อิ่มกาย อิ่มใจ > สุขภาพกับชีวิต
108 เคล็ดกิน
sithiphong:
ผู้บริโภคตรวจข้าวถุงพบ “โค-โค่” มีสารตกค้างเกินมาตรฐาน
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 16 กรกฎาคม 2556 16:39 น.
-http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9560000087114-
น.ส.สารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค แถลงผลการตรวจข้าวถุง เมื่อวันที่ 16 ก.ค.
มูลนิธิเพื่อผู้บริโภคตรวจข้าวถุงไม่พบสารเคมีใดๆ ตกค้างเลย 12 ตัวอย่าง ตกค้างไม่เกินค่ามาตรฐาน 50 ppm จำนวน 33 ตัวอย่าง และเกินค่ามาตรฐาน 1 ตัวอย่างคือ “ข้าวโค-โค่” แนะรัฐเปิดเผยยี่ห้อข้าวที่พบการปนเปื้อนและปลอดภัย ย้ำเป็นสิทธิที่ผู้บริโภคต้องรู้ ชี้ใช้กำหนดทิศทางการส่งออกข้าวได้ เหตุบางยี่ห้อสารเคมีเกือบเกินมาตรฐานต้องเร่งแก้ไข เพราะไม่ผ่านมาตรฐานประเทศคู่ค้าสำคัญ
วันนี้ (16 ก.ค.) เมื่อเวลา 13.00 น.ที่มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค น.ส.สารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค กล่าวแถลง “ผลทดสอบข้าวสารถุงยี่ห้อไหนไม่มีสารเคมี?” ว่า การเปิดเผยข้อมูลการทดลองในครั้งนี้เพื่อประโยชน์ของสาธารณะ และคุ้มครองผู้บริโภคในการรับข้อมูลข่าวสารที่เพียงพอต่อการบริโภค สิทธิในการเลือกซื้อสินค้า และสิทธิที่จะได้รับความปลอดภัยจากการบริโภค ทั้งนี้ มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค ได้ร่วมกับมูลนิธิชีววิถี และศูนย์ทดสอบฉลาดซื้อ ตรวจสารเคมีในข้าวสารบรรจุถุงจำนวน 46 ตัวอย่าง จากยาฆ่าแมลงกลุ่มออร์กาโนฟอสเฟต และคาร์บาเมต ยากันรา และสารรมควันข้าวเมทิลโบรไมด์ พบว่า ข้าวสารจำนวน 12 ตัวอย่าง หรือร้อยละ 26.1 ไม่พบสารตกค้างทุกกลุ่ม ได้แก่ ลายกนก-ข้าวหอมมะลิ ข้าวพันดี-ข้าวขาว ธรรมคัลเจอร์-ข้าวหอม รุ้งทิพย์-ข้าวเสาไห้ บัวทิพย์-ข้าวหอม ตราฉัตร-ข้าวขาว ข้าวมหานคร-ข้าวขาว สุพรรณหงส์-ข้าวหอมสุรินทร์ เอโร่-ข้าวขาว ข้าวแสนดี-ข้าวหอมทิพย์ โฮมเฟรชมาร์ท-จัสมิน และชามทอง-ข้าวหอมมะลิ
น.ส.สารี กล่าวอีกว่า ส่วนอีก 34 ตัวอย่าง หรือร้อยละ 73.9 พบสารเมทิลโบรไมด์ ตั้งแต่ 0.9-67 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม (ppm) โดยแบ่งออกเป็นระดับต่างๆ ดังนี้ 1.ตกค้างน้อยมาก คือน้อยกว่า 0.9 ppm มี 7 ตัวอย่าง ได้แก่ ช้างเผือก-ข้าวเสาไห้ cooking for fun-ข้าวหอมมะลิ ข้าวเบญจรงค์-ข้าวหอมมะลิ แฮปปี้บาท-ข้าวขาว เทสโก ตราคุ้มค่า-ข้าวหอม และ อคส.-ข้าวหอมมะลิ 2.ตกค้างน้อย คือ ระหว่าง 0.9-5 ppm จำนวน 14 ตัวอย่าง ได้แก่ ข่าวอิ่มทิพย์-ข้าวขาว ชาวนาไทย-เสาไห้ ข้าวแสนดี-ข้าวขาว ท็อปส์-หอมมะลิ ตราเกษตร-ข้าวขาวหอม ฉัตรทอง-หอมมะลิ ติ๊กชีโร่-หอมมะลิ หงษ์ทอง-หอมมะลิ บิ๊กซี-หอมปทุม ตราฉัตร-หอมผสม โรงเรียน-หอมมะลิ ฉัตรอรุณ-หอมผสม ปทุมทอง-หอมมะลิ และไก่แจ้เขียว-หอมมะลิ
