อืม...ไหน ๆ คนที่คุณก็รู้ว่าใคร ที่ เวบ พลังบิด
ก็ อุ้มตัวหนังสือ ตรู ไปทิ้งทะเล หมด แย้ววววว
เรย โคลนนิ่ง มาแปะไว้ดูเล่น เป้น คอลเลคชั่นสะสม ที่นี่ก็ได้ฟระ
หลวงปู่-หลวงตา แล คูบาอาจารย์ ทั้งหลาย
ทั่น ทนทาน ต่อ เวทนา เวลาทำสมาธิ ได้ไงกันน๊อออ ?
ปุจฉาาาาาา
สับสน!ว่า...
..ตรงปะเด็นเลยนะครับ..ผมถาม หลวงตา หลวงปู่ ..หลายองค์
ท่านนั่งสมาธิได้ตลอดรุ่ง..แบบมีสติ..(ไม่ใช่หินทับหญ้า)
ท่านทนเวทนาความเจ็บปวดทางกายได้อย่างไร....
ท่านฝึกอย่างไร วิธีไหนครับ.. จึงไม่เจ็บหรือทนเจ็บได้ครับ
วิสัชนา...K.kwan ( อวตารของ อิตั้วเจ้นู๋บี )ว่า....
อืม... ช่วงนี้ว่าง ๆ ม่ะมีคนไข้
จะแอบ ฉ้อราษฏร์ เอาเวลาหลวง มาตอบให้ก็ได้ อ่ะ
ในฐานะ ที่ผูกเสี่ยว เป็น กัลยา ณ มิตร กันมาแต่นานนม อิอิ
อันนี้ พูดจากประสบการณ์ ที่เคยถูกเวทนาทางกาย
( เย็น ร้อน อ่อน แข็ง เจ็บ ปวด ฯลฯ มากระทบ ) อ่ะนะ
ไอ้เรื่อง ทนเวทนาความเจ็บปวดทางกายได้อย่างไร เนี่ย
มัน กระจอกจะตายชัก ไม่เห็นต้องฝึกอะไรเรยนี่หว่า
แค่ ...หัดแยกเวทนาทางกาย ออกจากเวทนา ทางใจ ให้ได้
มันก็จะ ชิล ๆ ไม่ต้อง ทน อะไรแระ นี่หว่า
ถามว่า เจ็บ ไหม ปวด ไหม มันก็ เจ็บ ก็ปวด อะนะ
แต่ มันก็ เป็น แค่เวทนา เป็น แค่ ลักษณะ อาการ ของ ผัสสะ อย่างหนึ่ง
เหมือน เจ็บปวด กับ ผ่อน คลาย ้เหมือน เหม็น กับ หอม
ก็แค่อาการ ก็แค่กลิ่น ไม่ปรุงต่อ เป็น พอใจ ไม่พอใจ มันก็จบ
วงปฏิจฯ มันก็ไม่ครบวง มันก็ไม่ทุกข์
หรือ ไม่งั้น ถ้า มี มานะแรงส์ ๆ ซะหน่อย
มันก็ มีลูกฮึด อึด ทนทะยาด ได้ทั้งนั้นแหล่ะ
เฮ่ย ถ้า ริจะเป็น นักเลงปฏิเวธ น่ะ
กะอีแค่ เวทนา ระดับ อนุบาล
ประมาณ การสะสม เลเวล ขันติบารมี
เพื่อ ดับ เวทนาทางกาย งี้ อ่ะนะ
เขา ไม่เอามาใส่ใจกันแระย่ะ
โน่น เขาไปเน้น การ ดับเวทนาทางใจ
ปฏิฆะ ทิฏฐิ มานะ กันแร้วว้อย
อิพวก เวทนาเล็ก ๆ น้อย ๆ พวกนี้
ปล่อยให้ อิพวก นักปฏิบัติ ระดับลูกกระจ๊อก
มันฝึก หย็อง ๆ แหยง ๆ ไปเต๊อะ เอิ๊กส์ ๆ
ปุจฉาาาาาา
สับสน!ว่า...
