ริมระเบียงรับลมโชย > รับสายลมเย็นหน้าระเบียง

ร่วมกัน รณรงค์ขับรถ ถูก กฎจราจร กัน

<< < (9/13) > >>

sithiphong:
แนะเทคนิคการจอดรถอย่างถูกวิธี ลดเสี่ยงอุบัติเหตุ

-http://car.kapook.com/view87521.html-


ปภ. แนะเทคนิคการจอดรถอย่างถูกวิธี ลดเสี่ยงอุบัติเหตุ (ปภ.)

          กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) แนะเทคนิคการจอดรถอย่างถูกวิธีในสถานที่ต่าง ๆ อย่างเหมาะสม ทั้งการจอดรถในช่องจอดรถ จอดรถบนช่องทางเดินรถ จอดรถบนทางลาดชัน เพื่อไม่ให้กีดขวางช่องทางจราจร ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุและเพิ่มความปลอดภัยในการเดินทาง

          นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า การจอดรถไม่ถูกวิธีและในสถานที่ที่ไม่เหมาะสม อาจเป็นสาเหตุให้เกิดอุบัติเหตุได้ เพื่อความปลอดภัย กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ขอแนะเทคนิคการจอดรถอย่างถูกวิธี ดังนี้

          กรณีจอดรถในช่องจอดรถ ควรจอดรถให้อยู่ภายในช่องที่กำหนดไว้  โดยจอดขนานกับเส้นที่กำหนด และกะระยะห่างจากเส้นให้เหมาะสม  เพื่อให้รถอยู่กึ่งกลางของช่องจอดรถ ไม่จอดรถชิดไปด้านใดด้านหนึ่ง  ชิดด้านท้าย หรือล้ำไปด้านหน้ามากเกินไป พร้อมพับกระจกข้าง จะช่วยเพิ่มพื้นที่ให้รถคันอื่นสามารถขับผ่านหรือเข้าจอดได้สะดวก

          หากจอดรถกีดขวางช่องทางรถคันอื่น ให้ปลดเกียร์ว่าง หรือเลื่อนคันเกียร์ไปไว้ที่ตำแหน่ง N ไม่ดึงเบรกมือ เพื่อให้รถสามารถเคลื่อนที่ได้ แต่หากจอดรถในช่องทางปกติ ควรเลื่อนคันเกียร์ไปไว้ที่ตำแหน่ง P เพื่อป้องกันรถเลื่อนไปชนรถคันอื่น รวมถึงไม่จอดรถบริเวณหัวมุม ทางโค้ง หรือทางแคบ เพราะมีพื้นที่จำกัด อีกทั้งยังกีดขวางช่องทางจราจร ทำให้ รถคันอื่นขับผ่านไม่สะดวก ส่งผลให้เกิดอุบัติเหตุเฉี่ยวชนได้

          กรณีจอดรถบนช่องทางเดินรถ ควรจอดรถบริเวณด้านซ้ายของทางเดินรถ โดยให้ด้านซ้ายของรถชิดและขนานกับขอบหรือไหล่ทางในระยะไม่เกิน 25 เซนติเมตร ในลักษณะที่ไม่กีดขวางช่องทางจราจร ไม่จอดรถในบริเวณที่ห้ามจอด เช่น บนทางเท้า บนสะพาน ในอุโมงค์ บริเวณทางร่วมทางแยก เป็นต้น เพราะนอกจากจะเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุแล้ว ยังผิดกฎหมายอีกด้วย

          กรณีรถจอดเสียบนทางเดินรถ ควรให้สัญญาณการจอดรถโดยเปิดไฟฉุกเฉิน นำกรวย  ป้ายสะท้อนแสง กิ่งไม้ หรือวัสดุอื่นมาวางให้ห่างจากรถในระยะไม่ต่ำกว่า 50 เมตร เพื่อเตือนให้ผู้ขับรถคันอื่นทราบว่ามีรถจอดเสีย จะได้เพิ่มความระมัดระวังและเปลี่ยนช่องทางเดินรถได้ทัน โดยจอดให้ชิดริมไหล่ทางในลักษณะที่ไม่กีดขวางช่องทางการจราจร จากนั้นให้พยายามนำรถออกให้พ้นช่องทางเดินรถโดยเร็วที่สุด เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุ

