ประชาสัมพันธ์ > โครตเกรียนล้างโลก - ลงชักโครกซะ !

บ่นเรื่อยเปื่อย...เมื่อยก็พัก...ตามประสา นักปฏิบัติไม่เอาไหน ฯ ( Episode 4 )

<< < (2/16) > >>

บัวผ่อง:


อืม...พูดถึงเรื่องนี้  แล้วก็นึกให้ถึง
เรื่องที่ พี่ อ. ( คนที่แซวว่า เจ้เป็นฤาษีชีไพร )
เคยบ่นให้เจ้ ฟังแฮะ  ประมาณว่า


ตะแกนั่งสมาธิไม่ได้ เพราะ สังขารไม่อำนวย
ก็ เลยพยาม ปฏิบัติธรรม ด้วยการ นอนสมาธิ
แต่ปรากฏว่า เมียอีดันหวาดระแวง ไปว่า
ที่ผัวตัวเองนอนนิ่ง ๆ ทำตัวแข็งๆ อยู่บนเตียง
ไม่ยอมหันมากอดเมียหมือนเช่นเคยนั้น
เป็นเพราะ ผัวตรูกำลังเบื่อน้ำพริกถ้วยเก่า
แล้ว กำลังวางแผนจะไปมีกิ๊ก
อีก็เรย น้อยอกน้อยใจ วีนใส่พี่แกยกใหญ่


พี่ อ. เองก็จะพยายามพร่ำ อธิบาย บอกว่า
เฮ้ยยยย กรู กำลังปฏิบัติธรรม อยู่ จริงจริ๊งงงง
ไม่ได้ คิดจะ นอกใจไปมีหญิงอื่น เล๊ยพับผ่าสิ
แต่ คุณศรีภรรเมียบังเกิดเกล้า ก็ ไม่ยอมเข้าใจ
หาว่า ผัวตัวเอง ตอแหล้ ซะงั้น
อีบอกประมาณว่า ถุยส์ น้ำหน้าอย่างเมิงเนี่ยนะ จะปฏิบัติธรรม



สุดท้าย เพื่อเป็นการ ลดความร้าวฉาน ในครอบครัว
คุณผัวก็เลยต้อง กลับไปนอนกอดเมียตามเดิม
พี่แกบอกอย่างปลง ๆ ประมาณ ว่า


พี่ก็หลับหูหลับตากอด ๆ มันไปงั้นแหล่ะ
แล้ว ก็พยาม คิดว่า อีกำลังกอดท่อนไม้
จะได้ไม่ตบะแตก เมื่อเนื้อแนบเนื้อ  เอิ๊ก ๆ



อืม.... ฟัง พี่ อ. เล่าถึงอุปสรรค
ในการปฏิบัติ ของ ตะแกแล้ว
แทนที่ อิเจ้ จะเห็นใจอ่ะนะ 
เปล๊าาาาาาา ดัน หัวเราะก๊าก แทบตกเก้าอี้
แถมยังพูด สมน้ำหน้าพี่แกไป
โดยไม่คิดจะรักษาน้ำใจ อีกตะหาก  ประมาณว่า



ช่วยไม่ได้อ่ะ ก็พี่อยู่ดีไม่ว่าดี
ดั๊นไปหาห่วงมาผูกคอ เองนิหว่า
ก็คงต้อง ก้มหน้าก้มตาชดใช้ วิบากกรรม
จนกว่ามันจะหมดนั่นแหล่ะ  โฮ่...โฮ่....



