ประชาสัมพันธ์ > โครตเกรียนล้างโลก - ลงชักโครกซะ !
เหล่านักปฏิบัติจ๋าา มามะ มา ลวกน้ำร้อนขูดขน เอ๊ย มาคนค้นคน ชำแหละ .....
บัวผ่อง:
นี่ ๆ เหล่านักปฏิบัติจ๋าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา
มามะ มา ลวกน้ำร้อนขูดขน...เอ๊ย... มาคนค้นคน
ชำแหละ ภูมิศีลในตน กันหน่อยเป็นไร ?
อืม...แบ่บว่า พรุ่งนี้ก็จะเข้าพรรษาแล้วอ่ะค่ะ
อิฉัน ก็เรยนึกครึ้มอกครึ้มใจ ใคร่จะ ขออนุญาต
เปิด เรียลลิตี้ คนค้นคน ออกอากาศ ณ ห้องอภิญญาแห่งนี้
และ ขอเชิญชวนเหล่านักปฏิบัติจ๋าาาาา
กับ บรรดาลูกกระรอก ทั้งหลาย
มานั่งทบทวน เพื่อ สำรวจตรวจเชคสภาพ ภูมิศีลในตน
ให้คนอ่านเขาได้รับรู้เอาไว้เป็น วิทยาทาน มั่งอ่ะจร้าาาา
เผื่อจะทำให้ หลาย ๆ คน ในที่นี้
อ่านแล้วเกิดแรงบันดาลใจที่จะ หันมา ถือศีล5
ในช่วงเข้าพรรษานี้ ขึ้นมาได้มั่งง่ะ งิงิ
บัวผ่อง:
เอาล่ะ เนื่องจาก อิฉันเป็น คนที่เสนอหน้า มาตั้งประเด็น
อิฉัน จึงจำเป็น ต้องใช้สิทธิของการเป็น เลดี้เฟิร์ส
มานั่งเปิดใจ และ เปิดอก หยิบยกภูมิศีลในตน
ไปวางไว้บนเขียง ให้ ท่านผู้อ่านทุกคน ได้ชำแหละ แทะทึ้ง
พร้อมทั้งลวกน้ำร้อน ขูดขน ชั่งหา เนื้อนาบุญ
เป็นเคสแรก อ่ะคร้าาาาาาาาาาาาาาาาา
นี่ ๆ เหล่านักปฏิบัติจ๋าาาาาาาาาาาาาาาาาาาา
มามะ มา ลวกน้ำร้อนขูดขน...เอ๊ย... มาคนค้นคน
ชำแหละ ภูมิศีลในตน กันหน่อยเป็นไร ?
ก่อนอื่นก็ต้องขอ ออกตัวไว้ก่อนน้าาา ว่า
สมัยก่อน ตอนเข้าสู่วงการปฏิบัติ ใหม่ ๆ
อิฉัน ก็เคยถือ ศีล 5 ( ดังที่เคยเขียนไว้ ใน กระทู้เนี้ยะ ) อ่ะค่ะ
ทว่า เด๋วนี้ อิฉันไม่ได้ถือ ศีล 5 แล้วง่ะ ( แต่ถือ ศีล 6 อิอิ )
อืม...ไงก็จะลองใช้ ศีล 5 มาเป็นบรรทัดฐาน
ในการสำรวจ ภูมิศีล ของตัวเอง ดูน้าาาา
ว่า ผลจะออกมาเป็นยังไง
และ ต้องปรับปรุงแก้ไขตัวเอง
เพิ่มเติมตรงไหนมั่ง
บัวผ่อง:
เริ่มจาก
ศีลข้อ 1. ปาณาติปาตา เวรมณี ฯ
งดเว้นจากการทำชีวิตสัตว์ให้ตกล่วงไป
อันนี้ก็เกือบจะเปอร์เฟค อ่ะค่ะ
เดี๋ยวนี้ อิฉันก็จัดอยู่ในระดับ...