น.ส.สารี กล่าวด้วยว่า 3.ตกค้างสูง คือระหว่าง 5-25 ppm จำนวน 7 ตัวอย่าง ได้แก่ พนมรุ้ง-ข้าวขาว ท็อปส์-หอมปทุม คุ้มค่า-เสาไห้ เอโณ่-ข้าวหอม มาบุญครอง-ข้าวขาว ดอกบัว-ข้าวหอมมะลิ และปิ่นเงิน-ข้าวหอม 4.ตกค้างสูง คือระหว่าง 25-50 ppm จำนวน 5 ตัวอย่าง ได้แก่ ถูกใจ-ข้าวขาว สุรินทิพย์-หอมมะลิ ดอกบัว-ขาวตาแห้ง ตราดอกบัว-เสาไห้ และข้าวแสนดี-ข้าวหอม และ 5.ตกค้างเกินมาตรฐานอาหารระหว่างประเทศ (CODEX) ที่องค์การอนามัยโลกกำหนดไว้ที่ 50 ppm จำนวน 1 ตัวอย่าง คือข้าวยี่ห้อ “โค-โค่-ข้าวขาวพิมพา” โดยตกค้างอยู่ที่ 67.4 ppm ส่วนการตรวจสารพิษจากเชื้อรา และคุณภาพข้าวถุงนั้นยังไม่แล้วเสร็จ
“การเปิดเผยข้อมูลในครั้งนี้ไม่ได้ต้องการดิสเครดิตธุรกิจใด หรือต้องการโจมตีรัฐบาล แต่ต้องการคุ้มครองผู้บริโภค โดยมูลนิธิเพื่อผู้บริโภคจะส่งผลการตรวจนี้ให้แก่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) พร้อมกับขอเรียกร้องให้หน่วยงานรัฐ ทั้ง อย. กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เปิดเผยรายละเอียดชื่อยี่ห้อข้าวที่พบการปนเปื้อน หรือตัวอย่างยี่ห้อที่ตรวจแล้วปลอดภัยไม่พบการปนเปื้อน เพราะผู้บริโภคมีสิทธิที่จะได้รับทราบข้อมูลตามกฎหมาย นอกจากนี้ ยังส่งผลต่อการกำหนดทิศทางการผลิตสินค้าและการบริโภคของประเทศในอนาคต และการตรวจสอบของหน่วยงานรัฐครั้งต่อๆ ไป ควรมีองค์กรผู้บริโภคร่วมด้วย” เลขาธิการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค กล่าวและว่า การส่งตรวจในครั้งนี้ ได้ส่งตรวจในห้องปฏิบัติการที่น่าเชื่อถือทั้งภาครัฐและเอกชนด้วยงบประมาณ 7 แสนบาท
นายวิฑูรย์ เลี่ยนจำรูญ ผู้อำนวยการมูลนิธิชีววิถี กล่าวว่า การตรวจข้าวบรรจุถุงครั้งนี้ พบผลที่แตกต่างจากของรัฐบาล คือเราพบข้าวถุงที่มีสารตกค้างเกินค่ามาตรฐาน 50 ppm ที่สำคัญการตรวจของรัฐบาลไม่มีการจำแนกระดับของสารตกค้างให้ผู้บริโภคทราบ สำหรับเกณฑ์การกำหนดระดับสารตกค้างเมทิลโบรไมด์นั้น ได้ใช้ค่ามาตรฐานของประเทศคู่ค้าข้าวรายสำคัญของไทย ซึ่งมีค่ามาตรฐานที่ต่ำกว่า 50 ppm เป็นเกณฑ์คือ อินเดียที่กำหนดไว้ไม่เกิน 25 ppm และประเทศจีนที่กำหนดไว้ไม่เกิน 5 ppm ซึ่งการแบ่งเกณฑ์ดังนี้จะสะท้อนข้อมูลไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ทราบว่ามีข้าวยี่ห้อใด บริษัทใด มาจากโรงสีใด ที่อาจมีผลกระทบต่อการส่งออก เพราะมีสารตกค้างอยู่ในระดับที่เกินกว่าประเทศคู่ค้ากำหนด ซึ่งต้องรีบแก้ไขเพราะอาจทำให้ไทยสูญเสียตลาดค้าข้าวที่สำคัญ อย่างจีนเมื่อก่อนนำเข้าข้าวจากไทยประมาณ 5 แสนตันต่อปี ปัจจุบันเหลือเพียง 1 แสนตันต่อปีเท่านั้น โดยหันไปนำเข้าข้าวจากประเทศอื่นมากขึ้น
