“ขิง” สมุนไพรไทยชั้นดี ช่วยต้านหนาว
-http://club.sanook.com/21982/%E0%B8%82%E0%B8%B4%E0%B8%87-%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B8%B8%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2%E0%B8%8A%E0%B8%B1%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%94%E0%B8%B5-%E0%B8%8A%E0%B9%88-
“ขิง” สมุนไพรไทยชั้นดี ช่วยต้านหนาว
พอดีมีโอกาสได้ไปรับลมหนาวที่เชียงใหม่ค่ะ ก็ไปเที่ยวเขา เที่ยวดอย ตามภาษาคนที่อยากไปรับรู้ความหนาวเย็นจัดๆ เป็นยังไงบ้าง ซึ่่งก็ต้องบอกว่าหนาวมาก หนาวเย็นกว่าปกติซะด้วย และก็สังเกตอย่างนึงว่าชาวบ้านท้องถิ่น หรือชาวเขา ที่อยู่ตามดอย จะนิยมเปิดร้านขายมันปิ้ง ไข่ปิ้ง หรือน้ำสมุนไพรร้อนๆ ที่ใส่หม้อดินและตั้งเตาถ่านไว้ ขายกันสดๆร้อนๆ หลากหลายชนิด เช่นน้ำขิงผสมน้ำผึ้ง นมร้อนผสมน้ำผึ้ง น้ำเก็กฮวย อะไรประมาณนั้น ซึ่งเค้าก็จะขายอยู่ตลอดข้างทางที่เดินผ่านไปอ่ะซึ่งก็แอบไปดื่มมา ซึ่งก็อร่อยมากและได้บรรยากาศสุดๆ และที่สังเกตอีกอย่างนึงคือ ในทุกร้านจะต้องมีน้ำขิงขายทุกร้าน..
ซึ่งสิ่งที่เราจะเล่าวันนี้นั้น ก็คือ ใน “ขิง” นั้นก็มีสรรพคุณอย่างนึง คือ ช่วยบรรเทาความหนาวเย็นได้ค่ะ ซึ่งนั่นก็อาจจะเป็นเหตุผลหนึ่งของชาวท้องถิ่น หรือนักท่องเที่ยวเค้านิยมดื่มกัน ซึ่งก็อาจจะมาจากสภาพอากาศบนดอยที่หนาวเย็นเกือบตลอดทั้งปีด้วย และนอกจากนี้ เรายังมีสาระน่ารู้เกี่ยวกับสรรพคุณของ “ขิง” จากโรงพยาบาลลำปาง มาฝากเพื่อนๆ กันอีกด้วยค่ะ
“ขิง” ปรับสมดุลธาตุหน้าหนาว
ภกญ. ดร.สุภาภรณ์ ปิติพร หัวหน้ากลุ่มงานเภสัชกรรม โรงพยาบาลอภัยภูเบศร ได้กล่าวว่าหน้าหนาวเป็นช่วงของวาตะธาตุหรือธาตุลม ส่งผลกระทบต่อธาตุทั้ง 4 คือ ดิน น้ำ ลมและไฟ ใครที่มีธาตุ 4 สมดุลก็จะมีภูมิต้านทานกับการเปลี่ยนแปลงแห่งฤดูกาลมากกว่าคนอื่น สำหรับคนที่มีวาตะธาตุเป็นเจ้าเรือน คือที่ผอมแห้งแรงน้อย คนชรา หรือวัยเด็ก ก็จะได้รับผลกระทบมากกว่าคนอื่น ธาตุไฟในคนกลุ่มนี้จะอ่อนแรง ยิ่งเมื่อถึงหน้าหนาวจะอ่อนแรงไปอีก ธาตุน้ำและลมจะกำเริบร่วมกัน ทำให้มีเสมหะเหนียวแห้ง ช่วงนี้คนมักเจ็บป่วยด้วยอาการหวัดและไอแห้งๆ รวมทั้งมีการกำเริบของหอบหืดในช่วงฤดูหนาว
สมุนไพรขิง จึงเป็นสมุนไพรพื้นบ้านที่ถูกนำมาใช้ได้อย่างเหมาะสม ปลอดภัย เป็นการช่วยเพิ่มธาตุไฟ ขิงเป็นสมุนไพรที่ทุกมุมโลกนำมาใช้ พบว่ามีสารหลายชนิดที่มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ มีการทดลองพบว่า น้ำขิงต้ม ทำให้เม็ดเลือดขาวแมคโครฟาจ จับกินไวรัสไข้หวัดใหญ่ได้ดีขึ้น จึงเหมาะที่จะเป็นเครื่องดื่มสมุนไพรสำหรับในฤดูกาลนี้ เพราะขิงเป็นสมุนไพรที่หาง่าย มีความปลอดภัย ใช้มานาน ดังนั้น เมื่อมีอาการเป็นหวัด ไม่สบาย เราอาจเลือกกินน้ำต้มขิง หรือต้มซุปไก่บ้าน ที่ใส่ตะไคร้และขิง จะช่วยให้อาการดีขึ้น
ปัจจุบันขิงเป็นสมุนไพรที่บรรจุเป็นยาหลักแห่งชาติและองค์การอนามัยโลกรับรองขิงรักษาหวัด แต่มีข้อจำกัดในคนท้อง ยกเว้นต้องซื้อจากบริษัทที่ควบคุมคุณภาพที่ดีพอ ขิงเป็นสมุนไพรที่ใช้ในหลายประเทศทั่วโลก เช่น แพทย์จีนโบราณจัดขิงเป็นพืชรสเผ็ดอุ่น มีฤทธิ์แก้หวัดเย็น ขับเหงื่อ บำรุงกระเพาะ แก้คลื่นไส้อาเจียน ลดโคเลสเตอรอลที่สะสมในตับและหลอดเลือด อินเดียใช้ขิงลดการอักเสบ แก้ปวด ลดการบวมน้ำ ใช้เป็นยากระตุ้นอาหาร เป็นยาช่วยย่อย ช่วยขับลมในลำไส้ ระงับการคลื่นไส้อาเจียน กระตุ้นกำหนัด ตำรายาทางอายุรเวทใช้ขิงลดอาการบวม และลดการอักเสบของตับ คนยุโรปโดยทั่วไปจะใช้ชาขิงช่วยย่อย ช่วยรักษาท้องอืดจาการดื่มเหล้า ช่วยขับลม ใช้รักษาโรคเก๊าท์ และกระตุ้นการไหลเวียนเลือด
