายกระดาน การที่เบี้ยถูกมุก หรือไม่ถูกมุมมีวิธีการไล่ต่างกัน ไม่ถูกมุมหมายถึงเบี้ยหงายที่เดินไป ณ มุมนั้นไม่สามารถเดินเข้าตามุมกระดานได้

รุก

หมายความว่า ฝ่ายหนึ่งเดินหมากตัวใดตัวหนึ่งยกเว้นขุน เดินเข้าไปถึงตาที่ขุนของฝ่ายตรงข้ามอยู่ในเขตอำนาจของหมากตัวนั้น หมายความว่า หมากตัวที่ไปรุกนั้นจะกินขุน ขุนฝ่ายที่ถูกรุกจะต้องแก้ไขด้วยการหนีไปจากตาที่ถูกรุกนั้น หรือกินหมากตัวที่มารุก หรือในกรณีเรือ อาจหาหมากตัวอื่นมาปิดทางเรือ เป็นต้น ถ้าไม่มีตาหนี และไม่สามารถแก้ไขให้การรุกยุติได้ ถือเป็นแพ้ เรียกว่า จน ขุนจะรุกขุนด้วยกันเองไม่ได้

รุกกินเรือ

ในขณะที่เดินหมากตัวใดตัวหนึ่งไปรุกขุนฝ่ายตรงข้ามและในชณะเดียวกันกับที่รุกอยู่ก็เป็นตาที่สามารถกินเรือได้ด้วย เรียกการรุกนั้นว่า รุกกินเรือ และเช่นเดียวกัน ถ้ารุกแล้วสามารถจะกินตัวอื่นก็เรียกในทำนองเดียวกัน เช่น รุกกินโคน รุกกินม้า ฯลฯ ถ้าตัวที่รุกเป็นม้ามักเรียกว่ารุกฆาต แต่จะใช้กับหมากที่รุกตัวอื่นด้วยก็ได้

รุกฆาต

มักใช้กับม้า เมื่อเดินม้าไปรุกขุนฝ่ายตรงกันข้าม ขณะที่รุกขุนอยู่นั้น มีหมากตัวอื่นที่อาจจะถูกม้ากินได้อีกด้วย กรณีทั้งรุกและอาจกินตัวอื่นได้นี้เรียกว่า ม้ารุกฆาต เช่น อาจจะรุกฆาตกินโคน หรือรุกฆาตกินเรือ เป็นต้น รุกฆาตอาจใช้กับหมากตัวอื่นนอกจากม้าได้ด้วย ผู้เล่นหมากรุกฝีมือดี จะสังเกตอยู่เสมอว่าขุนกับหมากตัวอื่นของตน โดยเฉพาะเรือจะอยู่ในตาที่เข้าเกณฑ์ถูกม้ารุกฆาตได้หรือไม่ ผู้ที่เดินม้าเก่ง จะสามารถเดินม้าให้รุกฆาตกินเปล่าหมากของฝ่ายตรงข้ามได้บ่อยๆ

ลอย

ลอย หมายถึง ตัวหมากที่ไม่อยู่ในเขตอำนาจของหมากฝ่ายเดียวกัน คือไม่มีหมากตัวอื่นมาผูกหรือมาคุมไว้ ถ้าฝ่ายตรงข้ามมากินหมากตัวนี้ได้ก็จะไม่มีโอกาสกินตอบแทน ถือว่าถูกกินเปล่าหรือกินฟรี ถ้าหมากตัวนั้นอยู่ไกลจากขุนหรือหมากตัวอื่นฝ่ายเดียวกันเรียกว่า ลอย หรือหมากลอย

ศักดิ์กระดาน

ในกระดานหมากรุก มีตาเดินรวม 64 ตา ในการนับ เพื่อเป็นการตัดสินว่าฝ่ายได้เปรียบ จะสามารถไล่ฝ่ายเสียเปรียบให้จนในกำหนดได้หรือไม่ ถ้าไล่จนในกำหนดถือว่าเป็นฝ่ายชนะ ถ้าไม่สามารถไล่จนในกำหนด ก็ถือว่าเสมอกัน ไม่ว่าหมากจะได้เปรียบมากน้อยเพียงใด ถ้าหมากได้เปรียบเสียเปรียบกันไม่มากเรียกว่า คู่คี่กัน เช่น ฝ่ายหนึ่งมีเรือเดี่ยว อีกฝ่ายหนึ่งมีเรือเดี่ยวกับเบี้ยหงายเดี่ยว ฝ่ายเสียเปรียบอาจขอให้มีการนับ และการนับจะต้องนับตามศักดิ์กระดาน โดยเริ่มนับหนึ่ง เมื่อมีการขอร้องให้นับ จนถึง 64 ถ้านับถึง 64 ฝ่ายได้เปรียบไม่สามารถไล่ให้จนได้ ถือว่าเสมอกัน

