อิ่มกาย อิ่มใจ > สุขภาพกับชีวิต

108 เคล็ดกิน

<< < (75/85) > >>

sithiphong:
5 อาหารสำคัญสำหรับคนนอนดึกที่ขาดไม่ได้

-http://ch3.sanook.com/32335/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B9%81%E0%B8%A1%E0%B8%A3%E0%B9%8C-%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%AA%E0%B8%B3%E0%B8%AB%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%84%E0%B8%99-


รายการ “กาละแมร์”

หากคุณเป็นคนหนึ่งที่มีไลฟสไตล์ชอบนอนดึก หรือไม่ก็อาจจะประกอบอาชีพที่หลีกเลี่ยงการนอนดึกไม่ได้ และสิ่งที่ตามมาคือระบบในร่างกายมันจะฟ้องออกมาด้วยอาการเจ็บป่วย เช่น มึนศีรษะ, เวียนหัว, คลื่นไส้, เป็นหวัดง่าย, ภูมิแพ้กำเริบ ดังนั้น คนนอนดึกควรหันมาดูแลตัวเองให้มากกว่าคนปกติ เริ่มจากอาหารการกินเลย ต่อจากนี้ คืออาหารเฉพาะสำหรับคนนอนดึกที่ควรรับประทาน

1. เนื้อสีขาว  หาเนื้อปลา อกไก่ ไข่ขาว เต้าหู้ ทานบ้าง  เพราะจะช่วยสร้าง “เคมีสมอง” ที่จำเป็นสำหรับคนนอนดึก  ได้แก่ โดพามีน,เอพิเนฟริน

2. ข้าวกล้องงอก หรือ ถั่วดำ ถั่วแดง ลูกเดือย เพราะธัญพืชพวกนี้จะมี กาบ้า (GABA)  เป็นสารช่วยสื่อประสาทสมองทำให้ความจำดีคิดอ่านได้ว่องไว

3.ช็อกโกแลตดำ(Dark Chocolate)  เป็นเสมือนเครื่องดื่มชูกำลังเสริมสร้างเรี่ยวแรงอย่างหนึ่ง แทนเพราะมี “ฟลาโวนอยด์” ช่วยให้เลือดไหลลื่นในสมองป้องกันเส้นเลือดอุดตัน

4.ใบบัวบก  ซึ่งเป็นคลอโรฟิลล์จากธรรมชาติและยังมีสารช่วยลดการอักเสบของร่างกายจากภาวะนอนดึก  หาบัวบกรับประทานสดหรือเอามาปั่นเป็นน้ำคั้นสีเขียวดื่มบ่อยๆ  จะช่วยให้สดชื่นตื่นตัวดี

5. ดื่มน้ำให้มาก  ซึ่งเป็นเรื่องง่ายๆที่สุดแต่มักถูกมองข้าม การ “ดื่มน้ำสะอาด”  ดีต่อสมองเป็นที่สุดเพราะก้อนสมองต้องอาศัยน้ำในการบำรุงเช่นเดียวกับร่างกายที่นอนดึก  คนนอนดึกจะปากแห้งเพราะร่างกายคนนอนดึกไม่ได้พักจึงมีการสูญเสียน้ำไปจนปากคอแห้งเป็นผงนั่นเอง


----------------------------------------------------------------------------



หมูทอดน้ำปลา สูตรทำง่าย ท้าให้ลอง

-http://cooking.kapook.com/view97655.html-



หมูทอดน้ำปลา สูตรทำง่าย ท้าให้ลอง

เกริ่นนำโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก เฟซบุ๊ก หมอดูพาแด๊ก

          หมูทอด เมนูง่าย ๆ ที่ใคร ๆ ก็ทำได้ แต่จะทำให้ออกมาอร่อยโดนใจไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ถ้าเจอวิธีทำหมูทอดน้ำปลาสูตรนี้เข้าไป บอกเลยว่าง่ายมาก !