หมางับก็ไม่เตะ ยุงขบก็ไม่ตบ มดกัดก็ไม่บี้ อ่ะนะ
แถมยังงดใช้ ทรายอะเบต ใส่ถังน้ำ ในห้องน้ำด้วย
เพราะรู้สึกไม่ดี ที่ต้อง ฆาตกรรมหมู่ บรรดาลูกน้ำยุงลาย
เพื่อปกป้องตัวเองจากโรค ไข้เลือดออก,ไข้จับสั่น ฯลฯ อ่ะค่ะ
ก็เลยใช้วิธี ระมัดระวังตัวเองไม่ให้โดนยุงกัด แทน
พยามไม่เปิดประตูทิ้งไว้ ให้ยุงแห่บินเข้ามาปาร์ตี้ในบ้าน
หรือไม่งั้น ถ้ายุงมันเล็ดลอดเข้ามา ในห้องได้
ก็หาถุงครอบมันไปทิ้งนอกบ้าน
แต่ถ้ามันดื้อด้าน ไล่ยังไงก็ไม่ไป
ก็จะหาโลชั่นทากันยุง มาใช้ เอา อ่ะค่ะ
ก็ได้ผลดี ในระดับหนึ่ง อ่ะนะ
แต่ถ้าจะมีใครมาแย้ง อิฉันว่า
การงดใช้ทรายอะเบตของ อิฉัน
มันมีผลกระทบทางระบาดวิทยา
ทำให้ รัฐบาลสูญเสียงบประมาณ
ในการรณรงค์กำจัดลูกน้ำยุงลายไปเปล่า ๆ ปลี้ ๆ
และ มีคนไข้เป็นมาลาเรียขึ้นสมองตายมากขึ้น ฯลฯ
อิฉันก็พร้อมที่จะทำใจ ยอมรับ วิบาก
อันเป็นผลของ บัทเตอร์ ฟลาย เอฟเฟค
ที่เกิดจากการกระทำ ของอิฉัน เจ้าค่ะ
และ ถ้า ใครสามารถ พิสูจน์ดีเอ็นเอ ได้ว่า
ไอ้ยุง ตัวที่มันกัด จนลูกของเขาเป็น ไข้เลือดออกตาย นั้น
มันเป็น ยุงตัวที่เกิดจากลูกน้ำยุงลายในถังน้ำ ที่บ้านอิฉัน
อิฉันก็พร้อมจะ แสดงความรับผิดชอบ
ชดใช้ค่าเสียหายให้พวกเขา
แทนไอ้เจ้ายุงลายพวกนั้น ด้วยอ่ะค่ะ
แล้วก็จะ ไม่บ่นว่า พ่อแม่คนไหน สักคำด้วย ว่า
พวกมรึงดูแลลูกเต้ากันยังไง ฟระ
ถึงปล่อยให้ลูกมรึงถูกยุงกัด จนตาย5 งี้น่ะ
อ้อ ส่วน เมื่อเดือนที่แล้ว
นี่ก็ ตัดสินใจทำพิธี โบกมือบ๊ายบาย
เลิกใช้ชอล์คกันมด มาขีด
เพื่อ กันไม่ให้มดขึ้นน้ำขึ้นอาหาร ด้วยอ่ะ
( หลังจาก จำใจต้องใช้ ไอ้ชอล์คพวกนี้ อยู่หลายปี )
โดยที่รู้สึกเหมือนว่า เรากำลังใช้เอาอาหารมาล่อลวง
ทำให้เจ้ามดที่ไร้เดียงสา ต้องมาตายเพราะสารพิษจากชอล์คพวกนี้ ง่ะ
เฮ้อออ นี่ก็ไม่รู้จะเวิร์คไหม ?
