อิ่มกาย อิ่มใจ > สุขภาพกับชีวิต

108 เคล็ดกิน

<< < (37/85) > >>

sithiphong:
ยี่หร่าดำ...เม็ดเล็กๆ ประโยชน์ไม่เล็ก
-http://campus.sanook.com/1369994/%E0%B8%A2%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%AB%E0%B8%A3%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%94%E0%B8%B3...%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B9%87%E0%B8%94%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B9%87%E0%B8%81%E0%B9%86-%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%82%E0%B8%A2%E0%B8%8A%E0%B8%99%E0%B9%8C%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B9%87%E0%B8%81/-




ยี่หร่าดำ...เม็ดเล็กๆ ประโยชน์ไม่เล็ก อยากสมองดี ความจำดี สุดยอดอาหารชนิดใหม่ล่าสุดอย่าง "ยี่หร่าดำ (Black Cumin)" ช่วยคุณได้ งานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสารเภสัชพฤกษศาสตร์วิทยา ชี้ว่าการกินแคปซูลบรรจุยี่หร่าดำป่นขนาด 500 มิลลิกรัม 2 แคปซูลทุกเย็นเป็นเวลา 9 สัปดาห์ จะช่วยให้ความสามารถในการจดจำ สมาธิ และการเรียนรู้ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เนื่องจากสารต้านอนุมูลอิสระ ต้านการอักเสบและป้องกันระบบประสาทในเครื่องเทศชนิดนี้มีผลต่อการกระตุ้นสมอง และยังอุดมไปด้วยกรดไขมันจำเป็น ช่วยยับยั้งการเสื่อมของสารสื่อประสาทได้อีกด้วย

ขอบคุณภาพประกอบจาก superhumanfoods.org

sithiphong:
มังสวิรัติกับอาหารเจ แตกต่างกันอย่างไร
-http://club.sanook.com/10013/%E0%B8%A1%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%AA%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%88-%E0%B9%81%E0%B8%95-



มังสวิรัติกับอาหารเจแตกต่างกันอย่างไร

เชื่อว่าหลายคนในที่นี้ อาจมีความสงสัยว่า มังสวิรัติ กับ อาหารเจ นั้นแตกต่างกันอย่างไร เพราะว่าวิธีการทานนั้นค่อนข้างใกล้เคียงกัน ซึ่งวันนี้เรามีความแตกต่างระหว่างอาหารมังสวิรัติกับอาหารเจมาฝากกันค่ะ

กินเจ

 ทั้งอาหารเจและอาหารมังสวิรัติเป็นอาหารที่ไม่มีเนื้อสัตว์เหมือนกัน แต่มีความแตกต่างกันในรายละเอียด ดังนี้

อาหารเจนอกจากไม่มีเนื้อสัตว์แล้ว ยังมีข้อห้ามว่าต้องไม่มีหอม กระเทียม ต้นกุยช่าย ผักชี และเครื่องเทศที่เผ็ดร้อนเพราะถือว่าอาหารดังกล่าวทำให้เกิดกำหนัด

วัตถุดิบที่เป็นหลักในการประกอบอาหารเจ คือ แป้ง เต้าหู้  ซีอิ๊ว ถั่วเหลือง ถั่วต่าง ๆ และผักนานาชนิด ยกเว้นผักที่กล่าวมาแล้ว  นอกจากนี้ผู้กินเจที่เคร่งครัด น้ำมันพืชที่ใช้ต้องบริสุทธิ์ ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์  จะไม่ใช้น้ำมันพืชสูตรผสม เช่น น้ำมันรำข้าวปนน้ำมันถั่วเหลือง ภาชนะที่ใส่อาหารเจก็ต้องเตรียมไว้เป็นพิเศษ ไม่ใช้ปะปนกับภาชนะที่ใส่เนื้อสัตว์ ปัจจุบันอาหารเจได้รับการพัฒนารูปแบบขึ้นมาก มีการทำ “หมี่กึน” ที่ทำมาจากแป้งสาลีดัดแปลงให้มีรูปร่างหน้าตาเหมือนเนื้อสัตว์ นำมาปรุงอาหารสำหรับผู้ที่ยังไม่สามารถตัดขาดจากเนื้อสัตว์ได้เด็ดขาด