ถ้ารุกจนในตานับที่ 64 (สุดท้าย)ถือว่าฝ่ายไล่เป็นฝ่ายชนะ และการรุกจนในตานับครั้งสุดท้ายนี้ ใช้เหมือนกันกับการนับตามศักดิ์หมากตัวอื่นด้วย ในขณะที่กำลังนับด้วยศักดิ์กระดานอยู่นั้น ถ้าฝ่ายเป็นรองหรือฝ่ายหนี ถูกกินหมากอื่นจนหมดเหลือแต่ขุน ก็จะต้องเปลี่ยนไปนับตามศักดิ์หมากทันทีที่ฝ่ายหนีเหลือขุนตัวเดียว ไม่นับต่อจากศักดิ์กระดาน และต้องเริ่มนับตามกติการของการนับตามศักดิ์หมาก

ศักดิ์หมาก

ในการไล่หมากรุกปลายกระดาน ถ้าฝ่ายหนีเหลือขุนตัวเดียว ฝ่ายไล่มีตัวมากกว่าและไม่มีเบี้ยคว่ำ (ถ้ายังมีเบี้ยคว่ำเหลืออยู่จะไม่มีการนับ) จะอนุญาตให้นับได้เท่าใดก็แล้วแต่ชนิด และจำนวนของหมากที่มีอยู่เรียกว่า ศักดิ์หมาก โดยมีกำหนดดังนี้ เรือคู่ นับ 8 เรือเดี่ยว นับ 26 โคนคู่นับ 22 โคนเดี่ยว นับ 44 ม้าคู่ นับ 32 นอกจากนั้นนับ 64 และการเริ่มนับ จะต้องนับจำนวนหมากทุกตัวที่มีอยู่ในขณะจะเริ่มไล่ก่อน รวมขุนทั้งสองฝ่าย แล้วนับต่อไปตามเกณฑ์ดังกล่าว ถ้ามีหมากผสมกันให้นับตามศักดิ์หมากที่สูงสุด

สูตรเม็ด

ตอนขึ้นหมากในตอนแรก ถ้าเล่นกันเองไม่ใช่การแข่งขัน เมื่อเดินเม็ดครั้งแรกอาจตกลงกันว่า เฉพาะการเดินเม็ดครั้งแรกให้เดินเม็ดได้คนละสองครั้งคือ เดินทะแยงสองครั้ง ผู้ดูจะเห็นว่าผู้เล่นเดินเม็ดครั้งแรกตรงไปข้างหน้าทีเดียวสองตา เรียกว่า สูตรเม็ด แต่ในการแข่งขันไม่อนุญาตเช่นนั้น ต้องเดินทีละตาตามเขตอำนาจ

เสมอ

หมายถึง ไม่แพ้และไม่ชนะ หมากรุกเมื่อเล่นไป จนแต่ละฝ่ายเหลือขุนกับหมากตัวอื่น ไม่มากพอที่จะไล่ฝ่ายตรงข้ามให้จนได้ สองฝ่ายอาจตกลงขอเสมอกันได้ หรือถ้ามีตัวหมากรุกที่ได้เปรียบเสียเปรียบกันไม่มาก ฝ่ายเสียเปรียบอาจขอให้มีการนับ ก็จะนับตามศักดิ์กระดาน (ดูการนับ) ถ้านับตามศักดิ์กระดานแล้วยังไล่ไม่จน ถือว่าเสมอ หรือฝ่ายหนีเหลือขุนตัวเดียวฝ่ายไล่มีหมากมากกว่า และไม่มีเบี้ยคว่ำนับตามศักดิ์หมากแล้วไล่ไม่จนถือว่า เสมอ หรือฝ่ายไล่เดินหมากและทำให้ขุนฝ่ายหนีอับ โดยไม่ถูกรุก และไม่มีหมากตัวอื่นที่จะเดินได้ ถือว่า หมากรุกกระดานนั้นเสมอกัน