เพราะ มดที่บ้าน มันจมูกไวโคตร ๆ
ขนาด ม่าม่าที่อยู่ในซองยังไม่ได้เปิด
มั๊นยังแอบมากัดจนเป็นรู
แล้วแอบขโมยกินมาม่า ของอิฉัน
จนอิ่มหนำสำราญ เลยอ่ะ
และ นอกจากนี้ อิน้องมด
มันยังชอบแอบมาไต่ตอม
แถวเหยือกน้ำ ที่อิฉันใช้ดื่มกินอีกด้วยนะ
แล้ววันดีคืนร้าย มันก็ยังเจื๋อกเดินซุ่มซ่าม
สะดุดขาตัวเอง ตกลงไปลอยแอ้งแม้ง
ดิ้นกระแด่ว ๆ อยู่ในเหยือกน้ำ อีกตะหาก
เดือดร้อน ให้ เจ้าของบ้านที่แสนดีอย่างอิฉัน
ต้องมาเป็นทุกข์เป็นยากมาช่วยปฐมพยาบาล
ทำให้มันรอดพ้นจากการสำลักน้ำตายอี๊ก
เฮ้ออ สำหรับ ตอนนี้พอเลิกใช้ชอล์คกันมด แล้ว
ก็เลยต้องพยามไม่วางอาหารเรี่ยราด
กินเสร็จก็รีบโยนสารพัดกับข้าว และ ขนมนมเนย เข้าตู้เย็น
และ พยามหลีกเลี่ยงการวาง อาหารต่าง ๆ
อันจะเป็นการล่อหูล่อตา อิพวกน้องมด อ่ะ
ส่วน เหยือกน้ำต่าง ๆ นี่ก็เก็บเข้าตู้เย็นโลด
เหลือไว้แต่ ขวดน้ำที่มีฝาปิดมิดชิด อยู่ข้างนอก
ซึ่งก็พอกล้อมแกล้ม อยู่ร่วมบ้าน
ก๊ะ อิน้องมด มันได้อย่างสงบสุข อ่ะนะ
แต่ก็มีบางครั้งเหมือนกัน ที่เผลอเรอ
วางจานอาหารทิ้งไว้จนมดขึ้น
ถ้าเป็นเมื่อก่อนก็จะ เคาะไล่มด
หรือ เอาจานไปวางตากแดด
ให้มดมันร้อนจนทนไม่ไหว
แล้วเดินหนีไปเองอ่ะนะ
ทว่า เคยอ่านเจอ ไอ้หนุ่มคนหนึ่ง
เขียนไว้ ที่ห้องสาดหนา เวบพันติ๊ป ว่า
เวลา เจอมดขึ้นอาหารที่บ้านเขา
เขาจะใช้วิธี ปล่อยให้มดพวกนี้
กินอาหารในจานจนอิ่มหนำ เสียก่อน
แล้ว รอจนมัน เลิกราไม่มาตอมที่จานนั้นไปเอง
จึงจะเอาจานนั้นไปทำความสะอาด
อะโหย อ่านแล้ว ประทับใจ มากมายอ่ะค่ะ
ก็เลยเกิดพฤติกรรมเลียนแบบ แหะ ๆ
เวลามีมด แอบมาตอมอาหาร ก็เลยใช้วิธีเดียวกับเขา
โชคดีที่ อยู่แฟลตคนเดียว ก็เลยไม่ต้องห่วง
เรื่องที่จะต้องทำตัวซ่กม่ก รบกวน รูมเมท
แต่ก็พยามไม่สับเพร่าเผลอเรอบ่อย ๆ หรอกนะ
เออ อีกเรื่อง เดี๋ยวนี้ อิฉันพยามเลิก
ที่จะเดินเหยียบหญ้าด้วยค่ะ ( ถ้าสามารถหลีกเลี่ยงได้ )
เพราะ ก่อนหน้านี้ มีใครคนหนึ่ง เคยบอก อิฉันว่า
คนธรรมดาอย่างเรา ไม่มีใครสามารถถือศีล 5
ให้บริสุทธิ์ผุดผ่องได้หรอก
แค่เราเดินเหยียบหญ้าในสนามเนี่ย
ก็สามารถทำให้ มดให้แมงตายไปหลายสิบตัวแล้ว
งี้ ใครมันจะถือศีลได้แบบหมดจดล่ะ ?
ฟังคำพูดของเขาแล้ว อิฉันก็รู้สึกว่า
เออ จริงด้วยแฮะ การเหยียบหญ้าในสนาม
มันก็เหมือนการฆาตกรรมหมู่ พวกมดแมงแมลงต่าง ๆ
อย่างที่ เขาว่า จริง ๆ แต่สิ่งที่ อิฉัน คิดต่างจากเขาก็คือ
อิฉันเกิดความสงสัยว่า ไอ้เรื่องการเหยียบหญ้าในสนามเนี่ย
จริง ๆ แล้ว มันเป็นเรื่องของการ เลี่ยงไม่ได้ หรือว่า บ่ายเบี่ยง
เพียงเพื่อ ปกป้องความสะดวกสบายของตัวเองกันแน่วะ ?