สมมุติ..หากเรานั่งสมาธิได้ 1 ชั่วโมงแบบมีสติ..มีสตินะครับ
..เวทนาความเจ็บปวดจะกวนใจเราไหมครับ..หากเวทนากวนใจ..สติคุณอยู่ที่ไหนครับ..คุณเอาสติไปทำอะไร ตรงไหน เพื่ออะไร มาสนทนาแบบเจาะลึกกันเลยครับ สาธุ อิอิ!
(เอากรณี..ไม่ยอมหนีสภาวะทุกข์-เวทนาตรงนี้ไปนะครับ..สู้ๆๆ)
นัง เขียวมะเหงก..
เคยนั่งสมาธิแบบเจ็บเหมือนตายแต่ทนจนหายเจ็บไหมนั่น..ครั้งที่1
ทนนั่งต่อไป จนเจ็บเกิดอีกครั้งที่2..กระดูกกระเดี้ย..เหมือนกะด้อกะเดี้ยไหมวะซั่น..อิอิ ทับแตกสลายยยยไหม อิอิ
ไม่ได้โม้เว้ยยยส์..ของจริง อิอิ:@:'(
วิสัชนา...K.kwan ( อวตารของ อิตั้วเจ้นู๋บี )ว่า....
ไม่เคยว่ะ ขี้เกียจนัก ชั้นก็เลิกนั่ง 55555
ทำไม่ได้ เลย ไม่ทำ ก๊ะ ทำได้ แต่ ขี้เกียจ ทำ น่ะ มันต่างกันนะยะ
แล้ว หล่อน คิดว่า สวย แจ่ม เจ๋ง
แถมยัง อัตตาจ๋า และ มานะจัด อย่างช้าน น่ะ
มันเป็น แบ่บไหน ล่ะ ? โฮ่ ๆ
อพิโถ ๆๆ กะอีแค่ ทนทรมานสังขาร นั่งมาธิ ได้แค่นี้
หล่อน ก็ทำมาเป็น คุยโว โม้เหม็น เชียวหรือ ?
ทำเป็น เด็ก อนุบาล เห่อ ท่อง ก.เอ๋ย ก.ไก่ ไป ได้
แล้ว ไอ้เรื่อง นั่งมาธิ มาราธอน เนี่ย
ถ้า นึกครึ้ม ๆ อยากจะทำจริง ๆ อ่ะนะ มีหรือ จะทำไม่ได้
หากมีแรงจูงใจดี ๆ อ่ะนะ ใครมันก็ ทำได้ทั้งนั้นแหล่ะ
ไม่เชื่อ หล่อน ลองไปท้า คุณชายเล่าจัง ดิ
ว่า ถ้ามัน นั่ง มาธิ มาราธอน ข้ามวันข้ามคืน ได้โดยไม่หลับไม่นอน
ปู่สับสน จะยกลูกสาวทั้ง 2 คนให้
(แถมด้วยหนังสือ ท.เลียง พิบูลย์ ด้วยนะจ๊ะ )
เนี่ยไม่แน่นะ ทั่นเล่าจัง ฟังแร้ว อาจจะ รีบนั่ง มาธิ
โชว์ออฟ ให้หล่อนดู 7 วัน 7 คืน ไปเลยก็ได้ ว่ะ 5555
ส่วน ชั้นน่ะไม่สนใจจะทำอะไร คิกขุโนเนะ งั้นหรอกจร้าาา
(ยกเว้น เสียแต่ว่า หล่อนมี ลูกชายหน้าตาดี แบบ พี่เคน ธีรเดช อิอิ )
เฮ้ออ ไอ้เรื่องจะให้ นั่ง'มาธิ มาราธอน เนี่ย
มันก็ น่าขำพอ ๆ ก๊ะการให้ ชั้นไปนั่งแหกปาก
ท่องก.เอ๋ย ก.ไก่ แข่ง ก๊ะ เด็กอนุบาล ว่ะ
ไม่เห็นจะ น่าสนุก หรือว่า ท้าทายความสามารถ
ช่วยให้ เจริญสติ และ เพิ่มพูนปัญญา ที่ตรงไหน
สิงห์สนามซ้อม อ่ะนะ มักจะ เป็น หมูสนามแข่ง ซาเหมอ ว่ะ
เห็นมานักต่อนักแระ นั่งสมาธิได้ทนทะยาดแค่ไหน
พอ เวลาเจอ ผัสสะ มากระทบ ในชีวิตจริง อ่ะนะ
เก๊าะเห็น มันร้อง หงิง ๆ เป็น สิงห์ฟันหัก แทบทุกราย เอิ๊กส์ ๆ
ปุจฉาาาาาา
Bull_psi ว่า...