เฮ้อออ แต่เห็น ชะตากรรมของ คุณพี่ อ. แล้ว
ก็ เกิดซาโตริ เลยว่ะ  ที่ พระท่านว่า


อภรรยา ปรมา ลาภา 
สามีมา ปรมา ทุกขา
ราหุล ชาตะ มรณะ


นั้น มันเป็นเรื่องจริง ! 5555555555


เฮ้อออ ....บางครั้ง พันธะ เรื่องครอบครัวผัวเมีย
มันก็ทำให้เกิดอุปสรรคอันหลากหลายอย่างในการปฏิบัติ นะ
ดูอย่าง อิพี่ อ. นั่นประไร ดันมาเห็นดวงตาธรรม ตอนที่ มีครอบครัว ไปแล้ว
การแผ้วถางเพื่อสร้างทางไปสู่มรรคผล ก็เลยต้องลำบากลำบน 
จะทำปฏิบัติธรรมอะไรตะละที ก็ไม่สะดวกง่ายดาย
และ ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ เหมือนของ อิเจ้ ว่ะ อิอิ 






บัวผ่อง:
ข้อคิดโดนใจ จากไอดอลของ อิช้าน ณ พันติ๊ปปปปป





--- อ้างถึง ---
ผู้ทำความชั่ว มีนิสัยชั่วช้าเลวทราม  จึงมิควรมีสิทธิ์ใด ๆ ที่จะเอ่ยอ้างเรื่องเพศ อ่อนแอ ของตน มาเป็นข้อต่อรองเลย  ไม่ว่ากรณีใด ๆ

  ในประเทศที่เจริญแล้วนั่นเอง ก็ยังมีการตัดสินประหารชีวิตสตรี ที่ประพฤติชั่วช้า เลวทราม ตามปกติอยู่....

  เป็นที่น่าสังเกตว่า...สตรีที่เป็นวิญญูชนโดยทั่ว ๆ ไป หามีใครที่จะมาขออ้างสิทธิ์ความเป็นสตรีของตน เพื่อมิให้โดนตำหนิไม่ (หากตนละเมิดสิ่งที่สังคมเห็นว่าเลวทราม)

 ....แต่ผู้ที่พยายามมาอ้างเพศอ่อนแอของตน เพศมารดา เพศภรรยา เพื่อหลีกเลี่ยงการโดนตำหนิ นั้น กลับกลายเป็นว่า "เธอเหล่านั้น คงจะไม่ได้มีคุณงามความดีอื่นใด  หลงเหลืออยู่อีกแล้ว หรือไฉน..จึงได้คอยแต่จะอ้างสิทธิ์ ความเป็นผู้อ่อนแอ ขึ้นมา เพื่อหลบเลี่ยง ความเลวร้ายของตน มิให้โดนตำหนิ....?

   นี่ต่างหาก กระมัง  ที่ควรจะเป็นเรื่องแปลก และน่าสังเกต  ในสังคมปัจจุบัน !!!

จากคุณ    : รถเรณู [Bloggang]
เขียนเมื่อ    : 19 ส.ค. 55 00:39:33


--- End quote ---


กรี๊ดดดดดดดดดดดดดด เห็นด้วยอย่างแร๊งส์
เขียนได้ แทงใจดำเป๊ะ ๆ เยยยยยยยยย
เพราะ รู้สึก คันปากยิก ๆ และ ทะแม่ง ๆ เสมอ
เวลาที่มี เพศแม่ เพศเมีย เพศอาเหล่าม่า ฯลฯ
มาร้องตีโพยตีพายหาว่า พวกเมิง ไม่ให้เกียรติ ผู้หญิง 
เวลาที่พวก She โดนผู้ชาย อ้าปากด่า อ่ะเจ้าค่ะ


น่าขำนะ บางครั้ง She ทั้งหลาย
ก็ออกมาร้องเย้ว ๆ เรียกร้อง สิทธิสตรี
แต่ใน บางที She เก๊าะ ออกมาโวยวาย
บอกว่า ไอ้พวกผู้ชาย มันไม่ให้เกียรติ
 


เฮ้อออ ไม่รู้สินะ สำหรับ อิฉันแล้ว
เกียรติ ของเรา มันต้องสร้างเอาเอง
จาก 1 สมอง และ 2 มือเจ้าค่ะ
ไม่ใช่ ชะเง้อ คอ รอให้ ไอ้หน้าตัวผู้ ที่ไหน
มาอุ้มชู หรือ คอยหยิบยื่นให้