อิฉันก็เลยลองงดเว้นการเดินเหยียบหญ้า ดูอ่ะค่ะ
ซึ่ง มันก็สามารถทำได้ไม่ยากเย็นอะไร
แต่มันก็ต้องแลกมาด้วยการเสียสละ
ความสะดวกสบายเล็ก ๆ น้อย ๆ เหมือนกัน
จำได้ว่า บางครั้ง อิฉันต้องยอมเสียเวลาเดินอ้อมโลก
ไม่ยอมเดินไปทางเดียวกับชาวบ้านเขา
จนถูกมองว่า อินังนี่มันชอบทำอะไรประหลาด ๆ
เพียงเพราะ อิฉันพยามจะหลีกเลี่ยง
ไม่ให้เหยียบย่ำทำร้าย มดแมลงแมงกระบี้ต่าง ๆ
แต่ก็มีหลายครั้ง เหมือนกันนะ ที่ จำใจต้องเหยียบหญ้า
อาทิเช่น เวลาที่น้องชายมันจอดรถยนต์ไว้ข้างสนามหญ้าพอดี
ถ้าไม่เอาตรีนเหยียบหญ้า ก็ลงจากรถ ไม่ได้
ยกเว้นจะทำเรื่องมาก ขอออกทางด้านคนขับ
( แต่ก็อาจจะถูกรถเฉี่ยวตายได้ )
ซึ่งถ้าเจอเคสอิหลักอิเหลื่อแบบนี้
ก็จะทำใจเหยียบหญ้า
แต่ก็จะทำให้น้อยครั้งที่สุด และ เร็วที่สุดน่ะ
ซึ่งตอนที่เหยียบ ก็จะพยามปลง ๆ
แล้วกก็ไม่ได้รู้สึกทุกข์ระทมอะไร หรอกนะ
แต่ จะทำใจยอมรับวิบากต่าง ๆ ไปตามสภาพ
เพราะถือว่า มันเป็นเหตุสุดวิสัย หลีกเลี่ยงไม่ได้จริง ๆ
ก็แค่ยอมรับ ในวิบากที่ได้กระทำไป
ตามจำนวน มดแมงแมลงต่าง ๆ
ที่มันดันดวงซรวย มาแบนแต๊ดแต๋
ตายคาตรีนของเรา เท่านั้นอ่ะ
แต่ก็มีเรื่อง ขำ ๆ จะเล่าให้ฟังด้วยอ่ะ
เช้าวันหนึ่ง ต้องเดินกลับแฟลต
มีทางเลือก สามทางให้เดินผ่าน คือ
1. เดินลัดสนามหญ้า
2. เดินเลาะตามขอบพื้นดินข้างสนามหญ้า
3. เดิน อ้อมโลก ตรงพื้นซีเมนต์( ที่มักจะเลือกเดินตามปกติ )
วันนั้น นึกครึ้มอะไรก็ไม่รู้
จู่ ๆ ก็อยากลองเปลี่ยนบรรยากาศ
มาเดินเลาะตามขอบพื้นดินข้างสนามหญ้า
ใจหนึ่งก็ คะยั้นคะยอว่า
เฮ้ย ไม่เป็นไรไม่ใช่สนามหญ้าสักหน่อย เดินได้น่า
ประหยัดเวลามากกว่าการไปเดินอ้อมโลก
บนพื้นซีเมนต์ เยอะเลย
แต่อีกใจก็แย้งว่า เฮ้ย แต่ถ้าเดินบนพื้นดินตรงนั้น
มันมีโอกาสเหยียบพวกสิ่งมีชีวิตเล็ก ๆ ในดินได้นา
ถ้าเลี่ยงได้ ยอมเสียเวลาเดินบนพื้นซีเมนต์ดีกว่าไหม
ก็สองจิตสองใจลังเลอยู่นานเลย
ก่อนจะ ตัดสินใจเลือกเดินไปตามพื้นดิน
แล้วพยามบอกตัวเอง ประมาณ ว่า
เออน่า ก็แค่นี้เรื่อง จิ๊บ ๆ
ภาษพระเค้ายังว่า อาบัติปาจิตตีย์ เลยนิ
อย่าคิดมากเรยอ่ะ เด๋วเก๊าะกลายเป็น ..