k.kwan อ้าวเจ๊หวัดดีงับ เปงหมอหรอคับ
มีปริศนาธรรมมาให้คนเก่งแก้คับ ผลข้างซ้าย-> เหตุข้างขวาดับเป็นต่อๆ
เวทนา-> ผัสสะ-> อายตนะ-> นามรูป-> วิญญาณ-> สังขาร-> อวิชชา
เจ๊ช่วยบันลือสีหนาทตอบปริศนาธรรมอันแก้ได้ยากประหนึ่งทำของที่คว่ำให้หงายด้วยเถิด
ปริศนาคือผู้ดับอวิชชาอุปทานแล้วมีรูปนามหรือไม่มีรูปนาม
เจ๊มาช่วงใกล้วันโลกแตกอะ21/12/21 55:boo:
วิสัชนา...K.kwan ( อวตารของ อิตั้วเจ้นู๋บี )ว่า....
เอ่อ....คือว่า เจ้ ไม่ใช่ k.kwan อ่ะจ้ะ
แล้ว ก็ ไม่ได้ เป็น หมอ (นวด )ด้วย นะจ๊ะ
เจ้ เป็น หมอ-ยา ปลอมตัวมา เล่นเนต
แล้ว แอบ ยื้ม ล็อกอิน อิเจ้รองสันขวาน มาใช้อ่ะจร้าาาาาา ( ทายซิครายเอ่ย ? อิอิ )
ฉะนั้น หนึ่งเดียวเขียวมะกอก อย่างเจ้ เรยมี ยึดคติ ที่ว่า
ภายใต้ดวงอาทิตย์ ไม่มีอะรัย ที่ สาวเภสัชทำไม่ได้
( ยกเว้น การตีปริศนาแห่งวงปฏิจ
และ การตอบข้อสอบฟาร์มาโคฯ !
)
อิทัปปัจจยตา ด้วยเหตุฉะนี้ หนึ่งเกียวเขียวมะเหงก ตัวเล็ก ๆ อย่างเจ้
ขอ อนุยาด ยก ปริศนาธรรม อันแก้ยากส์เช่นนี้
ให้ คนเก่ง แห่ง ห้อง อพินยา สมาธิ
อาทิเช่น คุณพี่ เล่าจัง (กิ๊กเก่า ของเจ้ k.kwan )ฯลฯ
มาเกาสะดือ ....เอ๊ย ...บันลือสีหนาท แทน น่าจะเวิร์ค กว่าว่ะ หุหุ
ปุจฉาาาาาา
Bull_psi ว่า...
อ้าวยังออกไปจากรูปนามk.kwanอีกหรอคับนี่
วันนี้กรุงเทพ35องศา ไม่รู้ว่าร้อน จับสัมผัสไม่รู้สึกสักกระทู้ เบื่อเลย
ไม่ต้องให้ลูกพี่ตอบคำถามหรอกครับ
ผมหมายใจว่าจะให้คุณk.kwan
แสดงธรรมไพเราะอีกสักครั้งเท่านั้นแหละครับ:boo:
วิสัชนา...ลูกบัวผัน ( อวตารของ อิตั้วเจ้นู๋บี )ว่า....
