อิ่มกาย อิ่มใจ > สุขภาพกับชีวิต

108 เคล็ดกิน

<< < (29/85) > >>

sithiphong:
เคล็บลับอร่อยได้ดังใจ แต่..ไม่อ้วน
-http://health.kapook.com/view65592.html-




เคล็บลับ..อร่อยได้ดังใจแต่.."ไม่อ้วน" (ไทยโพสต์)

          ในยุคนี้ไม่ว่าหันหน้าไปทางไหนก็จะเห็นคนหันมารับประทานอาหารเพื่อสุขภาพกันมากยิ่งขึ้น เนื่องจากโรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ ส่วนใหญ่มักมีสาเหตุมาจากการรับประทานอาหารที่ไม่ถูกต้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง "โรคอ้วน" ซึ่งมีอัตราการเพิ่มของผู้ที่เป็นโรคนี้อย่างต่อเนื่อง และมีอายุลดลงเรื่อย ๆ

          แท้ที่จริงแล้วการรักษาน้ำหนักให้ได้มาตรฐาน ด้วยการดูแลร่างกายให้แข็งแรง และรักษารูปร่างให้ได้สัดส่วนที่เหมาะสม เพื่อปลอดภัยจากโรคอ้วนนั้นทำได้ไม่ยาก ซึ่งสามารถเริ่มจากเรื่องใกล้ตัวที่ทำได้ไม่ยากในแต่ละวัน คือ "การปรุงอาหาร" ไม่ว่าจะเป็นการลองทำอาหารสูตรใหม่ ๆ หรือแม้แต่เปลี่ยนวิธีการปรุงอาหาร เช่น ไม่ใช้น้ำมันในการปรุงอาหาร ซึ่งใครเลยจะรู้ว่าการเปลี่ยนแปลงเล็ก ๆ น้อย ๆ นี้จะช่วยลดปริมาณแคลอรี่ของอาหารในแต่ละมื้อ ชนิดที่เราคาดไม่ถึงเลยทีเดียว

          วันนี้ โภชนาการซูซาน โบเวอร์แมน ที่ปรึกษาของเฮอร์บาไลฟ์ อินเตอร์เนชั่นแนล ลิมิเต็ด มี 3 เคล็ดลับง่าย ๆ เพื่อความอร่อยโดยไม่ต้องกังวลกับน้ำหนักที่จะเพิ่มขึ้น และยังช่วยลดน้ำหนักได้ด้วยมาฝากกัน ดังนี้
   

เคล็ดลับสุขภาพ

1. "โละทิ้ง" สูตรอาหารเดิม ๆ เพื่อเริ่มต้นอิ่มอร่อยอย่างมีสุขภาพ

          ลองเปลี่ยนแปลงอาหารสูตรเดิม ๆ ที่เคยทำเป็นประจำ จะทำให้สามารถ "ลด" ปริมาณแคลอรี่ในระยะยาวได้อย่างคาดไม่ถึง

          เริ่มต้นจาก "สำรวจวัตถุดิบ" ในการปรุงอาหารแต่ละมื้ออย่างละเอียด แล้วลองพลิกแพลงหาวัตถุดิบใหม่ ๆ มาทดลองใช้ ซึ่งสิ่งสำคัญที่สุดที่ต้องคำนึงถึง คือ วัตถุดิบทดแทนใหม่ ๆ  นั้น เมื่อปรุงแล้วควรมีรสชาติที่ใกล้เคียงกับวัตถุดิบชนิดเดิม แต่มีคุณค่าทางโภชนาการที่มีประโยชน์มากกว่า

          เช่น ใช้เนื้อไก่บ้านซึ่งเหนียวนุ่มในการปรุงอาหารแทนการใช้เนื้อวัว เลือกใช้ข้าวซ้อมมือแทนข้าวสารที่ขัดขาวเพื่อเพิ่มไฟเบอร์ในมื้ออาหาร หรือเพิ่มผลไม้หลากชนิดในสลัด เป็นต้น