อาหารเจจะกินกันในระหว่างเทศกาลกินเจ คือช่วงระหว่างวันขึ้น ๑-๙ ค่ำเดือน ๙ (ตามปฏิทินจีนราวเดือนตุลาคม)ระยะเวลาประมาณ ๑๐ วัน หรือกินในระยะเวลาใดเวลาหนึ่งผู้ที่กินเจเชื่อว่าการกินเจเป็นการได้บุญ จะส่งผลให้ชีวิตประสบความสุขความเจริญ ทั้งเป็นการต่อชีวิตให้ยืนยาวต่อไป



มังสวิรัติ

ส่วนอาหารมังสวิรัติ  โดยรูปศัพท์หมายถึงการงดเว้นเนื้อสัตว์ (มังสะ=เนื้อสัตว์  วิรัติ=การงดเว้น) ภาษาอังกฤษเรียกว่า  Vegetarian

ผู้บริโภคอาหารมังสวิรัติมีสองกลุ่ม กลุ่มแรก ไม่บริโภคเนื้อสัตว์ แต่ยังคงบริโภคไข่และนม กลุ่มที่สอง ไม่บริโภคเนื้อสัตว์ รวมทั้งไม่บริโภคไข่และนมด้วยอาหารมังสวิรัติงดเนื้อสัตว์เหมือนกับอาหารเจ รวมทั้งเครื่องปรุงรสที่ทำมาจากสัตว์ เช่น กะปิ น้ำปลา แต่ต่างกับอาหารเจตรงที่ไม่ห้ามบริโภคกระเทียม หัวหอม ต้นกุยช่าย หรือผักที่มีกลิ่นแรงตลอดจนเครื่องเทศที่เผ็ดร้อน อาหารมังสวิรัติสามารถบริโภคได้ทั้งปี  ไม่มีเทศกาลเหมือนอาหารเจ  ผู้ที่กินอาหารมังสวิรัติเชื่อว่าจะทำให้ร่างกายมีสุขภาพแข็งแรง  เพราะได้งดเนื้อสัตว์ซึ่งมีไขมันและสารอื่น ๆ มากมาย นอกจากนั้นยังมีประโยชน์ต่อจิตใจเพราะไม่จะเบียดเบียนชีวิตสัตว์ทั้งหลาย

sithiphong:
ผลกีวี...มหัศจรรย์ผลไม้เต็มคุณค่า
-http://campus.sanook.com/1369763/%E0%B8%9C%E0%B8%A5%E0%B8%81%E0%B8%B5%E0%B8%A7%E0%B8%B5...%E0%B8%A1%E0%B8%AB%E0%B8%B1%E0%B8%A8%E0%B8%88%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A2%E0%B9%8C%E0%B8%9C%E0%B8%A5%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%89%E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B9%87%E0%B8%A1%E0%B8%84%E0%B8%B8%E0%B8%93%E0%B8%84%E0%B9%88%E0%B8%B2/-

นอกจากอาหารจะเป็นหนึ่งในปัจจัยสี่ของการมีชีวิตรอดของมนุษย์ อาหารยังเป็นสิ่งที่สร้างความสุข ความสมบูรณ์ให้กับชีวิต คนแต่ละคนอาจจะมีอาหารจานโปรด หรือเพลิดเพลินไปกับรสชาติที่ถูกปาก แต่ที่สำคัญกว่านั้นถ้าเราเลือกบริโภคแต่อาหารที่มีประโยชน์ หรืออาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการ เราก็จะมีสุขภาพที่สมบูรณ์แข็งแรงจากภายใน ซึ่งจะสะท้อนออกสู่ภายนอกที่แสดงถึง รูปร่างดี ผิวพรรณผ่องใส มีน้ำนวล ที่สำคัญที่สุด การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์อย่างแท้จริงย่อมเป็นปัจจัยที่สำคัญในการป้องกันความเจ็บไข้ได้ป่วย หรือบางครั้งอาหารสามารถ "รักษา" โรคบางโรคได้ โดยไม่ต้องพึ่งยาหากเป็นโรคที่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมการบริโภคที่ผิด ๆ อาหารจึงเป็นสิ่งที่ดลบันดาลสุขภาพที่ดี ถ้าเขาเหล่านั้นรู้จัก "เลือก" ที่จะรับประทานอาหารที่ "ใช่"