          กรณีจอดรถบนทางลาดชัน ควรจอดรถให้ชิดขอบทาง ฟุตบาท หรือกำแพงให้มากที่สุด โดยหมุนพวงมาลัยให้ล้อหน้าเลี้ยวไปทางขอบทาง หากรถเคลื่อนที่จะได้ไม่ไหลไปกีดขวางช่องทางจราจร กรณีเป็นทางลาดชันที่ไม่มีขอบทาง ฟุตบาท หรือกำแพง ควรหมุนพวงมาลัยให้ล้อหน้าเลี้ยวไปทางด้านตรงข้ามกับถนน หากรถเคลื่อนที่จะได้ไม่ไหลไปกีดขวางช่องทางจราจร ที่สำคัญ หลังจากดับเครื่องยนต์และให้ดึงเบรกมือขึ้นจนสุด เลื่อนเกียร์ไปยังตำแหน่งถอยหลังสำหรับรถเกียร์ธรรมดา และตำแหน่ง P สำหรับรถเกียร์อัตโนมัติ เพื่อป้องกันไม่ให้รถเคลื่อนตัว รวมถึงนำก้อนหิน ขอนไม้ หรือวัสดุที่แข็งแรงมารองหลังล้อรถ จะช่วยให้จอดรถได้อย่างปลอดภัยมากขึ้น

          อย่างไรก็ตาม การจอดรถบนทางลาดชัน ให้เพิ่มความระมัดระวังเป็นพิเศษ โดยเฉพาะก่อนออกรถ เพราะล้อยังอยู่ในตำแหน่งเลี้ยวและมีวัตถุรองหลังล้อรถ ควรหมุนพวงมาลัยกลับคืนตำแหน่งให้ล้อตรงและนำวัตถุรองหลังล้อรถออกก่อน เพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้น ทั้งนี้ การเรียนรู้เทคนิคการจอดรถจะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุและเพิ่มความปลอดภัยในการเดินทาง

ขอขอบคุณข้อมูลจาก
กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
-http://www.disaster.go.th/dpm/-

sithiphong:
ไม่รู้ว่า จะทำได้แค่ไหน เหอๆๆๆๆๆ

น่าจะมีการลงทะเบียนสำหรับผู้แจ้ง  แล้วให้ค่าปรับ 50% ผมว่า งานนี้ น่าจะขับรถกันดีแน่ๆ 

--------------------------------------------------------


ขสมก. ดีเดย์ 12 พ.ค. รถเมล์วิ่งขวา-ไม่รับผู้โดยสาร เจอปรับแน่
-http://hilight.kapook.com/view/101831-





เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

          ขสมก. เตรียมเปิดโครงการ ประชาชนเดินทางปลอดภัยซ้ายตลอดจอดทุกป้าย รับเปิดเทอม พร้อมออกมาตรการคุมเข้มรถเมล์ ขสมก. และรถร่วมฯ เพิ่มโทษปรับ หากฝ่าฝืน

          วันที่ 9 พฤษภาคม 2557 นายนเรศ บุญเปี่ยม รักษาการผู้อำนวยการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) เปิดเผยว่า ในวันที่ 12 พฤษภาคมนี้ ขสมก. จะมีพิธีเปิดโครงการ “ประชาชนเดินทางปลอดภัยซ้ายตลอดจอดทุกป้าย (เมื่อผู้โดยสารจะขึ้น-ลง)” เพื่อให้ผู้โดยสารทั้งนักเรียน นักศึกษา และประชาชนทั่วไป สามารถเดินทางได้อย่างปลอดภัยในช่วงเปิดเทอม

          โดยในโครงการดังกล่าว จะมีการควบคุมให้พนักงานขับรถเมล์ของ ขสมก. และรถเอกชนร่วมบริการ ให้ขับรถชิดซ้าย และจอดรับ-ส่งทุกป้ายที่มีผู้โดยสารต้องการขึ้น-ลง ทั้งนี้ ที่ผ่านมาแม้ว่าโครงการให้รถเมล์ขับชิดซ้ายจะทำมาแล้วหลายปีแต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ จากการเก็บข้อมูลพบว่า 80% ของข้อร้องเรียนและการเกิดอุบัติเหตุเกิดจากการขับรถออกขวา จึงมีความพยายามลดข้อร้องเรียนเรื่องนี้ให้ได้ เพราะถือว่าเป็นสาเหตุใหญ่ โดยตั้งเป้าไว้ให้เหลือเพียง 50% ซึ่งนำไปสู่การลดจำนวนการเกิดอุบัติให้ได้ 50% เช่นกัน