          นอกจากนี้ "ปริมาณของวัตถุดิบ" ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยหนึ่งที่ช่วยลดแคลอรี่ในอาหารแต่ละมื้อได้ เช่น ถ้าเราต้องปรุงอาหารด้วยการทอดที่ต้องใช้น้ำมันท่วม อาจลองเปลี่ยนมาใช้วิธีการผ่านความร้อนเร็ว ๆ บนกระทะที่ใช้น้ำมันน้อย แต่ทำให้สุกและคงคุณค่าอาหารได้มาก

          วิธีนี้นอกจากจะลดปริมาณการใช้น้ำมันลงแล้ว ยังสามารถลดความเค็มและความหวานในการปรุงรสลงได้อีกด้วย เพราะรสชาติกลมกล่อมของวัตถุดิบจะคงอยู่โดยถูกลดทอนด้วยความร้อนและน้ำมันลงไม่มากนัก และเรายังสามารถเพิ่มปริมาณอาหารด้วยผักหลากชนิดได้อีกด้วย

   


2. ยิ่ง "ปรุง" เพื่อเพิ่มรสชาติอาหาร ยิ่ง "ปรับ" แคลอรี่ให้เพิ่มขึ้นแบบไม่รู้ตัว
   
          เวลาทำอาหาร เรามักจะเคยชินกับการปรุงอาหารให้มีรสชาติที่ถูกปาก เพราะเชื่อว่าหากปรุงอาหารด้วยวัตถุดิบที่มีแคลอรี่ต่ำแล้ว เราก็จะบริโภคอาหารในมื้อนั้น ๆ ด้วยปริมาณแคลอรี่ที่ไม่สูงมากนัก ซึ่งเป็นความเชื่อที่ผิด ในความเป็นจริงแล้วด้วยขั้นตอนและวิธีการในการปรุงอาหารต่างหากที่ทำให้เราเข้าใจผิด จนในที่สุดก็บริโภคอาหารที่มีแคลอรี่สูงอย่างไม่รู้ตัว

          เช่น ใช้การทอดแทนการย่าง เพราะอาหารที่ทอดจะให้กลิ่นและรสที่กลมกล่อมกว่าการย่าง หรือการปรุงอาหารให้มีรสชาติที่ถูกปาก จนละเลยเรื่องปริมาณของวัตถุดิบว่าใช้เกินกว่าที่ร่างกายต้องการ เป็นต้น
   



3. เคล็ดลับ (ก้นครัว)...ช่วยลดแคลอรี่ในอาหาร แต่คงความอร่อยอย่างมีสุขภาพ
   
            เลือกใช้วัตถุดิบที่ช่วยลดแคลอรี่ แต่เพิ่มคุณค่าในอาหาร เช่น เพิ่มผักหั่นลูกเต๋าเป็นวัตถุดิบหลักสำคัญในทุก ๆ ครั้งที่ปรุงอาหาร เลือกรับประทานสลัดทูน่าหรือสลัดไก่แทนพาสต้า (ชุ่มครีมซอส) ซึ่งจะลดแคลอรี่ของอาหารในแต่ละมื้อได้ทันที
   
            เลี่ยงการใช้เนยหรือซอสปรุงรสในการปรุงอาหาร โดยเลือกใช้น้ำมะนาว กระเทียม หัวหอม หรือเครื่องเทศ เพื่อเพิ่มรสชาติอาหารให้เข้มข้นแทน ซึ่งนอกจากจะได้รสชาติไม่แพ้กันแล้ว ยังดีต่อสุขภาพของเราอีกด้วย
   
            สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการรับประทานสลัด ลองเปลี่ยนจากผักกะหล่ำมาเป็นผักใบเขียวชนิดต่าง ๆ ที่ชอบและเพิ่มรสชาติที่แปลกใหม่ด้วยการเติมผลไม้ผสมลงไป โดยเฉพาะส้ม แอปเปิลและกีวี ซึ่งนอกจากจะทำให้รสชาติของสลัดแปลกขึ้นจากเดิมแล้ว ยังช่วยทำให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่มีคุณค่ามากขึ้นด้วย
   