"ผลไม้" เป็นหนึ่งในอาหารหลัก 5 หมู่ที่จำเป็นต่อร่างกาย และเป็นแหล่งของวิตามิน แร่ธาตุ สารต้านอนุมูลอิสระ และใยอาหาร ซึ่งทั้งหมดนี้จะช่วยในการดูแลเสริมสร้างสุขภาพ แต่ผลไม้ทุกชนิดมีสารอาหารเด่น ๆ ที่ต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นชนิดและปริมาณ มีผลไม้มากมายหลายชนิดที่ได้ชื่อว่าเป็น "ซุปเปอร์ฟรุ๊ต" หนึ่งในนั้นคือ "ผลกีวี"



มีอะไรดีในกีวี

ผลกีวีอุดมไปด้วยสารพฤกษเคมี (phytonutrients) จำนวนมากรวมทั้งวิตามินและแร่ธาตุที่ช่วยส่งเสริมสุขภาพ เช่น วิตามินซี วิตามินอี ลูทีน โฟเลต โพแตสเซียม ใยอาหาร และสารฟลาโวนอยด์ ซึ่งช่วยปกป้องดีเอ็นเอในนิวเคลียสของเซลล์จากอนุมูลอิสระที่เปรียบเสมือนขยะของร่างกายที่ก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพมากมาย นอกจากนี้ผลกีวียังมีเอ็นไซม์ที่ใช้ในการหมักเนื้อสัตว์ให้นุ่มแบบธรรมชาติ

กีวีสีทอง หรือโกลด์กีวีนั้นยังอุดมไปด้วยวิตามินอีธรรมชาติ ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ละลายในไขมัน จึงช่วยปกป้องอันตรายจากเซลล์ในชั้นไขมัน ช่วยบำรุงผิวพรรณ ลดระดับคอเลสเตอรอลในร่างกาย ช่วยในการไหลเวียนโลหิต ป้องกันโรคหัวใจ และลดการอุดตันของหลอดเลือดหัวใจที่ไปเลี้ยงสมอง

ผลกีวีเป็นแหล่งที่ดีของโฟเลต ซึ่งเป็นวิตามินบีที่ช่วยในการสร้างเม็ดเลือดแดง และป้องกันการเกิดโรคโลหิตจาง และจำเป็นต่อคุณแม่ในช่วงก่อนและระหว่างตั้งครรภ์ ช่วยป้องกันความผิดปกติในการสร้างระบบประสาทและสมองของเด็กทารกในขณะตั้งครรภ์


โดย : อาจารย์ศัลยา คงสมบูรณ์เวช นักกำหนดอาหารขึ้นทะเบียนวิชาชีพประเทศสหรัฐอเมริกา และนักกำหนดอาหารขึ้นทะเบียนวิชาชีพไทย


sithiphong:
ถังน้ำแตงโม ไอเดียเก๋ไก๋ต้อนรับปาร์ตี้
-http://cooking.kapook.com/view71995.html-


ภาพประกอบจาก prudentbaby.com


เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

          หากในไม่กี่วันนี้คุณกำลังจะจัดงานปาร์ตี้ และกำลังมองหาความแปลกใหม่ให้กับงานปาร์ตี้ของคุณอยู่ และที่สำคัญอยากประหยัดค่าใช้จ่าย เราได้นำไอเดียการดัดแปลงลูกแตงโมธรรมดาให้กลายเป็นถังน้ำที่สามารถเปิด-ปิดได้ จาก prudentbaby.com ทำได้ง่าย ๆ ไม่กี่ขั้นตอน อุปกรณ์ก็ไม่เยอะ แถมยังประหยัดอีกด้วย