เสียสอง

เสียหมากไปสองตัวโดยได้กินคืนมาเพียงตัวเดียว ดู กินสอง

หงาย

เบี้ยคว่ำของฝ่ายหนึ่ง ถ้าเดินตรงไปข้างหน้าถึงแถวตั้งเบี้ยของฝ่ายตรงข้ามได้ เบี้ยคว่ำตัวนั้นจะได้รับสถาปนาให้เป็นเบี้ยหงาย โดยหงายเบี้ยตัวนั้น ทำหน้าที่เหมือนเม็ดทุกประการ เบี้ยคว่ำทุกตัวมีสิทธิหงายได้ ขณะจะหงายเบี้ยที่คว่ำอยู่ให้หงายขึ้นนั้นเรียกว่า อังแพลม (ดูอังแพลม)

หงายรุก ดู รุก

ขณะที่กำลังหงายเบี้ยคว่ำอยู่นั้นเมื่อหงายทันทีก็อยู่ในตาที่สามารถรุกขุนฝ่ายตรงข้ามได้ด้วย เรียกว่าหงายรุก

หมากป้อง

เป็นการลดแต้มต่อของผู้มีฝีมือดี โดยฝ่ายที่มีฝีมือดีต่อให้อีกฝ่ายหนึ่ง โดยมีข้อตกลงกันว่า ถ้าอีกฝ่ายหนึ่ง สามารถรุกขุนของฝ่ายมีฝีมือดีจนต้องเดินขุน เพื่อให้หนีจากตารุกถือว่าฝ่ายฝีมือดีเป็นฝ่ายแพ้ทันที

คำเต็มน่าจะมาจากคำว่า หมากป้อง(กัน) แต่ฝ่ายมีฝีมือดีจะต้องเดินหรือไล่อีกฝ่ายหนึ่งให้จนตามกติกาเดิม นับว่าเป็นการลดแต้มต่อที่น่าสนใจ เพราะอีกฝ่ายหนึ่งอาจเอาชนะได้ แม้มีตัวเหลือน้อย เช่น เหลือเบี้ยหงายเพียงสองตัวก็อาจเอาชนะหมากป้องได้ เพราะเพียงแต่ต้องทำให้ขุนเดินหนีจากตารุกเท่านั้น การต่อแบบนี้อาจเรียกว่า การรุกขุนให้เคลื่อนที่ก็ได้ การต่อแบบนี้ ขุนฝ่ายฝีมือดีจะเดินไปได้ เพียงต้องระวังไม่ให้ถูกรุกจนต้องเดินขุนเท่านั้น

เคยมีการต่ออีกแบบว่า ขุนไม่เคลื่อนที่ออกจากที่ตั้งเลย ถ้าอีกฝ่ายหนึ่ง สามารถทำให้ขุนฝ่ายฝีมือดีต้องเดินออกจากที่ตั้งได้ ก็ถือเป็นชนะ การต่อแบบนี้ ความสามารถของทั้งสองฝ่ายคงแตกต่างกันมาก อาจมีการต่อกันแบบอื่นๆอีกได้ เช่น ลดเบี้ยหน้าเม็ด ลดเบี้ยหน้าโคน ยกเม็ด ยกเรือทั้งคู่ หรือยกเรือเดี่ยว หรือลดเรือเป็นเบี้ยหงาย สุดแต่จะตกลงกัน เพื่อให้การเล่นได้สนุกใช้ความสามารถเต็มที่ทั้งสองฝ่าย

หมากเป็นที หมากรุกเป็นที ดู เป็นที แก้ที

หมากกล ดู กลหมากรุก

หมากรุกกล ดู กลหมากรุก

หมากรุกคน

นับเป็นมหรสพหรือการแสดงอย่างหนึ่ง โดยจะมีผู้ชำนาญเล่นหมากรุกกันอยู่จริงๆ และในสนามข้างล่าง ก็จะจำลองทำเวทีให้คล้ายกระดานหมากรุกขนาดใหญ่ มีตัวหมากรุกซึ่งจะใช้คนแต่งตัวตามแบบนาฎศิลป์ เช่น ขุนก็จะเป็นพระราชา โคนก็จะเป็นนักรบ ม้าก็จะเป็นทหารม้ามีม้าเป็นสัญลักษณ์ เรือก็เช่นกัน เบี้ยก็จะเป็นทหารธรรมดา เม็ดก็จะเป็นขุนนาง เมื่อกระดานจริงเดินหมากตัวใด ปี่พาทย์ก็จะบรรเลงเพลงให้สมฐานะของหมากตัวนั้น และ ตัวหมากในสนามก็จะเดินหรือรำไปตามลีลาจังหวะของเพลง เป็นที่สนุกสนาน เมื่อถูกรุก ก็จะมีการต่อสู้กัน ถ้าถูกกินก็จะต้องตายมีเพลงโอด และตัวหมากที่ถูกกินจะต้องเดินเข้าฉากไปปัจจุบันหาดูได้ยาก