ชิส์ ! ยังไม่ออก ง่าย ๆ หรอกย่ะ
ต่อ หั้ยเจอ ข้าวสารเสก สิบกระสอบ
น้ำมนต์อีก ร้อย แกลลอน ก็ ม่ะออกว้อยยย
อนึ่ง เม่าไทย ไม่ยอม ออกจากตลาดหุ้น ฉันใด
อิป้าบัวผ่อง ก็ต้อง สิงร่าง อิเจ้ k.kwan
และ ลูกบัวผัน ตราบจนสิ้นกาลปวสานนนน
เพราะ เว่ยหล่าง เคยกล่าวไว้ ว่า
ไม่มีต้นโพธิ์
ทั้งไม่มีกระจกเงาอันใสสะอาด
เมื่อทุกสิ่งว่างเปล่าแล้ว
ฝุ่นจะลงจับกับอะไรแต่ ป้าผ่อง ก็อยากจะบอก ทั่นผู้อ่าน ทั้งหลาย
และ
คนที่คุณก็รู้ว่าใคร ว่า
ต่อหั้ย ไม่มี k.kwan อีกทั้งยังไม่มี ลูกบัวผัน
เมื่อทุกล็อกอิน ถูกส่ง เข้าสู่ สูญญตาสมาบัติ ไปแล้ว
ป้าบัวผ่อง ก็จะยังคงอวตารลงมา
ไล่จับตรูดหนุ่ม ๆ แถว ๆ นี้ อยู่ดีนั่นแหล่ะ เหอ...เหอ...:boo:
อ้าว เฮ้ยยย ไม่ใช่ รูปนู้น
รูปนี้ ตะหาก อิอิ
ปุจฉาาาาาา
สับสน!ว่า...
..จริงๆแล้ว..การสร้างขันตินั้น..ต้องเริ่มจาก
การเตรียมกายให้พร้อมก่อนครับ..
เช่น การอดนอน ผ่อนอาหาร เป็นต้น..สติจะเด่น
และสามารถ รองรับเวทนาได้นาน
จากการเจ็บปวดอันเกิดจากการนั่งสมาธิ
หรือเดินจงกลมได้นานๆ หรือง่วงนอน
หากไม่รับประทานอาหารมากเกินไป
..ตรงนี้สำคัญมากหากคนเคยผ่านประสบการณ์จริงจะรู้ซึ้งครับ..
ทนเวทนาทำไมเพื่ออะไร..สติอยู่ตรงไหน ใครโม้มาก็จับได้หมด
และ ..ไม่ใช่นั่งแบบขาดสติ พ่อค้า แม่ค้า
เขานั่งได้ทั้งวัน เก่งกว่าเราเยอะหากจะนั่งแบบนั้น
..เพราะฉนั้น คนรูปร่างอ้วน..
จะเห็นตั้งแต่ กาม เวทนา โทสะ มหาศาลในตัวคนอ้วน
นี่พูดถึงสภาวะสัจจะในธาตุดิน ที่อ้วนท้วมนะคัรบ ..
คนอ้วนจึงทนต่อสภาวะทุกข์ทางกายเป็นไปได้ยากมาก
ต้องใช้กำลังจิตมหาศาล เหมือนคนชราที่มีกำลังแต่ไม่แกร่งเหมือนตอนหนุ่มๆ..
สรุป การสร้างขันตินั้น ต้องเตรียมกายให้พร้อมต่อการฝึก
จะทำให้ผู้ฝึกอยู่ในสมาธิได้นาน ใคร่ครวญธรรมได้นาน
หากมีสติจิตจึงเกิดโอกาส รวม ได้สูงกว่าคนที่ไม่เตรียมความพร้อม
ในร่างกาย ไม่ฉลาดต่อกายตนเองครับ
เพราะหากคุณผู้ฝึกมีสติ นั่งสมาธิได้เป็นวันๆอะไรจะเกิดขึ้นครับ..