          สำหรับมาตรการลงโทษจะเพิ่มการลงโทษให้หนักขึ้น หากเป็นพนักงานขับรถ ขสมก. จะมีโทษตั้งแต่ภาคทัณฑ์ ตัดเงินเดือน ลดขั้นเงินเดือน โดยดูจากเจตนาการกระทำความผิดและจำนวนครั้ง ส่วนรถร่วมเอกชนได้แจ้งขอความร่วมมือไปแล้ว หากถูกร้องเรียนจะมีโทษเป็นการเปรียบเทียบปรับ

          นายนเรศ เผยอีกว่า ตนได้เสนอคณะกรรมการบริหารกิจการองค์การ (บอร์ด) ขสมก. ให้อนุมัติเพิ่มโทษค่าปรับรถเอกชนร่วมบริการแล้ว เพื่อให้เกิดความระมัดระวังในการให้บริการมากขึ้น โดยบอร์ดอนุมัติตามที่เสนอคือ เพิ่มอัตราค่าปรับขั้นแรกที่กำหนดไว้ 200-1,000 บาท เพิ่มเป็น 500-2,000 บาท และอัตราค่าปรับขั้นสูงจากที่กำหนด 200-3,000 บาท เป็น 500-5,000 บาท ซึ่งหากเป็นการกระทำผิดของพนักงานจะพิจารณาปรับในโทษขั้นแรก แต่สำหรับผู้ประกอบการจะมีการพิจารณาโทษที่สูงขึ้น ขณะนี้อยู่ระหว่างออกประกาศเรื่องใหม่ คาดว่าจะเริ่มบังคับใช้ได้ในวันที่ 16 พฤษภาคมนี้

          ทั้งนี้ สถิติการให้บริการผ่านคอลเซ็นเตอร์ 1348 ตั้งแต่เดือนมกราคม-เมษายน 2557 พบว่า มีประชาชนโทรเข้าใช้บริการทั้งสิ้น 292,705 สาย เป็นการสอบถามเส้นทาง 291,569 สาย ร้องเรียน 1,326 สาย โดยเรื่องร้องเรียนที่มีมากที่สุดคือ ขับรถประมาทหวาดเสียว 304 สาย รองลงมาเป็นเรื่องขับรถช่องทางขวา ไม่หยุดรับ 191 สาย


อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก -http://www.dailynews.co.th/Content/bangkok/236228/%E0%B8%94%E0%B8%B5%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B8%A2%E0%B9%8C%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%96%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%A5%E0%B9%8C%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%82%E0%B8%A7%E0%B8%B212%E0%B8%9E.%E0%B8%84.%E0%B8%99%E0%B8%B5%E0%B9%89-

sithiphong:
ขออภัย เรื่องนี้ ไม่เกี่ยวกับกฎจราจร ครับ




---------------------------------------------------


10 อ็อพชั่นในรถยนต์ที่ควรมีไว้ หากกำลังจะออกรถใหม่


-http://auto.sanook.com/7197/10-%E0%B8%AD%E0%B9%87%E0%B8%AD%E0%B8%9E%E0%B8%8A%E0%B8%B1%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B8%A3%E0%B8%96%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B9%8C%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%B5%E0%B9%84%E0%B8%A7%E0%B9%89-%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%81%E0%B8%B3%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%88%E0%B8%B0%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%96%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B9%88/-


 การเลือกรถยนต์คู่ใจสักคันหนึ่งนั้น สิ่งสำคัญที่ต้องพิจารณา นอกเหนือจากรูปลักษณ์ความสวยงามและสมรรถนะของเครื่องยนต์แล้ว อุปกรณ์พื้นฐานติดรถ หรือที่คนไทยเรียกกันติดปากว่า 'อ็อพชั่น' ก็เป็นอีกสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กัน





     ปัจจุบันเทคโนโลยีในรถยนต์ก้าวหน้าไปกว่าแต่ก่อนมาก จนทำให้รถยนต์รุ่นใหม่ๆมีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกเพิ่มขึ้นมากมาย โดยไม่จำกัดอยู่ในเฉพาะรถยนต์หรูราคาแพงอีกต่อไป เราจะพาคุณผู้อ่านไปรู้จัก 10 อ็อพชั่นในรถยนต์สมัยนี้ ควรจะมีอะไรมาให้บ้าง?