และหาก เราเจ๋งจริง เด๋ว บารมี ที่สั่งสม ไว้
มันก็จะ เปล่งประกายเกียรติยศ ออกมาทางผิวหนัง
มาแยงตา คนรอบข้าง ทั้งผู้หญิงผู้ชาย
ทำให้เขาเกิดอาการเกรงใจ
จนไม่กล้าใช้ วาจาจาบจ้วง กับเราเองอ่ะเจ้าค่ะ อิอิ




เออ จริงสิ ฟัง เฮียรถเรณู เม้งแตก เรื่องนี้
แล้วนึกถึง คำพูดของสตรีนางหนึ่ง จัง เยยอ่ะ




เพราะ She เคยกู่ก้องร้องบอกโลก เอาไว้ว่า


--- อ้างถึง ---
"สตรีพอจะไม่ถือคุณธรรมเลย
นี่คือสิทธิของสตรีที่มีมาแต่กำเนิด
ธรรมชาติของบุรุษเข้มแข็งกว่าสตรี
ดังนั้น สมควรอ่อนข้อให้สตรีสักหลายส่วน"

ลิ้มเซียนยี้ 




--- End quote ---


แหม๊ ? ถ้า เวรกรรมมัน ชักนำ ให้แม่หญิงคนนี้
โคจร มาอยู่ใน จักรวาล เดียวกับ เฮียรถฯ
อยากรู้จริงจริ๊งงงงงงงง ว่า ใครจะอยู่ ใครจะไป หุหุ

บัวผ่อง:

 ข้อคิดโดนใจ จากไอดอลของ อิช้าน ณ พันติ๊ปปปปป





--- อ้างถึง ---
[ผมมันคนที่ไม่สนใจมีเพื่อนในเวปบอร์ด ผมไม่ชักชวนใครมาร่วมให้โดนด่า และทำนองเดียวกัน ผมก็จะไม่ชวนใครมาร่วมด่าคนอื่น ๆ (แบบสตรีอาวุโสขี้เหงา  ที่ชอบหาพวก มารุมอัดคนที่เห็นต่างจากเขา)  และผมคิดว่า การมีเพื่อนในเวปบอร์ดนั้น คล้าย ๆ จะเป็นอุปสรรค์ขวางกั้นอุดมการณ์ ของเราเอง  เพราะเราอาจจะไม่สามารถพูดอะไรได้เต็มปากนัก หากสิ่งนั้น เพื่อนเราหลงไหลอยู่ งมงายอยู่.....

   ผมจึงตัดสินใจ ตั้งแต่แรกว่า ยอมที่จะไม่มีเพื่อนดีกว่า  ขอพูดเองเขียนเอง อย่างเป็นอิสระเสรี โดยที่จะวิพากย์ วิจารณ์ อะไรที่ไม่ถูกต้องได้ อย่างสะดวกใจ โดยไม่ต้องมัวระวังว่าจะต้องกระทบเพื่อนคนนั้น คนนี้ ฯลฯ

  ที่ผมยืนยันว่า ผมไม่มีเพื่อน ก็เพราะ ผมไม่ได้ให้ความสำคัญกับล๊อกอินไหน ๆ ว่าจะต้องชื่นชมสรรเสริญกันตลอดไป  ผมจะชื่นชมเฉพาะเวลาที่เขาพูดถูก คิดถูก แล้วแสดงออกมาถูกต้องในเวปบอร์เท่านั้น หากพูดผิด เห็นผิด ก็ไม่สามารถชื่นชมได้

  ดังจะเห็นได้ว่า แม้แต่เอิงเอย ระนาด ชาวมหาวิหาร หรือใครต่อใคร ผมก็เคยกด like ในบางความเห็น เพราะผมเชื่อว่า แม้แต่กองอาจม ก็สามารถทำตนให้มีประโยชน์ได้ โดยเป็นปุ๋ยคอก ให้ดอกไม้งดงาม ฯลฯ