น.ส.ทัศนีย์ แน่นอุดร หัวหน้าศูนย์ทดสอบฉลาดซื้อ กล่าวว่า ที่ผ่านมามีผู้บริโภคร้องเรียนมายังมูลนิธิเพื่อผู้บริโภคให้หาข้อเท็จจริง จากกระแสข่าวเรื่องความไม่ปลอดภัยของข้าวสารบรรจุถุงทางสื่อต่างๆ เพราะมีผู้บริโภคบางส่วนยังไม่เชื่อข้อมูลจากภาครัฐ จึงอยากให้มีข้อมูลการตรวจสอบจากภาคประชาชนด้วย ศูนย์ทดสอบฉลาดซื้อจึงร่วมกับมูลนิธิเพื่อผู้บริโภคและเครือข่ายเตือนภัยสารเคมีกำจัดศัตรูพืช (ไทยแพน) และมูลนิธิชีววิถี เก็บตัวอย่างข้าวถุงที่มีการจำหน่าย ระหว่างวันที่ 19-27 มิ.ย.2556 ทุกยี่ห้อจากซูเปอร์มาร์เก็ตและห้างโมเดิร์นเทรด ทั้งค้าปลีกและค้าส่ง 6 แห่ง ได้แก่ เทสโก้โลตัส บิ๊กซี แม็คโคร ท็อปส์ ซูเปอร์มาร์เก็ต ฟู้ดแลนด์ ซูเปอร์มาร์เก็ต โฮมเฟรชมาร์ท และร้านสะดวกซื้อ 1 แห่งคือ เซเวนอีเลฟเวน ได้ข้าวถุงรวม 36 ยี่ห้อ จำนวน 46 ตัวอย่าง แบ่งเป็นข้าวหอมมะลิ 100% จำนวน 15 ตัวอย่าง และข้าวขาวกับข้าวหอมอื่นๆ อีก 31 ตัวอย่าง โดยส่งตรวจคุณภาพข้าวสารถุงที่จำหน่ายในท้องตลาดใน 5 ด้านคือ 1.การตรวจคุณภาพข้าวสารถุง ตามมาตรฐานข้าวสาร กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ 2.สารเคมีทางการเกษตร ยาฆ่าแมลง 2 กลุ่ม ได้แก่ ออร์กาโนฟอสเฟตและคาร์บาเมต 3.ยากันรา 4.สารรมควันข้าวเมทิลโบรไมด์ และ 5.สารพิษจากเชื้อรา อะฟลาทอกซิน
ภาพจากเว็บไซต์ฉลาดซื้อ http://www.chaladsue.com/index.php/component/content/article/96-PR/1577-rice.html
ภาพจากเว็บไซต์ฉลาดซื้อ http://www.chaladsue.com/index.php/component/content/article/96-PR/1577-rice.html
ภาพจากเว็บไซต์ฉลาดซื้อ http://www.chaladsue.com/index.php/component/content/article/96-PR/1577-rice.html
ภาพจากเว็บไซต์ฉลาดซื้อ http://www.chaladsue.com/index.php/component/content/article/96-PR/1577-rice.html
sithiphong:
2 มูลนิธิคอนเฟิร์ม ผลทดสอบข้าว พบ 34 ยี่ห้อมีสารตกค้าง
-http://hilight.kapook.com/view/88662-
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก thaipan.org
2 มูลนิธิคอนเฟิร์มผลทดสอบข้าว พบ 34 ยี่ห้อ มีสารตกค้าง จากการสุ่มตรวจ 46 ยี่ห้อ ขัดกับข้อมูล อย.-กรมวิทยาศาสตร์ฯ ชี้แถลงข่าวเพื่อความปลอดภัยผู้บริโภค
วันนี้ (16 กรกฎาคม 2556) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.ส.สารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค ได้ร่วมกับมูลนิธิชีววิถี แถลงผลการเก็บตัวอย่างข้าวถุงจากการสุ่มตรวจเพื่อดูมาตรฐาน จากการเก็บตัวอย่างทั้งหมด 46 ยี่ห้อ พบว่ามี 12 ยี่ห้อ หรือคิดเป็นร้อยละ 26.1 ไม่พบการตกค้างของสารทุกกลุ่มประเภท ขณะที่มีข้าวถุงมากถึง 34 ยี่ห้อ หรือคิดเป็นร้อยละ 73.9 มีการตกค้างของสารเมทิลโบรไมด์ ซึ่งเป็นสารที่ใช้ในการรมควันข้าว โดยมีค่าในหลายระดับตั้งแต่ระดับน้อยที่สุดจนถึงเกินค่ามาตรฐานระหว่างประเทศ คือ 0.9-67 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม ซึ่งในจำนวนนี้พบว่า ข้าวสารยี่ห้อ โค-โค่-ข้าวขาวพิมพา มีระดับสารตกค้าง 67.4 มิลลิกรัม/กิโลกรัม และยังพบอีกว่ามีเพียง 5 ตัวอย่าง ที่ไม่มีสารตกค้างเกินค่ามาตรฐานอาหารระหว่างประเทศ เพราะพบสารตกค้างสูงกว่า 25 มิลลิกรัม/กิโลกรัม แต่ไม่เกิน 50 มิลลิกรัม/กิโลกรัม ได้แก่
1. ข้าวแสนดี ข้าวหอม พบสารตกค้าง 41 มิลลิกรัม/กิโลกรัม
2. ข้าวตราดอกบัว ข้าวเสาไห้ พบสารตกค้าง 29.5 มิลลิกรัม/กิโลกรัม