หมากรุกปลายกระดาน

เมื่อเล่นหมากรุกไป ก็จะมีการกินกันของทั้งสองฝ่าย หมากแต่ละฝ่ายก็จะเหลือน้อยตัวลงไป เมื่อหมากเหลือน้อยตัว ผู้ที่มีความชำนาญในการเล่นหมากรุกบางคน สามารถจดจำได้ว่าถ้าหมากอยู่รูปนั้น ฝ่ายใดจะได้เปรียบ และควรจะไล่อย่างไร เรียกหมากรุกที่เหลือตัวน้อยว่า หมากรุกปลายกระดาน

หมากรุกชั้นเดียว สองชั้น สามชั้น

ผู้ที่เล่นหมากรุกเป็นใหม่ๆ นึกอยากจะเดินหมากตัวไหน หรือเห็นว่าเดินไปแล้วจะดี ก็จะเดินไปเลย บางครั้งอาจเสียเปรียบคู่ต่อสู้ แต่ผู้ชำนาญจะคิดก่อนว่า ถ้าเดินหมากตัวนี้ไปตานั้น ฝ่ายตรงข้ามจะเดินมาอย่างไรได้บ้าง และเราจะแก้ไขอย่างไร คิดต่อไปหลายครั้ง เพื่อให้แน่ใจว่าเดินไปแล้ว จะไม่เสียเปรียบ ถ้าคิดครั้งเดียวแล้วเดิน ก็เรียกว่า เดินหมากรุกชั้นเดียว จะเป็นในมือใหม่ ถ้าคิดสองรอบก็เรียกว่า หมากรุกสองชั้น คิดมากรอบก็จะเป็น หมากรุกสามชั้นสี่ชั้นเรื่อยไป แต่ถ้าคิดนานไป คู่ต่อสู้ก็จะต้องคอยและเบื่อ บางทีก็บ่นเชิงล้อเลียนว่า เก่งไม่กลัว กลัวช้า หรือ เดินเสร็จแล้วปลุกผมด้วย ฯลฯ ในการแข่งขัน จึงกำหนดให้มีการจับเวลา เพื่อป้องกันปัญหาคิดช้าดังกล่าว

อังแพลม

เบี้ยคว่ำจะเดินตรงไปข้างหน้าได้ทีละตา เมื่อเดินไป หรือกินหมากของฝ่ายตรงข้าม พอดีถึงแถวที่ตั้งเบี้ยของฝ่ายตรงกันข้าม จะมีสิทธิหงายเป็นเบี้ยหงาย และถูกสถาปนาให้เป็นหมากที่มีอำนาจเหมือนเม็ด ในขณะที่เบี้ยคว่ำกำลังจะหงายเป็นเบี้ยหงายอยู่นั้น จะเรียกว่า อังแพลม บางทีก็เรียก อีแพลม นางแพลม หรือนังแพลม ถ้าเผอิญทำหน้าที่รุก หรือรุกจน ขุนฝ่ายตรงข้าม ก็จะพูดว่า ขุนฝ่ายตรงข้ามถูกรุกจนด้วยอังแพลม

อับ

หมายถึง การที่ขุนไม่สามารถเดินได้ หรือไม่มีตาเดิน โดยไม่ถูกรุก ถ้าขุนฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดอับ และต้องไม่มีหมากตัวอื่นเดินได้ด้วย ให้ถือว่าหมากรุกกระดานนั้นเสมอกัน ไม่ว่าจะมีหมากได้เปรียบเสียเปรียบอย่างไร แต่ถ้ายังมีหมากตัวอื่นเดินได้ ก็ต้องเดินหมากตัวอื่น และฝ่ายตรงข้าม อาจเดินหมากมารุกขุนที่อยู่ในที่อับนั้นให้จนได้ และถือเป็นแพ้ ไม่ใช่เสมอ


.

http://www.oknation.net/blog/seri1324/2009/05/14/entry-2

.

sithiphong:
หมากรุกไทย
-http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=panee&group=22-

"เก่งไม่มีในโลก เพียงแต่เขารู้วิธีมากกว่าเราเท่านั้น"