            ผักและผลไม้แช่แข็งคืออีกหนึ่งทางเลือกที่ช่วยให้ร่างกายได้รับไฟเบอร์ในปริมาณที่พอเหมาะ ซึ่งสามารถทดแทนผักที่ไม่สามารถหากินได้ตลอดทั้งปี อีกทั้งยังมีราคาที่ถูกกว่าผักสดบางชนิด เช่น ผักโขมแช่แข็งสามารถนำมาประกอบอาหารเป็นซุปใส หรือจะลองผัดกระเทียมก็ยังคงรสชาติอาหารแบบดั้งเดิมไม่แพ้การใช้ผักโขมสด

            สำหรับผู้ที่ชื่นชอบเมนูอาหารฝรั่งที่มีกลิ่นนมเนยและเครื่องเทศ อย่างอาหารเมดิเตอร์เรเนียน อาทิ อิตาเลียนหรือสเปน ก็สามารถทำซุปข้นได้ง่าย ๆ โดยไม่ใช่แป้ง เนย หรือครีม เพียงสับผักและปั่นกับน้ำซุป จากนั้นนำไปผัดให้งวดปรุงรสด้วยหัวหอม กระเทียม และเกลือ เติมน้ำซุปอีกเล็กน้อย เพียงเท่านี้ก็จะได้น้ำซุปแสนอร่อยที่สามารถนำไปเพิ่มรสชาติให้กับผัดผักหรือเมนูอื่น ๆ ได้เลย แต่ถ้าต้องการซุปครีม ก็นำซุปข้นที่ปรุงแล้วปั่นกับนมไขมันต่ำและเต้าหู้ เพียงเท่านี้ก็จะได้ซุปเต้าหู้ครีมแสนอร่อย รับประทานกันได้ทั้งครอบครัว
   
            ถ้าคุณชื่นชอบอาหารเบา ๆ อย่างสลัด ลองเปลี่ยนน้ำสลัดเป็นสูตรพร่องมันเนยดูบ้าง จะพบว่าเป็นการลิ้มรสชาติที่แตกต่างออกไป


ขอขอบคุณข้อมูลจาก-http://www.thaipost.net/tabloid/170313/70984-

.


sithiphong:
ดอกสัก - เรื่องน่ารู้
-http://www.dailynews.co.th/agriculture/216930-
วันเสาร์ที่ 6 กรกฎาคม 2556 เวลา 00:00 น.



ใบอ่อนที่แตกจะเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว และโตเต็มที่ราว ๆ เดือนกรกฎาคม ช่อดอกจะเริ่มแทงออกมา ดอกสักเล็ก ๆ เริ่มทยอยบาน ช่วงเวลาที่ดอกสักบาน คือ เดือนกันยายน ดอกสักช่อหนึ่ง ๆ ยาวประมาณ 40-60 เซนติเมตร แต่ละช่อดอกประกอบด้วยดอกเล็ก ๆ สีขาวหรือขาวแต้มม่วงและมีจำนวนมากถึงช่อละ 750-3,000 ดอก ขึ้นอยู่กับความสมบูรณ์ของช่อดอกและลำต้น ดอกสักจะทยอยบานไปเรื่อย ๆ ใช้เวลาประมาณ 3-4 สัปดาห์ ดอกที่เริ่มบานตอนเช้าจะร่วงหล่นในตอนเย็น หรือเช้าวันถัดไปถ้าดอกไม่ได้รับการผสมเกสร

