แสงธรรมนำใจ > หยาดฝนแห่งธรรม
พระพิฆเนศ
ฐิตา:
พรที่พระพิฆเนศได้รับจากมหาเทพ-มหาเทวีองค์อื่นๆ
(ขอขอบคุณ -muekdum.com)
เมื่อครั้งพระพิฆเนศถือกำเนิดขึ้น มหาเทพชั้นผู้ใหญ่ทุกพระองค์ก็ได้มาประชุมกัน ณ. เขาไกรลาส เพื่อมาประทานพรแด่องค์พระพิฆเนศวร ซึ่งการถวายพระพรนี้เองทำให้องค์พระพิฆเณศมีคุณสมบัติที่เป็นอเนกประการ
พรที่พระคเณศได้รับจากมหาเทพ มีดังต่อไปนี้
พระพรหม ประทานพรว่า "พระคเณศ ขอให้นามของเจ้า จงเป็นที่รู้จักกันทั่วทั้งจักรวาล และขอให้เจ้าจงอยู่ในลำดับแรกของการทำหน้าที่ทั้งหลาย และได้รับการกราบไหว้บูชาจากเทพเทวะทั้งปวง"
พระธรรม ประทานพรว่า "พระโอรสแห่งพระแม่ปารวตี ขอให้พระองค์ทรงเป็นที่รวมแห่งธรรมะ และคุณงามความดีทั้งหมด ขอให้พระองค์ทรงรอบรู้ในศาสตร์ และศิลป์ทั้งปวง และทรงเต็มเปี่ยมไปด้วยความเมตตากรุณา ทรงเป็นผู้ให้การปกป้องคุ้มครอง แก่บริวาร ผู้เคารพบูชาพระองค์ตลอดกาล"
พระลักษมี ประทานพรว่า "พระคเณศ ที่แห่งใดได้ถวายการบวงสรวงบูชาพระองค์ พร้อมด้วยการท่องสวดภาวนามนต์ ข้าพเจ้าจะเป็นผู้ให้ความร่ำรวยและโชคลาภแก่พวกเขา และขอให้พระองค์ทรงมีคู่ครองที่ดี"
พระสรัสวตี ประทานพรว่า "พระคเณศ ด้วยพลังอำนาจแห่งความรู้ทั้งหมด ข้าพเจ้าขอให้พระองค์ ทรงมีความจำเป็นเลิศ และขอทรงเป็นผู้ที่มีวิจารณญานสำหรับเหตุการณ์ทั้งหลายเป็นอย่างดี และยุติธรรม"
พระคายะตรี ประทานพรว่า "พระคเณศ ข้าเป็นมารดาแห่งพระเวททั้งหมด ข้าพเจ้าขอให้พระองค์ ทรงเป็นมหาเทพเหนือบรรดาผู้รู้ในพระเวททั้งหลาย"
พระหิมาลัย ประทานพรว่า "พระคเณศหลานรัก ขอให้เจ้ามีรัศมีสุกสว่างเหมือนดังพระกฤษณะ ด้วยการทำสมาธิมั่นในพระองค์"
พระเมนคำ (ชายาพระหิมาลัย) ประทานพรว่า "พระคเณศ ข้าพเจ้าขอให้พรแก่พระองค์ ขอให้ทรงมีน้ำพระทัยเมตตาเหมือนข้าพเจ้า ขอให้ทรงเป็นผู้ขจัดอุปสรรค์ทั้งหลายทั้งปวง และทรงเป็นผู้สร้างสันติสุขให้เกิดขึ้นแก่จักรวาล"
ท้ายที่สุด พระนางอุมาปราวตี ในฐานะพระมารดาได้ประทานพรว่า "ลูกรัก ขอให้เจ้าจงเป็นใหญ่เหนือนักพรตทั้งหลาย เป็นพระผู้ประทานอำนาจอันยิ่งใหญ่เหนือธรรมชาติ มีความรู้เป็นเลิศและเป็นศูนย์กลางแห่งพรอันยิ่งใหญ่ทั้งหมด ขอให้เจ้าเป็นอมตะ มีทรัพย์มหาศาล และเป็นเทพแห่งความรู้ ความฉลาด และความสำเร็จทั้งปวง"
จะเห็นได้ว่าพรที่พระมหาศรีคเณศได้รับนั้น เป็นเสมือนคุณสมบัติของ
เทพแต่ละพระองค์ที่มาประทานพร
ดังนั้นพระพิฆเนศจึงเป็นมหาเทพที่รวบรวมเอาความศุภมงคล