           ถ้าลองได้หมูทอดน้ำปลา หรือหมูทอดน่ากิน ๆ แบบนี้มากินกับข้าวสวยร้อน ๆ แค่นี้ก็ฟินแล้วเนอะ ถือเป็นเมนูคุ้นเคยกินกันมาตั้งแต่เด็กยันโต เด็กกินได้ผู้ใหญ่กินดี แต่ถ้าทำกินเอง เชื่อว่ามีหลายครั้งที่ทอดออกมาแล้วไม่อร่อย บ้างก็หมักไม่เข้าเนื้อ จืดไปบ้าง เค็มไปบ้าง ไม่อร่อยอย่างที่ควรจะเป็น วันนี้กระปุกดอทคอมนำวิธีทำหมูทอดน้ำปลาสูตรทำง่าย ๆ จาก เฟซบุ๊ก หมอดูพาแด๊ก มาฝาก ที่แค่เห็นภาพเชื่อว่า หลายคนกำลังนั่งซับน้ำลายกันอยู่แน่ ๆ ไปดูวิธีทำหมูทอดน้ำปลากันเลยจ้า

 ส่วนผสม
         
          หมูสามชั้น 1 กิโลกรัม

          น้ำปลาอย่างดี 7-8 ช้อนโต๊ะ

          พริกไทยขาวป่นตามชอบ

          ไข่ไก่ 1 ฟอง

          ผงปรุงรส เล็กน้อย

          แป้งประกอบอาหารโกกิ 10-15 ช้อนโต๊ะ

          น้ำเย็น

          น้ำมันปาล์ม สำหรับทอด

          น้ำส้มสายชู 1 ช้อนโต๊ะ

          เกลือเล็กน้อย

วิธีทำ
         
          1. ใช้มีดแกะสลักจิ้มให้ทั่วชิ้นหมู (เคล็ดลับ : สำคัญมากคือ ไปซื้อมีดแกะสลักมาจิ้ม ๆ ให้ทั่วหมูเลยครับ จิ้มหนังด้วย หมูจะนิ่ม น้ำหมักจะเข้าเนื้อหมู สุกเร็วครับ)
         
          2. หมักหมูโดยใส่น้ำปลา พริกไทยป่น ไข่ไก่ ผงปรุงรสเล็กน้อย และแป้งประกอบอาหารโกกิ จากนั้นพรมน้ำเย็นบาง ๆ ลงไป แล้วค่อย ๆ นวดจนเข้ากันประมาณ 5 นาที จากนั้นหมักทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที




          3. ใส่น้ำมันปาล์มลงในกระทะให้ท่วม ใส่น้ำส้มสายชูลงในน้ำมัน (เพื่อหมูจะไม่อมน้ำมัน) และเกลือเล็กน้อย (กันหมูติดกระทะ) ใช้ไฟค่อนข้างแรง จากนั้นนำหมูลงทอด โดยทอดทีละข้างให้เกรียมจนเนื้อหมูเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล (ตามรูป) จากนั้นตักขึ้นสะเด็ดน้ำมัน หั่นเป็นชิ้น ๆ พร้อมเสิร์ฟ







          เป็นอย่างไรบ้างคะ กับวิธีทำหมูทอดน้ำปลาจานนี้ ทำง่าย ๆ แถมยังอร่อยแบบนี้ ขอท้าให้ลองค่ะ



.

sithiphong:
.





.

sithiphong:
อาหารกินแก้หิว ช่วงคุมน้ำหนักลดพุง ลดโรค


-http://men.sanook.com/3745/%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B9%81%E0%B8%81%E0%B9%89%E0%B8%AB%E0%B8%B4%E0%B8%A7-%E0%B8%8A%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%B8%E0%B8%A1%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B8%94%E0%B8%9E%E0%B8%B8%E0%B8%87-%E0%B8%A5%E0%B8%94%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B8%84/-