ศีลพรตปรามาส หร็อก ฯลฯ
น่าขำ พอเดินเลาะไปตามพื้นดิน อย่างที่ใจมันเกลี้ยกล่อม
ได้แค่ สองสามก้าว เท่านั้น ก็เกิดอาการทนเดินต่อไปไม่ไหว ว่ะ
จู่ ๆ ใจมันก็รู้สึกตะขิดตะขวงใจ ขึ้นมาซะงั้น
ทุกครั้งที่ก้าวขา มันจะรู้สึกฝืน ๆ ยังไงบอกไม่ถูกนะ
อารมณ์ประมาณ ว่า เรากำลังฝืนใจ
ให้กายมันเดินไปในทางที่ไม่ถูกต้องชอบธรรม
เลยความรู้สึกไม่ค่อยจะดีน่ะ
อาจเป็นเพราะ เจื๋อกไปแอบเห็นความมักง่าย
ที่มันหมกเม็ดอยู่ลึก ๆ ในอนุสัย ด้วยมั้ง
สุดท้ายก็เลยชะงักตรีน ตัดสินใจย้อนกลับไป
เดินอ้อมโลกบนพื้นซีเมนต์เหมือนเดิม
พร้อมกับบอกตัวเองอย่างขำ ๆ ว่า
เออๆ ยอมแล้ว ๆๆๆๆ กรูเปลี่ยนใจแล้วก็ได้
กรูทำงี้ ไม่ลงว้อยยยยยยยยยย
บัวผ่อง:
อืม...แต่จากเหตุการณ์เล็ก ๆ น้อย ๆ
ที่เกิดขึ้นตรงนั้น มันก็ทำให้อิฉันเห็นความเปลี่ยนแปลง
ที่เกิดขึ้นภายในใจของตัวเองมากขึ้นเยอะเลยนะ
ใครคนหนึ่ง เคยบอกว่า คนเราจะเบียดเบียนชีวิตอื่นได้
ตามระดับความเคยชินอันเป็นปกติของเขา
แม่ค้าขายปลา ที่ฆ่าปลาเป็น อาจิณกรรม
เขาก็จะสามารถ ฆ่าปลาได้ด้วยความรู้สึกเคยชินเป็นปกติ
แต่ถ้าเมื่อไรที่เขา ต้องเขยิบไปฆ่าสัตว์ที่ใหญ่ ขึ้น
อาทิ เชือดไก่ เชือด หมู ที่เขายังไม่เคยทำ
เขาก็อาจะรู้สึกฝืน ๆทำไม่ลงในครั้งแรก ๆ
และ เมื่อไร ทำบ่อย ๆ ครั้งเข้า
การฆ่าสัตว์ใหญ่ก็จะกลายเป็นความปกติของเขา
จะว่าไป ไอ้อาการตะขิดตะขวงใจของอิฉันนั้น
มันก็คงคล้าย ๆ ไอ้อาการฝืนๆ ของ อิแม่ค้าปลาคนนั้น
ตอนที่ ต้อง เชือดหมูเชือดไก่ ล่ะมั้ง
เพียงแต่ว่า แทนที่จะเป็น หมูเป็นไก่
อิฉันกลับ ทำใจลำบากที่จะต้องไป เหยียบมดซักตัว
อะโหย รู้สึกขำตัวเองเหมือนกันนะ
ที่กลายเป็นผู้หญิงอ่อนไหว สไตล์ดราม่า ได้ถึงเพียงนี้
ผิดคอนเซปต์ของ อินังอเมซอนจอมโหด
ที่เพื่อนมันตั้งฉายา ให้เลยนะเนี่ย เฮ้อออออ
โดย สรุปแล้วสำหรับ ศีล ข้อ 1 นี้
อิฉันค่อนข้างทำได้ดี ในระดับหนึ่ง นะ
( แต่ก็ยังมีหลุด อยู่บ้าง อาทิเช่น
บางทีเดินไม่ระวัง ก็เผลอเหยียบหอยทาก
และ ตอนที่ต้องมานั่งจ่ายยาฆ่าพยาธิ
และ ยาฆ่าหิดฆ่าเหา ให้คนไข้ แหะ ๆ )
แต่ก็ถือ ว่า ยังโอเค แหล่ะ
อย่างน้อย สายอาชีพเภสัชที่อิฉันทำอยู่
ก็ เอื้ออำนวยในการถือศีลข้อ 1 มากกว่าหลายอาชีพนะ
ถ้าไปอยู่ในสาย อาชีพบางอย่าง เช่น สัตวบาล นี่
คงต้องลำบากใจในการถือศีล ยิ่งกว่านี้เยอะ
พี่คนหนึ่งเล่าให้ฟัง ประมาณว่า
ลูกชายแกเป็น สัตวบาล