วิธีเรียนรู้และการสอน(สำหรับอย่างอื่นด้วยครับ)
1.เรียนรู้สิ่งที่จำเป็นต่อการเรียนรู้ก่อน ข้อกำหนด การปฏิบัติเบื้องต้น โดยเลียนแบบและทำตามไปก่อน
2.เรียนรู้พื้นฐานในเรื่องนั้นๆ โดยเน้นเรื่องที่จำเป็นก่อน
3เรียนรู้และทำความเข้าใจเพิ่ม สามารถจัดหมวดหมู่ และอธิบายได้
4.สะสมความรู้และประสพการณ์ สามารถสร้างแนวทางใหม่เพิ่มเติม โดยมีแนวทางหลักตามที่เรียนมา สอนผู้อื่นตามหลักการ หวังระดับคาดหวังได้ค่อนข้างแน่นอน
5.สูงสุดคืนสามัญ เรียนรู้แนวทางอื่น ปรับใช้ แก้ปัญหาได้ตลอด ไม่ยึดติดแนวใดแนวหนึ่ง สอนผู้อื่นตามความเหมาะสมกับวิถีและระดับการเข้าใจของผู้เรียน
กรอบและแกนการเล่น
1.เริ่มเกม 2.ดำเนินเกม 3.หาทางให้มีเปรียบมากกว่า 4.ทำให้มีโครงสร้างการถูกรุกจน 5.การรุกให้จน 6.การหาทางเสมอ 7.การพลิกสถานการณ์

การแบ่งเพื่อระยะเข้าใจ
...1.ระยะเตรียมพร้อม 2.ระยะดำเนินการและเฝ้าระวัง 3.ระยะแตกหัก 4.และระยะทำลายขั้นสุดท้าย
หรือ
...1.ระยะเปิดหมาก 2.แปรรูป แปรทาง 3.ขยายตัว พันตู 4.เบียด 5.ไล่และรุกจน

สิ่งควรจำและระลึกในใจ และประกอบการคิดหาตัวเดิน

การเล่นแบบไว
-อย่าหลับหูหลับตาเดินตามที่ตั้งใจ
-ดูตัวที่เขาเดินมา และที่เดินก่อนหน้า
-ดูตัวใกล้ ดูตัวไกล จะให้ดี ดูครบ8แนวตั้งและ8แนวนอน
-หาทางให้ได้เปรียบ อย่างน้อยหนึ่งอย่าง อย่าให้เขามีช่องบุก โดยเฉพาะการบุกแบบสายฟ้าแลบ
-ไม่ว่าจะได้เปรียบหรือเสียเปรียบ ให้ระลึกว่า มักมีสิ่งที่ตรงข้ามอยู่ด้วยเสมอ อาจแฝงอยู่หรือแสดงออกชัดเจน และผลกระทบอาจมากน้อยต่างกัน
-หาทางขยายความได้เปรียบหรือทำให้ชัดขึ้น แต่อย่าให้ความเสียเปียบที่แฝงอยู่แสดงฤทธิ์ได้ นั่นคือหาหมากเด็ด
-หาทางลดการเสียเปรียบ หรือให้พลิกกลับข้าง และพยายามขยายความได้เปรียบที่มีบ้างให้ชัดเจน แต่หาให้เจอ นั่นคือหาตัวพลิกสถานการณ์
-พยายามอย่าให้พลาด เบี้ย 1ตัว อาจเสียหายทั้งกระดานได้
-อย่าท้อ ปาฏิหารย์มีเสมอ
-อดทนจนกว่ามีการพลาด

.

sithiphong:
หมากรุกไทย
-http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=panee&group=22-

พื้นฐานการฝึกที่จำเป็น

ในบท "หมากรุกไทย เข้าใจตรงกันเสียก่อน(กติกา)" ได้กล่าวถึงวิธีการเรียนรู้แบบผมเองว่า ควรเข้าใจกฎกติกาเบื้องต้นที่จำเป็นต่อการเรียนรู้ก่อน จากนั้นเลียนแบบการปฏิบัติจากผู้ที่เป็นอยู่แล้ว โดยดูแล้วทำตาม จากนั้นมาทำด้วยตัวเอง เมื่อเดินตัวได้คล่องแลัวรู้ข้อผิดพลาดเบื้องต้นจากตัวเองแล้ว ก็ต้องจำข้อกำหนดเกี่ยวกับการแพ้ชนะ แล้วจึงมาเรียนรู้พื้นฐานของเรื่องนั้นๆต่อไป

