ผู้เขียน หัวข้อ: ปลดแอก"ภาษีผัวเมีย"  (อ่าน 1212 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
ปลดแอก"ภาษีผัวเมีย"
« เมื่อ: กรกฎาคม 11, 2012, 11:43:38 pm »
ปลดแอก"ภาษีผัวเมีย"

ทวี มีเงิน



ราวๆ 4-5 เดือนมาแล้วเคยเขียนถึงปัญหาภาษีที่บังคับให้ภรรยาต้องนำรายได้มารวมกับรายได้ของสามีแล้วเสียในนามสามีเป็น "ภาษีที่ไม่เป็นธรรม" ในที่สุดเมื่อเร็วๆ นี้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยแล้วว่าไม่สามารถทำได้ เมื่อเปิดมาแล้วก็ถือโอกาสปิดประเด็นฉลองชัยเสียหน่อย

สำหรับสาระคร่าวๆ ที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยประมวลอัษฎากรมาตรา 40 และมาตรา 57 กำหนดให้เงินได้ทั้งสามีและภรรยารวมกัน และทำให้มีการเสียภาษีสูงขึ้นนั้น "ขัดรัฐธรรมนูญ" และ "ขัดหลักความเสมอภาค" และเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมตามมาตรา 30 เนื่องจากมีความแตกต่างในเรื่องสถานะบุคคล อีกทั้งไม่ได้เป็นมาตราที่รัฐกำหนดขึ้นเพื่อขจัดอุปสรรคหรือส่งเสริมให้สามารถใช้สิทธิเสรีภาพเช่นเดียวกับคนอื่น

เหตุผลของศาลเห็นว่ากฎหมายดังกล่าวทำให้สามีภรรยาที่มีเงินได้ "เสียภาษีสูงกว่าปกติ" และยังทำให้หญิงที่มีสามีเสียภาษีสูงกว่าผู้หญิงโสด กฎหมายดังกล่าวไม่เป็นการมุ่งสร้างความมั่นคงของสถาบันครอบครัวจึงทำให้หญิงและชายไม่นิยมสมรสเพราะต้องรับภาระภาษีที่สูงขึ้น ผู้สมรสแล้วต้องวางแผนเสียภาษีโดยบางรายถึงต้อง "จดทะเบียนหย่า" เพื่อจะได้ไม่ต้องนำเงินได้ของสามีและภรรยามารวมกัน

คาดจะมีผลปีหน้าแต่ที่เสียไปแล้วจะได้คืนหรือไม่ต้องลุ้นกันอีกช็อต

ก่อนหน้านี้กรมสรรพากรเคยคิดเลิกภาษีผัวเมียมาแล้ว แต่ดันไปบรรจุอยู่ในแพ็กเกจปรับโครงสร้างภาษี มาทราบภายหลังติด อยู่ที่คลังไม่เห็นด้วยที่จะลดภาษีบางประเภทที่อยู่ในแพ็กเกจนำเสนอ ขณะที่ก่อนหน้านี้คลังลดภาษีนิติบุคคลจาก 30% เหลือ 23% สูญเงินหลายหมื่นล้านไปแล้วก็เลยเบรกหัวทิ่มทั้งแพ็กเกจ

ทั้งที่มูลค่าภาษีผัวเมียจิ๊บจ๊อยแค่ 4 พันล้านบาท จึงโดนหางเลขไปด้วย

อันที่จริงในแพ็กเกจปรับโครงสร้างภาษีที่สรรพากรเสนอให้คลังพิจารณา มีภาษี "บุคคลธรรมดา" ที่จะปรับโครงสร้างให้เป็นธรรมขึ้น เดิมช่องว่างการเสียภาษีห่างกันมากทำให้คนมีรายได้สูงได้เปรียบ แต่คลังไม่เห็นด้วยอีกเหมือนกัน

ตราบใดที่ไม่ปรับโครงสร้างภาษีบุคคลธรรมดาไปด้วยถือว่าไม่เป็นธรรม ทั้งที่ข้อดีมีมากมาย จะมีเงินมากระตุ้นการบริโภค คนจะหันมาเสียภาษีมากขึ้น ทุกวันนี้คนที่ต้องเสียภาษี 10 ล้านคน แต่เสียจริงๆ แค่ 2 ล้านคน เพราะ "ภาษีแพง-โทษเบา" หากลดภาษีลง คนก็จะยอมเข้าระบบ รัฐก็จะมีเงินเข้าคลังมากขึ้น

ธรรมดาของถูกย่อมมีลูกค้ามาก รายได้ก็มากตามไปด้วย

-http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNME1Ua3pNekV5Tmc9PQ==&sectionid=-
.
คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)