ทำงานอยู่ในฟาร์มหมู
ต้องตรวจเชคสุขภาพหมู
แล้ว ยัง ต้องเซ็น ออร์เดอร์ฆ่าหมูล่วงหน้า แทบทุกวัน
แถมลูกหมูบางตัวที่เกิดมาพิการ ยังไม่ตายดี
บางทีก็ต้องสั่งให้เอาไปใส่ถุงโยนทิ้งถังขยะ
ทุกวันนี้ ลูกชายของ She เลยยังไม่กล้าบวช
เพราะเขารู้สึกว่า งานที่เขา ( เซ็นออร์เดอร์สั่งฆ่าหมูล่วงหน้า )
ทำให้ ศีลข้อ 1 ของเขาไม่หมดจด เลยยังบวชไม่ได้
เฮ้อออ จะว่าไปอิฉันก็โชคดี
มากกว่าลูกชายพี่เขาเยอะเลยเนอะ
บางที อาชีพ ก็มี ส่วนสำคัญ
ที่ทำให้ เราถือศีลข้อ 1 ได้ ลำบากนะ
นี่ยังคิดอยู่เลย ว่าถ้า อิฉันนึกครึ้ม
หันไปเล่นหุ้นเพื่อเก็งกำไร
หุ้นของ ซีพี ก็จะเป็นกลุ่มหุ้น ต้องห้าม
สำหรับอิฉัน เลยอ่ะ
และ ถ้าเป็นไปได้ อิฉันตั้งใจว่า ต่อไป
ถ้า ตัดใจจากเนื้อหนั่น ๆ ของน้องหมูน้องไก่
กับ น้องหอยนางรม ได้เมื่อไร
อิฉัน ก็จะหันไปกิน มังสวิรัติ
เพื่อลดการเบียดเบียนชีวิตด้วยอ่ะ
( แต่ตอนนี้ ยังอดใจไม่ไหว แหะ ...แหะ... )
อืม...พูดถึง เรื่อง การกิน มังฯ
ป๋าเทพ โพธิ์งาม เป็น ไอดอล
ในเรื่อง มังสวิรัติ ที่ อิฉัน ซูฮก มากมาย เลยนะ
คอยดูนะ สักวันหนึ่ง อิฉัน จะพยาม
ละ ลด เลิก การเบียดเบียนชีวิต
ให้ได้เหมือนที่ ป๋า ทำได้ นะเจ้าคะ
เอ้า เอา ลิงค์ พวกนี้ มาฝากจร้าาาาา
อ่านผ่าน ๆ แล้ว รู้สึกเข้าท่าดี อิอิ
เทพ โพธิ์งาม: ตลกที่ไม่ยอมตลกกับการกินเนื้อสัตว์ (1)
เทพ โพธิ์งาม: ตลกที่ไม่ยอมตลกกับการกินเนื้อสัตว์ (2)
เทพ โพธิ์งาม: ตลกที่ไม่ยอมตลกกับการกินเนื้อสัตว์ (3)
บัวผ่อง:
ศีลข้อ2. อทินนาทานา เวรมณี ฯ
งดเว้นจากการถือเอาของที่เจ้าของมิได้ให้
ถ้าหมายถึง ลักขโมยโต้ง ๆ นี่
สำหรับอิฉัน คงไม่มีให้เห็นหรอกนะ
แต่อันนี้ อิฉัน รวมไปถึง การมาทำงานสาย
การเบียดบังเวลาราชการ ไปทำธุระส่วนตัว
และการหยิบเอา วัสดุสำนักงาน มาใช้ส่วนตัว ด้วยอ่ะ
อืม...เรื่องพวกนี้ อิฉันก็ยังทำอยู่นะ (บ่อยด้วย)
แต่ก็ไม่ได้รู้สึกผิดอะไรเท่าไร เพราะว่า
อิฉันไม่เคยเอาอะไรของโรงบาลไปใช้ฟรี ๆนี่หว่า
อิฉันได้ชดเชยมูลค่าความเสียหายให้
ด้วยการบริจาคเงินจำนวนหนึ่ง
กับโรงพยาบาลทุกปีอยู่แล้ว
( เงินที่จ่ายไปน่ะ มากกว่าค่าเสียหายตั้งไม่รู้กี่เท่า )
ส่วนเรื่องการเอาเวลาหลวงไปทำงานราษฎร์ นี่ไม่ค่อยได้ทำอ่ะ
ส่วนใหญ่ จะไปธุระที่ไหน ก็ลาพักผ่อนไปโลด
แล้วเรื่องมาสาย นี่ก็ ชดเชยให้โรงพยาบาล
ด้วยการ ไม่ใช้สิทธิการลงไปพักผ่อน 1 ชม.