นพ.กฤษดา ศิรามพุช ผู้อำนวยการศูนย์เวชศาสตร์อายุรวัฒน์นานาชาติ แนะนำอาหารที่ทานแล้วไม่อ้วน หาทานง่าย ราคาประหยัด เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก พร้อมระบุปัจจัยที่ทำให้ปัจจุบันนี้ผู้คนพุงปลิ้น คือ กินแป้ง นอนดึก นั่งนาน


1. เม็ดแมงลัก มีวิตามินเอสูง มีเส้นใยละลายน้ำ เมื่อแช่น้ำ เม็ดแมงลักจะพองตัวช่วยให้อิ่มแต่ไม่อ้วน

2. ถั่วลิสง ควรทานถั่วลิสงคั่วแบบไม่ปรุงรสจะได้ใยอาหารจากถั่ว แม้ถั่วจะมีพลังงานสูง แต่ด้วยใยอาหารของถั่วกับโปรตีน จะช่วยให้รู้สึกไม่หิวจนเกินไป

3. แอปเปิ้ลเขียว อุดมไปด้วย เพคติน ช่วยให้อิ่มท้อง

4. มะนาว น้ำมะนาวที่ขมนิดๆ จะช่วยให้รู้สึกหายหิวได้นานนับ ชั่วโมงหลังจากกิน เพราะสารพิเศษจากเปลือกมะนาว

5. ทูน่า ช่วยให้อิ่มจากโปรตีนของปลา และมีคุณค่าจากไขมันต้านชรา อาทิ โอเมก้า 3

6. ไข่ต้ม มีส่วนช่วยลดไขมันได้ ส่วนไข่ขาวก็เป็นโปรตีนล้วน ที่ช่วยให้ไม่โทรมเวลาลดน้ำหนัก เพราะจะไปสร้างกล้ามเนื้อที่เผาผลาญไขมันโดยธรรมชาติ"

ที่มา : นพ.กฤษดา ศิรามพุช ผู้อำนวยการศูนย์เวชศาสตร์อายุรวัฒน์นานาชาติ

---------------------------------------------------------------------------

ถอยให้ห่าง!!! อาหารเร่งแก่ ตัวการร้ายทำวัยร่วงโรย

-http://men.sanook.com/3769/%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B9%81%E0%B8%81%E0%B9%88-%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B8%A7%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%97%E0%B8%B3%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%A2%E0%B8%A3%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B8%A2/-


1. อาหารที่มีรสหวานจัด หรืออาหารที่มีแป้งและน้ำตาลสูง เนื่องจากการบริโภคน้ำตาลและแป้งในปริมาณที่มากเกินไป จะกระตุ้นให้ร่างกายสร้างอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดความเสื่อมของร่างกายมากขึ้น ส่งผลให้เซลล์ผิวหนังเสื่อมสภาพและเกิดริ้วรอย

2.อาหารที่มีไขมันทรานส์ ไขมันทรานส์พบมากในมาร์การีนหรือเนยเทียม ผลิตภัณฑ์เบเกอรี คุกกี้ เฟรนช์ฟรายด์ การกินอาหารที่มีไขมันทรานส์ในปริมาณมาก จะกระตุ้นให้เกิดอนุมูลอิสระ ทำให้แก่ก่อนวัยได้ โดยจะทำให้เซลล์ผิวขาดความยืดหยุ่น ส่งผลให้ผิวเสื่อมสภาพและเกิดริ้วรอย

3.อาหารทอดด้วยน้ำมันซ้ำซาก เช่น ปาท่องโก๋ ทอดมัน ไก่ทอด เป็นต้น น้ำมันที่ทอดอาหารซ้ำแล้วซ้ำอีกจะเกิดการเปลี่ยนแปลงทางเคมีทำให้เกิดอนุมูลอิสระ และอาจเกิดเป็นสารก่อมะเร็งได้อีกด้วย

4.แอลกอฮอล์ การดื่มแอลกอฮอล์ก่อให้เกิดอนุมูลอิสระในร่างกาย ซึ่งเป็นตัวที่เร่งความแก่ให้มาเยือนก่อนเวลาอันควร