 

     1.ไฟหน้าเปิด-ปิดอัตโนมัติ

     ไฟหน้าถือเป็นอุปกรณ์ความปลอดภัยพื้นฐานที่สุดในรถยนต์ เพราะนอกจากจะช่วยให้มองเห็นถนนได้ชัดเจน ยังช่วยให้ผู้ใช้ถนนคนอื่นๆสามารถมองเห็นรถของเราได้ง่ายขึ้นด้วย ซึ่งปัจจุบันรถยนต์ระดับซิตี้คาร์เริ่มมีการติดตั้งระบบเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติมาให้บ้างแล้ว ซึ่งช่วยเพิ่มทัศนะวิสัยเป็นอย่างดี โดยเฉพาะเวลาลงอุโมงค์ หรือ เข้าที่จอดรถใต้อาคาร เพราะคนส่วนใหญ่มักมองข้ามที่จะเปิดไฟหน้ารถกันในสถานการณ์แบบนี้

 

     2.ที่ปัดน้ำฝนอัตโนมัติ

     แม้ว่าระบบปัดน้ำฝนแบบอัตโนมัติอาจดูไม่จำเป็นเท่าไหร่ แต่จริงๆแล้วระบบนี้จะช่วยเพิ่มความสะดวกสบายได้อย่างมากเมื่อฝนลงเม็ด เพราะไม่จำเป็นต้องคอยพะวักพะวงอยู่กับการปรับความเร็วตามสภาพน้ำฝน ที่เดี๋ยวเบาบ้างแรงบ้าง ช่วยให้โฟกัสกับการขับขี่ได้ดีขึ้นเยอะ เพิ่มความปลอดภัยขึ้นได้อีกด้วย

 

     3.ปุ่มควบคุมที่พวงมาลัย

     รถยนต์รุ่นใหม่ๆมักติดตั้งปุ่มที่ต้องใช้งานบ่อยไว้บนพวงมาลัย เช่น เครื่องเสียง, โทรศัพท์, ระบบควบคุมความเร็ว เป็นต้น ซึ่งทำให้ผู้ขับไม่ต้องปล่อยมือออกจากพวงมาลัย เพียงแค่ขยับข้อมือนิดหน่อย ก็ช่วยให้การเปลี่ยนเพลงเป็นไปอย่างสะดวกสบาย และปลอดภัย

 

     4.กุญแจรีโมทอัจฉริยะ+ปุ่มสตาร์ท

     กุญแจรีโมทอัจฉริยะคือกุญแจที่สามารถพกไว้ในกระเป๋า โดยไม่จำเป็นต้องหยิบออกมาเพื่อการเข้า-ออกรถ และสตาร์ทรถ ซึ่งแทบจะกลายเป็นจุดขายของรถสมัยใหม่เกือบทุกยี่ห้อ เพราะมีให้เห็นตั้งแต่อีโคคาร์ไปจนถึงรถยุโรปราคาหลายล้านบาท

     นอกจากจะช่วยเรื่องความสะดวกสบายแล้ว ยังเพิ่มความปลอดภัยได้ในระดับหนึ่งหากเกิดเหตุการณ์จี้ชิงรถแบบต่อหน้า เพราะหากกุญแจไม่อยู่ในตัวรถ จะไม่สามารถสตาร์ทเครื่องยนต์ได้อีกหากดับเครื่องยนต์ ซึ่งหากเป็นระบบกุญแจธรรมดาแล้วล่ะก็ ฉลุยยันชายแดนเชียวล่ะ!