ดอกสักแต่ละดอกมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 6-8 มิลลิเมตร มีกลีบดอกสีขาว หรืออาจมีสีม่วงสลับจำนวน 6 กลีบ ในดอกประกอบด้วยก้านเกสรตัวผู้ชูอับเรณู สีเหลือง 6 ก้าน ตรงกลางดอกมีก้านเกสรตัวเมียขนาดใหญ่ 1 ก้าน ปลายก้านแยกเป็น 4 แฉก ชูเกสรตัวเมีย ที่ฐานของก้านเกสรตัวเมียและฐานดอกเป็นกระเปาะของรังไข่ ภายในมีช่อง 4 ช่อง ช่วงเวลาที่เหมาะสมแก่การผสมเกสรของดอกสัก คือประมาณ 11.00-15.00 น. โดยมีแมลง เช่น ผีเสื้อ ผึ้ง และมด  เป็นตัวช่วยผสมเกสร ในตำราแพทย์แผนไทยใช้ดอกสักต้มน้ำดื่มเพื่อขับปัสสาวะใช้ใบต้มกับน้ำ รับประทานเป็นยาลดน้ำตาลในเลือด.



แตงกวา - เรื่องน่ารู้
-http://www.dailynews.co.th/agriculture/216417-
วันพฤหัสบดีที่ 4 กรกฎาคม 2556 เวลา 00:00 น.



แตงกวาเป็นพืชเถาเลื้อยมีมือเกาะ ลำต้นมีขนขึ้นปกคลุม ยาวประมาณ 2-3 เมตร มีรากแก้ว ใบเป็นใบเดี่ยว ดอกตัวผู้ ตัวเมียแยกกันแต่อยู่บนต้นเดียวกัน ดอกตัวเมีย มีสีเหลือง ลักษณะคล้ายแตงกวาผลเล็ก ๆ ติดกับกลีบดอก

ผลในขณะยังเล็กมีหนามเล็ก สีขาวและสีดำ เนื้อผลของแตงกวานิยมนำมาบำรุงผิวหนังด้วยมีสารกลูซิด กรดอะมิโน และเกลือแร่ ช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นไว้ใต้ผิวหนัง ในขณะที่สาร ซิสติน และสารเมธิโอนิน ทำหน้าที่ให้ความยืดหยุ่นแก่ผิวหนัง ผลแตงกวามีความชื้น 96.4% โปรตีน 0.4% ไขมัน 0.1% คาร์โบไฮเดรต 2.8% แร่ธาตุ เช่น แคลเซียม ฟอสฟอรัส และเหล็ก วิตามินบี และวิตามินซี มีเอนไซม์หลายชนิด ใบและเนื้อในเมล็ดจากเมล็ดแก่คนไทยโบราณนำมากินเป็นยาถ่ายพยาธิ แก้ท้องเสีย ผลและเมล็ดอ่อน มีสรรพคุณฝาดสมาน เสริมการทำงานของระบบประสาท ช่วยความจำ ลดอาการนอนไม่หลับ แก้กระหายน้ำ มีฤทธิ์ต้านมะเร็ง ขับปัสสาวะ ช่วยบำรุงผมและเล็บ เถา ช่วยลดความดันเลือด.



ถั่วพุ่ม - เรื่องน่ารู้
-http://www.dailynews.co.th/agriculture/216716-
วันศุกร์ที่ 5 กรกฎาคม 2556 เวลา 00:00 น.



ฝักสดถั่วพุ่มรับประทานแทนผักจิ้มน้ำพริก หรือทำตำส้มแทนมะละกอได้ เมล็ดแห้ง ประกอบอาหารทั้งคาว และหวานได้ เป็นที่นิยมในอาหารประเภทชีวจิต เกษตร กรบางแห่งใช้ถั่วพุ่มปลูกเป็นพืชปุ๋ยสด แซมในไร่มันสำปะหลัง โดยปลูกแซมแถวเดียว ระหว่างกลางแถวมันสำปะหลัง และพบว่าการไถกลบพืชปุ๋ยสดแล้วปลูกมันสำปะหลังตามในพื้นที่ขุดดินยโสธร จะทำให้ได้ผลผลิตหัวมันสดเพิ่มขึ้นทุกปี ตั้ง แต่ปีที่ 1-5 โดยเฉลี่ยได้น้ำหนักหัวมันสด 2,490 กิโลกรัมต่อไร่