เมื่อรู้จักอาหารเร่งแก่ที่ควรหลีกเลี่ยงแล้ว คราวนี้มาดูอาหารที่มีประโยชน์ที่ช่วยต้านความแก่บ้าง ได้แก่ อาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น ผักผลไม้ พืชสมุนไพรต่างๆ อาหารที่มีวิตามินซีและอี ซึ่งมีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยชะลอความเสื่อมของร่างกายและริ้วรอยแห่งวัย นอกจากนี้อย่าลืมดื่มน้ำให้เพียงพอ โดยเลือกน้ำดื่มสะอาดหรือน้ำแร่ก็ได้ เพราะน้ำที่เราดื่มเสมือนเป็นมอยส์เจอไรเซอร์ที่ให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวพรรณ และยังช่วยในการกำจัดของเสียออกจากร่างกาย ซึ่งมีส่วนช่วยให้เราดูสดใสอ่อนกว่าวัยได้เช่นกัน

ขอบคุณข้อมูลจาก
spokedark.tv
-http://www.spokedark.tv/-

sithiphong:
ดอกอัญชัญ

คนไทยได้ใช้ดอกอัญชันเป็นสีผสมอาหารมานานแล้ว เช่น ขนมชั้น ขนมน้ำดอกไม้ หรือนำน้ำคั้นดอกอัญชันใส่ในข้าวสารเพื่อหุงข้าว จะได้ข้าวสุกสมุนไพรที่ให้คุณต่อร่างกาย
วันเสาร์ 6 กันยายน 2557 เวลา 00:00 น.
-http://www.dailynews.co.th/Content/agriculture/264561/%E0%B8%94%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%AD%E0%B8%B1%E0%B8%8D%E0%B8%8A%E0%B8%B1%E0%B8%99+-+%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%99%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B9%89-

คนไทยได้ใช้ดอกอัญชันเป็นสีผสมอาหารมานานแล้ว เช่น ขนมชั้น ขนมน้ำดอกไม้ หรือนำน้ำคั้นดอกอัญชันใส่ในข้าวสารเพื่อหุงข้าว จะได้ข้าวสุกสมุนไพรที่ให้คุณต่อร่างกาย ในตำรายาไทยโบราณระบุถึงดอกอัญชันไว้ว่า รากมีรสเย็นใช้เป็นยาขับปัสสาวะ แก้ปัสสาวะพิการ เป็นยาระบาย ช่วยบำรุงสายตา แก้ตาอักเสบ ตาฟาง ตาแฉะ เมื่อนำรากมาถูฟันจะแก้ปวดฟัน  ส่วนสารแอนโธไซยานิน ที่มีอยู่ในดอกอัญชัน จะช่วยเพิ่มความสามารถในการมองเห็น ทำให้กลไกที่ทำงานเกี่ยวกับการมองเห็นแข็งแรงขึ้น

-------------------------------------------------------------------------------------------------------


สามารถป้องกันยุงที่เป็นพาหะของโรคมาลาเรีย ไข้เลือดออก และเท้าช้างได้ สารสกัดตะไคร้หอมที่ผสมกับน้ำมันมะกอกและน้ำมันหอมระเหยกลิ่นชะมดเช็ด
วันพฤหัสบดี 4 กันยายน 2557 เวลา 00:00 น.
-http://www.dailynews.co.th/Content/agriculture/264090/%E0%B8%95%E0%B8%B0%E0%B9%84%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%AB%E0%B8%AD%E0%B8%A1+-+%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%99%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B9%89-

ตะไคร้หอมเป็น พืชล้มลุก มีอายุหลายปี มีเหง้าใต้ดิน ลำต้นตั้งตรง ออกเป็นกอ มีกลิ่นหอม ใบเดี่ยว น้ำมันหอมระเหยจากตะไคร้หอม สามารถป้องกันยุงที่เป็นพาหะของโรคมาลาเรีย ไข้เลือดออก และเท้าช้างได้ สารสกัดตะไคร้หอมที่ผสมกับน้ำมันมะกอกและน้ำมันหอมระเหยกลิ่นชะมดเช็ด เมื่อนำมาทดสอบกับยุงลายและยุงรำคาญตัวเมีย จะมีประสิทธิภาพในการไล่ยุงได้ นอก จากนี้ยังมีผลในการควบคุมและกำจัดลูกน้ำยุงได้อีกด้วย.