คุณจะเอาสติไปไหน นี่แหละครับ ธรรมชาติ สภาวะเขาจะดึงท่านเองให้ค้น คิด ธรรม หรือแยกขันธ์5 เอาเองก็มีโอกาสสูง หากคุณธรรมพื้นฐานเรามีครบแล้วครับ สาธุ
วิสัชนา...K.kwan ( อวตารของ อิตั้วเจ้นู๋บี )ว่า....
อิอิ...แวะ มาเม้าส์มอย ในกาทู้ เจ้ากัลยา ณ มิตรคิดม่ะซื่อ
อีกสักดอกส์ สองดอกส์ ดีกว่า วุ้ย เพื่อเป็นการฉลอง
ที่ ตะคืน ยังไม่ตายตกตามกัน ในวันสิ้นโลกเอิ๊ก ๆ
อืม...ไอ้ตี๋บุญพิลึก มันเคยแพล่ม
บอก ชาวบ้านชาวช่อง ไว้ ที่ ลานธรรมจก ประมาณ ว่า
แชมเปี้ยนโลก เจ้าของฉายา หมัดซ้ายทะลวงไส้ อย่าง เขาทราย กาแลคซี่
บางที ก็ไม่จำเป็นต้อง ซ้อม เตะกระสอบทราย วันละ 500 ครั้ง ทุกวี่ทุกวัน หรอกนะ
เพราะ ทักษะต่าง ๆ ที่เขาเคยฝึกปรือจนเชี่ยว
มันได้ ซึมซับ เข้าสู่ กมลสันดาน แร้ววววส์
และ เมื่อไร ก็ตาม ที่ จำเป็นต้อง งัดเอา หมัดซ้ายทะลวงไส้ มาใช้
เขาทรายก็ สามารถ หยิบเอามาใช้ ได้ ทันที
โดยดึง มาจากสัญชาตญาณ ในส่วนที่หมกเม็ดอยู่ตรง สไปนอล คอร์ด มั้ง
อิอิ...อ่านที่ ไอ้โซ้ยตี๋ มันเขียน แล้วก็ อมยิ้ม ขำ นะ
ก็ไม่รู้ เหมือนกันว่า คนอื่น อ่านที่มันแพล่ม แล้ว
จะ เก็ทสะเทือน กับสิ่งที่มัน ต้องการ อธิบายไหม
แต่ที่รู้ ๆ อย่างน้อยก็มี อิตั้วเจ้ของมัน คนนึง ล่ะวะ
ที่เข้าใจกับสิ่งที่ ไอ้ตี๋โฮฮับ มันโม้เหม็น อ่ะ 5555
เฮ้อออ ถ้าใครก็ตาม ที่ ฝึกปฏิบัติ มาจนถึง ระดับหนึ่งแล้ว
เขาจะไม่ใช้ คำว่า ( ฝืน )ทน กับ สภาวะที่เกิดจากการฝึกปฏิบัติ หรอกนะ
แต่ เขาจะเห็น การปฏิบัติ เป็นเหมือน สัณทนาการ งานอดิเรก
เป็น เครื่องอยู่ ประมาณ ถักนิตติ้ง อ่านการ์ตูน
หรือ เล่นเกมส์คอมพ์ แก้หง่อม อะไรทำนองนั้นมากกว่า มั้ง
เคยเห็น เด็ก ที่มันติดเกมส์ เล่นได้แบบข้ามวันข้ามคืน
โดยที่ไม่กินไม่นอน ไม่ลุกไปขี้ไปเยี่ยวไหมล่ะ
อาการ เหล่านี้ มันก็คล้าย ๆก๊ะ เวลาที่ คูบาอาจาน
เค้านั่งสมาธิ เดินจงกรม กันแบบข้ามวันข้ามคืน ล่ะมั้ง
