The Letter : จม. เปิดผนึก ถึง อิหม่ามี๊ ก๊ะ วิทูรบัณฑิตอิอิ แท้งกิ๋วสำหรับ
วิทูรชาดก เจ้าค่ะ อิหม่ามี๊
อืม...เคยอ่านผ่าน ๆ ตามาบ้างเหมือนกัน
ชอบ คำพูด ในชาดก พวกนี้ จังอ่ะ
โด๊นโดนนนนนนนนนนนนนนนนนน 555
วาจา อันไพเราะนั้นจะมีค่าก็ต่อ เมื่อประกอบ ด้วยหลักธรรม
ข้าพเจ้า ไม่เกรงกลัวอันตรายที่จะเกิดขึ้น
ข้าพเจ้าไม่เคย ทำความชั่ว ไว้ในที่ใด
จึงไม่เคยรู้สึกกลัวว่า ความตายจะมาถึงเมื่อไร
ข้าพเจ้าไม่เคยทำความชั่วจึงไม่กลัวความตาย
ข้าพเจ้ามีหลักธรรม และมีปัญญา เป็นเครื่องประกอบตัว
จึงไม่หวั่น เกรงภัยใดๆ ทั้งสิ้นรู้ป่ะ เพราะ คอนเซ็ปต์เฉกนี้ นี่แหล่ะ
ที่ทำให้ นู๋บี กล้าที่จะ ตีหัวหมาด่าแม่เจ๊ก
ยืนหยัด ไล่กัด เหล่า พุทธมามกะจ๋า
ในเวบบอร์ดธรรมมะ ได้ โดย ไร้รอยขีดข่วน อิอิ
และ ก็เพราะ คอนเซ็ปต์นี้ อีกนั่นแหล่ะ ที่คอยคุ้มกะลาหัว
ทำให้ นู๋บีไม่ต้องรู้สึกนึกหวาดกลัว ผี สาง นางตานี จนหัวหด
แถม คอนเซปต์นี้ ยัง ทำให้ นู๋บี ไม่สะทกสะท้าน คร้านคร้ามใจ
เวลาที่ต้องไป รับประทานดินเนอร์ กับ ด๊อกเตอร์ เลคเตอร์ ด้วย !
อ้อ แต่ ถึงงั้น นู๋บีก็ยังรู้สึกว่า วิทูรบัณฑิต นั้น
มันยังไม่เจ๋งเข้าตา ตามมาตรฐานนู๋บี ว่ะ
ขัดหูขัดใจ กับ ประโยคนี้ ของไอ้หมอนี่ ชะมัด
ข้าพเจ้า เป็นทาสของพระราชา
พระราชาตรัสสิ่งใด ข้าพเจ้าก็จะทำตาม ฮ่วย ! ขืนสะสม สัจจะบารมีแบบบ้องตื้น งี้
มันก็ไม่ต่างอะไรกับ การรักษา สัจจะ ของบักขงเบ้ง
ก๊ะ ไอ้เจ้าก้วยยี้ ที่มันให้เข็มทอง ก๊ะ อินู๋ก๊วยเซียง
โดยที่ไม่รู้จักคิดหน้าคิดหลังไห้ดี หรอกนะ
จริงอยู่ การรักษาวาจาสัตย์ นั้นย่อมเป็นสิ่งที่ดี
แต่มัน ต้อง ใช้ปัญญา มา โยนิโส เพื่อกำกับเอาไว้ด้วย
ไม่ใช่ เอะอะก็จะรักษา วาจาสัจ ตะพืดตะพือ
จน ขาดจิตสำนึก และ หลงลืม หลักมนุษยธรรม
แล้ว ล้ำเส้นของ ศีล 5 ไปละเมิดเบียดเบียนผู้อื่น น่ะ
แหม ? อยากรู้จังเรย อ่ะ ว่า
ถ้า พระราชาทรงพระหมั่นไส้ชาวบ้าน
แล้ว ตรัสให้ทั่นวิทูร ไปขย้ำคอหอยพวกมัน
ผู้ที่ถวายตัวเป็นทาสรองบาทของพระราชา อย่างเฮียแก
จะยอมทำตามคำสั่ง นั้นหรือไม่ ?