-------------------------------------------------------------------------------------------------------

มีสีเทาออกขาว ก้านรังยาว โพรงรังเล็ก น้ำหนักเบา และไม่มีผึ้งตายอยู่ในรัง คนไทยเมื่อครั้งอดีตจะกินรังผึ้งเพื่อขับลมในร่างกาย ถอนพิษ ถ่ายพยาธิ แก้ปวด และใช้บำบัดอาการคันตามผิวหนัง
วันศุกร์ 5 กันยายน 2557 เวลา 00:00 น.
-http://www.dailynews.co.th/Content/agriculture/264452/%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%9C%E0%B8%B6%E0%B9%89%E0%B8%87+-+%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%99%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B9%89-


รังผึ้ง คือรังของตัวผึ้ง ส่วนมากจะเกาะอยู่ตามกิ่งไม้ หน้าผา หรือใต้ชายคาบ้าน และตามโพรงไม้ รังผึ้งชั้นดีคือ รังที่สร้างไว้กลางแจ้งเป็นรังเดี่ยว มีสีเทาออกขาว ก้านรังยาว โพรงรังเล็ก น้ำหนักเบา และไม่มีผึ้งตายอยู่ในรัง คนไทยเมื่อครั้งอดีตจะกินรังผึ้งเพื่อขับลมในร่างกาย ถอนพิษ ถ่ายพยาธิ แก้ปวด และใช้บำบัดอาการคันตามผิวหนัง วัณโรค ต่อมน้ำเหลือง ปวดฟัน ฝีบวม กลากเกลื้อนตามมือ และปวดบวมจากผึ้งต่อย



-------------------------------------------------------------------------------------------------------


ขนมโบราณบางชนิดเป็นขนมเฉพาะในงานสำคัญ อย่างงานแต่งงาน ไม่ใช่ขนมกินเล่นทั่ว ๆ ไป หากปล่อยให้เป็นแค่ขนมโบราณ หรือขนมมงคลเพียงอย่างเดียว นานวันคงจะหายไป
วันอาทิตย์ 7 กันยายน 2557 เวลา 00:00 น.

-http://www.dailynews.co.th/Content/Article/264843/%E2%80%98%E0%B8%82%E0%B8%99%E0%B8%A1%E0%B8%81%E0%B8%87%E2%80%99+%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A2%E0%B8%B8%E0%B8%81%E0%B8%95%E0%B9%8C%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B9%88..%E0%B9%84%E0%B8%94%E0%B9%89%E0%B9%80%E0%B8%87%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%A1-

ขนมโบราณบางชนิดเป็นขนมเฉพาะในงานสำคัญ อย่างงานแต่งงาน ไม่ใช่ขนมกินเล่นทั่ว ๆ ไป หากปล่อยให้เป็นแค่ขนมโบราณ หรือขนมมงคลเพียงอย่างเดียว นานวันคงจะหายไป เพราะคนรุ่นใหม่ ๆ ไม่มีใครรู้จัก จึงต้องปรับเปลี่ยนให้ทันสมัย  อย่าง “ขนมกง” ซึ่งทีมคอลัมน์ “ช่องทางทำกิน” มีข้อมูลมานำเสนอในวันนี้... 