ก็แค่เปลี่ยน เครื่องอยู่ จาก เกมส์คอมพ์ เป็น กรรมฐาน เท่านั้นเอ๊งงง
ไม่เห็นมันจะ วิเศษวิโส ถึง ขนาดต้องเอามาคุยโวโอ้อวด อะไรนิ อิอิ
ที่พูดมานี่ เพราะเคยสัมผัส กับสภาวะแบบนั้น มาบ้างแล้วไง
อาทิเช่น ตอนเดินจงกรมรอบโรงบาลอ่ะ วันนั้นนึกครึ้มมั้ง
เลย เดินไปประมาณ 7 รอบอ่ะ ( รอบนึง ก็ ประมาณ 2 สนามฟุตบอลเหนาะ ๆ )
มันก็ไม่เห็นจะเหนื่อย จะเมื่อยเรยอ่ะ ติดจะ หนุบ ๆ หนับ ๆ รู้สึกดีมากมายเรยด้วยซ้ำ
ประมาณว่า เฮ้ย หนุกดีว่ะ เพลิน ๆ มันส์ ๆ งี้
ให้กรู เดินงี้ 7 วัน 7 คืน กรูก็ทำได้ สบายมว๊ากกก
ส่วนนั่ง มาธิ นี่ก็เหมือนกัน พอผ่านช่วง นรกแตก ช่วงแรก ๆที่เริ่มนั่งใหม่ ๆ ไปได้
ไอ้อาการ อึดอัดจะเป็นจะตาย เหมือน สัตว์ป่าที่ ถูกจับขังคุก
แล้ว พยามดิ้นรนกระเสือกกระสนหนีออกจากตะแลงแกง มันก็หายไปเองอ่ะ
หลัง ๆ มานี่ เวลานึกครึ้ม ๆ จะนั่งมาธิ จิตมันรวมเร็ว ไวมากกกก
มันแนบไปกลับลมหายใจได้แบบเนียน ๆ ลุ่มลึก ๆ ไงบอกไม่ถูกนะ
เหลือ ไว้ เพียงแต่ อาการเพลิดเพลินกับการตามดูลม
เป็นความนิ่ง และ ความว่างที่น่ายินดีอ่ะ
มันสงบและแสนสุข จนถ้า วัดคลื่นสมอง ณ ตอนนั้น
คงจะ นิ่งและเรียบ สม่ำเสมอ คล้ายเวลาที่เราหลับลึก ๆ น่ะ
ซึ่ง ถ้าใครเคยนอนหลับลึก ๆ แล้วตื่น ขึ้นมา หรือ ออกจากสมาธิ ในช่วงนี้
หัวมันจะโปร๊ง โปร่ง แจ่มเจรียง พิลึก เลยล่ะ
สุดท้าย ก็กลับเห็น การทำสมาธิ เป็นของเล่น เหมือน เกมส์คอมพ์ไปซะงั้น
เป็น สันทนาการ ที่ มันส์ดีว่ะ นั่ง ตามลมหายใจ เข้า ๆ ออก ๆ ก็เพลิ๊น เพลิน อิอิ
เพราะงี้ไง ถึงได้บอกว่า ไอ้เรื่องการ นั่งมาธิ หรือ เดินจงกรมมาราธอน เนี่ย
พอทำไปจนเชี่ยว จนเก๋า มันจะกลายเป็นเรื่องสนุก ไปเลย
จากที่ เมื่อก่อน เคยแปลกใจ เหมือน ไอ้เจ้าฉับฉน
ว่า ทำไม คนเป็นนักปฏิบัติ มันถึงได้เป็น มาราธอนแมน
นั่ง มาธิ ได้ข้ามวันข้ามคืน เดินจงกรมได้ทนโคตร ๆ นักวะ
มาถึงตอนนี้ ก็ เข้าใจหมดแระ อิเรื่องพรรณนี้ มันก็แค่ เครื่องอยู่