อืม..นิทานเรื่องนี้ สอนให้รู้ว่า
ควรจะ ชั่งใจไตร่ตรองให้ดี ๆ
ก่อนที่จะ อ้าปาก ให้สัจจะวาจาอะไร ก๊ะใครไว้
ไม่งั้นเราอาจจะ เสียหมาได้ อิอิ
อ้อ และที่ ข้องใจอีกอย่างนะ
เฮียวิทูร แก มีปัญญา ภาษาอะไรกันวะ
ถึงได้ ยอมปล่อยให้ตัวเองตกเป็น ทาส เช่นนี้ นะ
ยี้ คำว่า ทาส เนี่ย มันเป็นไรที่ น่าขยะแขยง
ดู โลโซ โนคลาสมากมาย เลยอ่ะ
เพราะมัน หมายถึง การ หน้ามืด จนเกินลิมิต
แล้วยินยอม ให้ สิ่งหนึ่งสิ่งใดเข้ามามีอิทธิพลมืด
คอย บงการชีวิต และ ความคิดของเราจนเลยเถิด
ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็น ทาสสินไถ่
ทาสในเรือนเบี้ย ทาสร้ากทาสหัวใจ
หรือ แม้แต่การถวายตัวเป็น พุทธทาส ธรรมทาส และ สังฆทาส ก็เหอะ
ถ้าลงได้หน้ามืดไปเซ็นสัญญา รับปากไว้
ว่า จะเป็นทาสของใคร ก็ย่อม ไม่น่าพิสมัย ทั้งนั้นว่ะ
( ยกเว้น อัตตาทาส อันนี้ อิการ์ฟิลด์มันบอกว่า พอหยวน ๆ ได้ง่ะ งิงิ )
เออ อีกอย่างนะ ไอ้คำตัดสินของป๋าวิทูร
เรื่อง ศีลของใครประเสริฐที่สุด น่ะ
ขอบอกว่า แมร่งตัดสินได้บ้องตื้น มากเลยฮ่ะ
ไอ้การพูดจาภาษาดอกไม้ รักษาน้ำใจกัน แบบนั้น
แมวที่ไหน ก็ พูดตามสคริปต์โลกสวยแบบนี้ได้ว่ะ
แหม๊ ถ้าเป็น นู๋บี ตัดสิน อ่ะนะ
นู๋บีจะ ตบกระโหลก ไอ้ 4 ตัว นั่นคนละที
แล้ว ชี้หน้าด่าพวกมันว่า
ปั๊ดโธ่ ! อิพวกคางคกขึ้นวอ
นังแมงปอใส่ตุ้งติ้งเอ๊ยยย
กะอีแค่มีศีลเฉย ๆ แค่นี้นี่นะ
ดันเจื๋อกแค่นหยิบยก
เอามาประกวดประขัน อวดกัน อยู่ ได้
ว่า ศีลของใครประเสริฐเลิศสะแมนแตน กว่ากัน ?
เนี่ย ถ้า ดันมีมานะ เกิดขึ้น เพราะ การถือศีล น่ะ
มันจะมี ความประเสริฐ ได้ไงกันฟระ
เฮ้ออ เรื่องของศีล เนี่ย มันก็เป็นแค่เรื่อง ของความ ปกติ เท่านั้น
อย่าได้สะแหล๋นแจ๋น บังอาจคิดจะเอาศีลทั้งหลายแหล่
มาเป็น บันไดเหยียบ ไว้ยกตนข่มท่าน
ให้ดูว่า ตรูข้านั้นมันประเสริฐเลอเลิศ
กว่าชาวบ้านชาวช่องนักเลยว่ะ
ศีลน่ะ เขามีไว้ เพื่อฝึกให้ เพียรละ เพียรระวัง ว้อยยย
ไม่ได้มีเอาไว้ เพียรเอามาอวด กันงี้ แว้ด ๆ ฉอด ๆ
อะโหย เผลอ พูดตามใจปากอีกแร้วตรู
ขออภัยเจ้าค่ะ อิหม่ามี๊ ที่ นู๋บีเผลอ เม้งแตก
วีนแหลกอีกแระ แบ่บว่า องค์ลง แหะ...แหะ...