   ดังจะเห็นได้ว่า แม้แต่คุณ ยี้ 501 และคุณใบไม้กำนั้นเอง เขาก็เคยต่อว่าผมแรง ๆ มาหลายครั้ง ผมก็ต่อว่าท่านแรง ๆ มาหลายครั้ง เช่นกัน

  ดังนั้น เป็นอันเชื่อได้ว่า ผมไม่มีเพื่อนเลิฟแบบต้องมายอมเป็นยอมตายให้กันได้ ในสังคมมายานี้แน่นอนครับ ...ผมจึงเชื่อและรู้ได้แน่นอนว่า สาเหตุใด ที่คนอย่าง ท่านใบไม้ และท่าน ยี้ 501 จึงกล้าที่จะเข้ามาเปลืองตัว ในกระทู้นี้ .....ไม่ใช่เพราะเพื่อน หรือเพราะอะไรอื่นแน่ ๆ นอกจาก ความรู้สึกเป็นกลาง ๆ และต้องการเตือนสติพวกเราทั้งสองฝ่าย เท่านั้น
 
   ก็เพราะท่าน ไม่ได้คิดว่าใครเป็นเพื่อนไงครับ ..ผิดก็ผิด ถูกก็ถูก..ก็แค่นั้น

จากคุณ    : รถเรณู
เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 55 12:28:16


--- End quote ---


อันนี้ ก็โดน !  :24:
จนชักเริ่มสงสัยตะหงิด ๆ ว่า
ไอ้หมอนี่ มันแอบไป ก๊อปปี้ ความคิดตรูไว้ ตอนไหนกันหว่า ?
อืม..เห็นด้วย กับ คำพูดของอิตานี่ นะโดย เฉพาะ ที่ มันบอกว่า



--- อ้างถึง ---
ผมคิดว่า การมีเพื่อนในเวปบอร์ดนั้น คล้าย ๆ จะเป็นอุปสรรค์ขวางกั้นอุดมการณ์ ของเราเอง  เพราะเราอาจจะไม่สามารถพูดอะไรได้เต็มปากนัก หากสิ่งนั้น เพื่อนเราหลงไหลอยู่ งมงายอยู่.....

   ผมจึงตัดสินใจ ตั้งแต่แรกว่า ยอมที่จะไม่มีเพื่อนดีกว่า  ขอพูดเองเขียนเอง อย่างเป็นอิสระเสรี โดยที่จะวิพากย์ วิจารณ์ อะไรที่ไม่ถูกต้องได้ อย่างสะดวกใจ โดยไม่ต้องมัวระวังว่าจะต้องกระทบเพื่อนคนนั้น คนนี้ ฯลฯ


--- End quote ---


อืม...จริงอยู่ ที่มิตรภาพ ระหว่าง  กัลยา ณ มิตร นั้น
มันเป็นสิ่งที่มีล้ำค่า และ งดงาม เสมอ
แต่ ทว่า บางที สิ่งเหล่านี้
มันก็ทำให้เกิด ความยึดมั่นถือมั่นในจิต
จนทำให้เรา ไม่สะดวกใจ
ที่จะ วิพากษ์ วิจารณ์ อะไรซึ่งไม่ถูกต้อง ได้ เหมือนกัน แฮะ


เฮ้ออ น่าเสียดาย ตะหงิด ๆ นะ
ที่อิฉัน ใจไม่แข็งพอ ที่จะ ตั้งปณิธาน
สร้างเงื่อนไข ให้ตัวเอง ทำได้ อย่างเช่น ไอ้หมอนั่น
ไม่งั้น ป่านฉะนี้ คงจะได้ตำแหน่ง ฮาร์ดคอร์ ตัวแม่ คู่ ก๊ะ มันแหง๋ ๆ

 

บัวผ่อง:
เมื่อ บัวเหล่าที่ 5 เสวนาธรรม ก๊ะ ซ้อ 7 อิอิ




--- อ้างจาก: ---
ซ้อ 7 ว่า...