ก็ แค่ ของเล่น กิ๊กก๊อก เอาไว้เล่นแก่หง่อม สำหรับคนเป็น นักปฏิบัติ ว่ะ
ถึงได้ บอกไง ว่า ไอ้การจะเป็นนักเลงปฏิเวธตัวจริง
เจ๋ง ไม่เจ๋ง เขาวัดกันที่ ทักษะการตอบสนองต่อสิ่งเร้า
เมื่อมี ผัสสะ มากระทบ ณ ปัจจุบันขณะ
ไม่ใช่วัดกันที่ ความถึกในการทำกรรมฐาน
ว่าใครจะนั่งได้นานกว่ากัน
ต่อให้นั่งมาธิ ได้นานเป็นชาติ เดินจงกรมได้วันละห้าสิบรอบ
แต่ถ้า พอมาเปิดเนต อ่านตัวหนังสือ ใน สนามอารมณ์... เอ๊ย ...เวบบอร์ดเสวนาธรรม
แล้วยังปรี๊ดแตกยังฟิวส์ขาดอาการ ไมเกรนกำเริบอยู่ทุกบ่อย อ่ะนะ
อิแบ่บนั้น เขาเรียก สิงห์สนามซ้อม หมูสนามจริง ว่ะ เอิ๊กส์ ๆ
อ้อ แล้วที่ หล่อน ทำมาเป็นพูดเสี้ยม เอ๊ย สาธกยกตัวอย่าง เรื่อง
คนอ้วน มาน่ะ
อันนี้ มี นัยยะ อยากจะ ต้มมาม่า อะรัย หรือเปล่าเอ่ย ? ชั้นจะได้ช่วยชง ! หุหุ
อืม...ในฐานะที่ เป็น ผู้เชี่ยวชาญเรื่อง สุกขวิปัสโก อ่ะนะ
ขอบอกว่า ไอ้เรื่อง ทนทุกข์ แล้วเกิด ปัญญา หรือ สโลแกน ไม่เห็นทุกข์ ไม่เห็นธรรม เนี่ย
เขาเอาไว้ให้ พวก วาสนาน้อย ด้อยปัญญา มันฝึกกันว่ะ
ส่วนพวกที่เค้า มีบุญเก่า เยอะ ประมาณว่า
ฉลาด จิตสูง บุญมาก ญาณแกร่ง ภูมิกึ๋นแยะ อ่ะนะ
ฝึกยังไง๊ยังไง มันก็ไม่เห็นทุกข์ หรอกจร้าาาาา
หรือ ถ้า ทุกข์ มันก็ ทุกข์ แป๊บ ๆ อ่ะ
แล้ว คนพวกนี้ อะนะ เขาจะมีศักยภาพของจิตที่มีประสิทธิภาพมาก
เวลาเขาทุกข์ มันจะมี กลไกแบบออโต้ ฯ
มาบริหารจัดการความทุกข์ ณ ปัจจุบันขณะ ว่ะ
พอเจอ สภาวะทุกขังกาละมัง ปุ๊บ จิตมันก็เหมือน นกรู้
มันก็หาเรื่อง แยกเวทนาทางกาย ออกจากเวทนาทางใจ เองเรยอ่ะ
แล้วมันจะเอาเวลาที่ไหน ไปนั่ง พิณา ความทุกข์ ได้ฟระ
ก็คนมันสวยแจ่ม เจ๋ง ความทุกข์ เรย ไม่กล้าเจอหน้า
จึงต้องมาไว เคลมไว รีบชิ่งหนีเราไปเอง นี่หว่า
บางที กะลังจะนั่ง ดูความเมื่อยขา ตอนนั่ง มาธิอยู่ หลัด ๆ
อ้าวเฮ้ยยยย ตรูยัง พิณา ไตรลักษณ์ ได้ไม่ครบ ลูป เยยย
