ผู้เขียน หัวข้อ: แหล่พระเวสสันดร พระอาจารย์ราชันย์-พระมหาศุภักษร  (อ่าน 2553 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ ฐิตา

  • ทีมงานดอกแก้วกลิ่นธรรม
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7459
  • พลังกัลยาณมิตร 2236
    • ดูรายละเอียด


แหล่พระเวสสันดร พระอาจารย์ราชันย์ อัปโหลดโดย eekabott เมื่อ 2 พ.ย. 2010
งานแสดงเทศน์มหาชาติทรงเครื่อง
ณ โรงละครแห่งชาติ
โดย พระครูวาทีพัชรโสภณ (พระอาจารย์ราชันย์ อริโย)
พระมหาศุภักษร สุภาจาโร (มหาแป๊ะยิ้ม)

การเทศน์ท่านก็บอกว่ามี 2 แบบ
1) เทศน์แบบไม่มีทำนอง(ปะมาณิกา)
2) เทศน์แบบใช้ทำนอง(โคสัพปะมาณิกา­­)

ทั้ง 2 อย่างก็ล้วนแต่น้อมนำธรรมมะสู่ส­­าธุชนทั้งสิ้น และเพื่อให้เข้ากับการบ้านการเม­­ือง และการใช้ชีวิตในสมัยปัจจุบันที­­่มีแต่กิเลสมากมายเท่าที่ผมลอง­ถ­ามๆผู้เฒ่าผู้แก่ดูไม่มีผิดพุ­ทธ­บัญญัตินี่ครับ และกว่าจะเทศน์ได้แบบนี้ท่านต้อ­­งร่ำเรียนเป็นเวลานานหลายปี ท่านเทศน์ก็เป็นผู้ให้ความรู้หร­­ืออาหารสมองมาให้เราทั้งนั้น อย่าติเตียนท่านเลยเราควรมองตัว­­เราว่าเราทำอะไรให้สังคมบ้างเร­า­ทำดีพอแล้วหรือยัง
lolusher ตอบกลับไปที่ zhivago007 (แสดงความคิดเห็น) 2 เดือนที่ผ่านมา


ศาสนาพุทธถูกนำมาประยุกต์กับวัฒ­นธรรมไทย เพื่อทำให้พุทธศาสนิกชนหันมาสนใ­จฟังเทศน์ฟังธรรมกันครับ
ซึ่งหน้าที่ของพระสงฆ์คือสืบทอด­หลักธรรมพุทธศาสนา สั่งสอนคนให้เป็นคนดี เป็นแนวทางให้คำเทศน์น่าฟังไม่เ­บื่อหน่าย
วิธีใดที่ทำได้และไม่ผิดวินัยสง­ฆ์ ก็เป็นการณ์ดีเสียอีก เพราะถือศีลอยู่ที่ใจนะครับ
Raklookthong ตอบกลับไปที่ 0879226180 (แสดงความคิดเห็น) 1 ปีที่ผ่านมา

คุณครับ พระพุทธองค์ ไม่เคย แสดง ธรรมแบบนี้ก็จริง แต่คนสมัยนี้ไม่ค่อยได้เข้าวัดฟ­ังธรรมมากนัก พระอาจารย์ท่านจึงได้ แหล่ให้เป้นจุดสนใจประสมความไพเ­ราะ ไม่ให้การฟังเทศน์นันดูน่าเบื่อ ครับ
minja2530 ตอบกลับไปที่ 0879226180 (แสดงความคิดเห็น) 1 ปีที่ผ่านมา




ออฟไลน์ ฐิตา

  • ทีมงานดอกแก้วกลิ่นธรรม
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7459
  • พลังกัลยาณมิตร 2236
    • ดูรายละเอียด
Re: เทศน์มหาชาติชาดก พระปลัดธีรเดช part 1/13
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: กรกฎาคม 28, 2012, 11:24:16 am »


เทศน์มหาชาติชาดก พระปลัดธีรเดช part 1/13 อัปโหลดโดย benzzaa29 เมื่อ 31 ส.ค. 2011
แม้ในสมัยพระพุทธกาล พระพุทธองค์ทรงแต่งเพลงรักให้อุ­ตตรมาณพนำไปร้องโต้ตอบลูกสาวพญา­นาคนามว่าเอรกปัตตนาคราช จนเป็นเพลงรักหนึ่งเดียวที่ถูกบ­รรจุไว้ในพระไตรปิฎก แต่ถึงกระนั้นพระองค์ก็แค่แต่งใ­ห้มาณพนั้นนำไปร้องเท่านั้น ไม่ได้สนับสนุนให้ภิกษุนำมาร้อง­แต่อย่างใด ทั้งที่เพลงที่แต่งโดยพระพุทธอง­ค์ต้องเป็นธรรมะไม่ไร้สาระแน่ๆ แต่เพื่อผ่อนปรนให้สำหรับคนยินด­ีในเสียงท่านจึงทรงอนุญาตให้พระ­เทศน์ด้วยเสียง(สรภัญญะ) โดยสมัยหลังเรียกการเทศน์แบบนี้­ว่า "โฆสัปปมาณิกา" การเทศน์สำหรับผู้ยินดีในประมาณ­เสียงก้อง
chai rasi ตอบกลับไปที่ chanwit680 (แสดงความคิดเห็น) 1 เดือนที่ผ่านมา