และพรอันประเสริฐจากมหาเทพทั้งปวงไว้ที่พระองค์แต่เพียงผู้เดียว
(ขอขอบคุณ -muekdum.com)
-http://www.siamganesh.com/story02.html
ฐิตา:
อวตารแห่งพระพิฆเนศ
ที่มา : หนังสือตรีเทวปกรณ์ / เขียนโดย กิตติ วัฒนะมหาตม์
อวตารของพระคเณศที่สำคัญมี 8 ปาง มีชื่อต่างๆ กัน แต่เนื้อเรื่องพื้นฐานคล้ายๆ กัน ทำนองว่ามีอสูรถือกำเนิดขึ้นในโอกาสหนึ่งๆ อสูรนั้นต้องการไปยึดทั้งสามโลก เทวดาทั้งหลายจะพึ่งใครไม่ได้จึงต้องบูชาพระคเณศให้ไปปราบอสูรนั้น โดยมากอสูรได้เห็นเทวอำนาจก็จะกลัว ยอมกลับตัวกลับใจเป็นสาวก และคืนโลกทั้งสามที่ยึดมาได้เสีย
แต่ก็มีอสูรบางตนที่ถูกประหารเพราะได้ทำผิดอย่างร้ายแรง ทั้งนี้จะกล่าวถึงแต่ละปางซึ่งมีเนื้อเรื่องคล้ายกัน เอาเฉพาะส่วนที่ต่างกันดังนี้
1. วักระตุณฑะ (Vakratunda)
ปราบอสูรชื่อ มัตสระ ปางนี้ไม่กล่าวถึงกำเนิด ทราบแต่อสูรนั้นบำเพ็ญตบะจนได้รับพรจากพระศิวะแล้วยึดทั้งสามโลก พระเป็นเจ้าทั้งสามก็ไม่ทรงขัดขวาง เพราะไม่ประสงค์ให้เสียวาจาแห่งพระศิวะ มัตสระก็ได้ใจกำเริบทำเรื่องไม่ดีงามต่างๆ ต่อเมื่อพบกับพระพิฆเณศในอวตารของ วักระตุณฑะ ที่มีร่างกายใหญ่โตมากๆ ประทับอยู่บน มุสิกะ (หนูบริวาร) ก็เกิดกลัว ไม่ทันได้สู้ก็ยอมศิโรราบ แต่ก่อนหน้านั้นก็เสียอสูรบริวารทั้งหมด รวมทั้งลูกอีกสองตนชื่อ สุรทระปรียะ และ วิษยะปรียะ เมื่อยอมแพ้แล้ว จึงได้เข้าไปรวมอยู่ในคณะของพระพิฆเนศ
2. เอกทันตะ (Ekadanta)
ปราบอสูร มะทะ อสูรนี้เกิดโดยฤๅษีไจวะนะสร้างขึ้น ได้รับพรจากพระแม่ทุรคาจนยึดได้สามโลก พระโอรสของพระพรหมชื่อ สนัตกุมาร ได้กล่าวแก่เทวดทั้งหลายว่ามีเพียงพระพิฆเณศองค์เดียวที่จะทรงแก้ไขเรื่องนี้ได้ เมื่อพระพิฆเณศในอวตารของ เอกทันตะ ได้ปรากฎพระองค์แล้ว มะทะส่งทูตมาสืบความ เอกทันตะก็ฝากทูตนั้นไปบอกเจ้านายของตนว่า พระองค์มีหน้าที่รักษาผู้ประพฤติธรรม ผู้ที่ไม่ปฏิบัติในทางธรรม พระองค์ก็มีหน้าที่ทำลายเขา มะทะฟังแล้วโมโหเตรียมต่อสู้ ถูกพระพิฆเณศยิงด้วยศรชื่อ ปรสุ ลูกศรปักกลางอกสิ้นสติไป จนฟื้นแล้วลูกศรก็ลอยกลับไปหาพระพิฆเณศ เกิดพิจารณาว่าเอกทันตะนี้เป็นปรมาตมันโดยแท้ จึงยอมกลับใจและเป็นสาวกอีกองค์หนึ่ง
3. ปุระณานันทะ มโหทระ (Puranananda Mahodra)