3. ข้าวตราดอกบัว ข้าวตาแห้ง พบสารตกค้าง 28.9 มิลลิกรัม/กิโลกรัม
4. ข้าวสุรินทิพย์ ข้าวหอมมะลิ พบสารตกค้าง 27.6 มิลลิกรัม/กิโลกรัม
5. ข้าวถูกใจ ข้าวขาว พบสารตกค้าง 27.5 มิลลิกรัม/กิโลกรัม
สำหรับข้าวถุงจำนวน 12 ตัวอย่างที่ไม่พบการตกค้างของสารเคมีทางการเกษตรชนิดใด ๆ ได้แก่
1. ลายกนก ข้าวหอมมะลิแท้ 100%
2. ข้าวพันดี ข้าวขาว 100% ชั้นดีพิเศษ
3. ธรรมคัลเจอร์ ข้าวหอมคุณภาพคัดพิเศษ
4. รุ้งทิพย์ ข้าวขาวเสาไห้
5. บัวทิพย์ ข้าวหอม
6. ตราฉัตร ข้าวขาว 15%
7. ข้าวมหานคร ข้าวขาวคัดพิเศษ
8. สุพรรณหงส์ ข้าวหอมสุรินทร์
9. เอโร่ ข้าวขาว 100%
10. ข้าวแสนดี ข้าวหอมทิพย์
11. โฮมเฟรชมาร์ท จัสมิน ข้าวหอมมะลิ 100%
12. ชามทอง ข้าวขาวหอมมะลิ 100%
ข้าวถุงที่มีสารตกค้างในจำนวนน้อยมาก ได้แก่
1. ช้างเผือก-ข้าวเสาไห้
2. cooking for fun-ข้าวหอมมะลิ
3. ข้าวเบญจรงค์-ข้าวหอมมะลิ
4. ข้าวหอมมะลิแปดริ้ว-ข้าวหอมมะลิ
5. แฮปปี้บาท-ข้าวขาว
6. เทสโก ตราคุ้มค่า-ข้าวหอม
7. อคส.-ข้าวหอมมะลิ
ส่วนข้าวถุงที่มีการตกค้างของสารเมทิลโบรไมด์ ได้แก่
1. โค-โค่-ข้าวขาวพิมพา ระดับสารตกค้าง 67.4 มิลลิกรัม/กิโลกรัม
2. ข้าวแสนดี-ข้าวหอม ระดับสารตกค้าง 41 มิลลิกรัม/กิโลกรัม
3. ตราดอกบัว-เสาไห้ ระดับสารตกค้าง 29.5 มิลลิกรัม/กิโลกรัม
4. ดอกบัว-ขาวตาแห้ง ระดับสารตกค้าง 28.9 มิลลิกรัม/กิโลกรัม
5. สุรินทิพย์-หอมมะลิ ระดับสารตกค้าง 27.6 มิลลิกรัม/กิโลกรัม
6. ถูกใจ-ข้าวขาว ระดับสารตกค้าง 27.5 มิลลิกรัม/กิโลกรัม
7. ปิ่นเงิน-ข้าวหอม ระดับสารตกค้าง 21.9 มิลลิกรัม/กิโลกรัม
8. ดอกบัว-ข้าวหอมมะลิ ระดับสารตกค้าง 19.7 มิลลิกรัม/กิโลกรัม
9. มาบุญครอง-ข้าวขาว ระดับสารตกค้าง 19.5 มิลลิกรัม/กิโลกรัม
10. เอโร่-ข้าวหอม ระดับสารตกค้าง 10.6 มิลลิกรัม/กิโลกรัม
11. คุ้มค่า-เสาไห้ ระดับสารตกค้าง 6.7 มิลลิกรัม/กิโลกรัม
12. ท็อปส์-หอมปทุม ระดับสารตกค้าง 6.2 มิลลิกรัม/กิโลกรัม
13. พนมรุ้ง-ข้าวขาว ระดับสารตกค้าง 5.4 มิลลิกรัม/กิโลกรัม
14. ไก่แจ้เขียว-หอมมะลิ ระดับสารตกค้าง 4.5 มิลลิกรัม/กิโลกรัม
15. ปทุมทอง-หอมมะลิ ระดับสารตกค้าง 4.2 มิลลิกรัม/กิโลกรัม
16. ฉัตรอรุณ-หอมผสม ระดับสารตกค้าง 3.1 มิลลิกรัม/กิโลกรัม
17. โรงเรียน-หอมมะลิ ระดับสารตกค้าง 2.7 มิลลิกรัม/กิโลกรัม
18. ตราฉัตร-หอมผสม ระดับสารตกค้าง 2.4 มิลลิกรัม/กิโลกรัม
19. บิ๊กซี-หอมปทุม ระดับสารตกค้าง 2.4 มิลลิกรัม/กิโลกรัม
20. หงษ์ทอง-หอมมะลิ ระดับสารตกค้าง 2.2 มิลลิกรัม/กิโลกรัม
21. ติ๊กชีโร่-หอมมะลิ ระดับสารตกค้าง 1.7 มิลลิกรัม/กิโลกรัม
22. ฉัตรทอง-หอมมะลิ ระดับสารตกค้าง 1.6 มิลลิกรัม/กิโลกรัม
23. ตราเกษตร-ข้าวขาวหอม ระดับสารตกค้าง 1.5 มิลลิกรัม/กิโลกรัม
24. ท็อปส์-หอมมะลิ ระดับสารตกค้าง 1.3 มิลลิกรัม/กิโลกรัม
25. ข้าวแสนดี-ข้าวขาว ระดับสารตกค้าง 1.2 มิลลิกรัม/กิโลกรัม
26. ชาวนาไทย-เสาไห้ ระดับสารตกค้าง 0.98 มิลลิกรัม/กิโลกรัม