ถั่วพุ่มเป็นพืชปุ๋ยสดหมุนเวียนในนาข้าว โดยปลูกก่อนปักดำข้าว นาข้าวที่นาดอนและมีการระบายน้ำดี โดยปลูกปลายฤดูฝนแล้วไถกลบในภายหลัง เช่นบางพื้นที่ของจังหวัดสกลนคร มีการปลูกถั่วพุ่มและไถกลบในนาข้าว พบว่าได้ผลผลิตข้าวเพิ่มขึ้นเป็น 52 ถังต่อไร่ ข้อมูลจากกรมพัฒนา ที่ดินระบุว่าปริมาณธาตุอาหารที่ได้จากการปลูกถั่วพุ่ม หลังจากไถกลบแล้วจะสลายตัวภายใน 30 วัน มีเปอร์เซ็นต์ธาตุอาหาร N, P, K ประมาณ 2.92, 0.45 และ 4.00.

sithiphong:
รู้จักน้ำมัน เพื่อสุขภาพ
-http://health.kapook.com/view66343.html-





รู้จักน้ำมัน เพื่อสุขภาพ (Modernmom)
เรื่องโดย Sean Nemi

          ถ้าได้ยินคำว่าน้ำมันหรือไขมันแล้วคุณผู้หญิงหลายคนต้องสะดุ้ง เพราะดูเหมือนจะเป็นศัตรูคู่กันมาช้านาน ไม่ว่าจะเป็นน้ำมันจากพืชหรือน้ำมันจากสัตว์ก็ตาม แต่ในความเป็นจริงแล้วน้ำมันก็มีทั้งดีและไม่ดี แล้วจะรู้ว่าชนิดไหนดีต่อสุขภาพนั้น ก็ต้องมาดูที่องค์ประกอบต่าง ๆ ซึ่งเราจะค่อย ๆ ถ้าความรู้จักกับเจ้าน้ำมันกันก่อนค่ะ เพราะจริง ๆ แล้วไม่ได้เป็นผู้ร้ายตัวฉกาจอย่างที่คิด

ประโยชน์ก็มีนะ

          - ไขมัน 1 กรัม ให้พลังงานได้มากถึง 9 กิโลแคลอรี่

          - ช่วยในการดูดซึมวิตามินที่ละลายในไขมัน เช่น วิตามินเอ ดี อี และเค รวมทั้งสารต้านอนุมูลอิสระที่ละลายในไขมัน โดยทำหน้าที่เป็นเสมือนตัวขนส่งเอาวิตามินและสารอาหารต่าง ๆ เข้าสู่ร่างกาย

รู้จักไขมันให้ลึกซึ้ง

          สำหรับคุณสมบัติทางเคมีในโมเลกุลของไขมันจะประกอบด้วยกรดไขมัน 3 โมเลกุล ต่อกับกลีเซอรอล 1 โมเลกุล รวมเรียกว่า ไตรกลีเซอไรด์ ซึ่งจะอยู่ในรูปของไขมันหรือน้ำมันซึ่งมีความคงตัว สำหรับคุณค่าทางอาหารของไขมันหรือน้ำมันจะดูได้จากปริมาณของกรดไขมันอิ่มตัว (Saturated Fatty Acid) และกรดไขมันไม่อิ่มตัว (Unsaturated Fatty Acid)


น้ำมันปาล์ม

กรดไขมันอิ่มตัว

          เป็นชนิดที่เพิ่มคอเลสเตอรอลที่ไม่ดี (LDL) ในเลือด ซึ่งเป็นปัจจัยความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจขาดเลือดที่นำมาสู่โรคหัวใจ โรคความดันโลหิตสูง เส้นเลือดตีบ อัมพฤกษ์ อัมพาต เป็นต้น

          พบมากใน : น้ำมันจากสัตว์ และในน้ำมันจากพืช เช่น น้ำมันปาล์ม และน้ำมันมะพร้าว

          คุณสมบัติ : เป็นไขได้ง่ายในอากาศเย็น มีกลิ่นเหม็นหืนได้ง่าย


น้ำมันดอกทานตะวัน

กรดไขมันไม่อิ่มตัว

          มีองค์ประกอบทางเคมีที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย

          พบมากใน : น้ำมันจากพืช ยกเว้นน้ำมันมะพร้าวและน้ำมันปาล์ม (ในน้ำมันมะพร้าวและน้ำมันปาล์มมีกรดไขมันอิ่มตัวอยู่มาก)