เหตุผลใดถึงไม่มีศาสนา ศานาพุทธไม่ดีหรือครับ  หรือคิดว่าตัวเองไม่ดีพอที่จะนับถือศาสนาพุทธ  ถ้าใครคิดดูถูกความดีของตัวเองแบบนี้ไม่ถูกนะครับ  ไม่ใช่ว่าคิดว่าตัวเองดีแล้วจึงจะมีศาสนาได้  ศาสนาเป็นที่ยึดเหนี่ยวทางจิตใจ  โดยเฉพาะศาสนาพุทธทำให้จิตใจคนดีขึ้นในหลายระดับ


--- End quote ---


นู๋บี ว่า...

อืม...ก็ สาวสวยผู้ทรงศีล อย่างอิฉัน น่ะ
มัน ตีค่า จากทุกสิ่งทุกอย่าง ที่อยู่รอบ ๆ ตัว
จาก ประโยชน์ใช้สอย นี่เจ้าคะ
ไม่ว่า จะเป็น  ผู้ชาย หรือว่า ศาสนา ก็เหอะ


และ ในสายตาของอิฉัน แล้ว
ศาสนาพุทธของคุณก็ไม่ใช่ว่าจะไม่ดี
ไม่มีคุณค่า หรือ ไม่มีประโยชน์ หรอกนะ
เพียงแต่ มันยังดีไม่พอ และ ไม่มี คุณค่าคู่ควร
ที่ จะทำให้ ปัจเจก อย่างอิฉัน จะ ลดตัว ลงไปนับถือ อ่ะค่ะ


เฮ้ออ  ถ้าจำไม่ผิด อิฉันเคยบอก ใครหลาย ๆ คนว่า
ศาสนาพุทธของคุณ มันก็เหมือนกับ ยารักษา มะเร็ง พวก เคมีบำบัด นั่นแหล่ะ
และ มีเหตุปัจจัยอะไร ที่ จะต้องมาคะยั้นคะยอ
ให้ หญิงสาวที่มีสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง อย่างอิฉันต้องหันมาใช้ ยาพวกนี้ ด้วยล่ะ
ก็ในเมื่อ อิฉันไม่ใด้เป็น มะเร็งหัวใจ แบบพวกคุณ ซะหน่อยนิ



และ ถ้าจะเปรียบ พุทธศาสนาเป็น หนังสือ 
มันก็คงเหมือน หนังสือ ฮาว ทู สักเล่ม
ที่ถูกอิฉันหยิบเอามาอ่าน แล้ว จนปรุ แล้วนั่นแหล่ะ
อ่านจบเก็บเกี่ยวความรู้เสร็จแล้ว
หนังสือเล่มนั้นมันก็หมดความหมาย สำหรับอิฉัน แล้วอ่ะ
จะให้ เก็บมันไว้บนหิ้ง คอยกราบไหว้บูชา ทำไมให้เมื่อย
ก็แค่ โล๊ะมันทิ้ง ด้วยการเอาไปชั่งโลขาย หาตังค์กินหนม
หรือไม่งั้น ถ้านึกครึ้ม ก็ เอาไป บริจาคให้ พวกเด็กด้อยโอกาส มันอ่าน เป็น ทาน ก็แค่นั้นแหล่ะ


อุปมา เหมือน แพและค้ำถ่อ ที่เราเอาไปใช้ประโยชน์
ส่งเรา ถึงฝั่ง จนเสร็จกิจแล้ว  เราก็แค่ ถีบหัวส่ง อ่ะ
มีความจำเป็นอะไร ที่ต้องแบกมันไปไหน ต่อไหน
ให้ถ่วงความเจริญในชีวิตล่ะ ?