27. ข้าวอิ่มทิพย์-ข้าวขาว ระดับสารตกค้าง 0.93 มิลลิกรัม/กิโลกรัม
โดย น.ส.สารี ระบุว่า การแถลงข่าวในครั้งนี้เพื่อเป็นการเปิดเผยข้อมูลผลการทดลองที่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ และเพื่อเป็นการคุ้มครองสิทธิของผู้บริโภคในการที่จะได้รับรู้ข้อมูลข่าวสารที่เพียงพอในการบริโภค รวมถึงสิทธิในการเลือกซื้อสินค้า โดยเฉพาะในเรื่องของการตรวจสอบสารเคมีในข้าวสารบรรจุถุง ในกลุ่มยาฆ่าแมลงชนิดกลุ่มออร์กาโนฟอสเฟต และคาร์บาเมต รวมถึงสารที่เป็นยากันเชื้อรา และสารรมควันข้าวเมทิลโบรไมด์
ทั้งนี้ น.ส.สารี กล่าวย้ำด้วยว่า ก่อนหน้านี้แม้จะมีหน่วยงานของรัฐบาล อาทิ คณะกรรมการอาหารและยา รวมถึงกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ออกมาแถลงข่าวยืนยันในเรื่องของความปลอดภัยของข้าวสารถุงแล้ว แต่ขณะนี้จากการตรวจสอบของมูลนิธิเพื่อผู้บริโภคที่ร่วมกับมูลนิธิชีววิถี พบว่ายังมีข้อมูลที่แตกต่างกัน ฉะนั้นจึงต้องการย้ำชัดเพื่อความปลอดภัยของผู้บริโภค
ขณะที่ทางด้าน นายวิฑูรณ์ เลี่ยนจำรูญ ผู้อำนวยการมูลนิธิชีววิถี ได้กล่าวถึงเรื่องค่ามาตรฐานของ codex ว่า จากการตรวจสอบสารรมควันเมทิลโบร์ไมด์ พบว่า มีข้าวสารบรรจุถุง จำนวน 13 ตัวอย่างที่มีการตกค้างของเมทิลโบร์ไมด์ในข้าวเกิน 5 มิลลิกรัม/กิโลกรัม ซึ่งสูงกว่ามาตรฐานของ codex ของประเทศจีน ที่กำหนดปริมาณการตกค้างของเมทิลโบร์ไมด์ในข้าวต้องไม่เกิน 5 มิลลิกรัม/กิโลกรัม และถ้าหากยังไม่มีการปรับปรุงในเรื่องนี้ เชื่อได้ว่า อาจส่งผลกระทบต่อการส่งออกข้าวของประเทศไทยได้ เพราะประเทศจีน คือ คู่ค้าข้าวรายสำคัญของประเทศไทย จึงอยากเสนอให้รัฐบาล และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการตรวจสอบโรงสี และผู้ประกอบการเพื่อหาสาเหตุของการตกค้างของสารรมควันข้าวเมทิลโบรไมด์ในข้าว ว่ามาจากสาเหตุใดกันแน่ พร้อมทั้ง กำหนดหลักเกณฑ์มาตรฐานการปนเปื้อนของสารเคมี เพื่อยกระดับคุณภาพของข้าวไทยให้มากขึ้น เพราะเรื่องนี้นอกจากจะกระทบเรื่องการส่งออกแล้ว ก็ยังอาจกระทบต่อสุขภาพของผู้บริโภคอีกด้วย
นอกจากนี้ นางสาวสารี อ๋องสมหวัง ได้ยื่นขอเสนอแนะแก่รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดังนี้
1. ขอให้รัฐบาลเร่งผลักดันให้มีองค์การอิสระเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภค เพื่อให้องค์การนี้เป็นตัวแทนของผู้บริโภคในการดำเนินการตรวจสอบสินค้า หรือบริการต่าง ๆ
2. ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งในส่วนของภาครัฐ และภาคเอกชน ที่ทำหน้าที่ตรวจสอบคุณภาพข้าว เปิดเผยผลการตรวจสอบคุณภาพข้าวให้ประชาชนได้รับทราบ
3. ขอให้มีการสร้างระบบตรวจสอบคุณภาพข้าวอย่างเป็นระบบ โดยระบบนี้ควรเกิดจากความส่วมมือของหลาย ๆ ภาคส่วน เพื่อให้ข้อมูลที่ได้ตรวจสอบครอบคลุมและครบถ้วนทุกด้าน นอกจากนี้ อยากให้ดำเนินการสุ่มตรวจตัวอย่างข้าวเป็นระยะ เพื่อให้เกิดการปรับปรุง และพัฒนาคุณภาพข้าวไทย
.