          คุณสมบัติ : เป็นไขยากแม้จะอยู่ในตู้เย็น แต่จะทำปฏิกิริยากับความร้อน และออกซิเจนได้ง่าย มักทำให้เกิดกลิ่นเหม็นหืนหลังจากใช้ประกอบอาหารแล้ว สามารถแบ่งออกเป็นกรดไขมันไม่อิ่มตัวหลายตำแหน่ง คือ กรดไขมันไลโนเลอิค (โอเมก้า 6) และกรดไขมันแอลฟาไลโนเลอิด (โอเมก้า 3) อีกชนิดคือ กรดไขมันไม่อิ่มตัวตำแหน่งเดียว คือ กรดไขมันในกลุ่มโอเมก้า 9 ซึ่งกรดไขมันทั้งสองชนิดนี้จะช่วยลดคอเลสเตอรอลที่ไม่ดี (LDL) และเพิ่มคอเลสเตอรอลที่ดี (HDL)

สำหรับกรดไขมันชนิดไม่อิ่มตัว ยังแบ่งได้อีก 2 ประเภท คือ

1. กรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว (Monounsaturated Fatty Acid-MUFA)

          พบได้ใน น้ำมันมะกอก น้ำมันเมล็ดฝ้าย น้ำมันคาโนล่า

          มีประโยชน์ช่วย
         
          ลดระดับคอเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์ในเลือดได้

          ช่วยให้เลือดไม่ข้นหนืด และเพิ่มระดับคอเลสเตอรอลชนิดดีได้ด้วย จึงมีประโยชน์ต่อสุขภาพหัวใจและหลอดเลือด

2. กรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน (Poly-Unsaturated Fatty Acid-PUFA)

          เป็นกรดไขมันที่ร่างกายสร้างเองไม่ได้ ต้องได้รับจากอาหารเท่านั้น เหมาะสำหรับทำอาหารประเภทผัดหรือทอดแบบเร็ว ๆ ที่ใช้น้ำมันน้อย

          พบได้ใน น้ำมันข้าวโพด น้ำมันดอกทานตะวัน น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันดอกคำฝอย เป็นต้น

          มีประโยชน์ช่วย

          ช่วยยับยั้งการสร้างคอเลสเตอรอลในเลือดลง

          ลดการสะสมของคอเลสเตอรอลที่ผนังหลอดเลือด

          เมื่อทราบถึงชนิดของน้ำมันที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพแล้ว หลายท่านคงเลือกใช้น้ำมันเพื่อปรับสมดุลของร่างกายได้เหมาะสมยิ่งขึ้น แต่อย่างไรก็ตามต้องอย่าลืมว่าน้ำมันหรือไขมันยังคงสะสมในร่างกายได้ ดังนั้นควรบริโภคต่อพอดีค่ะ



ขอขอบคุณข้อมูลจาก-http://www.modernmommag.com/-

sithiphong:
ถั่วเขียว - เรื่องน่ารู้
วันพฤหัสบดีที่ 11 กรกฎาคม 2556 เวลา 00:00 น.
-http://www.dailynews.co.th/agriculture/218059-