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
เออ จริง ดิ เห็น อิหม่ามี๊ พูดถึง
ป๋ารถฯ ( ว่าที่ พ่อสามีในอนาคต ของนู๋บี ) ว่า
เรื่องที่บักระนาดเอากฏหมายมาขู่เนี่ย อิหม่ามิ๊มันเฉยๆนะ
เพราะมันเป็นขั้นตอนสุดท้ายสำหรับกรณีตกลงกันไม่ได้
และต้องการข้อยุติแบบที่อีกฝ่ายจะหลีกเลี่ยงไม่ได้
แต่ถ้าตกลงรอมชอมกันได้ มันก็จบไม่ต้องไปถึงศาล
เพราะเรื่องทั้งหมดมันก็ไม่เห็นมีอะไร เขาแค่อยากดูตัวจริง
ส่วนอีกคนก็พยายามหลีกเลี่ยงหาเหตุไม่ไปตามนัด
จนบานปลายกลายเป็นสินสอดขอดูตัวด้วยแคชเชียร์เช็ค
1.5 ล้าน ไม่รู้อิหม่ามิ๊อ่านจับใจความถูกรึป่าวนะ ว่าเช็ค
1.5 ล้าน ที่จะเอาไปบริจาคให้องค์กรการกุศลเนี่ย
ถ้าพ่อสังข์ทองไม่มีสัญญาจองคอนโดมูลค่า 30 ล้านมาแสดง
คนจ่ายเงินบริจาคต้องเป็นพ่อหอยสังข์รถเรณู ตามเงื่อนไข
ที่บักระนาดเขาตั้งไว้ตั้งกะตอนยังไม่ไปซื้อเช็ค 1.5 ล้าน
อะนะ ไม่รู้ว่า พ่อหอยสังข์รถเรณู จะเข้าใจตรงกับบักระนาด
รึป่าวนะ เพราะเล่นใช้แทคติคเบี่ยงเบนประเด็นและ
เงื่อนไขกันตลอด
เรื่องนี้ทดสอบปัญญาการอ่านกับปัญญา
การเอาตัวรอดจากความจริงที่หลุดออกจากปากกันเลยนะ
ว่าจะแถ จะหาเหตุให้ตัวเองรอดจากการพิสูจน์ทราบ DNA
ตัวจริงเสียงจริงกันอย่างไร พูดมั่วๆตั้งเงื่อนไขมั่วๆ ไม่คิดว่า
จะมีคนอื่นบ้าเอาจริงทำตามอีก เพียงแค่ว่า อยากพิสูจน์ว่า
ความจริงคือจั๋งใดกันหว่า เรื่องมันก็ไม่เห็นมีอะไรในกอไผ่
ถ้าพ่อหอยสังข์รถเรณูเขายอมรับผิดชอบทำตามคำพูดที่
เรียกร้องให้คนอื่นเขาลำบากยอมทำให้แล้ว แต่คนที่ทำให้
เรื่องมันเยอะไม่จบไม่สิ้น ก็มีแต่พ่อหอยสังข์รถเรณู นี่แหละ
ที่ไม่ยอมจบง่ายๆ เรื่องมากทำงู้นก็ไม่ถูกใจ ทำงี้ก็ไม่ใช่อีก
พูดออกมามากก็มีแต่คำพูดรัดคอตัวเอง แค่ยอมทำตาม
คำพูดและเงื่อนไขที่ออกตัวไว้ มันก็จบตั้งกะปีมะโว้แระ
เอ หรือว่า อิหม่ามิ๊ อ่านหนังสือของพวกเขาไม่แตก
ไม่เข้าใจประเด็นของพวกเขา ไม่เข้าใจว่าเรื่องนี้จะจบลง
อย่างไร จะเป็นอวสานของเซลล์แมน
หรืออวสานของบักระนาด กันหว่า
หุหุ
โดย: อิหม่ามิ๊ IP: 115.87.103.228 วันที่: 30 สิงหาคม 2555 เวลา:10:41:51 น.