 

     5.Bluetooth

     การคุยโทรศัพท์ขณะขับรถยนต์ไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก แต่หากจำเป็นจริงๆแล้วล่ะก็ ระบบบลูทูธในรถ จะช่วยให้สามารถสนทนากับคู่สายได้โดยไม่ต้องยกโทรศัพท์ขึ้นมาแนบหู อย่างน้อยๆก็ช่วยให้สามารถจับพวงมาลัยได้ทั้งสองมือ ขณะที่รถยนต์บางรุ่นสามารถเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนเพื่อการใช้งานอินเตอร์เน็ตหรือแอพพลิเคชั่นต่างๆได้อีกด้วย

 



     6.ช่องต่อ USB

     พอร์ต USB ในรถยนต์ จะช่วยเพิ่มความสุนทรีย์ในการฟังเพลงขณะขับรถของคุณได้ เพราะปัจจุบันสามารถโหลดเพลงที่ชอบมาไว้ใน iPod หรือ แฟลชไดรฟ์ได้อย่างง่ายดาย แล้วนำไปต่อเข้ากับพอร์ตที่ว่านี้ ทีนี้ไม่ว่ารถจะติดขนาดไหน หากมีเพลงคู่ใจให้ร้องตาม ก็ไม่น่าเบื่อต่อไปแล้วล่ะ

 

     7.พวงมาลัยปรับเข้า-ออกได้

     ปกติแล้วรถยนต์รุ่นใหม่ๆมักติดตั้งพวงมาลัยที่สามารถปรับระดับสูง-ต่ำได้มาให้ แต่จะดีขึ้นไปอีกหากสามารถปรับเข้า-ออกได้ด้วย เนื่องจากสรีระของแต่ละคนไม่เหมือนกัน หากใครยังไม่เคยปรับมาก่อนก็ควรลองปรับดู เผื่อจะช่วยให้ขับขี่ได้อย่างสบายยิ่งขึ้น

 

     8.ถุงลมนิรภัยคู่หน้า

     รถยนต์ในปัจจุบันควรติดตั้งถุงลมนิรภัยคู่หน้า สำหรับผู้ขับและผู้โดยสารตอนหน้ามาให้เป็นอย่างน้อย เนื่องจากผู้โดยสารด้านหน้ามักจะได้รับผลกระทบจากการชนมากที่สุด ช่วยลดการปะทะกับวัตถุต่างๆเช่น คอนโซลหน้า หรือ กระจกบังลมหน้าได้เป็นอย่างดี

 

     9.ระบบเบรค ABS

     ระบบป้องกันล้อล็อค ถือเป็นระบบความปลอดภัยขั้นพื้นฐานชิ้นหนึ่งไปแล้ว เนื่องจากสภาวะอากาศ รวมถึงสภาพถนนที่ย่ำแย่ในบ้านเรา ระบบ ABS จะช่วยให้ระยะเบรคสั้นลงอย่างชัดเจนทั้งบนถนนแห้งและถนนเปียก รวมถึงสามารถบังคับทิศทางของรถขณะเบรคได้อีกด้วย

 

     10.ระบบควบคุมการทรงตัว

     ปัจจุบันมีชื่อเรียกต่างๆมากมายตามแต่ผู้ผลิตจะตั้ง เช่น ESP, VSC หรือ VSA เป็นต้น ซึ่งระบบเหล่านี้จะช่วยลดอาการหน้าดื้อ-ท้ายปัด อันเป็นสาเหตุให้รถเกิดอาการแหกโค้งได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งขณะฝนตกหรือถนนเปียก

 

     อ็อพชั่นต่างๆที่กล่าวมานี้ อาจไม่ใช่อุปกรณ์พื้นฐานที่จำเป็นต้องมีในรถทุกคัน แต่หากจำเป็นต้องเลือกรถยนต์คู่ใจไว้ใช้งานยาวๆแล้ว สิ่งเหล่านี้ก็จะช่วยเพิ่มอรรถรส และความปลอดภัยในการขับขี่พอสมควรเลยทีเดียวครับ




sithiphong:
ตำรวจวอนเลิกพฤติกรรมขับไปแชตไป หลังพ่อค้าหัวใสผลิตสแตนดี้ติดมือถือไว้กับพวงมาลัยรถ พบเริ่มแพร่หลายในโลกโซเชียล ฮึ่มห้ามใช้เด็ขาดถือเป็นความผิดฐานโทรขณะขับโทษปรับ400-1,000บาท
วันพุธ 30 กรกฎาคม 2557 เวลา 11:04 น.

