สิ่งสำคัญคือ
การเข้าใจว่าจิตของเรายึดกายเป็นฐาน
สิ่งสำคัญไม่ได้อยู่ข้างนอกเรา
ไม่ได้อยู่ที่บุคคลที่เราชอบหรือไม่ชอบ
แต่มันอยู่ที่ข้างในของเราเอง
แล้วดูว่ากายนี้ สิ่งสำคัญคืออะไร
คือกาย วาจา ใจ
แล้วกาย วาจา ใจ มีสิ่งใดควรกระทำ
กายมีหลักปฏิบัติที่ไม่ควรทำอยู่สามอย่าง
วาจามีหลักปฏิบัติที่ไม่ควรทำอยู่สี่อย่าง
และใจมีหลักปฏิบัติที่ไม่ควรทำอยู่สามอย่าง
เมื่อเราเข้าใจประเด็นเหล่านี้และ
เราปฏิบัติละเว้นอกุศลกรรม ทำแต่กุศลกรรม
เมื่อเป็นแบบนี้ จิตของเราจะอยู่ในระดับที่สูง
ขึ้นไปเรื่อยๆ เช่นเดียวกับการละอกุศลกรรม
ทางกาย เรื่องกา่รไม่ฆ่าสัตว์ การไม่ลักขโมย
การละอกุศลกรรมทางวาจาก็เช่นกัน ถ้าเรา
ให้ร้ายผู้ใด ดุด่าว่ากล่าวผู้ใด มันจะทำให้
ความโกรธเกิดขึ้นในตัวเราและตัวผู้ที่เราไป
ดุด่าว่าเขา เขาก็ต้องไม่พอใจ ใจเราก็ไม่เป็นสุข
ใจเขาก็ไม่เป็นสุข ไม่ใช่ว่าใจเราไม่เป็นสุขฝ่ายเดียว
การละอกุศลทางจิต ไม่คิดอยากได้ของผู้ใด
ไม่คิดอยากทำร้ายผู้ใด ไม่คิดหลงผิด
ถ้าเราละสามอย่างนี้ได้ จิตเราจะมีความสุขอยู่เป็นนิจสิน
เวลาเราเห็นคนนั่งสมาธิ ดูภายนอกเหมือนเขานั่ง
ได้สงบนิ่ง แต่เราไม่รู้ว่าใจข้างในเขาเป็นอย่างไร
ใจเขาอาจจะไปตามที่ต่างๆที่นึกถึง ไปทุกหนทุกแห่ง
ไปนึกถึงญาติ นึกถึงครอบครัว ไปนึกนู่นที่นั่นตลอดเวลา
นั่นไม่ใช่การนั่งสมาธิที่ดี แม้ว่าดูภายนอกจะสงบนิ่ง
ริมโปเชบอกว่าไม่รู้ว่าพวกเราเป็นแบบนั้นหรือปล่าว
แต่ว่า่หลายคนเป็น ท่านบอกว่าเวลาเรานั่งสมาธิ
ใจเราไปนู่นไปนี่ไหม ถ้ากาย วาจา ใจ ไม่ได้ละ
อกุศลกรรมทางกาย วาจา ใจที่พูดมา
ใจจะไม่มีวันเป็นสมาธิ เพราะการละอกุศลกรรม
ทางกาย วาจา ใจที่พูดมา เอื้อทำให้จิตมีความสุข
มีความเบิกบานอยู่ตลอดเวลา จิตที่มีความเบิกบาน
จะเข้าถึงสันติ แล้วเวลานั่งสมาธิจะนั่งได้ดี
แต่ถ้าไม่ได้ละอกุศลกรรมทางกาย วาจา ใจ
จะไม่มีวันนั่งสมาธิได้ดี
ข้อคิดจากท่านกุงกา ซังโป ริมโปเช
คัดลอกจากหนังสือ "อกุศลกรรม ๑๐ ประการ"
อกุศลกรรมทางกาย
1. การฆ่าสัตว์ 2.การลักขโมย 3.การประพฤติผิดในกาม
อกุศลกรรมทางวาจา
1. การโกหก 2.การพูดยุงยง การพูดส่อเสียด
3. การว่าร้าย ด่าทอ 4.การนินทา
อกุศลกรรมทางใจ
1. ปรารถนาอยากได้ของผู้อื่น
2. ปรารถนาทำร้ายผู้อื่น หรือปรารถนา่ให้ผู้อื่นเป็นทุกข์
3. มิจฉาทิฏฐิ (ไม่เชื่อคำสอนในพระพุทธศาสนา ไม่เชื่อในกฏแห่งกรรม)
https://www.facebook.com/1000tara