ต้นถั่วเขียวใช้เป็นอาหารสัตว์ได้ดี มีคุณค่าทางอาหารสูงกว่าหญ้าทั่วไป เพราะเป็นพืชตระกูลถั่ว ถั่วเขียวมีปมที่รากซึ่งเปลี่ยนไนโตรเจนในอากาศเป็นปุ๋ยไน   เตรทให้แก่ดิน ถั่วเขียวจึงเป็นพืชบำรุงดินใช้เป็นปุ๋ยพืชสดได้ดี ในอดีตชาวนาภาคกลางปลูกถั่วเขียวในนาข้าวก่อนฤดูปลูกข้าว หลังจากเก็บเกี่ยวถั่วเขียวแล้วจึงปลูกข้าวต่อ วิธีนี้จะได้ผลผลิตถั่วเขียวเพิ่มเติม ถั่วเขียวมีคุณสมบัติพิเศษคือ ใช้น้ำน้อยทนแล้งได้ดี เมล็ดงอกและเติบโตเร็ว ใบกว้างช่วยควบคุมวัชพืชได้ดี ชาวนาไทยบางคนนำถั่วเขียวมาใช้ในแปลงนาระบบเกษตรกรรมธรรมชาติที่ไม่ไถพรวน ไม่กำจัดวัชพืช ไม่ใส่ปุ๋ย และไม่กำจัดแมลง

วิธีการทำ โดยหว่านเมล็ดข้าวกับเมล็ดถั่วเขียวไปพร้อมกันในแปลงนาเดียวกัน ถั่วเขียวจะช่วยบำรุงดินและป้องกันวัชพืช เมื่อถั่วเขียวโตเต็มที่แล้ว จะเก็บกักน้ำให้ท่วมผิวดิน ถั่วเขียวก็จะเน่าตายกลายเป็นปุ๋ยธรรมชาติ ข้าวจะเติบโตสมบูรณ์ต่อ   ไป ถั่วเขียวจึงนับเป็นถั่วสารพัดประโยชน์ ของชาวไทยชนิดหนึ่งที่ราคาไม่แพงหาง่ายคุณค่าสูง.


-----------------------------------------------------------------

ตั๊กแตนหนวดยาว - เรื่องน่ารู้
วันศุกร์ที่ 12 กรกฎาคม 2556 เวลา 00:00 น.
-http://www.dailynews.co.th/agriculture/218317-



ตั๊กแตนหนวดยาวเป็นแมลงขนาดกลางถึงขนาดใหญ่  มีความยาวตั้งแต่ 2-10 ซม. หนวดเป็นแบบเส้นด้ายมีความยาวมากกว่าความยาวลำตัว ฝ่าเท้ามี 4 ปล้อง มีปากแบบกัด มักมีอวัยวะฟังเสียงตั้งอยู่ที่โคนหน้าแข้งของขาคู่หน้า เพศเมียมีอวัยวะวางไข่ลักษณะคล้ายดาบ ชอบวางไข่ฝังในเนื้อเยื่อของต้นพืช  ขณะเกาะพักแผ่นปีกจะวางบนลำตัวเกือบอยู่ในแนวดิ่ง ลำตัวมักมีสีเขียวใบไม้ แต่บางครั้งอาจพบว่ามีสีน้ำตาลแห้งและลาย หรือแต้มสีอื่น ๆ  บางชนิดมีสีสันสวยงาม เพศผู้สามารถทำเสียงได้ไพเราะ โดยใช้อวัยวะที่มีลักษณะเป็นร่องหรือขอบคมของปีกข้างหนึ่ง ถูกับอวัยวะที่มีลักษณะเป็นตุ่ม หรือซี่ฟันเล็ก ๆ ของปีกอีกข้างหนึ่ง กินใบพืชหลายชนิดเป็นอาหาร  บางชนิดดำรงชีวิตเป็นแมลงห้ำคอยจับกินแมลงอื่นเป็นอาหาร.

sithiphong:
ทุเรียนหลงลับแล ราคากระฉูด 380 บาท หลังออกสื่อ แนะวิธีดูของแท้
-http://hilight.kapook.com/view/88623-













เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก เฟซบุ๊ก หลงลับแล

          ทุเรียนหลงลับแล หายากและราคาแพงขึ้นหลายเท่าตัว หลังออกสื่อ โดยเพิ่มขึ้นจาก กิโลกรัมละ 80 บาท เป็น กิโลกรัมละ 380 บาท จนทำให้มีของปลอมระบาด เกษตรฯ อุตรดิตถ์ จึงแนะวิธีดูทุเรียนแท้ด้วยหลัก 5 ข้อ