อันนี้ ขอนุยาด แก้ตัว เอ๊ย เป็นทนายแก้ต่าง
ให้ ป๋ารถ ฯ ของนู๋บี หน่อยน้าาา
อืม...ก่อนอื่น ต้อง ขอออกตัวไว้ก่อน ว่า
จริง ๆ แล้ว นู๋บีก็ไม่ได้มี เรื่องบาดหมางใจ อะไร
ก๊ะทั้ง บักระนาด และ ป๋ารถฯ หรอกนะ
และ ถึงแม้จะมีใจ ให้ ป๋ารถ ฯ ในฐานะ ดิ ไอดอลคนโปรด
( ที่นู๋บีอยากจะถวายตัวเป็นลูกไป๊ คริ คริ )
แต่กับ บักระนาด นั้น นู๋บีก็ถือว่า
มันเองก็ เป็น มิ่งมิตรที่ดีคนหนึ่ง อ่ะ
( ใครที่เคยแจกลูกยอ ให้กัน นู๋บีก็เห็นว่ามันดี เสมอแหล่ะ อิอิ )
ดังนั้น ปฏิฆะ ระหว่างกัน จึงไม่มี
อืม...เรื่องที่ บักระนาดเอากฏหมายมาขู่เนี่ย
นู๋บี รู้สึก แม่ง ๆ อยู่ นะ เจ้าคะ
ถึง ในทางโลก จะถือว่ามันเป็นขั้นตอนสุดท้าย
สำหรับกรณีตกลงกันไม่ได้และต้องการข้อยุติ
แบบที่อีกฝ่ายจะหลีกเลี่ยงไม่ได้ ก็เหอะ
แต่นั่นมันเป็น วิถีทางของ ปุถุชน
หาใช่ ปฏิปทา ของ นักปฏิบัติผู้ฝึกตน ไม่
เฮ้อออ...กฏมณเฑียรบาลอีกข้อ
สำหรับ คนเป็นนักปฏิบัติก็คือ แม้จะปรี๊ดแตก ยังไง
ก็จะต้องรักษาฟอร์มของนักปฏิบัติเอาไว้
ไม่กระทำตัวเป็น อิบ่างช่างฟ้อง อ่ะ อิอิ
ไม่ว่าจะ เป็นการ ขี่ม้าสามศอกไปฟ้องอิพวกมอด
เวลาเจอ ข้อความไม่ถูกใจจ๊อด
หรือ การวิ่งปอดแหกไปฟ้อง ศาลโลก ก็ตาม
คนเป็นนักปฏิบัติ ก็ทำมิได้ ทั้งน้านนนนจร้าาา
เพราะถ้าทำงี้ไป มันจะเสียฟอร์ม นักปฏิบัติ ว่ะ 55555
และ ที่สำคัญ คนเป็นนักปฏิบัติน่ะ
ถ้า ถูกฝ่ายตรงข้ามถากถางย่ำยีหัวใจ ยังไง
หาก ยัง ทำใจ ยุติกรรม เลิกแล้ว ต่อกันไม่ได้
เวลาที่เกิดอาการขุ่นมัว เราก็จะต้อง ย้อนกลับมาดูที่ตัวเองเสมอ นะ
ว่า อะไร คือเหตุปัจจัย และ จะ แก้ไขไง
เพื่อให้ปฏิฆะในใจ มันบรรเทาเบาบาง ลง
ไม่ใช่ว่า พอชิงไหวชิงพริบ ตบตีกันแค่ 2 คน
แล้วก็ยังไม่หนำใจ ดัน เสือกไปลาก บุคคลที่ 3
อาทิเช่น ศาลชั้นต้น หรือ ศาลพระภูมิ