สำหรับคนไทย จะรู้จักขิงเป็นอย่างดี สามารถนำมาเป็นเครื่องเทศปรุงเป็นอาหารได้สารพัด ช่วยปรุงแต่งให้อาหารมีรสที่ชวนกิน ดับกลิ่นคาว อยู่ในตำหรับยารักษาโรคได้มากมาย ขับลม ช่วยย่อยอาหาร ขับเหงื่อ ขับน้ำนม บำรุงธาตุ บำรุงกำลัง ฉะนั้น ในหน้าหนาวนี้ ลองปรุงอาหารที่มีขิง ถ้าหาอะไรไม่ได้ ลองต้มน้ำต้มขิงช่วยปรับสมดุลธาตุกันนะคะ
Credit : กลุ่มงานสุขศึกษา โรงพยาบาลลำปาง
ภาพประกอบ : Photos.com
------------------------------------------------------------------------------------
สารพฤกษเคมีในผักและผลไม้ คืออะไร
-http://campus.sanook.com/1370615/%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%9E%E0%B8%A4%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B9%80%E0%B8%84%E0%B8%A1%E0%B8%B5%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B8%9C%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%9C%E0%B8%A5%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%89-%E0%B8%84%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B8%B0%E0%B9%84%E0%B8%A3/-
ผักและผลไม้ได้ชื่อว่าเป็นสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย ส่วนใหญ่สารที่เป็นประโยชน์พบมากในเม็ดสีของพืชเรียกว่า สารพฤกษเคมี ซึ่งส่วนใหญ่มีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระ ส่งเสริมระบบภูมิคุ้มกัน และต้านการอักเสบตลอดจนมีฤทธิ์ในการยับยั้งการเจริญของเซลล์มะเร็ง
สารที่มักพบในพืชผักผลไม้ มี สารคลอโรฟิลล์ พบมากในพืชใบเชียว เช่น กวางตุ้ง บัวบก และชะพลู ช่วยกระตุ้นในการสร้างภูมิต้านทาน ชำระล้างขจัดสารพิษ และสิ่งสกปรกออกจากร่างกาย
สารคาโรทีนอยด์ พบมากในพืชสีส้มเหลือง และสีแดงส้ม เช่น แครอท มะเขือเทศ ฟักทอง ส้ม มะละกอ ช่วยในการต่อต้านอนุมูลอิสระ และสารก่อมะเร็งได้เป็นอย่างดี
สารลูทีน จะพบในพืชที่มีสีเหลือง อย่างข้าวโพด ช่วยต้านสารอนุมูลอิในการป้องกันเยื่อแก้วตา สระช่วยบำรุงสายตาการมองเห็น
สารไลโคปีน พบในพืชสีแดง เช่น มะเขือเทศ แตงโม สตรอเบอรี่ มีส่วนช่วยให้ผิวพรรณผ่องใสขาวอมชมพู และลดการเกิดโรคหัวใจและโรคหลอดเลือดแข็งตัวอีกด้วย
สารแอนโทไซยานิดินหรือแอนโทไซยานิน พบในพืชสีน้ำเงิน และม่วงแดง เช่น กะหล่ำปลีม่วง หัวบีท องุ่นม่งแดง เชอร์รี่ ช่วยขยายหลอดเลือด ลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและอัมพาต
สารอัลลิซิน พบในพืชสีขาว เช่น กระเทียม เป็นสารที่ช่วยยับยั้งเชื้อแบคทีเรีย ช่วยลดความดันโลหิต ขับลม ป้องกันหลอดเลือดอุดตัน และหัวใจหยุดทำงานเฉียบพลัน
สารอินดอล ไอโซไทโอไซยาเนท บพมากในพืชตระกูลกะหล่ำ บรอคโคลี ผักกาดขาว กะหล่ำปลี เป็นสารที่ช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็ง
ทั้งนี้ หากต้องการได้รับสารอาหารที่ครบถ้วน แนะนำให้รับประทานผักปและผลไม้ที่หลากหลาย และมีสีสันหมุนเวียนกันไป เพื่อร่างกายได้รับสารอาหารต่างๆที่เป็นประโยชน์อย่างครบถ้วน และสมดุล
ที่มา : เว็บไซต์ สสส.