        ขั้นตอนการทำ

        เริ่มต้นจากการเลือกซื้อแตงโมตามขนาดที่ต้องการ (ถ้าเป็นไปได้ควรเลือกซื้อแตงโมแบบที่ไม่มีเมล็ดจะช่วยให้ทำงานได้ง่ายขึ้น)

        เตรียมหัวจุกก๊อกน้ำที่ต้องการ ล้างทำความสะอาดให้เรียบร้อย เตรียมไว้

        ใช้มีดตัดส่วนท้ายของแตงโมออกบาง ๆ พอให้ลูกแตงโมวางตั้งได้

        จากนั้นตัดส่วนหัวของแตงโมให้เปิดออกเพื่อให้สามารถตักเนื้อแตงโมออกมาได้

        ตักเนื้อแตงโมออกจากลูก (ค่อย ๆ ตักออกระวังอย่าให้ทะลุเปลือก) จากนั้นนำใส่เครื่องปั่น ปั่นจนละเอียด จากนั้นกรองเอากาก และเมล็ดออกด้วยตะแกรง เอาเฉพาะน้ำ เตรียมไว้

        นำที่เจาะแกนแอปเปิ้ลเจาะลงบนผิวแตงโมค่อนไปทางด้านล่างให้เป็นช่องสำหรับใส่จุกก๊อกน้ำ พยายามเจาะช่องให้เล็กกว่าก๊อกน้ำ ไม่อย่างนั้นน้ำจะซึมออกมาได้

        ค่อยๆ หมุนจุกก๊อกน้ำเข้าไปในเปลือกแตงโมให้แน่นจนทะลุเข้าไปในเปลือกด้านใน เตรียมไว้เป็นถังน้ำ

        ผสมน้ำแตงโมที่เตรียมไว้กับกับน้ำมะนาว 1 ลูก เติมน้ำตาลทราย หรือน้ำเชื่อมเพื่อเพิ่มความหวาน (หรือจะเติมแอลกอฮอล์สักเล็กน้อยให้เป็นค็อกเทลได้) จากนั้นเติมน้ำแตงโมลงในถังที่เตรียมไว้ เพียงเท่านี้ก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย

          เป็นอย่างไรบ้างคะกับวิธีการง่าย ๆ ที่ได้มาซึ่งถังน้ำแตงโมสุดเก๋ คราวนี้ก็มีลูกเล่นแปลก ๆ ไว้สำหรับงานปาร์ตี้ของคุณ ทั้งง่าย ทั้งประหยัด และมีคุณค่าอีกด้วย

sithiphong:

ใบชะมวง - เรื่องน่ารู้
วันเสาร์ที่ 5 ตุลาคม 2556 เวลา 00:00 น.
-http://www.dailynews.co.th/agriculture/237243-



สถานวิจัยยาสมุนไพรและเทคโนโลยีชีวภาพทางเภสัชกรรม คณะเภสัชศาสตร์ ม.สงขลานครินทร์ (มอ.) ได้ศึกษาวิจัยคุณสมบัติที่มีฤทธิ์ต้านมะเร็งและต้านแบคทีเรียก่อโรคทางเดินอาหารจาก ใบชะมวง พบเป็นพืชที่ออกฤทธิ์ดีจึงนำมาแยกสารที่ต้องการ สามารถได้สารมีฤทธิ์ในระดับดี เป็นสารที่มีค่าความเข้มข้นต่ำสามารถยับยั้งเชื้อได้ประมาณ 7.8 ไมโครกรัมต่อมิลลิเมตร ซึ่งถือว่าเป็นสารตัวใหม่ที่ยังไม่มีการค้นพบมาก่อน ทั้งนี้ ยังได้ศึกษาต่อถึงความเป็นไปได้ในการออกฤทธิ์ยับยั้งเชื้อโปรโตซัวร์ ซึ่งเป็นโรคระบาดที่พบบ่อยในภาคใต้ของประเทศไทย พบว่าสารจากชะมวง สามารถยับยั้งโปรโตซัวร์ได้ดี จึงนำไปทดสอบกับเซลล์มะเร็งปอด และเซลล์มะเร็งเม็ดเลือดขาว พบว่ามีฤทธิ์ต้านเซลล์มะเร็งได้เช่นกัน ทั้งนี้จะมีการศึกษาวิจัยเพิ่มเติมก่อนนำมาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์  เพื่อการรักษาที่ได้ผลและลดอาการข้างเคียงจากการใช้ต่อไป.