ให้ต้องมา ลำบากลำบน กะเรื่องขี้หมูราขี้หมาแห้ง ไปกับเราด้วย
อีแบบนี้ มันผิดวิสัยของการเป็นนักปฏิบัติ ว่ะ
ก็เลยชักไม่แน่ใจ ซะแระ ว่า บักระนาด ยังเป็น นักปฏิบัติ อยู่หรือไม่
( รู้สึกว่า อีปรี๊ดแตกง่าย มั่ก ๆ เลยนะ เวลาที่ถูก ป๋ารถ เอาไม้แยงตรูด น่ะ )
ส่วนเรื่องทั้งหมดนั้น อิฉันก็เห็นต่างกับ อิหม่ามี๊ว่ะ
เพราะรู้สึกว่า เรื่องนี้ มันไม่ใช่แค่ อยากดูตัวจริง กันเฉย ๆ แระ
แต่ มันมี อะไร ๆ เป็น วาระ ซ่อนเร้น แอบแฝงอยู่อ่ะ
ที่ บักระนาดขอดู ใบจองคอนโด เนี่ย
อีเองก็คงอยากชำแหล่ะแทะทึ้ง
และ หมายมั่นปั้นมือ จะ กระชากหน้ากากป๋ารถ มากกว่านะ
เรียกว่า ถ้าพลาดท่าเมื่อไร
เมิงโดนตรูฆ่าหมกบ่อเกรอะแหง๋ ๆ เหอ...เหอ...
ไม่รู้ดิ เห็นเรื่องนี้ แล้ว
นึกถึง ตอนที่ นู๋บี ตั้งกระทู้เกี่ยวกับ ศีล 5
แล้วมีคนมาโพส ถามว่า
นู๋บี ถือศีล 5 หรือไม่ ?
แล้ว คอมพ์ที่ใช้ มีโปรแกรม ละเมิด ลิขสิทธิ ไหม ? น่ะ
เชื่อ ขนมกินได้เลยว่า สิ่งที่ เขาถาม นั้น
หาได้ เป็น แค่ เพียง การอยากรู้เฉย ๆ นะ
ก็คล้าย ๆ กับ การถามของ บักระนาด นั่นแหล่ะ
ประมาณว่า กะจะลากไปเชือด
( แต่ก็ไม่เห็นพวกมันจะปาดคอหอยนู๋บี ได้ซะทีนะ อิอิ )
และเชื่อเหอะว่า ต่อให้นู๋บีท้า มันไปปักตระไคร้
เพื่อ พิสูจน์ความบริสุทธ์เป็นยองเป็นใย ในภูมิศีลของตน
คนถามก็คงจะไม่เชื่อน้ำยา ในตัวนู๋บี อยู่ดี
ว่า อินังโหดนี่ จะถือศีล 5 ได้ เพราะเวทนาสัตว์โลกตาดำ ๆ
เผลอ ๆ คงจะแอบนินทาในใจ ด้วยว่า นู๋บีเป็นพวก ขี้โม้ อีกตะหาก เอิ๊ก ๆ
อืม...นู๋บีมีลางสังหรณ์ว่า
เรื่องนี้ มันก็ คล้าย ๆ กับเคส ป๋ารถนั่นแหล่ะ
ส่วน อิป๋า มันก็สันดานเสียชอบกวนซ่งติง (เหมือนใครก็ไม่รู้ อิอิ)
เลย แกล้งทำงอแง ยื่นข้อแม้ ทั้งหลายแหล่ ปั่นหัวชาวบ้าน น่ะ
อิอิ เห็นป๋ารถ อีทำ หมาหยอกไก่ กะ บักระนาดแล้ว