         วันนี้ (15 กรกฎาคม 2556) เวลา 10.00 น. โรงเรียนชุมชนหัวดง อ.ลับแล จ.อุตรดิตถ์ มีการจัดกิจกรรมงานก่อเจดีย์ทุเรียน โดยมีชาวบ้าน ต.แม่พูล นำทุเรียนมาบริจาคให้กับ นายเทพนูญ แก้วกสิกรรม ผู้อำนวยการโรงเรียนชุมชนหัวดง พร้อมด้วยคณะครู นักเรียนโรงเรียนชุมชนหัวดง เป็นจำนวนกว่า 500 ลูก เพื่อนำไปก่อเจดีย์ด้วย โดยในพิธีก่อเจดีย์ทุเรียนนั้น มีการนิมนต์พระสงฆ์มาประกอบพิธี และหลังจากเสร็จพิธีทางโรงเรียนจะนำทุเรียนทั้งหมดไปขายให้กับพ่อค้าที่รอรับซื้อ และนำรายได้มาพัฒนาโรงเรียน รวมถึงซื้ออุปกรณ์การเรียนการสอน

         ซึ่ง นายเทพนูญ กล่าวว่า ต้องขอบคุณชาวบ้านและผู้ปกครองนักเรียน ที่มาร่วมกิจกรรมดังกล่าว โดยเป็นการช่วยเหลือโรงเรียนและแบ่งเบางบประมาณของราชการ พร้อมคาดว่าจะขายทุเรียนได้ประมาณ 25,000 บาท เพื่อนำเงินมาบำรุงการศึกษา

         ขณะที่ นายฟื้น โชวันดี ประธานเครือข่ายเกษตรกรทางเลือกเมืองน่าอยู่ จ.อุตรดิตถ์ เปิดเผยว่า หลังจากที่ทุเรียนหลงลับแล ถูกนำเสนอผ่านสื่อ ทำให้ราคาขยับพุ่งขึ้นจากกิโลกรัมละ 80-100 บาท เป็น 380 บาท เนื่องจากเป็นทุเรียนที่อร่อยที่สุดในโลก และมีคุณภาพดีมาก โดยอาจมีการนำทุเรียนหลงลับแลมาหลอกขายผู้บริโภคได้ เนื่องจากปัจจุบันทุเรียนหลงลับแลได้ถูกนำขายเกือบหมดตลาดแล้ว ทั้งนี้ นายฟื้น บอกว่า อยากแนะวิธีการซื้อทุเรียนหลงลับแล โดยมี 5 วิธีคือ

         1. ต้องมีสติ๊กเกอร์ติดที่ขั้วทุเรียน โดยในสติ๊กเกอร์ต้องมีตราสัญลักษณ์ จ.อุตรดิตถ์ และโลโก้ท่าเหนือเมืองน่าอยู่

          2. ทุเรียนที่แก่จัด ข้อต่อขั้วต้องอวบอ้วนเด่นชัด หากสัมผัสจะรู้สึกสาก ก้านต้องแข็งผ่ารับประทานได้ สังเกตดูจะมีรอยร้าวที่ขั้ว

          3. มีชื่อเจ้าของสวน ผู้ผลิต รหัสรับรอง และเบอร์โทรศัพท์ ติดไว้

          4. ทุเรียนเกรดเอ ต้องมี 4 พู ขึ้นไป หนามต้องสั้นและห่าง

          5. บริเวณปลายผลจะมีจุดที่เรียกว่า สะดือ ให้ใช้มีดจิ้มเข้าไปแล้วงัดเปลือกออกตามรอย และรับประทานในระยะห่าม จะมีรสชาติหวาน มัน ไม่มีใครเทียบได้
           

 
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
-http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1373877118&grpid=00&catid=&subcatid=-

.




นำร่อง

[0] ดัชนีข้อความ

[#] หน้าถัดไป

[*] หน้าที่แล้ว

ตอบ

Go to full version