กะลัง ดู เกิดขึ้น อยู่ดี ๆ ยังไม่ทันได้ดู ตั้งอยู่ ไอ้ตัวเมื่อยมันก็ หายวับ ดับไป เฉย
มันก็เป็นของมันเช่นนั้นเองงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง อิอิ
อืม...ยกตัวอย่าง เรื่อง ศีลข้อ หก ฉันมื้อเดว ของชั้น แระกันนะ
ตั้งแต่ถือศีลข้อนี้มา ปีกว่า ๆ นี่ ก็เกิดทุกขังกาละมัง เพราะ ศีลข้อนี้ แค่แป๊บ ๆ เองมั้ง
แถม หลัง ๆ มานี่ เก๋ามากขึ้น ยังนึกครึ้มชอบ ตามใจกิเลส
หาเรื่อง แหกศีลข้อหก เป็น ว่า เล่น ซะอีกแหน่ะ
แต่ก็ไม่ วิตกจริตอะไรนะ เพราะ คิดว่า
ตัวเอง เป็น เขาทราย กาแลคซี่ เจ้าของฉายา หมัดซ้ายทะลวงไส้มั้ง 5555
คือ พอถือศีลข้อนี้ นานเข้า ๆ จนเชี่ยว มันจะเข้าสู่สภาวะ ยังไงก็ได้ อะไรก็ได้ว่ะ
จะแหกศีล ไป เอนจอยอีทติ้ง ก็ได้ ไม่ทุกข์อะรัย
หรือจะไม่กิน เพื่อ รักษาศีลข้อ วิกาลโภชนา ต่อก็ได้ แบ่บชิล ๆ อ่ะ
สรุปก็คือ ไม่ว่า ตรูจะเลือกเดินทางไหน บนทางสองแพร่งนี้ ก็ไม่ทุกข์ทั้งนั้น อ่ะ
ก็เลย ตามใจกิเลสมันเล่น จิ๊ดนุงส์ เพราะเมื่อก่อนเล่นบทโหดลงแส้มันมาแยะแระ
ขนาด จะ จิบน้ำปานะ รอบบ่าย ยังไปห้าม ไม่ให้มันซดเลยว่ะ เอิ๊กส์ ๆ
นี่แหล่ะ ข้อดีของการเป็น ฆราวาส ที่ ต่างจาก สมณะ ล่ะ
ตราบใดที่คุณ ไม่ก้าวล่วง ศีล 5 และ มี สัมมาอาชีวะ
ถึงคุณจะ ไปกินข้าวต้ม รอบดึก ที่ไหน ก็ไม่ถือว่า เป็น โลกวัชชะ
เพราะคุณไม่ได้เที่ยวเดินไปบิณฑบาตรขอข้าวใครกิน
และ ไม่สำคัญหรอกว่า ณ ปัจจุบันขณะนั้น
คุณจะมีวาสนา ได้ รับประทานข้ามต้มรอบดึก เป็นมื้อดินเนอร์ไหม
แต่ ไม่ว่า คุณจะต้องรับมือ กับ สถานะการณ์ ไหน อิ่ม หรือ อด
คุณก็ต้อง ทำใจยอมรับ ยถาสภาวะนั้น ๆ ได้ โดยที่ ไม่ต้อง
ฝืนทน นะ
ขันติ น่ะ มันเป็น ธรรมะ ระดับ อนุบาล นะจ๊ะ ทูนหัวววว
ริจะเป็น นักปฏิบัติตัวพ่อตัวแม่ น่ะ
โน่น เขาต้อง ไปฝึก เรื่อง อนิจจังลงใจ ตถตาลงใจกันแล้วว้อยย :@
ที่มา:
"http://board.palungjit.com/f4/ขันติ-จะสร้างยังไง-ใครมีวิธีทำครับ-401864.htm"