***********             

อินทนา สาระบัน เจ้าของขนมกงโบราณ “สูตรแม่อรุณ” จ.กำแพงเพชร เล่าว่า แม่อรุณเจ้าของสูตรได้ทำขนมกงมาตั้งแต่ พ.ศ. 2543 จนถึงปัจจุบัน โดยประวัติของขนมกงที่ ต.หนองแก จ.กำแพงเพชร นี้ สันนิษฐานกันว่าพ่อ แม่ ปู่ ย่า ตา ยาย ที่มีอายุ 100 ปีขึ้นไป มักทำกันในเทศกาลตรุษสงกรานต์ และประเพณีแต่งงานของ ต.หนองแก โดยขนมกงนี้เป็นขนมมงคลที่สำคัญที่ขาดไม่ได้ในประเพณีแต่งงาน นอกจากนี้ ในแง่ของชีวิต ขนมกงนี้ยังมีความหมายดี ๆ อีกด้วย

“เมื่อเวลาผ่านไป คนรุ่นใหม่ ๆ ก็เริ่มไม่รู้จัก หากไม่ปรับเปลี่ยนให้มีรสชาติใหม่ ๆ เพิ่มขึ้น ขนมกงนี้คงจะใช้เฉพาะในงานมงคลเท่านั้น ไม่ใช่ขนมทานเล่นทั่ว ๆ ไป” อินทนา กล่าว

ปัจจุบัน ขนมกงโบราณ “สูตรแม่อรุณ”นี้ มีทั้งหมด 6 รสชาติ ได้แก่ ถั่วเขียวดั้งเดิม, ถั่วเขียวงาดำ, ถั่วเขียวใบเตย, ถั่วเขียวชาเขียว, ถั่วเขียวกาแฟ และถั่วเขียวสาหร่ายทะเล

อุปกรณ์ในการทำขนมกง หลัก ๆ มี เครื่องบดแป้ง, เตาแก๊ส, กระทะทองเหลืองขนาดใหญ่, ไม้พาย, ไม้นวดแป้ง, ที่ตัดแป้ง, ตะแกรงรองขนม, ถาดสเตนเลส และอุปกรณ์ในครัวอื่น ๆ 

sithiphong:
ปัญหาร้านอาหารบุฟเฟ่ต์ไม่สะอาด ทางร้านรับผิดชอบไม่เต็มที่ ผู้บริโภคสามารถทำอะไรได้บ้าง?
วันอังคาร 7 ตุลาคม 2557 เวลา 05:00 น.

-http://www.dailynews.co.th/Content/Article/271940/%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B8%AA%E0%B8%B0%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%94+%E0%B8%9C%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B9%82%E0%B8%A0%E0%B8%84%E0%B8%97%E0%B8%B3%E0%B8%AD%E0%B8%B0%E0%B9%84%E0%B8%A3%E0%B9%84%E0%B8%94%E0%B9%89%E0%B8%9A%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%87%3F-

ปัจจุบันการทานอาหารบุฟเฟ่ต์ในห้างสรรพสินค้า กำลังได้รับความนิยมในหมู่คนเมือง เนื่องด้วยความสะดวกสบายที่ไม่จำเป็นต้องเสียเวลาเตรียมวัตถุดิบในการทำอาหารเอง และสามารถมั่นใจในเรื่องความสดใหม่และความสะอาดของวัตถุดิบอีกด้วย แต่ความจริงกลับไม่เป็นเช่นนั้น มีกรณีศึกษาที่พูดถึงความสะอาดของร้านอาหารบุฟเฟ่ต์ตามห้างสรรพสินค้าอยู่มากมาย พบแมลงตามโต๊ะอาหาร หรือตามถาดอาหารบ้าง

ล่าสุดเกิดกรณีพบตัวอ่อนแมลงสาบอยู่ตามถาดอาหารและที่นั่งในร้านอาหารบุฟเฟ่ต์ภายในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง พบว่าในหม้อน้ำซุปที่รับประทาน มีตัวอ่อนแมลงสาบถูกต้มจนเปื่อยแล้ว ซึ่งมาจากอาหารหรือของสดที่ตักมาจากถาดอาหาร นอกจากนี้ยังพบบนโต๊ะอาหาร และกล่องทิชชู่ด้วย ผู้ใช้บริการจึงรีบแจ้งผู้จัดการร้านทันที แต่ได้รับเพียงคำขอโทษและข้อเสนอโปรโมชั่นลดราคา เมื่อนำเรื่องไปแจ้งผ่านแฟนเพจของร้านดังกล่าว ก็ได้รับการติดต่อจากผู้ดูแลว่ารับทราบเรื่องแล้ว ขออภัยกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และจะหามาตรการดำเนินการแก้ไขปัญหาดังกล่าวให้เร็วที่สุด พร้อมทั้งยืนยันว่าบริษัทมีนโยบายในการควบคุมดูแลคุณภาพ รักษามาตรฐานอาหารและความสะอาดทุกสาขา