ก็นึกถึง เวลาที่ เสือมันกำลังเล่นสนุกกับเหยื่อ
ก่อนที่จะตะปบคอหอย รับประทานเป็นดินเนอร์ ว่ะ
คนประเภท ดร.เลคเตอร์ น่ะ มักจะมีความปราณีต
ในการลงมือสังหารเหยื่อ เพื่อเสพ เสมอนะ
และ อิฉันคิดว่า ป๋ารถฯ ก็เป็นหนึ่งในคนประเภทนี้ซะด้วย สิ
อืม..ความสำราญในการโขกหมากรุกนะ
ไม่ได้อยู่ที่ การแพ้/ชนะ กันในชั่วเสี้ยววินาที หรอกนะ
แต่ มันอยู่ตรงที่ การชิงไหวชิงพริบ
แล้ว ค่อย ๆ รุก ค่อย ๆ ต้อนคู่ต่อสู้ บีบให้จนตรอก
แล้ว จึง ออกหมัดรุกฆาต ให้กระอักเลือดตายคากระดาน ตะหาก
แหะๆ ก็ไม่ใช่ เซียนหมากรุกนะเจ้าคะ
แต่ ก็อย่างที่บอกนั่นแหล่ะ โจร ย่อมเห็น โจร ด้วยกัน หุหุ
และ เท่าที่ ประมวลผลได้ในตอนนี้ อ่ะนะ คือ
บักระนาด ยินยอมรับคำท้า
ทำแคชเชียร์เชคค่าสินสอด 1.5 ล้าน
เพื่อขอเข้าไป มุดรูดูไห ของ ป๋ารถเรณูแระ
ว่ามี หน่อไม้ อยู่ในนั้น จริงอ๊ะปล่าวววววว
แต่ นู๋บี เห็น ความไม่โปร่งใส ตรงที่
บักระนาด เหมือนจะเล่นตุกติก
เริ่ม ทำหัวหมอ ขอใช้ กฏหมาย เป็น ไม้กันหมา อ่ะ
สุดท้ายเลยต้องเดือดร้อน กันไปทุกหย่อมหญ้า
ตั้งแต่ คุณตำหนวด ศาลโลก พี่พัน
( ยัน ศาลพระภูมิต้นกล้วย ) หุหุ
จริง ๆ ถ้าจะเล่นกันแบบตรงไปตรงมา อ่ะนะ
ในเมื่อ บักระนาด อยากรู้อยากเห็น
จะขอดูทรัพย์สิน อันเป็น เรื่องส่วนตัวของชาวบ้าน
ที่ป๋ารถฯ มีสิทธิจะ อนุยาดให้ดู หรือไม่ก็ได้ นั้น
บักระนาดจึงต้องปฏิบัติตามเงือนไข
ที่ตัวเองกับ เจ้าของทรัพย์ได้ตกลงกันไว้
ซึ่ง เงื่อนไขนั้นก็คือ เขียนเชค
โดยระบุ ชื่อผู้รับเป็นองค์กรการกุศล ฯ
ไม่ใช่ ออกให้ ผู้รับในนาม ป๋ารถฯ นะ
อีแบบนี้ มันผิดเงื่อนไข ที่คุยกันไว้
ส่วนทำไม บักระนาด จึงทำแบบนี้
ก็เห็นจะเดาได้ไม่ยาก ก็คงอยากจะดัดหลัง
ลาก ป๋ารถฯ เข้าคุก ด้วยข้อหา ล่อลวง ให้เสียทรัพย์ มั้ง
เห็น เกริ่น ๆ ข่มขู่ไว้แล้ว นิ ว่า
ระนาดเอก ว่า..