sithiphong:
โทษของการกินน้ำตาลมากเกินไป
-http://guru.sanook.com/pedia/topic/%E0%B9%82%E0%B8%97%E0%B8%A9%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B8%95%E0%B8%B2%E0%B8%A5%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%9B/-
การกินน้ำตาลเป็นการให้พลังงานแก่ร่ายกาย แต่ถ้ากินมากเกินไปจะส่งผลเสียต่อสุขภาพ วันนี้ก็มีเคล็บลับดีๆ มาฝากกันจร้า
1. เมื่อกินน้ำตาลมากเกินไป โดยเฉพาะน้ำตาลเชิงเดี่ยว (น้ำตาลทราย น้ำผึ้ง น้ำตาลในผลไม้ น้ำตาลในนม) น้ำตาลจะเข้าสู่กระแสเลือดอย่างรวดเร็ว ทำให้เลือดมีสภาวะเป็นกรดมากเกินไป ร่างกายเกิดภาวะไม่สมดุล จึงมีการดึงแร่ธาตุจากส่วนต่างๆ ภายในร่างกายมาแก้ไขความไม่สมดุล
2. ทำให้เกิดไขมันสะสม น้ำตาลจะถูกเก็บไว้ที่ตับในรูปของไกลโคเจน แต่ถ้ามีมากจนเกินไป ตับก็จะส่งไปยังกระแสเลือดและเปลี่ยนเป็นกรดไขมัน โดยจะสะสมไว้ในส่วนของร่างกายที่มีการเคลื่อนไหวน้อย เช่น สะโพก ก้น ขาอ่อน หน้าท้อง
3. หากยังกินน้ำตาลอย่างต่อเนื่อง กรดไขมันจะสะสมไว้ที่อวัยวะภายในอื่น ๆ เช่นหัวใจ ตับ และไต ดังนั้นอวัยวะเหล่านี้จะค่อย ๆ ถูกห่อหุ้มด้วยไขมัน และน้ำเมือก ร่างกายจะเริ่มผิดปกติ ความดันเลือดจะสูงขึ้น
4. การกินน้ำตาลมากเกินไป มีผลต่อการทำงานของสมอง ทำให้รู้สึกง่วงนอน
5. อาการปวดศีรษะเรื้อรัง เป็นตะคริวเวลามีรอบเดือน เป็นสิว ผื่น แผลพุพอง ตกกระ แผลริดสีดวงทวารหนัก ไมเกรน เบาหวาน วัณโรค โรคหัวใจ มะเร็งตับ สิ่งเหล่านี้สัมพันธ์กับการกินน้ำตาลมากเกินไป
6. น้ำตาลทำให้อาการของโรคติดเชื้อที่เป็นอยู่มีสูงขึ้น เพราะเชื้อโรคทุกชนิดใช้น้ำตาลเป็นอาหาร
7. น้ำตาลนอกจากจะมีผลต่อผู้ใหญ่แล้วยังมีผลต่อเด็กอีกด้วย เพราะถ้าหากเด็กกินน้ำตาลในปริมาณที่มากจนเกินไป จะทำให้เด็กเป็นโรคกระดูกเปราะและฟันผุได้ และอาจเป็นคนโกรธง่าย สมาธิสั้น
ถ้าอยากมีสุขภาพดี ก็ควรกินน้ำตาลแต่พอประมาณจะดีกว่า
ที่มาข้อมูล vajira.ac.th
http://guru.sanook.com/pedia/topic/%E0%B9%82%E0%B8%97%E0%B8%A9%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B8%95%E0%B8%B2%E0%B8%A5%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%9B/
sithiphong:
มะเขือพวง - เรื่องน่ารู้
วันพุธที่ 17 กรกฎาคม 2556 เวลา 00:00 น.