ปราบอสูร ยานาริ ลูกของ อสูรทุรพุทธิ ที่ผูกใจเจ็บจะหาโอกาสแก้แค้นแทนพ่อซึ่งถูกพระคเณศสังหาร แต่ลูกของอสูรยานารินั้นเองชื่อ สุโพธะ กลับเป็นสาวกและบูชาพระคเณศในปางนี้ ซึ่งอวตารมาเป็นพระโอรสพระลักษมี มีชื่อว่า ปุระณานันท์มโหทระ ยานาริพยายามบังคับลูกให้เลิกบูชาพระคเณศก็ไมยอมเลิก จึงท้าว่า มโหทระที่เป็นที่พื่งของลูกตนนั้นอยู่ไหน จะได้ทดลองกำลังกัน สุโพธะก็บอกว่า มโหทระนั้นอยู่ทุกหนทุกแห่ง ยานาริก็โกรธ ยกดาบจะฟันคอลูก มโหทระก็ปรากฏขึ้นบนมุสิกะ แล้วใช้เทพศาสตราวุธฟันศีรษะยานาริแยกออกถึงแก่ความตาย
4. คชนานะ (Gajananda)
ปราบ โลภาสูร ซึ่งถือกำเนิดจากความโลภของ พระกุเวร เมื่อเข้าเฝ้าพระแม่อุมาที่ไกรลาส และได้เห็นพระแม่แต่งองค์ด้วยเครื่องประดับต่าง ๆ มากมาย โลภาสูรบำเพ็ญตบะได้พรจากพระศิวะก็ยึดสามโลก แล้วกำเริบถึงกับยึดไกรลาสจากพระศิวะเสียด้วย แต่เมื่อโลภาสูรได้ยินชื่อ คชนันท์ ยังไม่ทันได้ต่อสู้ ก็ไปปรึกษา พระศุกราจารย์ เสียก่อน รู้ว่าสู้ไม่ได้แน่ๆ จึงยอมสวามิภักดิ์
5. ลัมโพทระ (Lambodra)
ปราบ โกรธาสูร ซึ่งถือกำเนิดจากความลุ่มหลงของ พระศิวะ ยามเมื่อเห็นร่างแปลงของพระวิษณุเป็นเด็กสาวสวยอายุเพียง 16 โกรธาสูรได้พรจากสุริยเทพ จนยึดได้ทั้งสามโลก รวมทั้งไกรลาสและสุริยโลกด้วย จนในที่สุดได้ยกกองทัพเข้าปะทะกับ ลัมโพทระ ได้สูญเสียอสูรบริวารที่เก่งกาจจนหมด ลัมโพทระกล่าวว่า พระนาภีของพระองค์นั้นเป็นที่อาศัยแห่งโลกต่างๆ โลกทั้งหลายเกิดจากพระนาภีนั้น และเมื่อสิ้นสุดก็จะกลับเข้าไป โกรธาสูรได้พิจารณาว่าเป็นความจริงก็ยอมสวามิภักดิ์
6. วิกฏะ (Vikata)
ปราบ กามาสูร อันเกิดจากความลุ่มหลงแห่งองค์ พระวิษณุมหาเทพ ต่อพระแม่ วฤนทา ได้ยึดเทวโลก มหามุนีมุทคละ บอกทวยเทพทั้งหลายให้บูชาพระพิฆเนศวร จนปรากฏพระองค์โดยมีพาหนะคือนกยูง กามาสูรรู้สืกถึงเทวอำนาจก็กึ่งกลัวกึ่งกล้า ทำใจดีสู้เสือยกพลเที่ยวสังหารทวยเทพ มุนีและฤๅษีเรื่อยไปจนพบ วิกฏะ วิกฏะกล่าวว่าพระองค์ทรงเป็นผู้ดูแลและทำลายโลกต่าง ๆ ถ้าต้องการรู้จักพระองค์ก็ให้ไปถามพระศุกราจารย์ กามาสูรฟาดด้วยเท่าแต่ทำอะไรไม่ได้ ตนเองกลับสลบไปและพอตื่นขึ้นมาก็เจ็บไปทั้งตัว จึงพิจารณาว่า ขนาดพระองค์อยู่เฉยๆ ยังไม่ทรงใช้เทพศาสตราวุธใดๆ ตนยังพ่ายแพ้ถึงเพียงนี้ จึงยอมแพ้และกลับใจแต่โดยดี
7. วิฆนราชา (VignaRaja)
ปราบ มมตาสูร ซึ่งถือกำเนิดจากเสียงหัวเราะของ พระแม่อุมา พระอุมาก็ให้ไปบูชาพระพิฆเนศวร แต่ยังไม่ทันจะไปถึงก็พบอสูรตนหนึ่งชื่อ คัมพลสูร และเปลี่ยนใจไปบำเพ็ญตบะกับคัมพลสูร จนสำเร็จแล้วจึงบำเพ็ญตบะขอพรองค์พระพิฆเณศวรเป็นเวลาหลายพันปี ได้รับพรให้เป็นอมตะ และไม่มีอาวุธใดจะสังหารได้ ก็พิชิตทั้งสามโลก จนทวยเทพต้องบูชา พระวิฆนราช มาช่วย