-----------------------------------------------------------


ลิเภายุ่ง - เรื่องน่ารู้
วันศุกร์ที่ 4 ตุลาคม 2556 เวลา 00:00 น.
-http://www.dailynews.co.th/agriculture/237160-



ลิเภายุ่งเป็นพืชพวกเฟิน ลำต้นเลื้อยใต้ดิน แทงใบขึ้นเหนือผิวดินเป็นระยะ ใบเป็นใบประกอบสามชั้น ก้านเรียวเล็กคล้ายเส้นลวด เลื้อยคลุมพืชอื่น ๆ และพันต้นไม้ใหญ่ ใบประกอบชั้นที่สองเรียงสลับทอดระยะห่างกัน 5 -10 เซนติเมตร ก้านยาวประมาณ 5 มิลลิเมตร ปลายก้านมีขนสีน้ำตาล ด้านข้างแยกแขนงหนึ่ง คู่ตรงข้ามกัน ยาวก้านละ 5 -10 เซนติเมตร ปลายก้านใบย่อยชั้นที่สองนี้ ปกติจะไม่เจริญยาวขึ้นอีก ยกเว้นเมื่อก้านใบชั้นแรกตอนบนถูกทำลายไป ปลายก้านใบย่อยชั้นนี้จะแตกตาเจริญขึ้น ทำหน้าที่แทนก้านใบเดิม ขึ้นทั่วไปในที่โล่งบริเวณที่ลุ่มน้ำขังและที่ดอน มีเขตการกระจายพันธุ์ทั่วทุกภาคของประเทศไทยและประเทศในเขตร้อนชื้นของทวีปเอเชียและแอฟริกา เปลือกของเถา หรือที่เรียกว่าย่าน ใช้จักสานเป็นกระเป๋าถือ และหมวก คนไทยเมื่อครั้งอดีตนิยมนำรากมาต้มกินแก้ร้อนใน ปัสสาวะเหลือง ปัสสาวะแดง หรือผสมตัวยาอื่นแก้โรคมะเร็ง ราก ใบ เถา ต้มดื่มน้ำ แก้เลือดพิการแก้ระดูมากะปริบกะปรอย

-----------------------------------------------------



ไก่งวง - เรื่องน่ารู้
วันพุธที่ 2 ตุลาคม 2556 เวลา 00:00 น.
-http://www.dailynews.co.th/agriculture/236759-



ไก่งวงในสังคมโทยเริ่มมีความนิยมเพิ่มขึ้น เกษตรกรหลายพื้นที่เริ่มหันมาเลี้ยงไก่งวงเพิ่มมาขึ้น ด้วยมีตลาดรองรับเพิ่มขึ้น ในทางโภชนาการ เนื้อไก่งวงมีแคลเซียมสูงบริเวณน่องสะโพกขนาด 3.5 ออนซ์มีแคลเซียมสูงถึง 32 มิลลิกรัม มีแคลอรี่ต่ำกว่าไก่ธรรมดา และมีไขมันอิ่มตัวน้อยกว่าเนื้อสัตว์อื่น ๆ มีโปรตีนที่สูงกว่าเนื้อไก่ เนื้อวัวหรือเนื้อหมู มีกรดอะมิโน ที่จำเป็นต่อการสร้างโปรตีนที่สมบูรณ์ของร่างกาย ง่ายต่อการย่อย เป็นแหล่งโปรตีนที่ดีสำหรับผู้สูงอายุ มีโซเดียมต่ำตามธรรมชาติ เนื้อหน้าอกไก่งวงขนาดส่วน 3.5 ออนซ์มีโซเดียมเพียง 68 มิลลิกรัม


นำร่อง

[0] ดัชนีข้อความ

[#] หน้าถัดไป

[*] หน้าที่แล้ว

ตอบ

Go to full version