-http://www.dailynews.co.th/agriculture/219426-
คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้วิจัยเรื่องสรรพคุณ ของมะเขือพวงพบว่า มีฤทธิ์ช่วยลดอนุมูลอิสระ ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด ของผู้ป่วยเบาหวาน มีเส้นใยที่ช่วยดูดซับไขมันส่วนเกินได้ดี นอกจากนี้มะเขือพวงยังมีสรรพคุณตามตำราแพทย์แผนโบราณหลายประการ เช่น ช่วยเจริญอาหาร ช่วยระบบขับถ่าย บำรุงธาตุ ขับเสมหะ แก้ไอ ช่วยให้โลหิตหมุนเวียนได้ดี แก้ปวด ฟกซ้ำ ปวดกระเพาะ แก้อาการฝีบวมหนอง อาการบวม อักเสบ ขับปัสสาวะ ทั้งนี้ จากการศึกษาวิจัย ทำให้พบว่ามะเขือพวงมีสารจำพวก “ไฟโตนิวเทียนท์” ที่จะช่วยร่างกาย ในสภาวะขาดสารอาหาร ให้สามารถกลับมาทำงานได้อย่างปกติมีกลุ่มสาร “ทอร์โวไซด์” ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในกระแสเลือดได้ และกระตุ้นให้ตับนำคอเลสเตอรอลในเลือดไปใช้ได้มากขึ้น รวมทั้งยับยั้งการดูดซึมกลับของคอเลสเตอรอลในลำไส้ จึงอาจช่วยป้องกันโรคไขมันอุดตันในเส้นเลือดได้อีกทางหนึ่งมีสาร “ซาโปนิน” มีฤทธิ์ขับเสมหะเป็นพืชที่มีเส้นใยมาก เมื่อเทียบกับผักพื้นบ้านของไทยทั้งหมด โดยมีเส้นใยมากกว่ามะเขือยาว 3 เท่า และมากกว่ามะเขือเปราะถึง 65 เท่า เส้นใยในมะเขือพวง มีชื่อเรียกว่า “เพกติน” ซึ่งเป็นสารที่ละลายน้ำได้
สารนี้จะสามารถเปลี่ยนเป็นวุ้นไปเคลือบที่ผิวของลำไส้ ทำให้ลำไส้ดูดซึมแป้งและน้ำตาลที่ย่อยแล้วได้ช้าลง จึงเป็นการช่วยไม่ให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงเร็วเกินไป ทำให้ควบคุมระดับน้ำตาลในผู้ป่วยโรคเบาหวานได้.
แก้วมังกร - เรื่องน่ารู้
วันอังคารที่ 16 กรกฎาคม 2556 เวลา 00:00 น.
-http://www.dailynews.co.th/agriculture/219194-
แก้วมังกรเป็นผลไม้เสริมสุขภาพมีกากใยสูงให้แคลอรีต่ำอุดมไปด้วยวิตามินซี แมกนีเซียมและแคลเซียม เมล็ดสีดำเล็กๆ ที่กระจายอยู่ทั่วไปในผลแก้วมังกรอุดมไปด้วยไขมัน ที่ไม่อิ่มตัวซึ่งช่วยต่อต้านปฏิกิริยาออกซิเดชั่น ช่วยดูดซับน้ำในร่างกาย ควบคุมระดับกลูโคสในคนที่เป็นโรคเบาหวาน (ชนิดไม่พึ่งอินซูลิน)ได้ บรรเทาโรคโลหิตจาง ช่วยเพิ่มธาตุเหล็กให้แก่ร่างกาย มีสรรพคุณในการป้องกันโรคหัวใจ มะเร็งลำไส้และต่อมลูกหมาก เบาหวาน ช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานของกระดูกและฟัน
ต้นแก้วมังกรที่ปลูกในประเทศไทยส่วนมากมาจากการใช้กิ่งปัก ปลูกประมาณ 8-10 เดือนจะเริ่มออกดอกและให้ผลผลิต โดยมี 4 รุ่นใน 1 ปี เป็นพืชที่ดูแลรักษาง่าย ใช้ฟาง เศษหญ้าแห้งหรือแกลบเป็นวัสดุคลุมดินบริเวณโคนต้นเพื่อช่วยเก็บรักษาความชุ่มชื้นของดิน ใส่ปุ๋ยคอกหลักละ 1 บุ้งกี๋เว้นระยะ 2-3 เดือนต่อครั้ง.
.
sithiphong:
ถั่งเช่าหลบไป ยาโด๊ปไทยๆ สมุนไพรช่วยได้
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 16 กรกฎาคม 2556 16:42 น.
-http://www.manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9560000087133-
กระชายดำ
หลายวันมานี้ “108 เคล็ดกิน” ได้ยินแต่ชื่อ “ถั่งเช่า” ตอนแรกก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร เพราะไม่ได้เปิดฟังคลิปปริศนาอันโด่งดัง พอมาเสิร์ชหาข้อมูลจึงได้ถึงบางอ้อว่า เจ้าถั่งเช่าก็คือสมุนไพรจีนชนิดหนึ่ง ที่มีสรรพคุณในการเพิ่มสมรรถภาพทางเพศนั่นเอง
อ่านมาถึงขั้นนี้แล้ว หลายๆ คน (โดยเฉพาะคุณผู้ชาย) อาจจะทำตาโต แล้วถามกันใหญ่ว่าจะหาถั่งเช่าได้ที่ไหน ขอบอกเลยว่าถั่งเช่านี่พบในแถบที่ราบสูงทิเบต และเนื่องจากว่าหาได้ยากจึงมีราคาสูงลิบลิ่ว ที่สำคัญ ในเมืองไทยนั้นไม่มี ถึงจะมีนำเข้ามาขายก็ราคาสูงมากกก..