อันนี้คือวิธีเรียนรู้ ในสิ่งที่เราจะต้องเรียนรู้ในแต่ละอย่าง

ทั้งนี้เนื่องจากเห็นว่า จะจำทั้งหมดในตอนแรกนั้นไม่น่าจะเป็นไปได้ และจึงต้องรู้พื้นฐานเพื่อการปฏิบัติก่อน และถ้าไม่รู้วิธีชนะ ก็จะชนะไม่ได้ ทำให้เวลาฝึกจะฝึกไปเรื่อยเปื่อยโดยไม่มีจุดหมายปลายทาง เหมือนเรือไม่มีหางเสือ (ขัดกับหลักการของผม "MBO... manage by objective การบริหารโดยกำหนดจุดมุ่งหมาย" )

ดังนั้นหลักท่ใช้เป็นแนวทางลำดับเนื้อหาที่เขียน จึงเน้นค่อยเป็นค่อยไป ค่อยๆจำ และให้ง่ายไว้ก่อน จึงจัดการเขียนเป็นลำดับดังนี้
1.เรียนรู้พื้นฐานที่จำเป็นต่อการเรียนรู้ (ยังไม่ถึงคำว่า Basic)
2.เรียนรู้พื้นฐานBasic จากนั้นเดินเลียนแบบ ทำตามเขาเดิน และฝึกเดินเอง

*เรียนรู้วิธีทำให้ชนะ
* รู้จักวิธีการได้เปรียบเบื้องต้น รู้จักประโยชน์ของของหน้าเบี้ย
* รู้อำนาจของหมาก หน้าที่ที่ควรเป็น ตำแหน่งหมากที่หมากแต่ละตัวจะได้ประโยชน์สูงสุด ในแต่ละรูปหมาก
* รู้รูปหมากหลายรูป (คือรู้แบบการเปิดหมาก การแปรทางเบื้องต้น จุดเด่น จุดอ่อน จุดด้อย จุดแข็ง รูปแบบการโจมตี การทำช่องทางเพื่อยึดตำแหน่งและโจมตี การป้องกันช่องทางขึ้นบุกของเขา และเก็บช่องทางตัวเองไว้ การยึดครองตำแหน่งที่สำคัญ )
* รู้จักวิธีขึ้นรูปและการปรับรูปเมื่อบางตัวขึ้นไม่ได้เต็มรูปแบบ

3.เมื่อคล่อง จึงจะเริ่มเข้าสู่หลักการที่เกี่ยวข้องต่อไป

4.ส่วนระดับสูงๆ อันนี้ผมยังไปไม่ถึงครับ(เป้าหมายแต่ละระยะ การเล่นระยะกลางของเกม การต่อสู้ หมากเด็ด การทำให้จนกลางกระดาน แนวทางคิดแต้มและเลือกตัวเดิน การเล่นกับตัวเองหรือการถอดหมาก )---จะศึกษาไปเรื่อยๆแล้วนำมาเขียนเพิ่มครับ

ตอนนี้พื้นฐานที่จำเป็นต่อการเรียนรู้ ก็ควรรู้กันมาแล้ว ถึงเวลามาเรียนรู้พื้นฐานBasicกันต่อไป

ก่อนอื่นควรเข้าใจแนวทางการเล่น การแบ่งระยะ หรือขั้นตอนการเล่นอันเป็นเบื้องต้นของการเรียนรู้ขั้นเบื้องต้นถึงขั้นกลางก่อนนะครับ เพื่อที่เวลาเรียนรู้จากตำราอื่น จะได้ไม่งง ทั้งนี้เพราะหลายตำราสอนตั้งแต่ ขั้นต้นไปท้ายสุดตามลำดับไป แต่ผมแบ่งตามความเหมาะสมตามรูปแบบ MBOดังกล่าวครับ จึงอาจฝึกสลับจากปลายมาหาต้นได้บ้าง หากไม่รู้ก็อาจงง อย่างไรก็ตาม เป้าหมายที่จะเป็นไปในท้ายสุด เมื่อเรียนรู้ครบจะเป็นอันเดืยวกันครับ

แนวทางการเล่นหมากรุกไทย(ขั้นเบสิคสู่ขั้นกลาง)
ผู้ที่เข้ามาอ่านบทนี้ คงจะมีพื้นฐานการเดินตัวและรู้กติกาหลักๆกันแล้วนะครับ เราจะมาเข้าใจแนวทางการเล่น และเป้าหมายการเล่นกันต่อ (จะเห็นว่าผมไม่ได้ใช้คำว่าเป้าหมายของเกม ซึ่งกว้างและลึกซึ้งเกินกว่าผมจะเข้าใจ)
เป้าหมายการเล่นของเกมหมากรุกไทย
อันนี้ขอให้เข้าใจว่าเป็นแนวคิดที่ผมสรุปมา เพื่อการเรียนรู้เท่านั้น เมื่อแตกฉานขึ้น ผู้เรียนรู้อาจได้รับความรู้จากทางอื่นเพิ่ม และเห็นขัดแย้งกับความรู้นี้ ก็แสดงว่าได้พัฒนามากขึ้นกว่าผู้เขียนแล้ว ซึ่งจะนับว่าน่ายินดีเป็นอย่างยิ่ง
ในความหมายต่อไป ผมจะกล่าวให้ป็นแบบรูปธรรมซึ่งเห็นและเข้าใจได้ ส่วนในแบบนามธรรมอาจมีบ้างแต่ไม่มาก ซึ่งถ้างง ขอให้ comment เข้ามานะครับ