     จากที่ปัจจุบันมีผู้ที่โทรศัพท์มือถือสมาร์ทโฟนอย่างแพร่หลายและนิยมใช้แอพฟลิเคชั่นพิมพ์สนทนาเช่น โปรแกรมไลน์ วอทแอพ เป็นต้นซึ่งบางคนมีพฤติกรรมติดการแชทอย่างหนัก ติดการแชทตลอดเวลาไม่เว้นแม้กระทั่งการขับรถจึงทำให้มีพ่อค้าหัวใสคิดอุปกรณ์สนองความต้องการผู้ติดแชทด้วยการทำสแตนดี้วางโทรศัพท์มือถือติดตั้งกับพวงมาลัยรถเพื่อให้แชทได้สะดวกสนองกับความต้องการผู้ที่ติดการติดต่อผ่านโซเชียลเน็ตเวิร์กต่างๆและเริ่มมีการแพร่หลายมากขึ้นจนล่าสุดมีผู้ที่ได้แสดงความห่วงใยต่อกรณีดังกล่าวได้โพสภาพและข้อความทางโซเชียลเน็ตเวิร์กและมีการวิพากษ์วิจารณ์ว่าการกระทำดังกล่าวผิดกฎหมายหรือไม่

      พล.ต.ต.อดุลย์ ณรงค์ศักดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล(รองผบช.น.)เปิดเผยถึงกรณีที่มีผู้ขับขี่รถยนต์การนำเอาสแตนดี้วางโทรศัพท์มือถือเพื่อยึดติดกับพวงมาลัยรถยนต์เพื่อใช้โปรแกรมแชทในขณะขับรถว่าการกระทำดังกล่าวไม่สามารถกระทำได้เพราะเข้าข่ายความผิดถือว่าเป็นการใช้โทรศัพท์ขณะขับรถซึ่งยึดตามพ.ร.บ.จราจรทางบกแก้ไขเพิ่มเติม(ฉบับที่8)พ.ศ.2551 ตามมาตร43ห้ามมิให้ผู้ขับรถใช้โทรศัพท์เคลื่อนขณะขับรถเว้นแต่การใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่โดยมีอุปกรณ์เสริมสำหรับสนทนา(สมอลล์ทอล์ค)โดยผู้ขับขี่ไม่ต้องถือหรือจับโทรศัพท์ แต่การใช้สแตนดี้ดังกล่าวถือว่าเป็นการรบกวนสมาธิในการขับรถอย่างมากเนื่องจากต้องละสายตาจากท้องถนนและการพิมพ์ข้อความก็ต้องละมือข้างหนึ่งไปจากการควบคุมพวงมาลัยรถ ซึ่งมีความผิดตามกฎหมายมีโทษปรับไม่เกิน400- 1,000 บาท

      อย่างไรก็ตามการติดสแตนดี้มือถือหากเปิดลำโพงเสียงเพื่อสนทนาเท่านั้นไม่ถือว่าเป็นความผิดซึ่งจะมีคล้ายกับการใช้สมอลล์ทอล์ค โดยกฎหมายดังกล่าวได้เริ่มประกาศใช้ไปตั้งแต่วันที่8 พ.ค.2551 แล้วทั้งนี้หากตำรวจดำเนินการจับกุมแล้วผู้กระทำผิดไม่ยอมรับจะต้องมีการนำเรื่องไปพิจารณาบนชั้นศาลเพื่อดูหลักฐานพยานว่ามีเจตนาเล่นโทรศัพท์ขณะขับรถหรือไม่