เฮ้อออ ไบเบิ้ล เคยกล่าวเอา ไว้ว่า

ผู้ที่เห็น ความจริง  ศรัทธา ย่อมไม่จำเป็น  นี่นะ


ในเมื่อ อิฉัน ยอมรับกับ ความจริง ที่เห็น
ในเรื่องของ ไตรลักษณะ แห่งนิยามทั้ง 3
คือ พีชนิยาม กรรมนิยาม และ ธรรมนิยาม แล้ว
จะ มีความจำเป็น อะไรล่ะ ที่จะ ต้องยอมรับนับถือ
ก้มหัวไปศรัทธา ไตรสรณะ แบบตะพืดตะพือ น่ะ
ก็ในเมื่อ มันไม่ใช่ ปัจจัยที่ 5 ในการดำรงชีวิต ของอิฉันนิหว่า


อีกอย่างนะ คนอย่างอิฉัน สามารถเป็นคนดีได้
โดยไม่จำเป็นต้องแบกศาสนาไว้บนหัว ด้วย
พิณา ได้จาก ภูมิศีล ที่แสนจะเลิศเลอ เปอร์เฟค ของ อิฉัน
ที่มัน ผุดผ่องเป็น ยองเป็นใย ยิ่งกว่า พุทธมามกะจ๋า หลาย ๆ คน น่ะนะ


แล้ว นอกจากนี้  อิฉันก็ คิดว่า ตัวเอง เจ๋งพอ
ที่จะสามารถ ยืนหยัดบริหารจัดการความทุกข์ ณ ปัจจุบัน ขณะ ได้ ด้วยตัวเอง
โดยไม่จำเป็น ต้องหา อะไร มาเป็น ที่ ยึดเหนี่ยว จิตใจ ด้วย วะ
แล้ว งี้ จะให้อิฉัน ไปนับถือศาสนา ทำติ้ง อะไรล่ะเจ้าคะ
ถ้าไม่ศรัทธา แล้วเอา สถานะพุทธมามกะ แปะไว้ในบัต ประชาชน
อิฉัน มิกลายเป็นคนโกหกจน ศีล ข้อ 4 มันถลอก หรอกหรือ ?

เอาล่ะ อิฉันแพล่มซะขนาดนี้ แล้ว
หวังว่า คนที่ถาม อ่านแล้วคงจะเก็ทขึ้นมามั่งนะ อิอิ

บัวผ่อง:
 
นู๋บี ว่า....


1.เอ ? แล้ว ถ้าเรารู้ทั้งรู้ว่า ในสนามหญ้า นั้น
ไงซะ มันก็คือ ระบบนิเวศน์ ที่ประกอบด้วยเหล่ามด
เหล่าแมลงตัวเล็กตัวน้อย อาศัยอยู่ในนั้นแน่ ๆ
แต่เราก็ยังทำไม่รู้ไม่ชี้ เดินเหยียบหญ้า กันอยู่ร่ำไป
เพราะ เห็นแก่ความมักง่ายสะดวกสบาย
แล้ว เอา เรื่อง อาบัติปาจิตตีย์ แบ่บจิ๊บ ๆ มาเป็นไม้กันหมานี่
ถามหน่อยจิ ว่า ทำงี้ ศีลข้อปาณาติบาท มันจะขาดไหมเจ้าคะ
 



ซ้อ 7 ว่า ...

ถามเพราะอยากรู้เพื่อปฏิบัติให้ถูกต้องเหมาะสม พอดีๆ หรือเพื่อลองภูมิผู้อื่น หรือคุยว่าตัวเองถือศีลoverดี

ถ้ามีเจตนาดีผมก็โมทนาด้วยจริงๆครับ ถ้าไม่ก็ลองดูลองคิดใหม่ ถ้าชอบกลางๆพอดีๆ ธรรมชาติๆ ปกติๆ ก็ลองปรับให้ถูกต้อง ถ้าชอบแบบมั่นๆแบบเดิมก็เก็บไว้ทำคนเดียว

หาตรงกลางให้เจอ อย่าซ้ายสุด ขวาสุด มันจะเศร้าหมอง แต่การมีศีลต้องควบพรหมวิหาร4ด้วยจะทำให้ทรงศีลได้ดี 



นู๋บี ว่า...