เป้าหมายของวิธีเล่นมีแค่คำว่า
"จากจุดเริ่มเกมและมีการดำเนินไปของเกม ต้องหาวิธี หาทางให้ได้เปรียบมากกว่า และพยายามทำให้ฝ่ายตรงข้าม เข้าสู่รูปโครงสร้างการถูกรุกจนแบบใดแบบหนึ่ง แล้วรุกให้จน แต่ถ้าพลาดให้หาทางเสมอไว้ก่อน แล้วพยายามพลิกสถานการณ์ แต่อย่าฝืนความเป็นไปได้ในเกมนั้น"

ถ้าเราแยกคำออกมา จะมีส่วนประกอบวิธีการเล่นหลายส่วนคือ
1.เริ่มเกม 2.ดำเนินเกม 3.หาทางให้มีเปรียบมากกว่า 4.ทำให้มีโครงสร้างการถูกรุกจน 5.การรุกให้จน 6.หาทางเสมอ 7.การพลิกสถานการณ์
ทั้ง 7 นี้คือสิ่งที่ต้องพบและต้องปฏิบัติในทุกๆเกม(จริงๆแล้วควรกล่าวว่า ทุกๆการต่อสู้ เพราะอันนี้คือกฏและทักษะการต่อสู้ทุกกรณี...บอกอีกทีว่า คือความเห็นผม)

ในเรื่องที่แคบลงมาเช่นหมากรุกไทย อาจเคยมีการแบ่งวิธีการเล่นเพื่อให้สะดวกต่อการเรียน การสอนและการคิดไว้หลายแบบ เท่าที่พบก็มี
แบ่งแบบที่หนึ่ง...1.ระยะต้น 2.ระยะกลาง 3.ระยะปลาย
แบ่งแบบที่สอง...1.ระยะเตรียมพร้อม 2.ระยะดำเนินการและเฝ้าระวัง 3.ระยะแตกหัก 4.และระยะทำลายขั้นสุดท้าย
หรือแบบที่สาม...1.ระยะเปิดหมาก 2.แปรรูป แปรทาง 3.ขยายตัว พันตู 4.เบียด 5.ไล่และรุกจน
จะเลือกเข้าใจแบบใดก็แล้วแต่ความชอบนะครับ แต่ทั้งหมดจะมีส่วนประกอบหลักๆแบบที่ผมกล่าวถึงเสมอ

การแบ่งในแบบที่หนึ่งเป็นการแบ่งแบบง่ายๆ
แบบที่สอง เน้นแบ่งให้เข้าใจในรูปแบบที่ค่อนข้างนามธรรม แต่สามารถทำให้คิด และเข้าใจแบบกว้างๆคลอบคลุมแนวคิดหมากรุกไทยได้ง่ายยิ่งขึ้น และในบางครั้งสามารถปรับการเล่นให้สนุกๆตามสภาพได้ง่าย ขอให้อยู่ใน concept ก็พอ
แบบที่สาม เน้นเป็นขั้นตอนรูปธรรมมากกว่า มองเห็นเป็นการกระทำได้ง่ายๆ จะแบ่งไปตามเหตูการณ์ที่เกิดขึ้นบ่อยๆ ในช่วงเวลาที่การเล่นดำเนินไป แต่ในบางครั้งก็อาจมีเหตุการณ์อื่นเกิดขึ้นก่อนหรือหลังขั้นตอนที่ระบุในการแบ่งแบบนี้ ก็ขอให้อย่างงนะครับ เพราะในระดับหนึ่งแล้ว บางทีรูปหมากเข้ากับที่เคยเห็นมา และรู้วิธีการโจมตีแล้ว ก็อาจปรับช่วงการเล่นให้เหมาะกับเหตุการณ์ได้...ไม่ถือสาครับ