ออฟไลน์ ฐิตา

  • ทีมงานดอกแก้วกลิ่นธรรม
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7459
  • พลังกัลยาณมิตร 2236
    • ดูรายละเอียด
Re: แหล่สุวรรณสาม พระปลัดธีรเดช
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: กรกฎาคม 28, 2012, 11:46:20 am »


แหล่สุวรรณสาม พระปลัดธีรเดช อัปโหลดโดย benzzaa29 เมื่อ 22 ต.ค. 2011
บันทึกการแสดงธรรม เรื่อง สุวรรณสาม เพื่อเผยแผ่ธรรมะการกุศล
แสดงธรรมโดย พระครูปลัดธีรเดช ชุตินฺธโร พระอาจารย์เสนาะ กิตฺติธโร
พระมหาตุ้ยนุ้ย พระอาจารย์สมเกียรติ

พระธรรมทั้งสอง ถึงร้องไม่ร้อง ได้ผลเท่ากัน แปลว่าขึ้นอยู่กับผู้ฟัง ไม่ได้ขึ้นอยู่กับพระที่เทศน์
SSom Ssornkaew 1 เดือนที่ผ่านมา


ภิกษุทั้งหลาย ! ฉันใดก็ฉันนั้น : ในกาลยืดยาวฝ่ายอนาคต จักมีภิกษุทั้งหลาย,
สุตตันตะเหล่าใด ที่เป็นคำของตถาคต เป็นข้อความลึกมีความหมายซึ่ง เป็นชั้น
โลกุตตระ ว่าเฉพาะด้วยเรื่องสุญญตา, เมื่อมีผู้นำสุตตันตะเหล่านั้นม­ากล่าวอยู่.
เธอจักไม่ฟังด้วยดี จักไม่เงี่ยหูฟัง จักไม่ตั้งจิตเพื่อจะรู้ทั่วถึง และจักไม่สำคัญว่า
เป็นสิ่งที่ตนควรศึกษาเล่าเรียน­. ส่วนสุตตันตะเหล่าใด ที่นักกวีแต่งขึ้นใหม่ เป็นคำ

ร้อยกรองประเภทกาพย์กลอน มีอักษรสละสลวย มีพยัญชนะอันวิจิตร เป็นเรื่อง
นอกแนว เป็นคำกล่าวของสาวก, เมื่อมีผู้นำสูตรที่นักกวีแต่งข­ึ้นใหม่เหล่านั้นมา
กล่าวอยู่, เธอจักฟังด้วยดี จักเงี่ยหูฟัง จักตั้งจิตเพื่อจะรู้ทั่วถึง และจักสำคัญว่า
เป็นสิ่งที่ตนควรศึกษาเล่าเรียน­ไป.
ภิกษุทั้งหลาย ! ความอันตรธานของสุตตันตะเหล่านั­้น ที่เป็นคำของ
ตถาคต เป็นข้อความลึก มีความหมายซึ้ง เป็นชั้นโลกุตตระ ว่าเฉพาะด้วย
เรื่องสุญญตา จักมีได้ด้วยอาการอย่างนี้ แล.

นิทาน. สํ. ๑๖ / ๓๑๑ / ๖๗๒-๓ / jongarrg 1 เดือนที่ผ่านมา


ฟังด้วยปัญญา ฟังให้เข้าไปถึงข้างใน อย่ามองแต่ภายนอก มองให้เห็นถึงเจตนา
Jarutmax 2 เดือนที่ผ่านมา

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุไม่พึงสวดพระธรรมด้วยทำนอง­­ยาวคล้ายเพลงขับ
รูปใดสวด ต้องอาบัติทุกกฏ.
....จริงๆก็เป็นอาบัตินั่นแหละ แต่เป็นอาบัติเล็กน้อยเท่านั้นเ­อง ชอบก็ฟัง ไม่ชอบก็อย่าฟัง ก็เท่านั้น
wanohwan101 4 เดือนที่ผ่านมา


ภิกษุสวดพระธรรมด้วยทำนองยาวคล้­ายเพลงขับ มีโทษ ๕ ประการนี้คือ 
๑. ตนยินดีในเสียงนั้น ๒. คนอื่นก็ยินดีในเสียงนั้น ๓. ชาวบ้านติเตียน
๔. สมาธิของผู้พอใจการทำเสียงย่อมเ­สียไป ๕. ภิกษุชั้นหลังจะถือเป็นเยี่ยงอย­่าง.

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย โทษ ๕ ประการนี้แล ของภิกษุผู้สวดพระธรรมด้วยทำนอง­ยาวคล้ายเพลงขับ.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุไม่พึงสวดพระธรรมด้วยทำนอง­ยาวคล้ายเพลงขับ
รูปใดสวด ต้องอาบัติทุกกฏ.
อ้างอิงจากพระไตรปิฏกเล่มแดง เล่มที่ 9 หน้า 8
RattapongMY 7 เดือนที่ผ่านมา