      พล.ต.ต.อดุลย์กล่าวต่อว่าอย่างไรก็ตามสำหรับปัจจุบันนี้จะสังเกตเห็นได้ชัดเจนว่ามีประชาชนส่วนมากที่นิยมเล่นโทรศัพท์ขณะขับรถโดยเฉพาะโปรแกรมไลน์ซึ่งพฤติกรรมเหล่านี้ถือว่าอันตรายมากเพราะนอกจากจะผิดกฎหมายแล้วนั้นที่สำคัญจะส่งผลให้เกิดอุบัติเหตุและการจราจรติดขัดมากยิ่งขึ้นเพราะขณะที่กดโทรศัพท์หลายครั้งจะทำให้สมาธิจดจ่ออยู่กับหน้าจอและเมื่อสัญญาณไฟเขียวก็จะทำให้มองไม่เห็นอย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ไม่อยากจะจับกุมพฤติกรรมเหล่านี้เพราะจะยิ่งทำให้เกิดความวุ่นวายบนท้องถนนโดยเฉพาะในชั่วโมงเร่งด่วนแต่ได้กำชับเจ้าหน้าที่ตำรวจให้มองเห็นถึงความสำคัญเพราะหากไม่ดำเนินการตามกฎหมายก็จะส่งผลเสียในหลายด้านอาจเกิดอุบัติเหตุร้ายแรงต่อผู้ขับขี่หรือผู้ใช้รถใช้ถนนร่วมกัน ดังนั้นผู้ที่ขับรถจึงควรมีจิตสำนึกสาธารณะด้วย.

-http://www.dailynews.co.th/Content/bangkok/255915/%E0%B8%95%E0%B8%B3%E0%B8%A3%E0%B8%A7%E0%B8%88%E0%B8%AE%E0%B8%B6%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%8B%E0%B8%B4%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%AE%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B9%81%E0%B8%8A%E0%B8%95%E0%B9%84%E0%B8%9B%E0%B8%82%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B9%84%E0%B8%9B+%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B8%AD%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B9%81%E0%B8%99%E0%B9%88-

.

sithiphong:
แนะนำวิธีขับรถขณะฝนตก ไม่ควรเปิดไฟกระพริบ



-http://club.sanook.com/47107/%E0%B9%81%E0%B8%99%E0%B8%B0%E0%B8%99%E0%B8%B3%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%98%E0%B8%B5%E0%B8%82%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%96%E0%B8%82%E0%B8%93%E0%B8%B0%E0%B8%9D%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B8%81-%E0%B9%84/-



เด็ดข่าวเด่น

ก่อนหน้านี้จราจรก่อนกลับบ้าน เคยนำเสนอวิธีการขับรถในขณะที่ฝนตกว่า คุณไม่ควรเปิดไฟกระพริบ เพราะจะทำให้ผู้ขับขี่คนอื่น เกิดอาการตาพร่ามัวได้ วันนี้เรามีคลิปมายืนยัน

คลิปนี้ส่งเข้ามาที่ศูนย์บังคับการตำรวจจราจร หรือ บก.02 จากผู้ใช้ชื่อเฟสบุ๊คตามนี้(@Dmax Reef) ให้ชื่อคลิปว่า มนุษย์หิ่งห้อย บอกรายละเอียดมาว่าเวลาฝนตก แล้วเจอรถคันหน้าเปิดไฟกระพริบแบบนี้อันตรายมาก เพราะรถคันหลังจะไม่รู้เลยว่า คุณจะเปลี่ยนเลนไปทางซ้าย-ขวา ตอนไหน และที่สำคัญ แสงไฟที่กระพริบเมื่อมากระทบกับน้ำฝนที่เกาะกระจก มันจะยิ่งกระจายแสง ทำให้ผู้ขับขี่คันหลังตาลายจนอาจจะเป็นสาเหตุให้เกิดอุบัติเหตุได้ จึงฝากไปถึงผู้ขับขี่ทุกท่าน ไม่ควรเปิดไฟกระพริบ ทางที่ดีถ้าจะเปิดไฟ ก็เปิดไฟหรี่ หรือเปิดไฟรถธรรมดาไปเลย เป็นสิ่งที่ผู้ขับขี่ทุกท่านควรปฏิบัติ ยิ่งช่วงนี้หน้าฝนด้วย


http://club.sanook.com/47107/%E0%B9%81%E0%B8%99%E0%B8%B0%E0%B8%99%E0%B8%B3%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%98%E0%B8%B5%E0%B8%82%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%96%E0%B8%82%E0%B8%93%E0%B8%B0%E0%B8%9D%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B8%81-%E0%B9%84/

นำร่อง

[0] ดัชนีข้อความ

[#] หน้าถัดไป

[*] หน้าที่แล้ว

ตอบ

Go to full version