....ข้อควรจำไว้ก่อนคือ หมากรุกไทยจุดสำคัญต่อเกมคือ เปิดหมากให้ได้เปรียบ แปรทางให้มีประสิทธิภาพ รอบคอบ ไม่สุ่มสี่มุ่มห้าเดิน ส่วนช่วงต่อสู้และเบียดไล่นั้น อยู่ที่ความละเอียดคิดถี่ถ้วนเป็นหลัก
ในบทที่จะเขียนต่อไป อาจมีการแบ่งปะปนกันไปมา ก็ขอเข้าใจเบื้องต้นไว้นะ ขั้นตอนการเรียนรู้ต่อไปอาจจะแปลกๆไปบ้าง เพราะหลายท่านเน้นการสอนตั้งแต่เปิดหมากไปถึงแปรทาง เรื่อยไปจนถึงบทการไล่ แต่ผมขอเริ่มที่รูปแบบการรุกจนและรูปแบบการไล่ที่ควรรู้ เป็นอันดับแรกก่อน เพราะในเวลาเล่นจริง เป้าหมายอันนี้ต้องถูกมองหา และหาทางบรรลุเป้าหมายนี้ก่อนเสมอ
(การเรียนจากต้นไปหาปลาย หรือจากปลายไปหาต้น ผมว่าไม่มีแบบไหนดีกว่าแบบไหน ขึ้นอยู่กับสิ่งที่จะเรียนจะสอนมากกว่า)

อันดับแรกก็คือเรียนรู้วิธีทำให้ชนะ ซึ่งเวลาเล่นจะได้เฝ้ามองหา และปฏิบัติทันที เมื่อได้โอกาส เพื่อทำให้เขาจนได้ ไม่ใช่จะชนะอยู่แล้ว ขอแค่เดินให้ถูกตัว แต่ดันมองไม่เห็น เพราะไม่รู้วิธี จึงทำให้เสมอกันไปในที่สุด นั่นคือเราต้องรู้รูปรุกจนและดูให้เป็นกันก่อน

ไปบทต่อไปกันเลยครับ
รูปการรุกจนที่ต้องรู้ การไล่ และหมากขั้นต่ำที่สามารถไล่เพื่อสร้างรูปการรุกจน

.

sithiphong:
.

รายละเอียดเป็นลิงค์ให้ศึกษาค่อนข้างเยอะครับ
-http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=panee&group=8-

กระดานหมากรุก
ขุน
โคน
เม็ด-เบี้ยหงาย
เบี้ยคว่ำ
ม้า
เรือ
เริ่มฝึกการเดินตัว...ให้คล่อง
หมากรุกไทย เข้าใจตรงกันเสียก่อน(กติกา)
การรุก รุกจน การผูก
การแพ้ชนะ,การเสมอ
รุกล้อ การอับ
การไล่ การนับ
การนับศักดิ์กระดาน
การนับศักดิ์หมาก
พื้นฐานการเล่นหมากรุกไทย
โครงสร้างการรุกจน การไล่ การแก้ที และหมากขั้นต่ำ
รูปรุกจนโดย เรือ ,1ม้า1เม็ด ,1ม้า2เม็ด ,2ม้า1เม็ด,เม็ด
รูปรุกจนโดย 1โคน ,2โคน ,1โคน1เม็ด(หน้าโคน)
รูปรุกจนหลังโคนโดย 1โคน1เบี้ยหงาย(ทั้งตรงมุมและไม่ตรงมุมเบี้ยหงาย)
การรุกจนโดย สองเบี้ย
การไล่ และหมากกลที่ควรรู้
ค่าของหมาก หน้าที่ของหมาก
การได้เปรียบเสียเปรียบ 1
การได้เปรียบเสียเปรียบ 2
มองการได้เปรียบให้เป็น
ฝึกคิดแต้มให้เป็น โดยอาศัยหมากกล
เรียนรู้ในแนวลึกเชิงทฤษฎีของหมากรุกไทย 1
เรียนรู้ในแนวลึกเชิงทฤษฎีของหมากรุกไทย 2

http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=panee&group=8
.

sithiphong:
สอนวิธีการเล่นหมากรุกไทยอย่าเซียน และวิธีนับตาเดิน

-http://upload.one2car.com/download/download.aspx?pku=29F7CECB9685ABT41EFVDSZ82W[WFQ-

.

http://upload.one2car.com/download/download.aspx?pku=29F7CECB9685ABT41EFVDSZ82W[WFQ

.

นำร่อง

[0] ดัชนีข้อความ

[#] หน้าถัดไป

[*] หน้าที่แล้ว

ตอบ

Go to full version