รถเรณูและพวก ก็ใช้ถ้อยคำ คำกล่าว
ที่มีลักษณะ ยั่วยุ ดูหมิ่น เยาะเย้ย เหยียดหยาม ฯลฯ
ให้เกิดผลทางจิตใจต่ออีกฝ่าย เพื่อให้หลงผิด ขาดสติ
ไปกระทำการให้เสียทรัพย์ของเขา
มันไม่สำคัญว่า ระนาดเอก โดนคำพูดหยามหมิ่นแล้วขาดสติ จริงหรือไม่
( ยิ่งไม่สำคัญว่า ระนาดเอก ได้ซ้อนกลวางแผนไว้ตั้งแต่ทีแรก
ที่จะล่อให้อีกฝ่ายเดินลงหลุม หรือเปล่า )
ความสำคัญอยู่ที่ว่า ถ้าจะดำเนินคดีกับพวกล่อลวงให้เสียทรัพย์นั้น
ครบองค์ประกอบความผิดนั้น หรือไม่ ดำเนินคดีได้หรือไม่ ก็เท่านั้นเอง!
ตัวตัดสินความผิดคือ เจตนา ..
แหม๊ โฉ่งฉ่าง ซะขนาดนี้
มีหรือ นกรู้อย่างป๋ารถ จะยอมกระโดดฮุบเหยื่อ น่ะ
ถ้า บักระนาด ระบุชื่อผู้รับในเชค ให้ตรงไปตรงมา
แล้ว บอกป๋ารถฯ ไปว่า เพื่อเป็นการยื่นหมูยื่นแมว
ไม่ให้เสียค่าโง่ เอ๊ย เสียเปรียบกันจนเกินไป
บักระนาดจะส่งเชคใบนี้ไปบริจาค เงิน ให้มูลนิธิพุทธทาส
ในวันที่เห็น หลักฐานทรัพย์สิน ของป๋ารถ แล้วเท่านั้น
และ ถ้าป๋ารถ หา หลักฐานมาให้ดูไม่ได้
ป๋าก็ต้อง เป็นคน บริจาคเงินส่วนนี้ แทนเขา ฯลฯ
จากนั้น พอเคลียร์ค่าสินสอดตามเงื่อนไข กันได้แล้ว
ก็เข้าสู่ขั้นตอนการ มุดรูดูไห ส่วนผลจะเป็นไง ก็ว่ากันไป
ถ้า ทำให้มันตรงไปตรงมา ไม่มี ตุกติก แค่นี้มันก็จบ นะ
ยกเว้น ป๋ารถ อีจะไม่ใช่ลูกผู้ชายตัวจริงกระทิงแดง
ถ้า บักระนาด เขียนเชค ให้ตามเงื่อนไข แล้ว
ป๋ารถ ยังท่ากระทั่วเปลี่ยนเงื่อนไขมั่วซั่วไป เรื่อย ๆ อีก
อืม...ถ้าเป็นงั้น ป๋ารถฯ ก็คงหมดวาสนา
ที่จะได้ นู๋บี ไปเป็น ลูกไป๊ แล้วอ่ะ 5555
แต่ก็นั่นแหล่ะนะ ไอ้เจ้า ด. กิ๊กเก่าสมัยพระเจ้าเหา ของนู๋บี
เคยบอกให้ฟังเสมอว่า ถ้าสงครามยังไม่จบ อย่าเพิ่งนับศพทหาร
ก็คงต้องคอยดูกันต่อไป กาลเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ ให้เรารู้ว่า
บักระนาด จะได้ มุดรูดูหอย เอ๊ย มุดรูดูไห ป๋ารถสังข์ ไหม
และ เมื่อ ชะโงกหน้าเข้าไปดูแล้ว จะเจอ หน่อไม้ดอง หรือไม่
แล้ว ใครจะได้มีโอกาสทำบุญ บริจาค 1.5 ล้านบาท ให้การกุศล
อาห์ ดราม่านี้ ยังอีกยาวไกล ตราบสิ้นกาลปวสาน หุหุ