แต่ก็ไม่ต้องเป็นกังวลไปนัก เพราะ “108 เคล็ดกิน” อยากจะบอกว่า สมุนไพรไทยๆ ของเราก็ออกฤทธิ์ที่ดีไม่ต่างกัน มีสมุนไพรหลากหลายอย่างที่มีสรรพคุณช่วยเพิ่มสมรรถภาพทางเพศ อย่างแรกก็คือ กระชายดำ ที่มีสรรพคุณช่วยเพิ่มสมรรถภาพทางเพศ เนื่องจากกระชายดำมีฤทธิ์ทำให้โลหิตไหลเวียนได้ดีขึ้น
นอกจากนี้ กระชายดำยังช่วยบำรุงกำลัง กระตุ้นประสาท ทำให้กระชุ่มกระชวย แก้ปวดเมือน เหนื่อยหอบ แก้ใจสั่นหวิว ขับปัสสาวะ และยังเป็นยาอายุวัฒนะ ช่วยชะลอความแก่อีกด้วย
มาต่อกันด้วยสมุนไพรอีกชนิดหนึ่ง กวาวเครือ ที่เป็นสมุนไพรยอดฮิตอยู่ในช่วงหนึ่ง โดยกวาวเครือนั้นจะแบ่งออกเป็น 4 ชนิด ตำรายาหัวกวาวเครือของหลวงอนุสารสุนทร คือ กวาวเครือขาว กวาวเครือแดง กวาวเครือดำ และกวาวเครือมอ
สรรพคุณของกวาวเครือนั้น ต้องถือว่าเป็นยาอายุวัฒนะสำหรับผู้สูงอายุทั้งหญิงและชาย ช่วยให้มีความกระชุ่มกระชวย ทำให้ผิวหนังดูมีน้ำมีนวล ช่วยเสริมอก กระตุ้นเต้านมให้ขยายตัว โดยเฉพาะในกวาวเครือขาว ช่วยบำรุงโลหิต บำรุงประสาทและสมอง
แต่กวาวเครือนั้นก็ยังมีข้อห้ามในการใช้เป็นยาอยู่เช่นกัน โดยแพทย์พื้นบ้านจะแนะนำว่า ในคนหนุ่มสาวห้ามกินกวาวเครือ และไม่ควรกินกวาวเครือมากหรือต่อเนื่องกันนานเกินไป เพราะจะทำให้เต้านมโตเกินไป เต้านมแข็งเป็นก้อน จนอาจกลายเป็นมะเร็งได้ ส่วนในผู้ชายถ้ากินมากเกินไปจากทำให้เยื่อหุ้มอัณฑะหนาตัวขึ้น และนำไปสู่การเป็นมะเร็งที่อัณฑะได้ นอกจากนี้ ยังมีข้อควรระวังคือ กวาวเครือทุกชนิดจะมีพิษทำให้เบื่อเมาได้ โดยเฉพาะในกวาวเครือแดงจะมีพิษมากที่สุด ซึ่งการนำมาทำเป็นยาจะต้องนำมาผสมกับสมุนไพรชนิดอื่นร่วมด้วย
ล่าสุด ยังมีการวิจัยพบอีกว่า เมล็ดหมามุ่ย ก็มีฤทธิ์ช่วยเพิ่มสมรรถภาพทางเพศได้เช่นกัน โดยการนำเมล็ดหมามุ่ยมาคั่วแล้วบดให้ละเอียด ชงผสมกับน้ำดื่มในช่วงเวลาเย็น แต่ก็ยังมีข้อสังเกตว่า เมล็ดหมามุ่ยที่มีสารเพิ่มสมรรถภาพทางเพศนั้นเป็นข้อมูลทางวิทยาศาสตร์จากประเทศจีนและอินเดีย ส่วนหมามุ่ยในประเทศไทยนั้นเป็นคนละสปีชีส์กัน ฉะนั้นยังต้องศึกษาข้อมูลให้รอบด้าน และระวังว่าอาจมีผลข้างเคียงเกิดขึ้นหรือไม่
สำหรับสมุนไพรที่ช่วยเรื่องสมรรถภาพทางเพศนั้น ใครใคร่จะทดลองกินก็ควรจะศึกษาข้อมูลการใช้ วิธีการกิน และผลข้างเคียงอื่นๆ ด้วย แต่ที่ดีที่สุดก็คือ การทำสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงอยู่เสมอ จะได้มีชีวิตอยู่ทำอะไรต่อมิอะไรได้อีกเยอะ
นำร่อง
[0] ดัชนีข้อความ
[#] หน้าถัดไป
[*] หน้าที่แล้ว
Go to full version