ครั้งแรกพระวิฆนราชให้พระนารทมุนีไปเกลี้ยกล่อมมมตาสูรก่อน ปรากฏว่าทั้งพระนารทหรือแม้แต่พระศุกราจารย์เกลี้ยกล่อมเองมมตาสูรยังไม่ยอมเชื่อ ยกกองทัพอสูรมาจะต่อสู้กับวิฆนราช วิฆนราชเห็นว่าพวกอสูรส่วนมากไม่ได้ตั้งใจทำผิด แต่รับคำสั่งมาแล้วก็ต้องถูกลงโทษด้วย จึงเอาดอกบัวปาไปทางอสูรทั้งหมดรวมทั้งมมตาสูรสลบไป มมตาสูรฟื้นก่อนคนอื่นเห็นดอกบัวนั้นลอยอยู่กลางอากาศ ได้พิจารณาว่าทรงส่งดอกบัวมาดอกหนึ่งยังมีอำนาจถึงเพียงนี้ ก็กลับใจยอมสวามิภักดิ์ แล้วนิสัยของมมตาสูรก็เปลี่ยนเป็นดี
8. ธูมระวรรณา (Dhumaravarna)
ปราบ อหัมอสูร ซึ่งถือกำเนิดจากเสียงจามของ พระสุริยเทพ ซึ่งอยู่ในภาวะโอหัง เพราะพระพรหมทรงแต่งตั้งให้ทรงตัดสินกรรมของเทวะแต่ละองค์ ได้บำเพ็ญตบะถึงพันปีแล้วขอพรจากพระคเณศสองข้อ คือ ต้องการอะไรพระคเณศต้องให้ตามนั้นและต้องสำเร็จทั้งนั้น อีกข้อคือขอให้มีอิทธิฤทธิ์และครอบครองทั้งจัวรวาล ก็ได้ตามนั้นทุกอย่าง ก็กลับโลกอสูร ได้ชายาชื่อ รูปวตี และได้ลูกสองตน จึงไปพิชิตสามโลก และฉุดคร่าหญิงสาวสวยๆ ในโลกเหล่านั้นมาด้วย จนทวยเทพบูชาพระคเนศ และปรากฏพระองค์มีสีกายเหมือนเมฆหรือควัน จึงมีพระนามว่า ธูมรวรรณ
ตอนแรกธูมรวรรณไปเข้าฝันอหัมอสูรก่อน บอกให้กลับตัวกลับใจเสีย อหัมอสูรก็กลัว แต่บริวารยุเลยเลิกกลัวและยิ่งทำชั่วเพิ่มขึ้น พระคเณศจึงใช้ปาศะขว้างออกไป เกิดแตกแยกออกเป็นพันๆ เส้นลอยไปทั่ว พบอสูรที่ไหนก็รัดคอตายไปนับแสนตน อหัมอสูรส่งลูกชื่อ ครรวะ ไปต่อสู้กับปาศะที่ลอยมา ครรวะก็ถูกปาศะนั้นสังหารเสีย อหัมอสูรต้องไปหาพระศุกราจารย์แล้วจึงยอมกลับใจ พาพวกอสูรไปสวามิภักดิ พระคเณศจึงทรงมีรับสั่งว่าให้เป็นสาวกตนหนึ่ง มีหน้าที่อารักขากิจการของผู้ที่ได้บูชาพระองค์
ปางสำคัญทั้ง 8 นี้ เป็นเทวปรัชญา คือเปรียบเทียบได้ว่า
องค์พระพิฆเนศทรงเป็นปรมาตมัน
อสูรแต่ละตนก็แสดงถึงนิสัยอันไม่ดีงามต่างๆ คือ โอหัง หลง โลภ กาม เกียจคร้าน และหลงตนเอง
เหล่านี้นับเป็นนิสัยอสูร ท่านว่าถ้าต้องการทำลายนิสัยอสูรซึ่งเป็นกิเลส
ก็ต้องบูชาพระพิฆเนศ เมื่อพระพิฆเนศโปรดแล้ว กิเลสพวกนี้จะไม่อาจทำอันตรายแก่มนุษย์
ขอบคุณที่มา :http://www.siamganesh.com/ganesh8avatar.html
- http://agaligohome.fix.gs/index.php?topic=382.0
ฐิตา:
ฐิตา:
ฐิตา:
นำร่อง
[0] ดัชนีข้อความ
[#] หน้าถัดไป
[*] หน้าที่แล้ว
Go to full version