อิฉัน ก็ไม่ได้คิดจะโอ้อวด ภูมิศีลในตน อะไรนักหนาหรอกจร้าาา
เพราะที่เป็นอยู่ตอนนี้ มันก็ผุดผ่องเป็นยองเป็นใย
เปล่งรัศมีธรรมโม๊ะมากมาย
จนเบื่อที่จะเป็น ปูชนียบุคคล จะแย่อยู่แระ :'(
( อยากเป็น นางในฝันร้าย ของ ผู้ชายทั้งโลก มากกว่า อิอิ ):cool:


อ้อ แล้ว ก็ไม่ได้ คิดจะ ลองภูมิ ใครใน ห้องนี้ ด้วย
เพราะ เท่าที่ ดู แล้ว เก๊าะเห็น ๆ กันอยู่  นี่นะ
ว่า ภูมิศีล ของ นักปฏิบัติ แถวนี้ น่ะ มัน อนุบาล แค่ไหน
เลยไม่รู้จะเสียเวลา ลองภูมิ พวกมัน ทำติ้ง อะไร



อิอิ  หมาน( พ่อฉัน ) เคยสอนเอาไว้เสมอ อ่ะ
ว่า คนดีชอบแก้ไข คนจัญ...ชอบแก้ตัว
อิฉัน ก็เลยมองโลกในแง่ดี คิดไปเองว่า
ณ ห้อง อภิญญาแห่งนี้คงจะมี นักปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ  อยู่มั่งอ่ะค่ะ
ก็เลย โยนหินถามทาง ไปงั้นเองอ่ะจร้าาาาาาา
เผื่อว่า น้ำลายที่อิฉันปากเปียกปากแฉะ แพล่ม ๆ ออกไปนั้นน่ะ
 มันจะทำให้ ใครต่อใคร ฉุกคิด สำเหนียก สำนึก
และ ระลึก อะไร ขึ้นมาได้มั่ง
( ถ้าคนฟัง ยังมิใช่ พวก มือถือสากปากถือศีล ที่ยากเกินเยียวยา อ่ะนะ )



แล้ว ถ้าอยากจะ ทรงศีลได้ดีน่ะนะ
แค่ พรหมวิหาร 4 กระจอก ๆ เนี่ย คงไม่พอหรอกมั้ง
มันต้องรู้จัก โยนิโสฯ  แล้วใช้ สัมมาวายามะ
โดยมี สัมมัปปธาน 4  เป็นตัวกำกับ ด้วย
มันถึงจะเป็น สัมมาศีล ไม่ใช่ ศีลพรตปรามาส
หรือว่า ศีลแบ่บตามใจฉัน ที่สักแต่ว่า ถือตามกัน
โดยไม่รู้ถึงที่มาที่ไป ของ ศีลในข้อนั้น ๆ



ใครคนหนึ่ง เคยบอก อิฉันว่า
เมื่อวาน เหยียบมด ไปตัวหนึ่ง รู้สึกจิตตกมากมาย
อิฉันเลย ถามกลับไปว่า จิตตกเพราะกลัวตัวเองจะบาปที่ทำผิดศีล
หรือ จิตตก ที่ตนนั้นได้ไปกระทำการเบียดเบียนชีวิตผู้อื่น ?
รู้ไหม เขาตอบ อิฉันว่าไง  เขาบอกว่า เขาจิตตก เพราะกลัวตัวเองจะบาป อ่ะค่ะ


ศีลน่ะ ถ้า ถือให้มัน ถูกที่ ถูกท่า และ ถูกทาง
   มันก็จะมีกลไกแบบออโต้ มากระตุกหาง คอยเตือนเรา
   เวลาที่ เรากำลังจะ ก้าวล่วงศีล นะ
   แถม ครึ้ม ๆ มันยังจะ หาทางหนีทีไล่
   ที่ทำให้เรามีทางออก ที่ หมดจดงดงาม 
   และ  ปลอดโปร่งโล่งฉะบาย ได้เสมอจร้าาา
  ทำแล้ว ชีวิตจะมีแต่ความปกติ ไม่มีเศร้าหมองหรอกนะ

นำร่อง

[0] ดัชนีข้อความ

[#] หน้าถัดไป

[*] หน้าที่แล้ว

ตอบ

Go to full version