หลายคนตั้งคำถามว่า ในฐานะผู้บริโภคแล้ว เราสามารถทำอะไรกับเหตุการณ์แบบนี้ได้บ้าง นอกจากรอทางร้านรับผิดชอบด้วยการยื่นข้อเสนอเป็นโปรโมชั่นล่อตาล่อใจ บัตรกำนัลส่วนลดไว้ทานในครั้งต่อไป โดยที่ไม่รู้ว่าปัญหาดังกล่าวจะส่งผลต่อสุขภาพมากน้อยแค่ไหน วันนี้ 'เดลินิวส์ออนไลน์' มีโอกาสสอบถาม ผ.อ. ทรงศิริ จุมพล ผู้อำนวยการกองคุ้มครองผู้บริโภคด้านฉลากสินค้า ถึงการรับมือเมื่อผู้บริโภคเจอเหตุการณ์ดังกล่าว

ผ.อ. ทรงศิริ กล่าวว่า ในด้านผู้บริโภค ขณะรัประทานอาหารอยู่แล้วพบสิ่งแปลกปลอมหรือสิ่งอันตรายในอาหาร ผู้บริโภคมีสิทธิที่จะไม่จ่ายค่าอาหารในมื้อนั้นได้ จากนั้นสามารถแจ้งเรื่องร้องเรียนไปยัง สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค หรือ สคบ. ผ่านสายด่วน 1166 ผ่านทางเว็บไซต์ของสคบ. หรือกรอกแบบฟอร์มคุ้มครองผู้บริโภคผ่านร้านเซเว่น อีเลฟเว่นได้ เพื่อให้ชดเชยค่าเสียหาย โดยทางสคบ. จะเชิญผู้ประกอบการร้านอาหารและผู้บริโภค มาพูดคุยเจรจาไกล่เกลี้ยปัญหา และชดเชยค่าเสียหายที่เกิดขึ้นได้

สำหรับการเรียกร้องให้ตรวจสอบความสะอาดของร้านอาหารรวมทั้งคุณภาพของอาหาร ผู้บริโภคสามารถแจ้งไปยัง สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) สายด่วน 1556 หรือ สำนักงานเขตหรือเทศบาลของพื้นที่ตั้งร้านอาหารนั้นๆ เพื่อให้อนามัยของแต่ละพื้นที่สามารถเข้าตรวจสอบร้านอาหารได้ หรือในพื้นที่เขตกรุงเทพมหานคร ก็สามารถส่งเรื่องไปยังสำนักอนามัยกรุงเทพมหานคร โทร. 02-245-3933, 02-245-3845ได้เช่นกัน

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ผู้ประกอบการร้านอาหารควรหมั่นตรวจสอบคุณภาพอาหาร และทำความสะอาดพื้นที่ร้านอาหารรวมทั้งภาชนะที่ใช้ให้สะอาดอยู่เสมอ เพราะต่อให้ผู้บริโภคได้รับเงินค่าชดเชยมากเพียงใด แต่ถ้าปัญหาด้านความสะอาดส่งผลต่อสุขภาพจนอาจเกิดอันตรายถึงแก่ชีวิต มีเงินมากเพียงใดก็ซื้อกลับมาไม่ได้

@ArnonNunn

ทีมเดลินิวส์ออนไลน์

นำร่อง

[0] ดัชนีข้อความ

[#] หน้าถัดไป

[*] หน้าที่แล้ว

ตอบ

Go to full version