ในวันที่ต้องขึ้นเวรบ่าย แต่จะอยู่โยงทำงานกับคนอื่นต่อ ยาวไปเลย
ส่วนเรื่องโปรแกรมเถื่อน ในคอมพ์
นี่ก็โล๊ะออกจากโน๊ตบุ๊คของตัวเองจนหมดแล้ว
หันมาใช้ ฟรีแวร์ แทน ( ดังที่เคยเขียนเล่าไว้ใน ลิ้งค์นี้ อ่ะ )
ส่วนไฟล์เพลงไฟล์หนังละเมิดลิขสิทธิทั้งหลาย
ก็ตัดใจลบทิ้งจนเกลี้ยง แถม ยังใจป้ำ
บริจาคเงินสนับสนุนการศึกษา
เป็นค่าผิดผี ให้ป๋าบิลเกต ด้วย จำนวนหนึ่ง
เพื่อเป็นการแสดงความรับผิดชอบ
ที่เคยแอบใช้ MS เถื่อน ,วินโดวส์เถื่อน ของป๋ามาเนิ่นนาน
แล้วก็งดซื้อสินค้าละเมิดลิขสิทธิ ทั้งหลายแหล่
หลีกเลี่ยงการดู หนังซูม และ ซีดี สามแผ่นร้อย
และ งดดูหนังที่โหลดมาจากเนต แบบละเมิดลิขสิทธิด้วย
เออ มีเรื่อง ขำ ๆ เกี่ยวกับ ศีลข้อนี้ด้วยนะ
เมื่อปีก่อนมั้ง นึกครึ้ม อะไรไม่รู้
อาจจะเบื่อเวบเสวนาธรรมะ มั้ง
ก็เลยเข้าไปดูเวบอย่างว่า ในเนตอ่ะคะ แหะ ๆ
พอคลิ๊ก เปิด คลิปโจ๋งครึ่ม ในนั้นดู
ตอนแรกมันก็หวือหวา วาบหวาม
และ ตื่นตาตื่นใจดีหรอกนะ
แต่พอดูไปดูมา จู่ ๆ มันก็ชักรู้สึกตะหงิด ๆ
ชักไม่แน่ใจว่า เฮ้ยยย ไอ้คลิปพวกนี้ น่ะ
มันตัดมาจาก ซีดีหนัง เอวี ละเมิดลิขสิทธิ รึปล่าวฟระ
ไอ้ครั้นจะ โพสถามไอ้คนโพสคลิป หรือก็เกรงใจมันอ่ะ
เด๋วมันจะด่าโคตรพ่อโคตรแม่ ว่า
ตรูอุส่าเอามาแชร์ให้ดูแล้วยังเจื๋อกเรื่องมาก อี๊กกก ฯลฯ
และ ในเมื่อความสงสัยในเรื่องนี้ มันไม่เคลียร์
ก็เลยกัดฟัน ตัดสินใจ เลิกดูคลิป ในเวบอย่างว่าเป็นการถาวรเลยค่ะ
เพราะไม่ต้องการให้ ศีลข้อ สอง ของตัวเองต้องมัวหมอง
เฮ้อออ จะมีใคร เหมือน อิฉัน ไหม เนี่ย
ตัดใจงด ดูคลิปหนังเอวี ได้
เพราะไม่ต้องการจะผิดศีลข้อ 2 !
แต่ ถ้า คิดดูอีกที นี่ถ้าไม่ใช่เพราะศีลข้อ 2
อิฉันก็คงไปด้อม ๆ มอง ๆ เปิดเวบอย่างว่า
ดูคลิปหนังเอวี จนตาแฉะ และ มีอาการฮิสทีเรียกำเริบ ไปแล้วมั้ง
เฮ้อออ พอย้อนกลับไปคิดถึงเรื่องนี้ ทีไรก็ขำกลิ้งนะ
นึกถึงคำว่า ถ้าเรารักษาศีล
ศีลก็จะรักษาเรา ขึ้นมาตะหงิด ๆ
จริงอย่างที่เขาว่าไว้จริง ๆ ด้วยแฮะ
นำร่อง
[0] ดัชนีข้อความ
[#] หน้าถัดไป
Go to full version